ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 89: มีเรื่องแบบนั้นด้วยหรอ?

อันจิ่วเหนียงยังคงเงียบอยู่ และคิดว่าเฉินเฉินกำลังคุยโว
 
ถึงยังไง เฉินเฉินก็ชอบคุยโวอยู่บ่อยๆในระหว่างที่เขาพักอยู่ในโรงเตี๊ยมหยี่หลาน จนถึงขั้นที่ว่าเด็กสาวที่ยังเห็นโลกมาไม่มากพอถึงกับเริ่มชื่นชมเขาเป็นอย่างมาก
 
อย่างไรก็ตาม ต่อให้เธอรู้ว่าเฉินเฉินกำลังคุยโว เธอก็ต้องยอมเห็นด้วยกับเขา ถึงยังไง เขาก็มีสถานะสูงกว่าเธอมาก
 
“โปรดให้คำแนะนำข้าด้วยค่ะ ท่านผู้สืบทอด”
 
หลังจากที่เงียบไปซักพัก จิ่วเหนียงก็ตอบอย่างเคารพ
 
เมื่อได้ฟังเช่นนี้ เฉินเฉินก็ลังเลอยู่พักนึงก่อนที่จะพูด “ข้าจะไม่ช่วยคนอื่นโดยไม่มีเหตุผลหรอกนะ เพราะฉะนั้นยกหุ้นของโรงเตี๊ยมหยี่หลานมาให้ข้า 50% แล้วข้าจะปรับปรุงมันให้เจ้าเอง”
 
“เอ๋?” อันจิ่วเหนียงสับสนเล็กน้อย
 
 
มันดูสมกับเป็นผู้สืบทอดจริงๆ!
 
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ของโรงเตี๊ยมหยี่หลาน หุ้น 50% ไม่ได้มีค่ามากมายขนาดนั้น บางที มันน่าจะมีค่าแค่ 300 หินวิญญาณเท่านั้น นอกจากนี้ เธอก็ไม่ค่อยรู้วิธีทำธุรกิจด้วย
 
ผู้สืบทอดที่อยู่ตรงหน้าเธออาจจะคุยโวได้เก่งกว่าเธอ
 
เมื่อคิดได้เช่นนี้ อันจิ่วเหนียงก็กัดฟันพูด “ท่านผู้สืบทอด ถ้านั่นคือสิ่งที่ท่านต้องการ ก็เชิญจัดการกับโรงเตี๋ยมหยี่หลานตามที่ท่านต้องการได้เลยค่ะ ไม่ว่ายังไง ตั้งแต่ที่ข้าเชิญท่านมาที่นี่ ข้าก็ไม่มีทางออกอีกต่อไปแล้ว”
 
เมื่อได้ฟังเช่นนี้ เฉินเฉินก็ยิ้มแล้วตอบกลับ “เยี่ยม ข้าจะสอนบทเรียนแรกให้เจ้าก่อนก็แล้วกัน”
 
เฉินเฉินเคยศึกษาด้านการจัดการธุรกิจมาจริงๆในชีวิตก่อนของเขา และแนวคิดทางธุรกิจของเขาก็ก้าวหน้าไปไกลกว่ายุคนี้อย่างแน่นอน
 
ถ้าสภาพแวดล้อมทางสังคมในมณฑลเสฉวนไม่ได้เลวร้ายถึงขนาดที่ทุกอย่างต้องจัดการด้วยการต่อสู้ เขาก็คงจะกลายเป็นคนที่รวยที่สุดในมณฑลไปนานแล้ว
 
ซึ่งเมืองหลวงแตกต่างออกไปเพราะมีกฎทางธุรกิจที่มั่นคง แม้ว่าจะมีขุมอำนาจมากมายที่จัดการเรื่องต่างๆอยู่ในความมืด แต่พวกที่มีความสามารถจริงๆก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน
 
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ๆ เฉินเฉินก็พูดอย่างจริงจัง “เพื่อที่จะเป็นผู้นำในธุรกิจ เจ้าจะต้องเข้าใจกระแสความต้องการหลักของโลกนี้ซะก่อน ถ้าเป็นทางด้านวรรณกรรม ผู้หญิงในโรงเตี๊ยมของเจ้าก็ต้องเรียนรู้ที่จะกลายเป็นนักวิชาการและได้รับการขัดเกลา”
 
“ถ้าเป็นศิลปะการต่อสู้ เด็กสาวที่อยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าจะต้องเป็นคนกล้าหาญ ในโลกของเรา การฝึกตนคือการฝึกฝนที่สูงส่งที่สุดซึ่งทุกคนต่างก็ปรารถนา!”
 
เมื่อได้ฟังบทเรียนของเฉินเฉิน อันจิ่วเหนียงก็เอามือปิดปากด้วยความประหลาดใจและตอบกลับ “ข้าต้องให้พวกผู้หญิงของข้าเข้าสู่หนทางของการฝึกตนหรอคะ?”
 
“เจ้าคิดเยอะเกินไปแล้ว แบบนั้นมันต้องใช้เงินเยอะเกินไป แต่ว่าเจ้าสามารถทำให้พวกเธอแสดงออกเหมือนกับว่าเป็นผู้ฝึกตนได้ ต่อไป ข้าจะบอกเจ้าเกี่ยวกับเรื่องการสร้างตัวตน”
 

 
พอมาถึงจุดนี้ อันจิ่วเหนียงรู้สึกเหมือนกับว่าเธอได้รับการสั่งสอนเป็นอย่างดีเพราะใบหน้าของเธอแดงระเรื่อและมีความสับสนอยู่ในดวงตาของเธอ ผนวกกับความชื่นชมอย่างเหลือเชื่อ เธอใกล้จะเห็นทางสว่างแล้ว!
 
‘น่าประทับใจ!’
 
‘ความคิดของผู้สืบทอดคนนี้ช่างหลุดโลกยิ่งนัก!’
 
เธอรับประกันได้เลยว่าถ้าผู้สืบทอดของสำนักเทียนหยุนลงมาบริหารหอโสเภณีจริงๆ หอโสเภณีแห่งอื่นที่อยู่ในเมืองหลวงคงได้ปิดตัวลงแน่!
 
โดยเฉพาะแนวคิดของเขา…
 
ยกตัวอย่างเช่น เขาแนะนำให้สร้างสำนักปลอมๆขึ้นมาและทำให้ผู้หญิงของโรงเตี๊ยมหยี่หลานเป็นนักบุญหญิงของสำนัก… ช่างเป็นความคิดที่กล้าจริงๆ!
 
ผู้หญิงจะต้องเปลี่ยนชื่อใหม่โดยมีคำว่านักบุญนำหน้าชื่อของเธอ… และพวกเธอจะต้องรักษาภาพลักษณ์ที่สงบนิ่งและเยือกเย็นเอาไว้
 
เด็กสาวคนนึงที่ชื่อเซียวหงคงจะต้องเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นนักบุญบัวแดง… และเธอจะต้องเป็นคนที่ชอบวางอำนาจ ไร้เหตุผล และโมโหง่าย
 
เฉินเฉินเรียกมันว่าการสร้างตัวตน!
 
“เจ้าปรับปรุงห้องในโรงเตี๊ยมหยี่หลานใหม่และทำให้พวกมันดูมีพลังปราณจะดีกว่า แน่นอนว่า นี่เป็นแค่การเริ่มต้น หลังจากที่สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมแล้ว เจ้าต้องเรียนรู้วิธีการทำตลาดให้โรงเตี๊ยมของเจ้าด้วย วิธีทำการตลาดที่ได้ผลที่สุดและรวดเร็วที่สุดก็คือการกระตุ้นมันด้วยการสร้างเหตุการณ์สำคัญและจากนั้นก็วางตำแหน่งให้โรงเตี๊ยมหยี่หลานกลายเป็นจุดเด่น… วิธีการของกู่ฉินเจิ้งมันช้าและดูปลอมเกินไป”
 

 
มันคือช่วงเที่ยงแล้ว
 
ในโรงเตี๊ยมหยี่หลาน โยวหลานชินมองเฉินเฉินด้วยสีหน้าผิดหวัง ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสับสน
 
“พี่ใหญ่เฉิน นี่ท่านจะให้ข้าทำเรื่องแบบนั้นจริงๆ หรอคะ! ท่านช่างน่าผิดหวังจริงๆ!”
 
“หมายความว่ายังไง? ข้าไม่ได้ให้เจ้าขายอะไรซักหน่อย ข้าแค่ขอให้เจ้าสอนผู้หญิงพวกนี้ถึงวิธีการทำตัวให้ดูน่าอวดขึ้นเท่านั้นเอง”
 
เฉินเฉินพูดอย่างไร้อารมณ์
 
“เห็นข้าเป็นคนขี้อวดหรอคะ? ข้าเป็นคนที่เยือกเย็นและสำรวมตามธรรมชาติต่างหากหล่ะ…” โยวหลานชิน หน้าแดงเล็กน้อย เธอเก็บอารมณ์ไว้ไม่ได้เพราะช่วงนี้เธอเจอเรื่องเครียดมากเกินไป ท้ายที่สุดแล้ว เฉินเฉินก็มองเธอออกอย่างทะลุปรุโปร่ง
 
“เจ้าสัญญาแล้วไม่ใช่หรอว่าจะทำทุกอย่างเพื่อข้า? ตอนนี้เจ้าคิดจะกลับคำพูดรึไง?” เฉินเฉินพูดอย่างเย็นชา เหมือนกับว่าเขาจะคุกคามไม่ใช่ปกป้องเธอถ้าเธอไม่ช่วยเขา
 
เมื่อเห็นแบบนี้ โยวหลานชินก็ไม่มีทางเลือกนอกจากยอมตกลงกับเขาและยิ้มอย่างจนปัญญา
 
ดังนั้น ในช่วงบ่ายนี้ โรงเตี๊ยมโยวหลานชินจึงค่อนข้างวุ่นวาย
 
มีงานปรับปรุงเกิดขึ้นทั้งภายในและภายนอกโรงเตี๊ยม มีผู้หญิงกลุ่มนึงที่เขาร่วมการฝึกและได้เรียนรู้วิธีการล้างสมองและหลอกตัวเอง
 
เมื่อเห็นฉากนี้ เฉินเฉินก็ค่อนข้างมีความมั่นใจ
 
เขาไม่สามารถอยู่ในเมืองหลวงนานเกินไปได้และด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงมีเวลาบริหารโรงเตี๊ยมหยี่หลานไม่นานนัก อย่างไรก็ตาม ด้วยความสามารถของเขา เขาคงจะฆ่าธุรกิจของกู่ฉินเจิ้งได้อย่างง่ายดาย
 
ในตอนนั้น เขาคงจะได้รับหินวิญญาณจำนวนไม่น้อยเลยหล่ะ
 
และในตอนที่เขากลับมาที่เมืองหลวงอีกครั้ง เขาคงจะเป็นคนใหญ่คนโตในอุตสาหกรรมนี้แล้ว
 

 
ในช่วงเช้าของวันต่อมา
 
ในบ้านดอกไม้พระจันทร์ กู่ฉินเจิ้งพึ่งตื่นขึ้นและในทันทีที่เธอเดินออกมาจากห้อง พนักงานคนนึงก็เดินขึ้นมาหาเธอแล้วพูดขึ้น “นายหญิง มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นในโรงเตี๊ยมหยี่หลานเมื่อวานนี้ค่ะ ไม่เพียงแค่จะมีการปรับปรุงขึ้นใหม่อย่างรวดเร็ว แต่พวกเขายังซื้อวัตถุวิญญาณด้วยเงินจำนวนมากอีก!”
 
เมื่อได้ฟังดังนี้ ดวงตาของกู่ฉินเจิ้งก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจในทันที
 
‘ในที่สุดผู้สืบทอดที่เข้าพักโรงเตี๊ยมหยี่หลานก็เคลื่อนไหวแล้วหรอ?’
 
อันที่จริง มันคงจะแปลกถ้าเขาไม่ทำอะไรเลย โรงเตี๊ยมหยี่หลานได้รับความนิยมมาอย่างบากบั่น ถ้าพวกเขาไม่มีความพัฒนาอะไรเลย มันก็คงจะเป็นการสูญเสียโอกาสที่ยอดเยี่ยมไป
 
“ปล่อยพวกเขาไป ฉีปู่ฝานได้เข้าพักบ้านดอกไม้พระจันทร์และผู้สืบทอดที่มีชื่อเสียงคนอื่นก็ได้เข้าพักหอโสเภณีอื่นเหมือนกัน โรงเตี๊ยมหยี่หลานสูญเสียโอกาสที่ดีที่สุดของพวกเขาไปแล้ว ไม่ว่าตอนนี้พวกเขาจะทำอะไร ทั้งหมดมันก็สายเกินไปแล้ว”
 
กู่ฉินเจิ้งหาวในขณะที่เธอพูดอย่างใจเย็น
 
เธอหายโมโหผู้สืบทอดของสำนักเทียนหยุนและได้ทำการแก้แค้นไปเมื่อวันก่อนแล้ว ดังนั้น เธอจึงอารมณ์ดีและนอนหลับฝันดีเมื่อคืน
 
“นายหญิง ข้าได้ข่าววงในมาว่าความเปลี่ยนแปลงในโรงเตี๊ยมหยี่หลานเมื่อวานเป็นฝีมือของผู้สืบทอดสำนักเทียนหยุนค่ะ!”
 
พนักงานพูดอย่างระมัดระวังด้วยสีหน้าหวั่นเกรง
 
‘ผู้สืบทอดสำนักเทียนหยุนดูเหมือนจะกลัวว่าคนอื่นจะทำเรื่องที่ไร้อย่างอายกว่าเขารึไงนะ ช่างมันเถอะถ้าเขาอยู่ในหอโสเภณี เขาก็ต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องการจัดการธุรกิจอยู่แล้ว…’
 
‘หรือว่าเป็นหลักปฏิบัติของผู้สืบทอด?’
 
“หืม? น่าสนใจดีนี่ ผู้สืบทอดของสำนักเทียหยุนรู้วิธีทำธุรกิจด้วยหรอ?”
 
กู่ฉินเจิ้งหัวเราะอย่างดูถูก
 
เธอแสดงความดูถูกที่เธอมีต่อมือใหม่ในอุตสาหกรรมนี้ในฐานะผู้ที่มีประสบการณ์โชกโชน
 
“เขาอาจจะโกรธกับสิ่งที่นายหญิงทำลงไปเมื่อวานก็เลยอยากพัฒนาหยี่หลานเพื่อเอาชนะท่านหล่ะมั้งคะ”
 
พนักงานพึมพำออกมาเบาๆ นอกจากเรื่องนี้ เขาไม่สามารถคิดหาเหตุผลอะไรที่ผู้สืบทอดจะเข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องหอโสเภณีได้เลย
 
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
 
เมื่อได้ฟังเช่นนี้ กู่ฉินเจิ้งก็อดหัวเราะออกมาดังลั่นไม่ได้
 
“อย่าล้อข้าเล่นหน่า ข้าไม่สามารถแข่งกับเขาในเรื่องการฝึกตนได้ แต่ในแง่ของธุรกิจ เฉินเฉินสิบคนก็สู้ข้าไม่ได้หรอก ข้าเป็นผู้นำบ้านดอกไม้พระจันทร์ในการเอาชนะธุรกิจอื่นที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้ และตอนนี้ พวกเราก็ขึ้นเป็นอันดับสองในประเทศ การที่เขาพยายามเอาชนะข้ามันก็น่าขบขันพอๆกับการที่ข้าไปสู้กับเขาในลานประลองนั่นแหล่ะ”
 
พนักงานรู้สึกว่าเธอพูดมีเหตุผล
 
กู่ฉินเจิ้งจะต่อสู้กับผู้สืบทอดของสำนักเทียนหยุนไปทำไม? มันเป็นไปไม่ได้เห็นๆอยู่แล้ว เว้นเสียแต่ว่าเธอจะไปหาเรื่องตาย
 
มันก็เหมือนกับการทำธุรกิจ ผู้สืบทอดของสำนักเทียนหยุนอาจจะนำความตายมาให้ตัวเองและโรงเตี๊ยมหยี่หลานก็ได้
 
“เอาเถอะ ข้าจะถอนตัวเองแล้วกัน!”
 
พนักงานโค้งคำนับแล้วถอยไป ในขณะที่เขากำลังเตรียมตัวกลับนั้น เสียงเชียร์ก็ดังลั่นมาจากข้างใต้บ้านดอกไม้พระจันทร์
 
“ข่าวร้าย! ผู้สืบทอดของสำนักโยวฉุยและนักบุญกุหลาบแดงกำลังต่อสู้กันหน้าโรงเตี๊ยมหยี่หลานต่อหน้าผู้สืบทอดของสำนักเทียนหยุน!”
 
พอได้ฟังเช่นนี้ ทั้งบ้านดอกไม้พระจันทร์ก็ตกอยู่ในความเงียบ และหลังจากนั้นในทันที ผู้คนก็เริ่มส่งเสียงโหวกเหวก
 
“ว่าไงนะ! มีเรื่องแบบนั้นด้วยหรอ!?”
 
“ให้ตายเถอะ! ข้าอยากไปดูชะมัด!”
 
ครู่ต่อมา มันก็เกิดความวุ่นวายขนาดใหญ่ในบ้านดอกไม้พระจันทร์ และแขกกว่าครึ่งนึงก็พากันแห่ออกไป

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

Type: Author:
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!” เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที “ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?” “ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!” เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว! เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ! การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ! ‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง “มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!” หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน? ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’ “อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง” นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้ “ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ” อะไรนะ?! เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง ‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา “ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่” เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย ‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน? นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้! ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา “รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ” เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้ ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน… “เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!” เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since. Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.” Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”

Options

not work with dark mode
Reset