ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 78: มีอะไรต้องกลัวด้วย?

สายลมพัดผ่าน และสถานการณ์ก็สงบลง
 
หลังจากความเงียบพักใหญ่ๆ ผู้อาวุโสหานของสำนักอู๋ซินก็สูดหายใจเข้าแล้วพูดออกมาในที่สุด “วิชาสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหยุนนี่สมกับชื่อของมันจริงๆ และผู้สืบทอดของสำนักเทียนหยุนก็มีฝีมือไม่ธรรมดาเลย”
 
ในตอนนี้ เขาได้ย้ายความสนใจทั้งหมดมาที่เฉินเฉิน ผู้สืบทอดที่พึ่งถูกเลือกของสำนักเทียนหยุน
 
เนื่องจากต้วนปิงมีคุณสมบัติในการฝึกฝนสุดยอดหวังฉินเต๋า เขาจึงเป็นหนึ่งในพวกระดับสูงของสำนักอู๋ซินอย่างแน่นอน
 
มีเพียงไม่กี่คนในแปดสำนักทางเหนือที่สามารถเทียบเคียงฝีมือกับต้วนปิงได้ ไม่ต้องพูดถึงคนที่เอาชนะเขาได้เลย
 
ดังนั้น ดูเหมือนว่าผู้สืบทอดของสำนักเทียนหยุนจะไม่ใช่ธรรมดา…
 
“เจ้าชื่ออะไร!”
 
ต้วนปิงที่อยู่ไกลออกไปลุกขึ้น แล้วเช็ดเลือดที่มุมปากของเขา จากนั้นก็มองไปทางเฉินเฉินอย่างไม่พอใจ
 
“เฉินเฉินแห่งสำนักเทียนหยุน”
 
หลังจากที่ตอบคำถามอย่างเมินเฉย เฉินเฉินก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
 
เมื่ออยู่ต่อหน้าคนภายนอก ผู้สืบทอดจำเป็นต้องแสดงความสุขุมเอาไว้เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของเขา
 
แม้ว่าเขาจะไม่ได้หันกลับไปมอง แต่เขาก็สามารถรู้สึกได้ถึงสายตาแห่งความชื่นชมที่กำลังจ้องมองมาทางเขา
 
สายตาทั้งหมดนั้นมาจากศิษย์หญิงของสำนักเทียนหยุน! และมันก็ทำให้เขารู้สึกอิ่มเอมใจเล็กน้อย
 
‘ความมีเสน่ห์นี่มัน…ควบคุมไม่ได้จริงๆเลยนะ!’
 
“วันนี้ข้าจะจดจำความพ่ายแพ้เอาไว้! และในอนาคตข้าจะเอาชนะเจ้าให้ได้อย่างแน่นอน!”
 
ในขณะที่ต้วนปิงยั่วยุเฉินเฉินและเผยความคุกคามออกมา เฉินเฉินก็กำลังยุ่งอยู่กับความคิดของตัวเอง
 
“ระบบ ในระยะ 30 เมตรมีศิษย์หญิงคนไหนที่หลงรักข้ารึเปล่า?”
 
“มีทั้งหมด 18 คนค่ะ มีคนนึงอยู่ทางซ้ายของท่าน 3 เมตร…. และอีกคนนึงอยู่ 7 เมตรข้างหลังด้านซ้ายของท่าน….”
 
หลังจากฟังคำตอบของระบบ เฉินเฉินก็เหมือนนึกอะไรบางอย่างออกและตอบกลับต้วนปิงอย่างแผ่วเบา
 
ต้วนปิงได้กลับมาอยู่ข้างหลังผู้อาวุโสหานอย่างโกรธเคือง
 
ความจริงที่ว่าเฉินเฉินไม่แม้แต่จะเก็บคำพูดของเขาใส่ใจเอาไว้คือสาเหตุของความหงุดหงิดของเขา
 

 
“ขอแสดงความยินดีด้วย พี่ใหญ่เซี่ยว เจ้าได้เจอศิษย์ดีๆของตัวเองแล้วสินะ”
 
ผู้อาวุโสหานพูดด้วยรอยยิ้มจริงใจ
 
แม้ว่าเฉินเฉินจะมีร่างวิญญาณสายฟ้าและแข็งแกร่งมาก เขาก็ยังแค่พึ่งเข้าสู่ขั้นสร้างรากฐาน
 
ในขั้นสร้างรากฐานนั้น เขาคงไม่สามารถสร้างความวุ่นวายได้มากนัก
 
ยิ่งเฉินเฉินแข็งแกร่งเท่าไหร่ เซี่ยวอู่โยวก็จะยิ่งให้ความสำคัญมากเท่านั้น
 
และมันก็คงจะยิ่งมีความหมายมากขึ้นสำหรับการให้คนที่เซี่ยวอู่โยวให้ความสำคัญเดินทางไปที่เมืองหลวง
 
“พวกเราสร้างความอับอายให้ตัวเองต่อหน้าท่านซะแล้ว พี่ใหญ่จ้าว” เซี่ยวอู่โยวพูดอย่างเย็นชา
 
เมื่อเห็นว่าเซี่ยวอู่โยวโมโหแล้ว ผู้อาวุโสหานก็รู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทดสอบเขาต่อ
 
ตามรายงานที่ได้รับจากสายข่าวของเขา สำนักเทียนหยุนนั้นประพฤติตัวอย่างเหมาะสม ดังนั้น เขาควรให้ความสำคัญกับบางสำนักที่ไม่ค่อยเชื่อฟังมากกว่า
 
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็ยิ้มแล้วตอบกลับ “ในเมื่อพี่ใหญ่เซี่ยวไม่ต้อนรับพวกเรา พวกเราก็แค่กลับ สำนักอู๋ซินไม่ใช่สำนักที่ไร้เหตุผล ในส่วนของการรองรับที่เราจัดสรรไว้ให้นั้น ผู้สืบทอดของเจ้าสามารถพาผู้อาวุโสระดับแก่นทองคำไปด้วยได้หนึ่งคนและระดับศิษย์อีกสองคน”
 

 
“ผู้อาวุโสจ้าวของสำนักเราจะตามไปด้วย ในส่วนของศิษย์อีกสองคนนั้น…”
 
ในจุดนี้ เซี่ยวอู่โยวมีความลังเลขึ้นมา
 
การเดินทางนี้คล้ายกับการเข้าไปในรังของมังกรเพราะมันอันตรายมาก เฉินเฉิน ผู้สืบทอดที่แข็งแกร่งอาจจะตกอยู่ในอันตรายได้แม้ว่าจะอยู่ภายใต้การคุ้มกันของจอมยุทธ์ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ระดับแก่นทองคำ ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงศิษย์คนอื่นเลย
 
ถ้าพวกเขาตามเฉินเฉินไปที่เมืองหลวง พวกเขาก็คงจะต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย!
 
เซี่ยวอู่โยวไม่ใช่คนที่โหดเหี้ยม เขาไม่สามารถทนส่งแม้กระทั่งศิษย์ที่อ่อนแอที่สุดไปสู่หนทางแห่งความตายได้
 
ในขณะที่เขากำลังลังเลอยู่นั้น เสียงนึงก็ดังขึ้นมาจากฝูงชนอย่างกระทันหัน
 
“พี่ใหญ่! ข้าขอไปกับท่านด้วย!”
 
หลังจากที่พูด จางจีก็โผล่ออกมาจากฝูงชนและมายืนอยู่ข้างๆเฉินเฉิน
 
ผู้อาวุโสแปรธาตุที่อยู่ใกล้กับทั้งสอง กระพริบตาให้ศิษย์ของเขาจางจีอย่างกระวนกระวาย แต่จางจีก็ไม่ได้สนใจเลย
 
ในขณะที่มองจางจีที่มีใบหน้าจริงจัง เฉินเฉินก็ตบไหล่ของเขาแล้วพูดอย่างอ่อนโยน “ดีมากน้องชาย!”
 
จางจียิ้มออกมาในทันทีที่เห็นว่าเฉินเฉินไม่ได้ปฏิเสธ
 
‘พี่ใหญ่ช่างสมกับเป็นพี่ใหญ่จริงๆ ไม่เพียงแค่เขาจะเข้าใจข้า แต่เขายังไม่อายเลยด้วย’
 
อย่างไรก็ตาม เขาคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินเสียงตะโกนมาจากศิษย์ภายในและภายนอกที่อยู่ไม่ไกลด้วย
 
“ศิษย์พี่ใหญ่! ข้าจะไปกับท่านด้วย!”
 
“ท่านผู้สืบทอด! ขอข้าไปด้วยคนเถอะ! ข้าจะจัดการดูแลเรื่องทุกอย่างให้เองและจะอุ่นเตียงให้ท่านด้วย!”
 
“ท่านผู้สืบทอด! ถึงแม้ว่าข้าจะมีระดับการฝึกตนที่ต่ำแต่ข้าเป็นคนที่ขยันมาก! ข้ารู้ว่าข้าไม่สามารถเป็นผู้เยี่มยุทธ์ได้จนกว่าข้าจะได้ประสบและแบกรับความยากลำบาก!”
 
เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันเมื่อเห็นศิษย์ร่วมสำนักของเขากำลังแข่งกันเพื่อให้ได้ติดตามเขาไปด้วย
 
‘เจ้าพวกโง่นี่ไม่รู้หรอว่าการเดินทางครั้งนี้มันอันตรายมากๆ?’
 
ดูเหมือนว่าเขาจะเผยแพร่และปลูกฝังความคิดในแง่บวกให้กับพวกศิษย์มากเกินไปในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ มันมากจนพวกเขาสูญเสียการตระหนักถึงความแข็งแกร่งของตัวเอง
 
ในขณะที่มองดูพวกเขาด้วยสายตาที่ซับซ้อน เซี่ยวอู่โยวก็รู้สึกใจหาย เขาสามารถจินตนาการได้เลยว่าสำนักเทียนหยุนจะรุ่งเรืองขึ้นมากขนาดไหนหลังจากที่เขาเกษียณและเฉินเฉินขึ้นเป็นเจ้าสำนักต่อจากเขา
 
แต่น่าเสียดายที่เวลาไม่เคยคอยใคร
 
‘ถ้าแค่สำนักเทียนหยุนมีเวลาซักอีกสิบปีหล่ะก็’
 
หลังจากที่ถอนหายใจอย่างเงียบๆ เซี่ยวอู่โยวก็มองเฉินเฉิน
 
“ศิษย์เอ๋ย ในเมื่อทุกคนยินดีที่จะไปเมืองหลวงกับเจ้า เจ้าก็จงเลือกด้วยตัวเองเถอะ”
 
เฉินเฉินรู้สึกจนปัญญาเล็กน้อย ถ้าเป็นไปได้ เขาก็คงจะพาไปแค่จางจี เขาไม่เห็นความจำเป็นในการพาศิษย์คนอื่นไปด้วย
 
อย่างไรก็ตาม ในตอนที่เขาเห็นสีหน้าของผู้อาวุโสหาน เขาก็รู้สึกถูกกดดันให้พาไปอีกคน
 
“ท่านผู้สืบทอด! พาข้าไปด้วยเถอะ!”
 
ในขณะที่มองใบหน้าที่จริงใจทั้งหลาย เฉินเฉินก็ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก
 
ในตอนนี้ เรือยักษ์สีดำที่อยู่เหนือพวกเขาค่อยๆลดระดับลงมาและหยุดอยู่ตรงหน้าทางเข้าของสำนักเทียนหยุน
 
มีคนหกคนกำลังยืนอย่างเงียบๆอยู่ที่ดาดฟ้าเรือ และมองฉากข้างล่างด้วยสายตาที่เย็นชา
 
“ข้าเคยเห็นผู้หญิงที่สวมผ้าคลุมหน้าสีดำมาก่อน เธอคือโยวหลานชิน ผู้สืบทอดของสำนักโยวฉุย!”
 
“แสดงว่าอีกห้าคนที่เหลือก็น่าจะเป็นผู้สืบทอดของสำนักอื่นสินะ!”
 
ศิษย์ภายในกระซิบกระซาบกันเองในขณะที่พวกเขามองผู้สืบทอดทั้งหก
 
เมื่อเทียบกับศิษย์ธรรมดา คนกลุ่มนี้มีความซับซ้อนและดูมีอำนาจเหนือกว่ามาก
 
ความแตกต่างระหว่างพวกเขานั้นชัดเจน
 
เมื่อผู้สืบทอดของทั้ง 36 สำนักได้ไปยืนอยู่ด้วยกันที่เมืองหลวง พวกเขาคงจะทำให้เกิดภาพอันยิ่งใหญ่ได้เลยไม่ใช่หรอ?
 
พวกเขาน่าจะไม่กล้าหายใจด้วยซ้ำ
 
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ศิษย์หลายคนที่มีความสามารถต่ำก็อดรู้สึกท้อใจไม่ได้
 
พวกเขาไม่ได้กลัวอันตราย แต่พวกเขารู้สึกกลัวว่าจะไม่สามารถสร้างภาพลักษณ์แบบนั้นได้
 
แม้กระทั่งเซี่ยวอู่โยวก็ยังอดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้…. แม้ว่าเฉินเฉินจะมีความสามารถที่เก่งกาจ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้มีประสบการณ์ในการเข้าร่วมงานใหญ่โตเลย
 
ครู่ต่อมา จ้าวเสี่ยวหยาและศิษย์ภายในอีกไม่กี่คนที่ผ่านมาถึงขั้นสร้างรากฐานแล้วก็เป็นแค่กลุ่มเดียวที่กล้าติดตามเฉินเฉินไปในการเดินทางครั้งนี้
 
เฉินเฉินมองจ้าวเสี่ยวหยาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
 
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วเฉินเฉินก็หันไปมองคนอื่น และในที่สุดก็มาหยุดลงที่ซุนเทียนกัง
 
“ศิษย์น้องซุน ครั้งนี้พวกเราคงจะต้องเดินทางไกลและอนาคตก็ไม่แน่นอน ระดับการฝึกตนของศิษย์น้องคนอื่นยังไม่สูงพอ แต่สำหรับเจ้านั้น…”
 
ซุนเทียนกังประหลาดใจกับคำพูดของเขา เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกเฉินเฉินเลือก
 
ถ้าพูดตามหลักเหตุผล ในฐานะคนแรกที่ท้าประลองกับเฉินเฉิน เขามักจะคิดอยู่เสมอว่าเขาเป็นคู่แข่งของเฉินเฉิน
 
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะคิดมากเกินไป ใครมันจะพาศัตรูร่วมเดินทางไปด้วยหล่ะ?
 
‘หรือว่าเฉินเฉินจะมองเขาเป็นลูกน้องมาโดยตลอด’
 
ในตอนนี้เอง ซุนเทียนกังรู้สึกสับสนเล็กน้อย
 
ในอีกด้านนึง เฉินเฉินเหลือบมองคนทั้งหกที่ยืนอยู่บนเรือเหาะด้วยสายตาเฉยเมย จากนั้นเขาก็หันกลับมาแล้วถาม “ในสำนัก เจ้าเป็นศิษย์คนเดียวที่มีระดับการฝึกตนเป็นรองแค่ข้า เพราะฉะนั้นข้าขอถามหน่อย เจ้ากล้าติดตามข้าไปที่เมืองหลวงเพื่อมองดูพวกระดับสูงของสำนักอื่นในรัฐจิน และหาดูว่ามันมีอะไรที่พวกเขาแตกต่างจากคนธรรมดารึเปล่าหล่ะ?”
 
เมื่อได้ยินคำพูดพวกนี้ ซุนเทียนกังก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นในทันทีในขณะที่เขาอุทานออกมาจากจิตใต้สำนึก “มีอะไรต้องกลัวด้วยรึไง!?”

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

Type: Author:
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!” เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที “ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?” “ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!” เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว! เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ! การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ! ‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง “มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!” หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน? ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’ “อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง” นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้ “ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ” อะไรนะ?! เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง ‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา “ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่” เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย ‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน? นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้! ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา “รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ” เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้ ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน… “เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!” เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since. Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.” Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”

Options

not work with dark mode
Reset