ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 93: พลังแห่งสวรรค์อันยิ่งใหญ่

จูตี่แห่งสำนักโฮ่วตู่ถอดเสื้อของเขาออกในทันทีหลังจากที่ได้ยินเช่นนี้ แล้วเผยให้เห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดๆของเขา จากนั้นเขาก็บินลงมาจากแท่นสูงและมายืนอยู่กลางสังเวียน
 
ในตอนนี้ เขากำลังรู้สึกเคืองอย่างเต็มที่ เขายังไม่ทันพักผ่อนได้เต็มที่เลยแต่เฉินเฉินก็ท้าประลองเขาแล้ว ‘นี่เขาคิดว่าข้าอ่อนแอจริงๆสินะ?’
 
แม้จะคิดเช่นนั้น เขาก็ยังมองไปทางฉีปู่ฝานกับคนอื่นๆของ 18 สำนักที่ยังไม่ได้ทำอะไร
 
เมื่อเห็นแบบนี้ ฉีปู่ฝานก็พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ถ้าเจ้าเอาชนะไม่ได้ก็ยอมแพ้ซะ แค่อย่าทำให้ตัวเองเจ็บตัวก็พอ”
 
เขาพูดเหมือนกับที่เฉินเฉินเคยพูดกับโยวหลานชินในตอนแรก และทุกคนก็เข้าใจสิ่งที่เขาอยากจะสื่ออย่างชัดเจน
 
หลังจากได้รับการยืนยันจากฉีปู่ฝาน จูตี่ก็มีความมั่นใจในทันทีและกระดิกนิ้วเรียกเฉินเฉินที่อยู่ขอบสังเวียนอย่างยั่วยุ
 
เฉินเฉินยิ้มแล้วค่อยๆเดินไปที่สังเวียน
 
ในขณะที่เฉินเฉินเดินเข้าไปนั้น ท้องฟ้าก็ค่อยๆมืดครึ้ม เหมือนกับว่าฝนกำลังจะตก
 
ผู้อาวุโสแก่นทองคำเงยหน้ามองท้องฟ้า และจากนั้นก็กลับมามองเฉินเฉิน มีรัศมีแสงสว่างวาบในดวงตาของเขาและเขาก็พึมพำออกมา “วิชายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหยุน… เขาฝึกตนจนถึงจุดที่สามารถมีอิทธิพลต่อสภาพอากาศได้แล้วรึ ต้วนปิงบอกว่าเด็กคนนี้เก่งสุดๆ ดูเหมือนว่าจะเป็นความจริงสินะ…”
 
ในขณะที่มองก้อนเมฆที่ค่อยๆก่อตัวหนาขึ้นเหนือหัวของเขา ความท้าทายบนหน้าของจูตี่ก็ค่อยๆหายไปและถูกแทนทีด้วยความระมัดระวัง จากนั้น เขาก็สูดหายใจเข้าลึกๆและสั่งสมพลังปราณในร่างกายของเขาจนถึงขีดสุด
 
ตึก…ตึก…
 
เฉินเฉินเดินไปยังสังเวียนอย่างไม่รีบร้อน แต่ในทุกๆก้าวเดินของเขานั้นส่งผลให้เมฆบนท้องฟ้าหนาขึ้นเรื่อย ๆ ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้ต่างก็เงยหน้ามองท้องฟ้า และสัมผัสถึงพลังหนาแน่นที่อยู่ในเมฆครึ้มอย่างระมัดระวัง
 
“วิชาสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหยุนนี่มันน่าเหลือเชื่อเลย!”
 
“ถ้าผู้สืบทอดของสำนักเทียนหยุนแข็งแกร่งขนาดนี้ ทำไมเขาถึงไม่เคยมีชื่อเสียงมาก่อนหล่ะ?”
 
แม้ว่าทุกคนจะมีความสงสัยอยู่ในใจ แต่พวกเขาทุกคนก็คิดว่าเฉินเฉินคู่ควรกับอันดับเจ็ดในหมู่ยอดฝีมือแล้ว
 
หลังจากนั้นไม่นานนัก เฉินเฉินก็ก้าวขึ้นมาบนสังเวียนในที่สุด
 
ในตอนนี้ ทั้งสังเวียนได้ถูกปกคลุมด้วยเมฆครึ้มอย่างสมบูรณ์แล้ว และในบางครั้งก็จะมีฟ้าแลบด้วย
 
เมื่อเห็นแบบนี้ หางตาของจูตี่ก็กระตุกไม่หยุด
 
“เริ่มได้”
 
ผู้อาวุโสแก่นทองคำพูดอย่างใจเย็น
 
ในความคิดของเขา ผลลัพธ์ของการต่อสู้นี้มันไม่มีความไม่แน่นอนอีกต่อไปแล้ว สิ่งเดียวที่เขาไม่มั่นใจก็คือวิธีที่ผู้สืบทอดของสำนักโฮ่วตู่จะพ่ายแพ้
 
ในทันทีที่เขาพูดแบบนั้น จูตี่ก็เงยหน้าแล้วตะโกนขึ้นไปบนท้องฟ้า
 
“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย!”
 
ด้วยกันกับเสียงตะโกนจากความโกรธ ผืนดินเริ่มโค้งงอและกำแพงดินที่มีความหนาห้าถึงหกเมตรก็โผล่ขึ้นมาป้องกันหัวของเขา
 
อย่างไรก็ตาม ท้องฟ้ามืดครึ้มอย่างเหลือเชื่อ เมฆสายฟ้าส่งเสียงร้องคำรามแต่กำแพงที่โผล่ออกมานั้นยังไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงอะไรเลย
 
จูตี่รู้สึกได้แค่ว่ามีออร่าที่สร้างความคุกคามอย่างมหาศาลกำลังเพ่งเล็งมาที่เขาจากท้องฟ้าเหนือหัวเขาของเขา ความรู้สึกนี้ทำให้ร่างกายของเขารู้สึกกดดันอย่างมหาศาล เขารู้สึกเหมือนกับว่าท้องฟ้ากำลังจะถล่มลงมาใส่เขา!
 
ครืน!
 
ริ้วสายฟ้าที่แล่นผ่านก้อนเมฆระเบิดอย่างกระทันหัน!
 
ร่างกายของจูตี่สะดุ้งด้วยความตกใจ และเหงื่อก็หยดลงมาจากหน้าผากของเขาไม่หยุด
 
เขารู้สึกได้ถึงพลังอันน่าหวาดหวั่นในทันที!
 
ในตอนนี้ มีแค่ห้าคำในหัวของเขา!
 
‘ข้าต้านมันไม่ไหว!’
 
ด้วยพละกำลังของเขา เขาไม่สามารถกันการโจมตีของเมฆสายฟ้าที่อยู่บนท้องฟ้าได้!
 
ด้วยความคิดนี้เอง เขาจึงกลับมามองเฉินเฉินอย่างกะทันหัน ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ทำอะไรเลย และเขาก็มองเห็นความดูถูกและความเย้ยหยันในดวงตาของเฉินเฉินด้วย
 
เมื่อเห็นท่าทีของเฉินเฉิน จูตี่ก็รู้สึกกลัวและตะโกนออกมาจากจิตใต้สำนัก “ข้าขอยอม…”
 
เปรี๊ยง!
 
ก่อนที่เขาจะได้พูดคำว่า ‘ยอมแพ้’ เมฆส่ายฟ้าก็เปลี่ยนเป็นเส้นสายฟ้าและผ่าลงมาจากเบื้องบนอย่างกะทันหัน ทำให้กำแพงหินระเบิดเป็นชิ้นๆ!
 
เปรี๊ยง!
 
ภายใต้พลังแห่งสวรรค์อันยิ่งใหญ่นี้ สีหน้าของทุกคนซีดเผือดในขณะที่เศษกำแพงหินได้กระเด็นออกไปเป็นร้อยเมตร!
 
หลังจากที่ฟ้าผ่าลงมา ท้องฟ้าก็กลับมาสดใสอีกครั้ง
 
เฉินเฉินได้หันหลังกลับแล้วเดินลงจากสังเวียนแล้ว
 
ผู้อาวุโสแก่นทองคำบินเข้ามาที่กลางสังเวียนและตรวจสอบสภาพของจูตี่ ที่ถูกฟ้าผ่าจนดำไปทั้งตัว
 
“เขาได้รับบาดเจ็บหนักแต่ยังไม่ตาย”
 
หลังจากพึมพำกับตัวเอง เขาก็มองไปที่แผ่นหลังของเฉินเฉินและประกาศเสียงดังลั่น “การต่อสู้นี้เป็นชัยชนะของเฉินเฉิน ผู้สืบทอดแห่งสำนักเทียนหยุน ซึ่งจะถูกแทนที่กับสำนักโฮ่วตู่ในอันดับที่ 14 ของ 36 สำนัก!”
 
หลังจากที่เขาพูดแบบนั้น เฉินเฉินก็ได้ออกจากสังเวียนไปแล้ว ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ธงของสำนักโฮ่วตู่ก็ค่อยๆถูกชักลงมาและธงของสำนักเทียนหยุนก็ค่อยๆถูกชักขึ้นไปแทน
 
เฉินเฉินบินขึ้นไปบนแท่นสูงอย่างไม่รีบร้อนและนั่งลงบนเก้าอี้ที่โยวหลานชินนั่งในตอนแรก
 
เมื่อเห็นแบบนี้ ผู้สืบทอดของ 36 ก็มีความรู้สึกที่ซับซ้อน พวกเขาบางคนตกใจในขณะที่บางคนตื่นเต้น
 
พวกเขารู้สึกทึ่งกับเฉินเฉิน เพราะความเก่งกาจของผู้สืบทอดสำนักเทียนหยุนและความสามารถของเขาในการเอาชนะจูตี่แห่งสำนักโฮ่วตู่ด้วยกระบวนท่าเดียว และพวกเขาก็รู้สึกตื่นเต้นเพราะในที่สุดก็มีคนจากฝั่งของพวกเขาเอาชนะผู้ท้าชิงจาก 18 สำนักแล้ว
 
นอกจากนี้ เขายังสามารถทำมันได้อย่างรวดเร็วและสง่างามด้วย
 
จูตี่ถูกหามออกจากสังเวียน
 
ฉีปู่ฝานมองสภาพน่าสมเพชของจูตี่ ใบหน้าของเขาดูฉุนเฉียวอย่างเหลือเชื่อ
 
ถ้าอาการบาดเจ็บของจูตี่ไม่ได้รับการรักษาด้วยสมบัติสวรรค์ที่ทรงพลัง เขาก็ไม่น่าจะได้สติกลับมาในเร็วๆนี้ แล้วในสถานการณ์เช่นนี้ การประลองจะไปมีประโยชน์อะไรหล่ะ?
 
พูดอีกนัยนึงก็คือ หลังการต่อสู้นี้ เฉินเฉินก็ได้เตะสำนักโฮ่วตู่ออกจากการต่อสู้จัดอันดับของ 36 สำนักเรียบร้อยแล้ว
 
“เจ้านั่นกำลังแสดงอำนาจอยู่! เห็นได้ชัดว่าจูตี่อยากจะยอมแพ้ แต่เจ้านั่นเป็นคนที่โหดเหี้ยมเกินไป ช่างเลวระยำยิ่งนัก!”
 
ฉีปู่ฝานถลึงตาใส่เฉินเฉินที่อยู่บนแท่นสูง หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ
 
ในตอนแรกเฉินเฉินได้ทำลายสภาพจิตใจของจูตี่ด้วยออร่าคุกคามของเขา หลังจากนั้นเขาก็ไม่ยอมปล่อยให้จูตี่มีโอกาสได้ยอมรับความพ่ายแพ้ โดยการทำให้จูตี่ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงด้วยการโจมตีเดียว
 
มันคือการจัดการทั้งร่างกายและจิตใจ!
 
เขากำลังใช้มันเป็นข้ออ้างในการฆ่า!
 
เหตุผลที่เขาทำถึงขนาดนี้ก็เพื่อเตือนเหล่าผู้ท้าชิงอย่างไม่ต้องสงสัย!
 
“ปู่ฝาน ทำไมพวกเราไม่รอจนถึงเที่ยงนี้หล่ะแล้วข้าจะไปสอนบทเรียนให้ผู้สืบทอดสำนักเทียนหยุนเอง”
 
ผู้หญิงคนนึงที่อยู่ข้างฉีปู่ฝานและมีออร่าที่เย็นยะเยือกและคุกคามได้พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
 
ผู้หญิงคนนี้คือผู้สืบทอดของสำนักซวนปิ่งที่มีสถานะฝึกตนอยู่ที่จุดสูงสุดของสร้างรากฐาน เธออยู่อันดับห้าในกลุ่มยอดฝีมือและเธอก็ฝึกวิชาซวนปิ่งที่ใช้ยับยั้งเซียวฮวงเซียนหญิงแห่งสำนักวิหคสีชาด
 
“เอาสิ!”
 
ฉีปู่ฝานเห็นด้วยจากจิตใต้สำนึก
 
เขาอดไม่ได้เพราะเฉินเฉินน่ารังเกียจเกินไปและเขาก็ไม่สามารถยอมรับชะตากรรมได้ ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าเขาท้าประลองได้แค่ครั้งเดียวและถูกท้าได้แค่ครั้งเดียวในครึ่งวัน เขาก็คงจะเข้าสนามประลองด้วยตัวเองแล้ว
 
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ ดวงตาที่นิ่งสงบได้จ้องมาทางเขาจากที่ไกลๆ มันคือสายตาของฉงเย่
 
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตานี้ ฉีปู่ฝานก็กัดฟันแล้วพูดขึ้นมา “ช่างมันเถอะ ทำตามแผนก่อน! หลังจากที่พวกเรากำจัดพวกตัวแข็งๆไปได้บ้างแล้ว พวกเราค่อยมาจัดการเฉินเฉิน!”
 
หลังจากที่พูดไปแบบนั้น เขาก็เหลือบมองผู้สืบทอดคนนึงที่อยู่ข้างหลังเขา
 
เมื่อเห็นเช่นนี้ ผู้สืบทอดคนนั้นก็ลุกขึ้นในทันทีแล้วตะโกนเสียงดังก้อง “ข้าหยวนฉิงเทียนแห่งสำนักวายุซ่อนเร้นอยากจะขอท้าประลองกับผู้สืบทอดฉงเย่แห่งสำนักอู๋ซิน!”
 
ทุกคนส่งเสียงฮือฮาหลังจากที่ได้ยินเช่นนี้
 
‘ท้าทายฉงเย่หรอ? เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?’
 
‘ฉงเย่กำลังจะทำแบบเฉินเฉินหรอ?’
 
“ข้ายอมแพ้” ฉงเย่พูดอย่างเฉยเมย ในขณะที่นั่งอยู่บนแท่นที่สูงที่สุด
 
มันเป็นเหมือนกับที่พวกเขาคิดไว้!
 
ผู้สืบทอดทุกคนของ 36 สำนักตึงเครียดขึ้นมาในทันที เพราะกลัวว่าพวกเขาจะกลายเป็นเป้าหมายของฉงเย่
 
ฉงเย่คือผู้สืบทอดของสำนักอู๋ซินที่อยู่อันดับหนึ่งในกลุ่มยอดฝีมือ! ตำนานบอกว่าอีกนิดเดียวเขาก็จะเข้าสู่ระดับแก่นทองคำแล้ว!
 
เขาน่าจะจัดการกับทุกคนที่อยู่ในที่นี้ได้อย่างง่ายดาย!
 
“ข้าไม่อยากพักเหมือนกัน ข้าขอท้าประลอง…”
 
ในตอนนี้เอง ฉงเย่ก็เหลือบมองเฉินเฉินในขณะที่ผู้สืบทอดคนอื่นแทบไม่กล้าหายใจเลย
 
โยวหลานชินเป็นกังวลกว่าเฉินเฉินด้วยซ้ำ เธอกำลังเอามือปิดปากเล็กๆของเธอไว้ เพราะกลัวว่าฉงเย่จะเรียกชื่อของเฉินเฉิน
 
“ข้าขอท้าประลองเย่หวู่เชิงแห่งสำนักพยัคฆ์ขาว ได้ข่าวว่าวิชาต่อสู้พยัคฆ์สวรรค์ขาวนั้นหาที่ใดเปรียบ ข้าอยากจะลองปะมือด้วยซักหน่อย”
 
ในทันทีที่ฉงเย่พูดออกมาเช่นนั้น ทุกคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
 
ในอีกด้านนึง เย่หวู่เชิงที่สวมชุดเกราะทั้งตัวและปิดบังใบหน้าเอาไว้ได้ลุกขึ้นมาอย่างช้าๆด้วยกลิ่นอายจิตสังหารไม่รู้จบ

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

Type: Author:
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!” เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที “ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?” “ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!” เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว! เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ! การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ! ‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง “มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!” หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน? ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’ “อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง” นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้ “ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ” อะไรนะ?! เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง ‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา “ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่” เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย ‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน? นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้! ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา “รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ” เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้ ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน… “เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!” เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since. Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.” Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”

Options

not work with dark mode
Reset