ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 84: อันดับของผู้สืบทอด

ปัง!
 
ก่อนที่คนอื่นจะได้ทันตั้งตัวอะไร เฉินเฉินเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมหยีหลานและปิดประตู
 
กู่ฉินเจิ้งยังคงยิ้มอยู่ แต่รอยยิ้มของเธอนั้นแข็งค้างไปแล้ว
 
กินฟรี!
 
มันนานมากแล้วที่เธอได้ยินคำพูดดูถูกเช่นนี้และเธอเริ่มนึกถึงช่วงเวลาที่เธอพึ่งจะเข้าร่วมวงการนี้
 
“อสูรน้อย เขาไม่ตกหลุมเจ้าละ! ฮ่าๆ!”
 
ฮัวฮงหยานขึ้นไปบนรถม้าด้วยความสุขเต็มเปี่ยม
 
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่สามารถโน้มน้าวให้เฉินเฉินมาพักที่หอโสเภณีเธอได้ เธอก็มีความสุขที่ได้เห็นเขา
 
เหล่าสาวงามคนอื่นต่างรู้สึกเช่นเดียวกัน พวกเธอต่างมองไปที่กู่ฉินเจิ้งด้วยท่าทางซุกซน
 
“คุณหญิงครับ พวกเราจะทำยังไงต่อดี?” ชายแก่จากบ้านดอกไม้พระจันทร์ถามอย่างกระอักกระอ่วนใจ
 
หลังจากได้ยินดังนั้น กู่ฉินเจิ้งหันไปมองป้ายของโรงเตี๊ยมหยีหลาน เธอกระทืบเท้าอย่างโกรธเคืองก่อนที่จะขึ้นไปบนรถม้า
 
“จะทำอะไรได้อีก? ไปกันได้แล้ว!”
 
ภายในรถม้า กู่ฉินเจิ้งนั้นโกรธเคืองมากขึ้นเรื่อยๆ
 
‘ข้า กู่ฉินเจิ้งคือสาวงามที่สุดในประเทศแห่งนี้!’
 
‘ข้าได้รับหินวิญญาณมานับไม่ถ้วนกับการพูดคุยกับคนอื่น แต่ข้าไม่ได้รับหินวิญญาณสักก้อนกับการพูดจาดีๆกับเขามากมายวันนี้’
 
‘แต่เขายังกล้าที่จะกล่าวว่าตัวเองไม่ใช่พวกกินฟรีอีก!’
 
‘ถุ้ย! เขานี่แหละคนชอบกินฟรีที่สุดบนโลกใบนี้!’
 
‘เขาคิดว่าตัวเองจะไม่ต้องจ่ายอะไรเลย หลังจากที่จ้างคนขายตัวและได้มาฟรีๆงั้นเหรอ?’
 
‘เขายังไม่มีชื่อเสียงเลยสักนิด แต่เขากล้าที่จะทำตัวแบบนั้นนี่นะ! ฮึ่ม! ข้าจะรับความแค้นนี้ไว้!’ กู่ฉินเจิ้งเก็บความแค้นอันนี้เอาไว้
 
ด้านนอกรถม้า ชายแก่ถามออกมาอย่างระมัดระวัง “คุณหญิง แล้วพวกนักแต่งนิยายโง่เง่าพวกนั้นละ? พวกเขายังต้องเขียนนิยายรักต่อไปอีกไหม?”
 
“บอกให้พวกเขาไสหัวไป! ไสหัวไปให้หมด!”
 
..
 
เฉินเฉินกลับเข้ามาในโรงเตี๊ยมอย่างอารมณ์ดี
 
เขาได้รับความชื่นชมมาโดยไม่ต้องเสียอะไรและไม่ต้องจ่ายอะไรสักนิด ด้วยเหตุนี้เขาจึงอารมณ์ดีมาก
 
ในอีกด้านหนึ่ง จิ่วเหนียงแอบดูผู้สืบทอดเทียนหยุนจากระยะไกล ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความงุนงง
 
เธอไม่เข้าใจเขาเลยสักนิด
 
ทำไมผู้สืบทอดถึงเลือกที่จะอยู่ในโรงเตี๊ยมหยีหลานกัน?
 
ถ้ามันเป็นเพราะหินวิญญาณแล้ว มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด เนื่องจากบ้านแดงเมามายได้เสนอให้เขากว่า 2,500 หินวิญญาณ
 
ถ้าเรื่องสาวงามแล้ว….จิ่วเหนียงรู้ดีว่ากู่ฉินเจิ้งสูงส่งกว่าเธอยิ่งนัก
 
และผู้สืบทอดต้องการอะไรกัน?
 
ยิ่งเธอคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอยิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีก เธอรู้สึกว่าผู้สืบทอดของเทียนหยุนทั้งลึกลับและพิเศษกว่าใคร มันไม่มีใครที่เข้าใจเขาเลยสักคน
 
ในเวลาเดียวกัน จางจีและซุนเทียนกังก็เดินเข้ามาด้านในโรงเตี๊ยม
 
“พี่ชายครับ ข้าได้รับรู้เกี่ยวกับเรื่องของเหล่าผู้สืบทอดของหลายสำนักแล้วครับ นี่คือข้อมูลที่ข้าได้รับมาครับ”
 
เขาพูดออกมาและยื่นมันให้กับเฉินเฉิน
 
เฉินเฉินรับมัน ก่อนที่จะตรวจสอบและรับข้อมูลเข้าไปในหัว
 
เมื่อเห็นดังนี้ ซุนเทียนกังก็ส่งกระดาษออกไปด้วยเช่นกัน เขาพูดอย่างนอบน้อม “นี่คือเหตุการณ์ใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกสองวันข้างหน้าครับ ศิษย์พี่ อ่านมันด้วยครับ!”
 
“ฮ่า! เจ้าสุภาพมากเลยนะ หื้ม? เจ้าเรียกข้าว่าศิษย์พี่ด้วย” เฉินเฉินพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ
 
เขารับกระดาษไปและเหลือบไปมอง ก่อนที่จะครุ่นคิด ‘ว้าว มันจะมีการประมูลกันถึง 28แห่งเลย พวกเขากำลังพยายามที่จะปล้นผู้สืบทอดกันใช่ไหม?!’
 
ยังไงก็ตาม เมื่อเขาอ่านมัน สีหน้าของเขาหม่นหมองลง
 
นี่มันเป็นเพราะยังมีการนัดพบปะกันระหว่างผู้สืบทอดทั้ง 36 สำนัก ยกตัวอย่างเช่น แปดสำนักจากทางเหนือตกลงที่จะพบกันที่บ้านพยัคฆ์ทรงพลังซึ่งเป็นที่ที่สำนักพยัคฆ์ขาวรวมตัวกันอยู่
 
ผู้สืบทอดสำนักมังกรมรกตหลินจินก็เชิญผู้สืบทอดกว่าครึ่งหนึ่งไปยังหอปราณม่วง
 
นอกจากเรื่องนี้แล้ว มันยังมีการพบปะกันอีกหลายแห่ง
 
แต่ไม่มีใครกับเชิญเขาเลยสักคน ผู้สืบทอดจากสำนักเทียนหยุน!
 
“พวกบัดซบนี่มัน! พวกเขากล้าดีที่จะดูถูกข้าแบบนี้ได้ยังไงกัน!? ข้าเข้าสำนักหลังพวกเขาไม่กี่ปีเอง นอกจากนี้ข้ายังพักอยู่ที่หอโสเภณีแบบนี้ มันจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรกัน?”
 
สีหน้าของเฉินเฉินเปลี่ยนไปอีกครั้งและอีกครั้ง ในขณะที่ซุนเทียนกังที่อยู่ด้านข้างดูสับสน
 
เขารู้ว่าเฉินเฉินจะไม่มีความสุข หลังจากที่อ่านมันแล้ว
 
“พวกเราควรจะทำยังไงกันต่อดี?” ซุนเทียนกังถามออกมาเบาๆ
 
“พวกเราจะรอจนกว่าพิธีขึ้นครองราชย์จบลงก่อน นี่ไม่ใช่เวลาที่จะทำตัววุ่นวายและปล่อยความโกรธนี้ผ่านไป”
 
เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเฉินเฉินแล้ว ซุนเทียนกังกลับไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น
 
เขาไม่ได้คาดคิดว่าเฉินเฉินจะอดทนรับมันไหว เขาดูไม่เหมือนผู้สืบทอดที่มีสถานะสูงศักดิ์ในสำนักเทียนหยุนที่ส่งเขากระเด็นออกไปด้วยกระบวนท่าเพียงกระบวนท่าเดียว!
 
“ศิษย์น้องซุน อย่าลืมเป้าหมายที่ว่าทำไมพวกเราถึงมาที่นี่ สำนักมังกรมรกต สำนักพยัคฆ์ขาว สำนักซวนวู สำนักวิหคสีชาดต่างเป็นสี่สำนักที่เป็นกองกำลังหลักในการเผชิญหน้ากับการรวมตัวของสำนักอู๋ซิ่น มันไม่ใช่เรื่องที่ดีที่จะทะเลาะกับพวกเขา ไม่อย่างงั้นแล้วมันจะดูเหมือนว่าสำนักเทียนหยุนของพวกเรากำลังทำให้อู๋ซิ่นมีความสุข เจ้ายังเด็กและมุทะลุมากเกินไป!”
 
หลังจากพูดเสร็จ เฉินเฉินหันกลับและเดินเข้าห้องไป
 
ซุนเทียนกังตกตะลึง เขาคิดออกมา “มันเกี่ยวข้องอะไรกับข้ากัน? ข้าไม่ใช่คนที่จะได้รับความอับอายนี่นา”
 

 
ในคืนนั้น เจ้าของหอโสเภณีชื่อดังทั้ง 17แห่ง นอกจากบ้านดอกไม้พระจันทร์ต่างรวมตัวกัน
 
“ข่าวเกี่ยวกับผู้สืบทอดของสำนักเทียนหยุนที่อาศัยอยู่ในโรงเตี๊ยมหยีหลานได้แพร่กระจายออกไปแล้ว ชนชั้นสูงหลายคนได้ถามข้าเกี่ยวกับโรงเตี๊ยมหยีหลาน พวกเจ้าคิดยังไงกับเรื่องนี้?”
 
ฮัวฮงหยานนั่งอยู่ที่นั่งของผู้นำและพูดออกมาอย่างใจเย็น ดูเหมือนกับเป็นหัวหน้าใหญ่
 
เมืองหลวงมีขนาดที่จำกัด รวมทั้งจำนวนของลูกค้า การเติบโตขึ้นของหอโสเภณีแห่งหนึ่งนั้นหมายความว่าหอโสเภณีแห่งอื่นจะย่ำแย่ลง ซึ่งมันเป็นสิ่งที่พวกเธอไม่ต้องการพบเห็น
 
นอกจากนี้แล้ว การเติบโตอย่างรวดเร็วมันขึ้นอยู่กับปัจจัยพิเศษ
 
ยกตัวอย่างเช่นการปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลันของกู่ฉินเจิ้งของบ้านดอกไม้พระจันทร์และผู้สืบทอดที่อาศัยอยู่ในโรงเตี๊ยมหยีหลาน
 
“พวกเราควรหาวิธีทำให้เรื่องนี้มันแย่ลง” หนึ่งในเจ้าของพูดออกมาด้วยเสียงต่ำ
 
“ใช่ ผู้สืบทอดของสำนักเทียนหยุนไม่น่าจะเก่งกาจอะไรและชื่อเสียงของเขาก็ไม่ได้ดังมากสักเท่าไหร่ เขาไม่ได้รับการเชิญเข้าร่วมการพบปะของผู้สืบทอดในช่วงสองวันที่ผ่านมาด้วย”
 
“พวกเราสร้างข่าวลือว่าโรงเตี๊ยมหยีหลานเต็มไปด้วยโรคร้ายดีไหม?”
 
เมื่อได้ยินดังนี้ แก้มของเจ้าของกระตุก
 
ข่าวลือนี้จะสร้างความเสียหายกับหอโสเภณีมากที่สุด มันทำให้ผู้คนต่างขยะแขยงกันหมด
 
“มันไม่จำเป็นต้องโหดเหี้ยมขนาดนั้นหรอก การทำให้อิทธิพลของผู้สืบทอดสำนักเทียนหยุนลดลงก็จะทำให้ผลกระทบลดลง ข้าคิดว่าพวกเราควรกระจายข่าวว่าผู้สืบทอดสำนักเทียนหยุนอ่อนแอที่สุดและอยู่ล่างสุดของทั้งสามสิบหกสำนัก ซึ่งมันคือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีในสำนัก พวกเราจะบอกว่าเขายากจนมากด้วยเช่นกันและมันทำให้ผู้สืบทอดสำนักอื่นไม่เลือกที่จะข้องเกี่ยวกับเขา แค่นี้ก็มากพอแล้ว” เจ้าของคนหนึ่งพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม
 
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอแล้ว ผู้คนต่างพยักหน้ากันอย่างต่อเนื่อง
 
คำพูดประโยคสุดท้ายของเธอมันยอดเยี่ยมมาก!
 
คนจำนวนมากนั้นเป็นปัจจัยหลักของมนุษย์ ถ้ากลุ่มของคนที่มีอิทธิพลจำนวนมากชี้ไปว่าเขาผิด คนอื่นก็จะทำตามอย่างไม่รู้ตัว
 
เหล่าลูกค้าและขุนนางคงจะไม่เลือกที่จะเข้าใช้กับโรงเตี๊ยมหยีหลาน เมื่อพวกเขาพบว่าผู้สืบทอดสำนักเทียนหยุนอ่อนแอ
 
ไม่อย่างงั้นแล้วพวกเขาคงจะทำชื่อเสียงของพวกเขาเองหม่นหมองไป
 
ฮัวฮงหยานตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว เธอประกาศออกมา “ใช่ เราทำตามนี้กันเถอะ ส่งคนของพวกเราออกไปกระจายข่าวเรื่องนี้กันเถอะ”
 

 
ในเช้าของวันต่อมา กลุ่มของขุนนางต่างทานมื้ออาหารกันในบ้านแดงเมามาย
 
ในเวลาเดียวกันพวกเขาต่างพูดคุยกันว่าผู้สืบทอดหญิงคนไหนสวยที่สุด
 
หนึ่งในพวกเขาถามขึ้นด้วยความสงสัย “ข้าได้ยินมาว่ามีผู้สืบทอดคนหนึ่งพักอยู่ในหอโสเภณีที่ชื่อว่าโรงเตี๊ยมหยีหลาน พวกเจ้าเคยได้ยินมาก่อนไหม?”
 
“ไม่นะ มันมีสถานที่แห่งนั้นด้วยเหรอ?”
 
เมื่อเห็นพวกเขากำลังพูดคุยเกี่ยวกับโรงเตี๊ยมหยีหลาน พนักงานบริการของบ้านแดงเมามายรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “ท่านครับ ท่านรู้จักผู้สืบทอดสำนักเทียนหยุนด้วยหรือครับ?”
 
ก่อนที่เขาจะพูดจบ รถม้าก็ปรากฏขึ้น คนที่อยู่บนรถม้าก็ถือกระดาษอยู่
 
เขาอุทานออกมาดังก้อง “สำนักอู๋ซิ่นได้จัดอันดับของผู้สืบทอดทั้ง 36 สำนักตามความสามารถของพวกเขาแล้ว พวกเจ้าต้องการจะดูไหม? จ่ายแค่หินวิญญาณก้อนเดียวเองนะ!”
 
ในชั่วพริบ หินวิญญาณก็ลอยเข้าไปในมือของเขา เขารีบโยนกระดาษให้กับเหล่าขุนนาง
 
พวกเขาต่างลืมเกี่ยวกับโรงเตี๊ยมหยีหลานไปเลย
 
สิ่งที่ผู้คนในเมืองหลวงสงสัยมากที่สุดคือความแข็งแกร่งของผู้สืบทอด
 
นอกจากนี้แล้วรายชื่อเหล่านี้ยังน่าเชื่อถือได้อีกด้วย มันถูกสร้างขึ้นมาโดยสำนักอู๋ซิ่น
 
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว ชนชั้นสูงที่ได้รับรายชื่อรีบเปิดมันออกมา พวกเขาต่างรีบหันมาดู
 
“รายชื่อชั้นยอดของรัฐจิน!”
 
“อันดับหนึ่ง ฉงเย่แห่งสำนักอู๋ซิ่นและราชาองค์ใหม่ของรัฐจิน”
 
“อันดับสอง หลินจิน ผู้สืบทอดของสำนักมังกรมรกต”
 
“อันดับสาม เย่หวู่เชิง ผู้สืบทอดของสำนักพยัคฆ์ขาว”
 
“อันดับสี่ เฉินเฉิน ผู้สืบทอดของสำนักเทียนหยุน”
 
“อันดับห้า เซี่ยวฮวง ผู้สืบทอดของสำนักวิหคสีชาด…”
 
เมื่อดูรายชื่อเหล่านี้แล้ว เหล่าขุนนางต่างประหลาดใจเล็กน้อย พวกเขาส่วนใหญ่ต่างเคยได้ยินผู้สืบทอดทั้งสิบแล้วและไม่ได้ประหลาดใจอะไรมากมาย แต่ผู้สืบทอดสำนักเทียนหยุนปรากฏตัวขึ้นมาได้ยังไงกัน? เขายังเอาชนะผู้สืบทอดสำนักวิหคสีชาดและสำนักซวนวูได้อีก
 
พวกเขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเขามาก่อน
 
ในจุดนี้เอง หนึ่งในพวกเขานึกขึ้นได้ว่าบริกรกำลังจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาหันไปถาม “เจ้ากำลังจะพูดอะไรนะ เกี่ยวกับผู้สืบทอดสำนักเทียนหยุนเมื่อกี้? บอกข้ามาสิ”
 
บริกรชายอึดอัดใจ เขาพูดตะกุกตะกัก “ข้าต้องการที่จะบอกว่า…ผู้สืบทอดสำนักเทียนหยุนเป็นชายที่ยอดเยี่ยมมากครับ..”

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

Type: Author:
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!” เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที “ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?” “ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!” เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว! เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ! การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ! ‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง “มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!” หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน? ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’ “อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง” นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้ “ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ” อะไรนะ?! เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง ‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา “ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่” เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย ‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน? นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้! ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา “รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ” เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้ ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน… “เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!” เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since. Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.” Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”

Options

not work with dark mode
Reset