ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 87: วิชาที่เลือกมาเพื่อเอาชนะ

ในวันต่อมา กฎใหม่ของการประลองจัดอันดับก็ได้ถูกปล่อยออกมา
 
มันเป็นการแข่งขันที่ซื่อตรงและเรียบง่ายมาก
 
ถ้าใครก็ตามต้องการแย่งชิงอันดับจากหนึ่งในสามสิบหกสำนัก พวกเขาจะต้องท้าชิงผู้สืบทอดของสำนักนั้น
 
ถ้าพวกเขาชนะ พวกเขาจะไปแทนที่สำนักเหล่านั้น
 
ผู้สืบทอดคนหนึ่งสามารถที่จะท้าชิง ครึ่งวันต่อหนึ่งการท้าชิงและสำนักแต่ละสำนักสามารถที่จะท้าชิงสำนักอื่นได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
 
การประลองแย่งชิงอันดับจะดำเนินการเป็นจำนวนสามวัน ซึ่งคนที่อยู่ในสามสิบหกอันดับใหม่จะกลายเป็น 36 สำนักใหม่ของรัฐจิน
 
หลังจากกฎได้ถูกเปิดเผยออกมา ผู้สืบทอดของสำนักต่างกระวนกระวายกันมากขึ้นกว่าเดิม
 
มันไม่ได้มีอะไรมากเท่าไหร่ที่สำนักเหล่านี้จะทำได้และแม้แต่ความแข็งแกร่งก็ไม่ได้เป็นตัวยืนยันว่าพวกเขาจะการันตีได้รับตำแหน่ง
 

 
ในเวลานี้เอง ผู้หญิงที่สวมชุดแดงกำลังยืนเงียบๆอยู่ด้านหน้าโรงเตี๊ยมหยีหลาน
 
เธอดูเหมือนกับเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้และไม่มีใครสักคนกล้าที่จะจ้องมาที่เธอ
 
“ข้าคือเซียวฮวงจากสำนักวิหคสีชาด ข้าต้องการพบหน้าผู้สืบทอดของสำนักเทียนหยุน”
 
เมื่อได้ยินเสียงของเธอแล้ว กลุ่มคนจากต่างโผล่หัวออกมา
 
มันเป็นเรื่องที่หาได้ยากที่ผู้สืบทอดหญิงที่แข็งแกร่งที่สุดในรัฐจินจะปรากฏตัวขึ้นที่หน้าบ้านของพวกเธอ
 
ยังไงก็ตาม เมื่อเธอคิดว่าผู้สืบทอดที่แข็งแกร่งสุดอันดับสี่อาศัยอยู่ในหอโสเภณีของพวกเธอแล้ว มันก็ดูไม่ใช่เรื่องที่หาได้ยากอะไร
 
พูดตามจริงแล้ว ผู้สืบทอดที่อาศัยอยู่ในหอโสเภณีนั้นมีถึงเจ็ดคนแล้ว ไม่ว่าอันดับของพวกเขาจะอยู่อันดับใดก็ตาม พวกเขาต่างเป็นพวกที่น่าประทับใจอยู่ดี
 
“เจ้าต้องการพบข้าด้วยเหตุผลอันใด?”
 
เฉินเฉินออกมานอกประตู สมบัติบนร่างกายของเขาส่องประกายราวกับแสงพระอาทิตย์ เมื่อเขายืนอยู่ด้านหน้าเซียวฮวงแล้ว แสงสว่างจากบนร่างกายของเขามันได้กลบแสงสีแดงจากร่างของเซียวฮวง
 
เมื่อเซียวฮวงเห็นเฉินเฉิน เธออดที่จะหยีตาลงไม่ได้
 
“ศิษย์น้องเฉิน การประลองจัดอันดับในครั้งนี้เป็นแผนการของสำนักอู๋ซิ่น พวกเราจะต้องรวมตัวกันผ่านเหตุการณ์นี้ไปให้ได้ เห็นด้วยกับข้าไหม ศิษย์น้อง?”
 
“ใช่” เฉินเฉินพูดพึมพำออกมา
 
เซี่ยวฮวงยิ้มหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขาและพูดต่อ “ดังนั้นข้าจึงขอเชิญศิษย์น้องเฉินไปยังหอปราณม่วง เพื่อที่พวกเราจะสามารถพูดคุยกันเรื่องสำคัญนี้ด้วยกันได้”
 
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้วเฉินเฉินก็เลิกคิ้ว ดูเหมือนผู้สืบทอดคนอื่นจะนึกถึงเขาได้แล้ว
 
พวกเขายังส่งผู้สืบทอดที่ยอดเยี่ยมที่สุดอย่างเซี่ยวฮวงมาเชิญเขาไปยังหอปราณม่วงอีก เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว เฉินเฉินเต็มไปด้วยความชื่นชม
 
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เขาไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธเลยสักนิด
 
เขารู้ดีว่าการมายังเมืองหลวงครั้งนี้มันสำคัญมากเพียงใด มันไม่ใช่การทำตัวล้อเล่น
 
เมื่อนึกได้เช่นนี้แล้ว เฉินเฉินพยักหน้าเล็กน้อยและตอบกลับ “ศิษย์พี่ รอข้าสักครู่หนึ่งก่อน ข้าขอไปแต่งตัวและจะรีบกลับมา”
 
หลังจากพูดจบ เฉินเฉินกลับเข้าไปในโรงเตี๊ยมหยีหลานและเมื่อเขากลับออกมาด้านนอกแล้ว แสงสว่างของสมบัติเขาก็ได้หายไป
 
ยังไงก็ตาม เซียวฮวงกลับตกใจยิ่งกว่าเดิม
 
ราคาของสมบัติที่เฉินเฉินสวมตอนนี้มันแพงกว่าชุดก่อนหน้านี้เสียอีก
 
ผู้สืบทอดเทียนหยุนนี่มันอะไรกัน? เขารวยขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย?
 
หลังจากตั้งสติได้แล้ว เซียงฮวงทำท่าบอกให้เขาตามเธอมาและเธอก็เดินนำหน้าไป
 
เมื่ออยู่ในระดับของเธอแล้ว แน่นอนว่าเธอจะไม่ได้เดินทางโดยการใช้รถม้าและการบินมันก็เป็นเรื่องที่ต้องห้ามในรัฐจิน เธอจึงเลือกที่จะเดินไป
 
อย่างไรก็ตามทันทีที่เธอก้าวขาออกไป เธอก็เคลื่อนตัวไปหลายสิบเมตร
 
เฉินเฉินเห็นดังนี้และรีบตามเธอไปพร้อมกับรอยยิ้ม
 
“ศิษย์น้องเฉิน เจ้าฝึกตนมานานแค่ไหนกันแล้ว?” เซียวฮวงถาม เมื่อเห็นว่าเฉินเฉินตามหลังเธออยู่ไกลมาก
 
“ข้าจำไม่ได้” เฉินเฉินตอบกลับ เขาไม่สามารถบอกเธอได้หรอกว่าเขาพึ่งจะฝึกตนมาได้แค่สองเดือนเท่านั้นเอง
 
ไม่มีใครเชื่อเขาหรอก ถ้าเขาบอกไปแบบนั้น
 
“โอ้ ศิษย์น้องเฉิน เจ้าไม่ได้เชื่อใจข้าสินะ”
 
ทั้งสองคนคุยกันอยู่ตลอดทางและก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัว พวกเขาก็ได้มาถึงหน้าร้านอาหารใหญ่แล้ว
 
มันเป็นร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงของประเทศ! มันสูงกว่าสิบชั้นและความสูงมันเป็นรองเพียงแค่พระราชวังเท่านั้น มันมีข่าวลือว่าร้านอาหารแห่งนี้ได้รับการสนับสนุนมาจากราชวงศ์
 
ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก ภายในได้รับการตกแต่งมาอย่างงดงามและมันยังมีสิ่งของที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณและอาหารก็เต็มไปด้วยส่วนผสมที่เป็นสมบัติสวรรค์มากมาย
 
ในความคิดเห็นของเฉินเฉินแล้ว เครื่องปรุงของตึกแห่งนี้ได้ถึงระดับเดียวกับเขา ก่อนที่เขาจะเข้าไปยังสำนักเทียนหยุน
 
นี่มันน่าหวาดกลัวเสียจริง!
 
มันเป็นสถานที่ที่หลินจิน ผู้สืบทอดของสำนักมังกรมรกตอาศัยอยู่
 
เมื่อเขาเข้ามาในหอปราณม่วง เฉินเฉินรู้สึกได้ว่ามีคนนับไม่ถ้วนจ้องมาที่เขา
 
หนึ่งในพวกเขาดูคมคายและดูเฉลียวฉลาด เขาดูเต็มไปด้วยพลังอำนาจและเขาเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ซึ่งสูงกว่าสองเมตร!
 
“ซวนฮง ผู้สืบทอดของสำนักซวนวู? เขาจ้องเขม็งมาที่ข้าแบบนั้นทำไมกัน? เขาไม่เคยเห็นคนรวยแบบนี้มาก่อนหรือไง?”
 
เฉินเฉินบ่นออกมาเบาๆ ก่อนที่จะสำรวจไปที่ฝูงชนโดยรอบและเลือกที่จะนั่งลงข้างโยวหลานซิน
 
มันมีคนจำนวนสิบหกคนที่อยู่ที่นี่ คนที่อ่อนแอที่สุดนั้นอยู่ที่ขั้นท้ายของขั้นสร้างรากฐาน เฉินเฉิน โยวหลานซินและเย่หวู่เชิงเป็นเพียงผู้สืบทอดจากสิบแปดสำนักทางเหนือที่อยู่ที่นี่
 
ในขณะที่นั่งอยู่ในห้อง เซียวฮวงพูดกับชายร่างผอมที่อยู่ห่างออกจากกลุ่ม “ศิษย์พี่หลินจิน ข้าได้เชิญศิษย์น้องเฉินเฉินมาแล้ว”
 
หลินจินเหลือบตามองไปยังกลุ่ม ก่อนที่จะพยักหน้าแล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นตึงเครียด
 
“ตั้งแต่ที่ทุกคนมาถึงแล้ว ข้าจะเข้าเรื่องเลยละกัน ทุกคน พวกเราคือผู้นำของทั้งสามสิบหกสำนักและข้าเดาว่ามันคงไม่มีใครอยากที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของสำนักอู๋ซิ่นใช่ไหม?”
 
“แน่นอนว่าไม่มีทาง” ผู้สืบทอดมากมายต่างตอบกลับ
 
ผู้คนที่อยู่ตรงนี้ต่างมีอนาคตที่จะกลายเป็นเจ้าสำนักกันทั้งหมดและไม่มีใครยินยอมที่จะกลายเป็นผู้อาวุโสของสำนักอู๋ซิ่น
 
“ตั้งแต่ที่พวกเรามีเป้าหมายเดียวกัน ยังงั้นปัญหาก็ง่ายดายมาก”
 
หลินจินยิ้มและเริ่มอธิบายแผนการ
 
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการนับถือว่าหลินจินเป็นชายที่ดูน่านับถือและมีอิทธิพลมาก
 
เพียงเวลาไม่นาน ผู้สืบทอดที่อยู่ในกลุ่มต่างพยักหน้าให้กันและกัน
 
โยวหลานซินที่นั่งอยู่ใกล้กับเฉินเฉินอดที่จะกระซิบข้างหูเขาไม่ได้ “ศิษย์พี่เฉิน ท่านจะต้องช่วยสำนักโยวฉุยด้วยนะ!”
 
เมื่อคิดดังนี้แล้ว เฉินเฉินก็ดื่มชาลงไปอึกหนึ่งและหัวเราะออกมา “ข้าจะช่วยเจ้ายังไง? ทำตามที่หลินจินพูดงั้นเหรอ?”
 
โยวหลานซินพยักหน้าระรัว ความกังวลและความตึงเครียดของเธอในช่วงหลายวันที่ผ่านมาได้เปิดเผยนิสัยตามธรรมชาติของเธอออกมาและเธอไม่สามารถทำตัวเย็นชาและดูนิ่งเงียบได้อีกต่อไป
 
ในความเป็นจริงแล้ว แผนการที่หลินจินสร้างมาก็ง่ายดายมาก ซึ่งมันคือการใช้กฎและคอยสนับสนุนกันและกัน
 
ยกตัวอย่างเช่น สำนักเทียนหยุนและโยวฉุยร่วมมือกัน
 
ถ้าสำนักโยวฉุยถูกท้าชิงและพ่ายแพ้ไป พวกเธอก็จะได้รับการล้างแค้นโดยสำนักเทียนหยุน ซึ่งสำนักโยวฉุยก็จะท้าชิงสำนักเทียนหยุน สำนักเทียนหยุนก็จะยอมแพ้และให้สำนักโยวฉุยได้ตำแหน่งนั้นคืน
 
การสนับสนุนก็จะได้รับผลประโยชน์ด้วยเช่นกัน
 
ถ้าสำนักเทียนหยุนพบเจอกับการต่อสู้ครั้งใหญ่และไม่สามารถสู้ต่อได้ สำนักโยวฉุยก็จะท้าชิงสำนักเทียนหยุนแทนและไม่ให้สำนักอื่นเอาเปรียบจากตอนได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ เพื่อยื้อเวลาให้กับสำนักเทียนหยุนในการฟื้นตัว
 
ในช่วงเวลาอันสั้น ยิ่งมีคนมากเท่าใดรวมกลุ่มกัน พวกเขาก็มีพื้นที่ให้ทำตามกฏนี้ได้มากขึ้นเท่านั้น เมื่อตอนนั้นแล้วพวกเขาก็สามารถที่จะใช้สถานการณ์ได้ทั้งสองฝ่าย
 
“ใช่ ใช่ ใช่! ศิษย์พี่เฉินต้องเอาชนะทุกคนที่ท้าชิงสำนักโยวฉุยนะ!”
 
โยวหลานซินโบกมือของเธอไปมาอย่างร้อนรน
 
มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เมื่อผู้ฝึกตนที่อ่อนแอจะเข้าร่วมกับสำนักอู๋ซิ่น ส่วนผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งจะมีความแข็งแกร่งของตัวเองเป็นตัวการันตีและคนที่มีโอกาสพ่ายแพ้น่าจะเป็นพวกที่อยู่ระดับท้ายของขั้นสร้างรากฐาน
 
โยวหลานซินรู้สึกเหมือนกับว่า ถ้าเธอไม่ทำอะไรสักอย่าง สำนักโยวฉุยจะถูกเตะออกจากสำนักทั้ง 36 สำนัก
 
เมื่อดูสภาพของโยวหลานซินแล้ว เฉินเฉินอดที่จะประหลาดใจไม่ได้ เขาจึงตัดสินใจที่จะแกล้งเธอเล่น
 
“ที่จริงแล้วข้าก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีนะที่สำนักโยวฉุยจะออกจากทั้งสามสิบหกสำนักและมาเข้าร่วมกับสำนักเทียนหยุนของข้า ดังนั้นอาจารย์ของข้าและอาจารย์ของเจ้าจะได้อยู่ด้วยกันยังไงละ มันจะแย่ตรงไหนกัน?”
 
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ใบหน้าของโยวหลานซินตึงเครียดทันที ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความน่าสงสาร
 
“พวกเขาเป็นคู่รักที่ท้ายที่สุดแล้วจะอยู่ด้วยกันก็จริง แต่ข้าจะโดนกระทืบจนตายก่อนเนี่ยสิ! ศิษย์พี่เฉิน ท่านทิ้งข้าแบบนั้นไม่ได้นะ! ข้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อตอบแทนบุญคุณนี้เลย พี่เฉิน!”
 
เมื่อทั้งสองคนพูดคุย เสียงการเดินก็ดังขึ้นจากตรงบันได
 
ทันใดนั้นเองก็มีกลุ่มคนเดินขึ้นมาจากบนบันไดและปรากฏต่อหน้าฝูงชน
 
เมื่อเห็นกลุ่มคนดังกล่าว สีหน้าของหลินจินก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
 
เซียวฮวงอดที่จะมีสายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจไม่ได้
 
พวกเขาไม่ใช่ใครอื่นนอกเหนือไปจากผู้สืบทอดทั้งสิบแปดสำนัก ซึ่งมีสิบคนที่อยู่ระดับขั้นสูงสุด ในอีกแปดคนอยู่ขั้นท้ายของขั้นสร้างรากฐาน
 
ผู้นำของกลุ่มคือฉีปู่ฝาน ผู้สืบทอดของสำนักหลัวโยวที่ก้าวข้ามเย่หวู่เชิงไปในการจัดอันดับ!
 
“โอ้? ศิษย์พี่หลิน? ช่างบังเอิญอะไรเช่นนี้ ท่านมารวมตัวกันเพื่อหาวิธีรับมือกับพวกเรางั้นเหรอ?”
 
ฉีปู่ฝานที่สวมชุดขาวโบกพัดกระดาษในมือด้วยใบหน้าที่หยิ่งผยอง
 
หลินจินยังคงมีใบหน้าที่เฉยเมยและตอบกลับอย่างเย็นชา “อย่ามัวแต่อ่านเรื่องไร้สาระไปเยอะสิ อย่าเรียกข้าว่าศิษย์พี่ด้วย ลูกศิษย์จากสำนักเล็กนอกเหนือ 36 สำนักไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเรียกข้าแบบนั้น”
 
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้วสีหน้าของผู้สืบทอดทั้งสิบแปดคนก็เปลี่ยนไปทันที
 
เฉินเฉินเห็นดังนี้และตกตะลึง ‘หลินจินนี่ทำให้คนเกลียดได้ง่ายมากเลย!’
 
สีหน้าของฉีปู่ฝานบิดเบี้ยวเล็กน้อย เขาเยาะเย้ยออกมา “36 สำนัก? ดูทรงพลังจังนะ พวกเจ้าได้รับทรัพยากรไปมากมาย แต่พัฒนาคนมาได้แต่กองขยะแบบนี้เนี่ยนะ? เหอะ พวกเจ้ามีกันตั้ง 16 คน แต่มีเพียงหกคนที่อยู่ระดับสูงสุด พวกเจ้าควรที่จะถูกแทนที่ในเวลาอันไวแล้วละ หลินจิน บางทีในอีกสองวันข้างหน้า คนที่จะพูดคำนี้อาจจะเป็นข้า ไม่ใช่เจ้าแล้วละ ข้าอาจจะพูดประโยคเดียวกันกับเจ้าก็ได้นะ”
 
ฉีปู่ฝานถูกยั่วยุได้อย่างง่ายดาย เพียงเวลาไม่นานที่คำว่าขยะดังออกมา แรงกดดันจิตวิญญาณก็ระเบิดออกมาจากผู้สืบทอด ยกเว้นเฉินเฉิน
 
คนที่สูงสุดอย่างซวนฮงก้าวออกมาข้างหน้าและกระทืบพื้นลง!
 
“ฉีปู่ฝาน! เจ้าพูดอะไรของเจ้า?! พูดออกมาอีกทีสิ ถ้าเจ้ากล้า!”
 
“โอ้ คนโง่เขลาที่มีแต่พละกำลัง แต่ไม่มีสมองนี่เหมาะสมกับการเป็นผู้สืบทอดเนี่ยนะ? น่าขำเสียจริง”
 
ฉีปู่ฝานเยาะเย้ย
 
ชายคนนี้มีพลังปราณดินที่หนาแน่น ซึ่งมันเอาชนะพลังปราณน้ำของซวนฮง
 
แรงกดดันจิตวิญญาณปะทะเข้าใส่กันและเพียงไม่นานซวนฮงก็พ่ายแพ้
 
เมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้น สายตาของผู้สืบทอดทั้งสามสิบหกสำนักต่างตกตะลึง
 
ในชั่วครู่ต่อมา ความคิดที่น่ากลัวก็โผล่ขึ้นมาในหัวของเขา
 
‘หรือว่าวิชาที่เหล่าผู้สืบทอดจากสำนักทั้ง 18 สำนักนั้นเลือกมาเพื่อเอาชนะพวกเขางั้นเหรอ?’
 
เมื่อมีความคิดดังนี้แล้ว เย่ฮัวที่มีปราณธาตุไฟก็ก้าวออกมา
 
เป็นไปตามคาด ผู้หญิงอีกคนที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งก้าวออกมาและออร่าที่เยือกเย็นของเธอก็ทำให้อากาศในชั้นหนาวขึ้นกว่าเดิม อุณหภูมิในชั้นลดลงไป 7 ถึง 8 องศา
 
“มันเป็นวิชาน้ำแข็งลึกลับที่หายไปเป็นเวลานานนี่นา!”
 
เย่ฮัวอดที่จะก้าวถอยหลังไปสองก้าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงไม่ได้
 
เมื่อเห็นสีหน้าของเขา ฉีปู่ฝานหัวเราะออกมา
 
เขาชี้ไปที่ผู้สืบทอดทั้ง 16 คนและตะโกนออกมาอย่างเย็นชา “พวกเจ้าทุกคน ระวังตัวเอาไว้! รอดูละกัน ในอีกสองวันข้างหน้า พวกเจ้าจะกลายเป็นตัวตลกมากแค่ไหนกัน พวกเจ้ายังจะกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นผู้สืบทอดได้อยู่อีกหรือเปล่า!”
 
 

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

Type: Author:
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!” เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที “ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?” “ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!” เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว! เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ! การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ! ‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง “มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!” หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน? ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’ “อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง” นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้ “ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ” อะไรนะ?! เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง ‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา “ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่” เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย ‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน? นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้! ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา “รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ” เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้ ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน… “เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!” เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since. Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.” Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”

Options

not work with dark mode
Reset