ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 81: ทำไมถึงมีความแตกต่างกันมากระหว่างผู้คน?

เฉินเฉินกลับไปยังห้องพักและเริ่มฝึกตนต่อ เขารู้สึกเบื่อหน่ายโดยไม่มีเจ้าอสูรน้อยอยู่ข้างกายแบบนี้
 
ในเวลาเดียวกัน จางจีมองออกไปยังวิวด้านนอกห้อง เขาถอนหายใจออกอยู่ระรัว
 
สำหรับผู้อาวุโสจ้าวที่อยู่ในระดับแก่นทองคำแล้ว เขาก็ยังคงนั่งอยู่เฉยและเริ่มบ่มเพาะลมปราณบนเรือบินต่อ
 
เวลาไหลผ่านเหมือนดั่งสายน้ำ
 
สองวันต่อมา ความเร็วของเรือยักษ์ค่อยๆจะช้าลง
 
เมื่อมองผ่านหน้าต่างออกไป พวกเขาก็เห็นเมืองใหญ่ที่อยู่ห่างออกไป
 
ขนาดของเมืองนี้ไม่ได้น้อยไปกว่าภูเขาเทียนหยุนเลยสักนิดและกำแพงของมันก็สูงกว่าร้อยเมตร ความแน่นหนาของพลังปราณด้านในนั้นยังยอดเยี่ยมยิ่งกว่าภูเขาเทียนหยุนเสียอีก
 
ภายในเมืองยักษ์ มันเต็มไปด้วยร้านค้ามากมายทุกประเภท ซึ่งมันต่างเต็มไปด้วยผู้คน ซึ่งส่วนใหญ่ต่างเป็นเหล่าผู้ฝึกตนกันทั้งนั้น
 
‘มันใหญ่กว่าเมืองจี่โจวกว่าสิบเท่าอีก!’ เฉินเฉินประหลาดใจ เมื่อเขาก้มมองเมืองใหญ่ที่อยู่ด้านล่างของเขา เมืองหยานของรัฐจินนั้นเป็นที่กล่าวกันว่ามีประชากรเกือบสิบล้านคน
 
มันไม่ได้มีตึกมากมายเท่าไหร่ที่มีหลายชั้น แต่กับความจริงที่มันมีจำนวนมากขนาดนี้มันแสดงให้เห็นถึงว่าขนาดเมืองนั้นใหญ่มากเพียงใด
 
“เหล่าผู้สืบทอด พวกเราได้มาถึงเมืองหยานแล้ว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเมืองหลวงพวกเรา”
 
เสียงของผู้อาวุโสฮานของสำนักอู๋ซิ่นดังเข้ามาในหูเขา ก่อนที่เรือยักษ์จะล่อนลงอย่างเชื่องช้า มันหยุดลงอยู่ที่ลานจอดใกล้กับกำแพงเมือง
 
ในเวลาเดียวกัน มันก็มีฝูงชนที่อยู่ด้านหลังกำแพงเมืองกว่าหนึ่งหมื่นคน!
 
“พี่ใหญ่….ทำไมมันถึงมีคนมากขนาดนี้กัน? พวกเขามาทำอะไรกันเนี่ย?”
 
จางจีอดที่จะตัวสั่นสะท้านไม่ได้ เขาเกิดมาในมณฑลเล็กๆและไม่เคยเห็นภาพแบบนี้มาก่อน
 
แม้แต่ซุนเทียนกังก็สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย เมื่อเขาถูกคนนับหมื่นคนดูมาพร้อมกันเป็นเวลาเดียวมันก็สร้างแรงกดดันที่มากเกินกว่าที่ใครก็ตามจะเข้าใจได้ ถ้าพวกเขาไม่มีประสบการณ์มาก่อน
 
“ข้าไม่รู้ บางทีพวกคนที่อยู่ที่นี่คงเห็นว่าพวกเราเป็นพวกที่เก่งกาจ พวกเขาคงหวังจะได้รับความรู้ไปบ้างจากพวกเรานะหน่ะ” เฉินเฉินพูดออกมา เขาคิดหาเหตุผลอื่นออกมาไม่ได้เลย
 
ในเวลาเดียวกัน ลูกศิษย์ทั้งสองของสำนักพยัคฆ์ขาวต่างตัวสั่นตอนเดิน ไม่เหมือนกับเย่หวู่เชิงที่ยังคงเดินอย่างสงบนิ่ง ซึ่งเขาสวมชุดเกราะเต็มตัวอยู่ มันเหมือนกับความวุ่นวายด้านนอกไม่ได้สร้างผลกระทบอะไรกับเขาเลยสักนิด
 
ยังไงก็ตาม ก่อนที่เขาจะเดินออกไปได้สองก้าว เสียงตะโกนก็ดังออกมาจากภายในฝูงชน “ผู้สืบทอดเย่! พวกเราขอมอบหินวิญญาณให้กับท่าน 1,000 ก้อนแลกกับท่านต้องมาพักที่โรงเตี๊ยมชะตาเซียน!”
 
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ จางจีลูบหูตัวเอง เขาคิดว่าเขาได้ยินผิด
 
ไม่เพียงแค่พวกเขาไม่ต้องจ่ายหินวิญญาณเพื่อนอนพักในโรงเตี๊ยม พวกเขายังได้รับหินวิญญาณแทนเนี่ยนะ?
 
‘ทุกอย่างในเมืองหลวงมันเป็นการกุศลหรือยังไงกันเนี่ย?’ เขาสงสัย
 
แต่ก่อนที่เขาจะทำความเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น เสียงแหลมสูงของผู้หญิงก็ดังขึ้นจากฝูงชน “ผู้สืบทอดเย่คะ ข้าขอมอบหินวิญญาณ 1,500 ก้อนกับท่านเพื่อพักอาศัยอยู่ในบ้านพักแดงเมามายค่ะและข้าจะมอบสาวสองคนให้กับท่านด้วย!”
 
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ แม้แต่เย่หวู่เชิงที่หล่อเหลาก็ดูหน้าแดงขึ้น
 
ด้านบนเรือยักษ์ เฉินเฉินหน้าเขียวด้วยความอิจฉากับภาพที่เกิดขึ้น
 
พ่อค้าเหล่านี้ต่างกำลังหานายแบบโฆษณาอยู่
 
ไม่ต้องพูดถึงจำนวนคนที่จะมาอาศัยอยู่เลย เมื่อพาผู้สืบทอดมาอยู่ในร้านของพวกเขา แม้ว่าเหล่าผู้สืบทอดจะจากไปแล้วก็ตาม พวกเขาก็จะยังใช้สิ่งนี้เป็นตัวโฆษณาในอนาคตต่อได้
 
ผู้คนจะคิดกันว่าสภาพแวดล้อมแบบนี้มันยอดเยี่ยมมาก แม้แต่เหล่าผู้สืบทอดชื่อดังยังเลือกที่จะพักที่นี่เลย!
 
“ข้าละสงสัยเสียจริงว่าผู้สืบทอดของสำนักเทียนหยุนของข้ามันจะมากมายเพียงใด…” เฉินเฉินพึมพำ เขาเต็มไปด้วยความคาดหวังและกังวล
 
ไม่กี่ชั่วครู่ต่อมา เย่หวู่เชิงก็ถูกพาไปโดยใครบางคนจากร้านอาหารชื่อดัง
 
ยังไงก็ตาม ไม่มีใครรู้เลยว่ามันจะมีเงื่อนไขอะไรเพิ่มเติมหลังจากนั้น
 
เมื่อเย่หวู่เชิงจากไป เหล่าพ่อค้าต่างหันเหความสนใจมายังเหล่าผู้สืบทอดคนอื่น
 
ยังไงก็ตาม เมื่อเทียบกับเย่หวู่เชิงแล้ว ผู้สืบทอดคนอื่นต่างได้รับการเสนอราคาที่ต่ำกว่า ซึ่งคนที่ได้มากที่สุดก็มีเพียงแค่ หินวิญญาณ 500 ก้อนเท่านั้น
 
ผู้สืบทอดเหล่านี้ต่างรู้ตัวกันดีเช่นกัน ทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองหลวงต่างสิ้นเปลืองหินวิญญาณกันทั้งนั้นและพวกเขาก็ยังคงได้รับหินวิญญาณเป็นรางวัล ไม่จำเป็นต้องจ่ายอะไรสักอย่างด้วยซ้ำ พวกเขาไม่ได้รู้สึกว่าต้องเปรียบเทียบตัวเองกับเย่หวู่เชิงเลยสักนิด
 
ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงถูกพาขึ้นไปบนรถม้าเลิศหรูไปกันทั้งนั้น
 
โยวหลานซินที่เดินเป็นคนต่อไปก็ก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นเล็กน้อย
 
“โยวหลานซิน ผู้สืบทอดของสำนักโยวฉุย เธอนั้นทั้งงดงามและชาญฉลาด ชื่อของเธอก็แสดงให้เห็นถึงมึนแล้วด้วยซ้ำ! เธอเป็นสาวงามชาญฉลาดชื่อดังในรัฐจิน!”
 
“เธองดงามมากเลย!”
 
เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของโยวหลานซิน เฉินเฉินอดที่จะบ่นเธอในใจไม่ได้ ‘เจ้าผู้หญิงคนนี้ดูใจเย็นและงดงามมากก็จริง แต่ในหัวเธอคิดแต่เรื่องจะได้หินวิญญาณเท่านั้นแหละ!’
 
‘ไม่อย่างงั้นแล้วทำไมเธอถึงเดินเชื่องช้าแบบนั้นกัน? ไม่ใช่ว่าเธอกำลังรอให้คนอื่นยื่นข้อเสนอให้เธออยู่หรือยังไง?!’
 
‘การเดินแบบนางงามแบบนั้นมันจำเป็นด้วยหรือ?’
 
‘หึ! ข้าไม่สนหรอก!’
 
เฉินเฉินรู้สึกแย่ เนื่องจากว่าราคาที่โรงเตี๊ยมและร้านอาหารเสนอให้เธอมันสูงระดับเดียวกันกับที่เย่หวู่เชิงได้รับ
 
เขาทำอะไรไม่ได้ เนื่องจากผู้หญิงเป็นที่น่าดึงดูดกว่าผู้ชาย ท่ามกลางผู้สืบทอดทั้งสามสิบหกสำนักแล้ว มีเพียงผู้หญิงเจ็ดคนเท่านั้นและแต่ละคนนั้นต่างงดงามกันทั้งนั้น
 
แม้ว่าพวกเธอจะไม่ได้เก่งกาจอะไร สถานะและเพศของเธอก็ทำให้เธอก้าวข้ามเหล่าผู้สืบทอดคนอื่นอยู่แล้ว
 
ยังไงก็ตาม เหล่าตัวแทนจากโรงโสเภณีไม่กล้าที่จะส่งเสียงอะไรออกมาเลยสักนิด พวกเขาต่างหวาดกลัวที่จะถูกสังหารทิ้งตรงนี้
 
“พี่ใหญ่ ไปกันเถอะ” จางจีพูดอย่างแหยๆ
 
ไม่ว่าเขาจะทื่อด้านมากเพียงใด เขาก็เข้าใจดีกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น นอกจากนี้แล้วเขายังรู้ว่าเฉินเฉินนั้นเป็นคนภาคภูมิใจตัวเองมากเพียงใด…ถ้าเขา…
 
หลังจากคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เขาไม่กล้าที่จะคิดต่อ
 
“ไป!”
 
เฉินเฉินลงมาจากเรือบินด้วยใบหน้าที่จริงจัง
 
เขาอดจะเชื่อตัวเองไม่ได้ แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนชื่อดัง หน้าตาของเขาก็ยังหล่อเหลาอยู่ดี! ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าเขาจะได้หินวิญญาณก้าวข้ามเย่หวู่เชิงไปงั้นเหรอ?
 
“เขาคือใครกัน?”
 
“ข้าไม่รู้!”
 
“เขาดูเหมือนเป็นผู้สืบทอดของสำนักอะไรสักสำนักนะ แต่ทำไมข้าไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของเขามาก่อนเลยละ?”
 
“เขามีผลงานอะไรบ้างไหม?”
 
“ไม่นะ เขาน่าจะเป็นผู้สืบทอดชั่วคราวเท่านั้นแหละ”
 

 
เมื่อได้ยินเสียงกระซิบออกมาจากฝูงชน ใบหน้าของเฉินเฉินเต็มไปด้วยความฉุนเฉียว
 
‘ข้าช้ากว่าคนอื่นแค่ไม่กี่ปีเท่านั้นแหละ ข้าดีกว่าเจ้าพวกก่อนหน้านี้อีก’
 
“พี่ใหญ่! อีกไม่กี่วันพี่ก็จะก้าวข้ามเข้าสู่ขั้นแก่นทองคำแล้ว ท่านต้องหาที่พักสักที่นะครับ!”
 
จางจีตะโกนสุดเสียง เสียงของเขากลบความดังจากฝูงชนทันที
 
เมื่อได้ยินคำพูดของเขาแล้ว เฉินเฉินเกือบจะน้ำตาไหลออกมาเลย
 
‘ในที่สุดจางจีก็ฉลาดกับเขาขึ้นบ้างแล้ว ถึงแม้ว่าคำพูขดองเขาจะหยาบกร้าน เขาก็เป็นคนที่ตัดสินได้ดีเยี่ยม’
 
“อะแฮ่ม มันไม่ควรที่จะเลื่อนไปสู่ขั้นแก่นทองคำในเมืองนี้หรอก ภัยพิบัติแห่งสวรรค์มันทรงพลังมากเกินไป ข้าเกรงว่ามันจะสร้างความเสียหายครั้งใหญ่ในเมืองเนี่ยสิ” เฉินเฉินตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
 
กลุ่มคนด้านล่างของเขาต่างมองหน้ากันเอง หลังจากที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้
 
“เลื่อนสู่ขั้นแก่นทองคำ? ผู้สืบทอดที่ไม่เป็นที่รู้จักที่อยู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นมันแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้เลยเหรอ?”
 
“ไม่ใช่หมายความว่าเขาเทียบเคียงได้กับเย่หวู่เชิงงั้นเหรอ? ข้าควรมอบให้เขาสักพันก้อนดีไหม?”
 
“ข้าว่ามันเป็นเรื่องโกหก ดูคนที่พูดสิ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความแดงฉาน ข้าบอกได้เลยว่าเขากำลังโกหกอยู่”
 
“มันดูเป็นเช่นนั้นเลย!”
 
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้ว จางจียิ่งกังวลมากขึ้น เหงื่อไหลบนใบหน้าของเขา
 
เหล่าพ่อค้ายิ่งดูถูกพวกเขามากยิ่งไปกว่าเดิม เมื่อเฉินเฉินกำลังจะเดินไปสุดถนน มันไม่มีโรงเตี๊ยมหรือร้านอาหารสักแห่งยินยอมที่จะเชิญชวนเฉินเฉินและคนอื่นเข้าไปสักแห่ง
 
ซุนเทียนกังและผู้อาวุโสจ้าวต่างอับอายอย่างมาก ใครจะไปคิดกันว่าผู้สืบทอดของสำนักเทียนหยุนจะถูกปฏิบัติแบบนี้กัน?
 
คนอื่นต่างพักกันอย่างฟรีๆและได้รับหินวิญญาณ หรือพวกเขาจะต้องจ่ายหินวิญญาณกันเนี่ย?
 
เมื่อพวกเขากำลังรู้สึกสมเพศกับตัวเอง เสียงที่ดูเบาบางและกังวลก็ดังขึ้นมาจากฝูงชน “ผู้สืบทอดค่ะ! ท่านต้องการมาพักที่พักหยี่หลานไหมคะ? พวกเราจะจ่ายให้ท่าน 200…ไม่สิ! 300หินวิญญาณเลยค่ะ!”
 
ทันทีที่เธอพูดเสร็จ ผู้คนที่อยู่รอบเธอกลับพยายามเปลี่ยนความคิด
 
“จิ่วเหนียง ผู้สืบทอดคนนี้ไม่ได้ดังมากเท่าไหร่ ผู้คนในเมืองหลวงไม่ได้รู้จักกับเขาสักเท่าไหร่ การมอบให้กับเขา 300 หินวิญญาณจะทำให้เจ้าไม่ได้รับชื่อเสียงอะไร ในความเป็นจริงแล้วมันจะทำให้เจ้าขาดทุนเสียต่างหาก!”
 
“ใช่แล้ว จิ่วเหนียง! มันไม่ได้เป็นเรื่องง่ายเลยสำหรับแม่เจ้าที่จะทำให้หอโสเภณีอยู่มาได้ถึงเพียงนี้และเธอพึ่งจะมอบมันมาให้กับเจ้า เจ้าไม่สามารถทำแบบนี้ได้ ข้าแนะนำว่าเจ้าควรรอเรือบินลำต่อไป เรือบินพึ่งจะมาถึงสองลำเท่านั้นเอง”
 

 
เมื่อได้ยินเสียงจากรอบตัวเธอ ผู้หญิงที่ชื่อจิ่วเหนียงหน้าแดงเล็กน้อย เธอพูดออกมาเสียงเบาๆ “ด้วย 300 หินวิญญาณเช่นนี้แล้ว ข้าไม่สามารถเชิญผู้สืบทอดท่านอื่นมาได้…. นอกจากนี้แล้ว แม้ว่าเขาจะยังไม่มีชื่อเสียงในตอนนี้ มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่มีชื่อเสียงในอนาคต ท่านนักบุญคนนี้ดูสงบนิ่งมาก…”
 
“ฮ่า!”
 
ก่อนที่เธอจะพูดจบ เสียงดูถูกก็ดังขึ้นจากรอบข้างเธอ
 
“เธอยังเด็กเกินไปสินะ”
 
“ข้าบอกได้เลยว่าเหล่าผู้สืบพวกนี้มันก็เป็นแค่พวกตัวแทนชั่วคราวเท่านั้นแหละ เขาอาจจะถูกริบตำแหน่งในระยะเวลาอันสั้นเลยด้วยซ้ำ…”
 
เพียงแค่คนเหล่านี้กำลังพ่นคำดูถูกออกมามากมายแบบนี้ คลื่นจิตวิญญาณก็ถาโถมเข้าใส่พวกเขา จนทำให้ฝูงชนกระเด็นถอยกลับไปหลายเมตร
 
ทันทีหลังจากนั้นเสียงที่เต็มไปด้วยความเคืองโกรธก็ดังขึ้นจากระยะไกล “คุณหญิง เพราะสิ่งที่เจ้าพูด ข้าเลือกที่จะพักอยู่ในที่พักของเจ้าละ!”

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

Type: Author:
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!” เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที “ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?” “ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!” เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว! เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ! การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ! ‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง “มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!” หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน? ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’ “อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง” นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้ “ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ” อะไรนะ?! เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง ‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา “ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่” เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย ‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน? นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้! ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา “รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ” เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้ ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน… “เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!” เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since. Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.” Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”

Options

not work with dark mode
Reset