ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 97 : เจ้าเป็นคนต่อไป

“ในอนาคต คนอื่นคงไม่คิดว่าข้าได้เปลี่ยนกลายเป็นพวกสมบัติสวรรค์ที่มีชีวิตใช่ไหม?”
 
เฉินเฉินแอบกังวล
 
ในความเป็นจริงแล้วเขาก็รู้สึกเหมือนกับเซียวฮวง เพียงแค่เลือดจำนวนเล็กน้อยของเขาก็เพียงพอต่อการใช้เป็นยารักษาแล้ว
 
เขาถอนหายใจออกมา ก่อนที่จะหยิบดาบสังหารมังกรออกมาเฉือนแขนตัวเองอีกหนึ่งครั้ง ยังไงก็ตามครั้งนี้เขามองเห็นแผลตัวเองฟื้นตัวด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า
 
“มันไม่ง่ายเลยที่จะทำให้เลือดไหลเนี่ย…”
 
เฉินเฉินพูดไม่ออก เขากดดาบสังหารมังกรลงไปบนแผลของตัวเองจนทำให้เลือดไหลหยดมาบนตัวดาบและกดมันเข้าใส่ไข่เต่าดำ เมื่อทำแบบนี้แล้วเขารู้สึกแย่เหมือนกัน
 
หลังจากปลดเลือดไหลไปร้อยมิลลิลิตร เฉินเฉินก็วางดาบสังหารมังกรลง
 
ไข่เต่าดำที่วางอยู่ด้านหน้าเขาซึ่งถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดง เลือดส่องประกายออกมาก่อนที่มันจะดูเหมือนซึมเข้าไปในตัวไข่
 
ทันใดนั้น ไข่เต่าดำดูส่องประกายออกมาและพลังงานเลือดที่แน่นหนาก็ระเบิดออกมาจากด้านใน
 
บึ้ม!
 
พร้อมกับเสียงแตกหักเล็กน้อย รอยแตกก็ปรากฏขึ้นบนเปลือกไข่เต่าดำ
 
หลังจากนั้นมันก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรต่อ
 
“ระบบ อะไรคือของล้ำค่าที่สุดในระยะ 30 เมตร?”
 
“มันคือไข่เต่าดำที่กำลังจะฟักอยู่ด้านหน้าเจ้าของค่ะ”
 
เฉินเฉินพึงพอใจกับคำตอบของระบบมาก
 
ไข่ที่เกือบตายกำลังจะฟักตัวออกมา ซึ่งมันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่มาก ยังไงก็ตามไข่ก็ยังจำเป็นต้องรับเลือดไปอีกจำนวนมาก ถ้ามันต้องการจะฟักออกมาเป็นตัว
 
เฉินเฉินไม่สามารถที่จะทำให้ตัวเองเลือดไหลไปมากกว่านี้ได้ เขาไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้เขาจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง
 
หลังจากลังเลอยู่ชั่วครู่หนึ่ง เฉินเฉินได้หยดน้ำระฆังสวรรค์ออกไปไม่กี่หยดบนเปลือกไข่และเก็บไข่เต่าดำลงกระเป๋าสัตว์อสูร
 
….
 
ในเช้าวันต่อมา ผู้สืบทอดทั้ง 36 สำนักและสำนักเล็กอีก 16 สำนักได้รวมตัวกันอยู่ตรงหน้าสังเวียน
 
พวกเขาหลายคนได้หายไป ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ได้รับบาดเจ็บหนักไปเมื่อวันก่อนและยังฟื้นตัวไม่ทัน
 
เมื่อฉงเย่เห็นหลินจินและคนอื่นที่ดูแข็งแรงดี เขาแสดงออกให้เห็นถึงความประหลาดใจในดวงตา
 
หลินจินและเย่หวู่เชิงถูกเขาทำร้ายไปเมื่อวันก่อน แต่พวกเขากลับสภาพเป็นปกติดีในวันนี้ มันเหมือนกับว่าสำนักพยัคฆ์ขาวและสำนักมังกรมรกตมีรากฐานที่ดีเยี่ยม
 
ยังไงก็ตามนั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำร้ายกลับอีกครั้งไม่ได้
 
ยังไงก็ตามหลังจากที่จ่ายราคาที่เจ็บปวดไปเมื่อคืนวาน สำนักแต่ละสำนักต่างได้รับบทเรียนกันหมดแล้ว เมื่อฉงเย่ท้าทายเย่หวู่เชิงอีกครั้งหนึ่ง เย่หวู่เชิงเลือกที่จะยอมแพ้ทันที แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ถูกตีตราว่าเป็นคนที่ยอมแพ้ก่อนจะต่อสู้
 
มันช่วยไม่ได้ ตั้งแต่ที่พวกเขาได้มอบเหรียญตราเจ้าสำนักไปเมื่อคืนวาน เขาไม่สามารถที่จะขายร่างกายตัวเองได้อีกแล้วในวันนี้
 
ในตอนนี้กลยุทธ์ของเขาคือการรักษาพลังงานเอาไว้และพยายามอย่างดีที่สุดในการต่อสู้ตอนกลางวันของวันรุ่งขึ้น แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เป็นหนึ่งใน 36 สำนักก็ตาม พวกเขาจะต้องรับความรู้สึกนี้เอาไว้
 
ในยามนี้ เฉินเฉินกำลังนั่งอยู่บนเวทีสูง เขากำลังมองการต่อสู้ที่เกิดขึ้นบนสังเวียนและค้นพบว่ามันน่าเบื่อมาก ผู้สืบทอดแทบจะไม่ได้สู้กันและยอมแพ้กันทันทีที่เข้าไปในสังเวียน แล้วมันจะมีอะไรให้เขาดูอีกกันละเนี่ย?
 
ด้วยเหตุนี้นี่เขาจึงงีบหลับ ในตอนที่กำลังดูอยู่
 
ในตอนกลางวัน มันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงกับสถานการณ์
 
สำนักอย่างสำนักมังกรมรกตและสำนักวิหคสีชาดไม่เพียงแต่จะรักษาตำแหน่งของสำนักพวกเขาได้แล้ว พวกเขายังสามารถรักษาสถานะของสำนักพันธมิตรได้อีกด้วย
 
ยกตัวอย่างเช่น สำนักเทียนหยุนได้ช่วยสำนักโยวฉุย ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงความเป็นพันธมิตรกันระหว่างพวกเขา
 
ด้วยเหตุนี้นี่เอง หลังจากที่ฉงเย่ใช้โอกาสของตนในการท้าทายคนอื่นแล้ว ผู้สืบทอดชั้นยอดจากสามสิบหกสำนักต่างเคลื่อนไหวกันอีกครั้ง
 
ถึงแม้ว่ามันจะมีกลุ่มคนหลายคนที่เลือกที่จะท้าทายสำนักที่พ่ายแพ้วิชาการต่อสู้ของพวกเขาก็ตาม
 
สุดท้ายแล้วพวกเขาก็สามารถที่จะเอาชนะวิชาของแต่ละฝ่ายได้
 
ยังไงก็ตาม มันไม่ได้ใช้เวลานานเท่าไหร่สำหรับผู้สืบทอดหลายสำนักจาก 18 สำนักที่พ่ายแพ้ไป แม้แต่ผู้สืบทอดสำนักซวนปิ่ง ผู้สืบทอดสำนักที่อ่อนแออีกสำนักก็ท้าทายเย่หวู่เชิง ซึ่งผู้สืบทอดสำนักนั้นขอยอมแพ้อย่างรวดเร็วอย่างไม่คิด เขาถอยกลับไปและกลับมายึดครองตำแหน่งของพันธมิตรเขา
 
เซียวฮวงและคนอื่นเห็นดังนี้และต่างทำตาม เมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้น มันมีร่องรอยของความโกรธปรากฏขึ้นในดวงตาของฉงเย่
 
ไม่มีผู้สืบทอดคนไหนเป็นคนโง่เขลา เพื่อที่จะรั้งตำแหน่งสามสิบหกสำนักเอาไว้ พวกเขาจะทำทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาทำได้ พวกเขาจะไม่ทำอะไรจนกระทั่งพวกเขาได้ใช้โอกาสในการท้าชิงผู้อื่นไปแล้ว
 
ถ้ามันเป็นไปตามแผนของพวกเขาแล้ว สำนักมังกรมรกตและสำนักพยัคฆ์ขาวจะยังคงอยู่ในสามสิบหกสำนักต่อไป
 
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เขาหันกลับไปมองยังฉีปู่ฝาน
 
ฉีปู่ฝานพยักหน้ากลับเล็กน้อย
 
ในเวลานี้เอง หลินจินพึ่งจะเอาชนะผู้สืบทอดจากสิบแปดสำนัก เมื่อเห็นว่าสำนักพันธมิตรกำลังจะท้าชิงหลินจิน สีหน้าของฉีปู่ฝานหมองลงไปทันทีและเขาก็ส่งแรงกดดันมหาศาลที่มองไม่เห็นออกมายังผู้สืบทอดที่กำลังจะพูดขึ้น
 
ผู้สืบทอดที่อยู่เพียงขั้นท้ายของขั้นสร้างรากฐานไม่ได้ทันได้ตั้งตัว เขาโอดครวญออกมาโดยที่เขาไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น เขาหวาดกลัวเกินกว่าที่จะพูดอะไรออกมา
 
เมื่อเขากลับมาตั้งสติได้แล้ว ฉีปู่ฝานก็เดินเข้ามาในสังเวียนแล้ว
 
“หลินจิน เจ้าบอกว่าเจ้าไม่ต้องการที่จะพักนี่นา เจ้าไม่ได้เสียใจกับการตัดสินใจของเจ้าไปใช่ไหม? ถ้าเจ้าไม่ได้คืนคำพูด มาประลองกับข้าสิ”
 
เมื่อเห็นฉีปู่ฝานเดินเข้ามาในสังเวียน หลินจินหงุดหงิดเล็กน้อย ความสามารถของฉีปู่ฝานไม่ได้แย่เท่าไหร่ ถ้าเขาประลองกับเขาตอนนี้ เขาจะไม่มีสภาพสมบูรณ์แบบในการต่อสู้วันรุ่งขึ้น
 
หลินจินดูลังเลใจ ฉีปู่ฝานจึงเยาะเย้ยเขาขึ้นมา “เจ้าพูดว่าวันนั้นนี่ว่าข้าไม่ได้เหมาะสมที่จะเป็นศิษย์พี่ของเจ้า เจ้าเลือกที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ต่อข้าแล้วงั้นเหรอ?”
 
ตาของหลินจินจ้องเขม็งกลับไปทันที อย่างน้อยเขาก็เป็นอันดับสองของผู้ฝึกตนชั้นยอดและเป็นผู้สืบทอดของสำนักมังกรมรกต เขาจะทนต่อคำยั่วยุแบบนั้นได้อย่างไรกัน?
 
นอกจากนี้แล้ว ฉีปู่ฝานก็เป็นแค่คนที่เกาะคนอื่นไปทั่ว เขากล้าทำตัวเย่อหยิ่งแบบนั้นเนี่ยนะ?
 
เมื่อมีความคิดแบบนี้อยู่ในหัวตัวเองแล้ว หลินจินตอบกลับอย่างเย็นชา “เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว มาประมือกันดีกว่า มาให้ข้าดูดสิว่าสมาชิกของสำนักเล็กๆอย่างเจ้าจะเหมาะสมกับอันดับสามหรือเปล่า!”
 
หลังจากพูดจบ หลินจินคำรามขึ้นไปบนอากาศและแขนขวาของเขาขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตา แขนขวาทั้งแขนของเขาได้หนาและใหญ่จนเหมือนกับเป็นกรงเล็บมังกร มันเต็มไปด้วยพลังงานที่มากมายในมือข้างนั้น
 
ด้วยแขนของเขาข้างนี้แล้ว ใบหน้าของเขาก็เริ่มบิดเบี้ยวไปครึ่งหน้า เมื่อเกล็ดมังกรเริ่มปรากฏตัวขึ้นบนใบหน้า
 
นี่มันเป็นครั้งแรกที่หลินจินเอาจริง ยามที่เขาเผชิญหน้ากับฉงเย่ก่อนหน้านี้เขายังไม่ได้มีสภาพเช่นนี้เลยด้วยซ้ำ!
 
“มันมีข่าวลือว่าเจ้ามีสายเลือดของอสูร ฮ่า ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริงสินะ คนอย่างเจ้ากล้าดียังไงที่เรียกตัวเองว่าผู้สืบทอดที่เป็นมนุษย์กัน!”
 
ฉีปู่ฝานมีปากคอที่เลาะร้ายมาก
 
ปัง!
 
ทันทีที่เขาพูดจบ หลินจินคำรามออกมาและคลื่นพลังมังกรก็ปกคลุมไปทั่วสังเวียน วินาทีต่อมากรงเล็บมังกรก็พุ่งเข้าใส่ฉีปู่ฝาน
 
ก่อนที่กรงเล็บมังกรจะมาถึงตัวของฉีปู่ฝาน สนามของสังเวียนก็เริ่มแตกหักไปแล้ว
 
พลังของแขนข้างนี้ของเขานั้นเกือบจะก้าวข้ามขั้นสูงของขั้นสร้างรากฐาน!
 
เมื่อเผชิญหน้ากับกรงเล็บที่เข้ามา ฉีปู่ฝานพึมพำ “เปลวเพลิงความสงบดับสิ้น”
 
ในชั่วพริบตา เปลวเพลิงสีดำพวยพุ่งขึ้นมาจากผืนดิน เปลวไฟมันแปลกประหลาดมากในสังเวียน ซึ่งมันลุกไหม้โดยที่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออะไร ยังไงก็ตามเมื่อมันสัมผัสกับกรงเล็บมังกรของหลินจิน มันก็เปลี่ยนแปลงอย่างมาก
 
“ฮ่า คิดว่าข้าไม่รู้จักเจ้าหรือยังไง? เปลวเพลิงความสงบดับสิ้นนั้นเชี่ยวชาญในการเผาไหม้ลมปราณและสถานะของเจ้าตอนนี้มันใช้พลังปราณจำนวนไม่น้อยเลยสักนิด ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะทนอยู่ได้อีกนานแค่ไหนกัน!”
 
ฉี่ปู่ฝานหัวเราะอย่างเยือกเย็น ในเวลาเดียวกัน เปลวเพลิงดำลุกไหม้ขึ้นทั่วร่างของหลินจิน
 
ถ้าหลินจินเลิกใช้พลังปราณของตัวเองอย่างสมบูรณ์แล้วเปลวเพลิงดำนี้ก็จะหายไปตามธรรมชาติ
 
ยังไงก็ตามการเลิกใช้พลังปราณก็ไม่ได้แตกต่างจากการยอมแพ้
 
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้วสีหน้าของหลินจินดุดันขึ้นทันทีและพลังที่ไม่มีอะไรเทียบได้ระเบิดออกมาจากร่างบางๆของเขา
 
“ตาย!”
 
บึ้ม!
 
เปลวเพลิงดำยังคงลุกไหม้อย่างต่อเนื่อง ยังไงก็ตามหลินจินไม่สนใจเลยสักนิด ในชั่วพริบตาเขาได้ใช้พลังปราณทั้งหมดจากร่างกายของเขาไปแล้ว เขาปลดปล่อยฝ่ามือที่มีพลังที่ไม่มีอะไรต้านทานได้ออกไป!
 
แรงระเบิดเกิดขึ้นในสังเวียนและฉี่ปู่ฝานที่อยู่ใจกลางก็ถูกส่งกระเด็นออกไปด้วยแรงกระแทก
 
เพียงแค่เขากำลังจะตกจากสังเวียน ฉี่ปู่ฝานก็ได้หยุดร่างกายไว้และหยุดตัวเองไว้ตรงขอบสังเวียน
 
ยังไงก็ตาม เสื้อผ้าของเขาฉีกขาดไปแล้ว ด้วยเหตุนี้มันจึงเปิดเผยชุดที่ส่องประกายวิบวับออกมาด้านใน
 
ถุ้ย!
 
ฉีปู่ฝานพ่นเลือดออกมา สีผิวของเขาดูซีดขาวมาก ยังไงก็ตามปากของเขายังคงยิ้มขึ้นมา
 
เขาได้ป้องกันการโจมตีที่รุนแรงของหลินจิน
 
พร้อมกับความดุดันในดวงตาของเขา ฉีปู่ฝานมองไปที่หลินจินที่พลังปราณลดลงจากเปลวเพลิงดำ ซึ่งอยู่ใจกลางของสังเวียน เขาหยิบน้ำอมฤตออกมาจากกระเป๋าและกลืนมันลงไป
 
ทันทีที่เขากลืนยาลงไป แผลของเขาฟื้นตัวด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า
 
เมื่อเห็นดังนี้แล้ว ผู้สืบทอดก็มองไปที่ฉงเย่กันทั้งหมด
 
น้ำยาอมฤตที่สามารถฟื้นแผลได้เร็วขนาดนั้นจะต้องเป็นน้ำอมฤตไร้หัวใจของสำนักอู๋ซิ่น!
 
ยังไงก็ตาม น้ำอมฤตนี้ไม่มีทางที่คนนอกจะได้รับมันและตอนนี้ฉีปู่ฝานก็กลืนมันลงต่อสาธารณะแบบนี้แล้ว มันหมายความว่าเขาตั้งใจที่จะเปิดเผยว่าตัวเองเกี่ยวข้องกับสำนักอู๋ซิ่น!
 
“ฮ่า ไม่ใช่ว่าเจ้าบอกว่าจะเอาชนะข้าเมื่อไม่กี่วันก่อนหรือไง? เป็นไงละ? เจ้าพ่ายแพ้แล้วไม่ใช่หรือไง? ผู้ที่เป็นอันดับสองของรัฐจิน มันดูไม่มีค่าอะไรเลยนี่นา!”
 
ฉีปู่ฝานเดินเข้าหาหลินจินและเยาะเย้ยเขาที่ใบหน้า เมื่อเขาเกือบจะทำเสร็จแล้ว เขาก็เตะขาของหลินจินไปสี่ครั้งเพื่อระบายความโกรธเคืองที่เขามี
 
ชั่วขณะต่อมา เขาเตะไปที่หลินจินอย่างแรงจนส่งเขากระเด็นออกไปนอกสังเวียน
 
พลังของการเตะนี้ถูกพบเห็นกันท่ามกลางฝูงชน ถ้าหลินจินไม่ได้เป็นครึ่งอสูรแล้ว การเตะนี้มันก็มากพอที่จะทำให้เขาตายได้เลย
 
ผู้สืบทอดที่เห็นมีสีหน้าที่ซับซ้อนมาก หลินจินผู้เป็นอันดับสองของรัฐจินและเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสามสิบหกสำนักพ่ายแพ้
 
‘การประลองจัดอันดับจะเป็นไปตามแผนไหมเนี่ย?’
 
‘พวกเราไม่สามารถจัดการกับฉงเย่ได้และนี่มีฉีปู่ฝานอีก’
 
ยิ่งแย่ไปกว่านั้น ฉีปู่ฝานยังเป็นคนที่โหดเหี้ยมมาก ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ หลินจินพึ่งจะต่อปากต่อคำกับเขาไป เขาตัดสินใจที่จะจัดการแล้ว
 
ผู้สืบทอดต่างตกใจกับการกระทำที่รุนแรงของฉีปู่ฝานและสายตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
 
เมื่อสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นจากดวงตาของคนที่อยู่รอบข้างเขาแล้ว ฉีปู่ฝานก็พึงพอใจมาก ยังไงก็ตาม วินาทีต่อมามันก็มีความคิดหนึ่งโผล่ขึ้นมาในหัวของเขา เขามองไปยังอันดับที่สิบสี่ในสามสิบหกที่นั่ง
 
“เฉินเฉิน เจ้าดูเพลิดเพลินกับการประลองนี้ดีนะ? ข้ามีข่าวดีกับเจ้า เจ้าจะเป็นคนต่อไป ถ้าเจ้ามีความกล้ามากพอแล้วอย่ายอมแพ้ละ”
 
ผู้สืบทอดต่างมองไปที่เฉินเฉินที่นั่งอยู่บนที่นั่งอย่างเงียบงัน มันมีร่องรอยของความสงสารปรากฏขึ้นในดวงตา
 
ฉีปู่ฝานเป็นคนที่เก็บความแค้นไว้นานมาก แม้ว่าจะตอนนี้ก็ตอนเขายังคงเก็บความแค้นที่เฉินเฉินได้ทำร้ายจูตี่ของสำนักโฮ่วตู่เอาไว้ได้ เมื่อเขาจัดการกับหลินจินเสร็จแล้ว เขาจึงเปลี่ยนความสนใจกลับไปยังเฉินเฉินอีกครั้งหนึ่ง
 
 

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

Type: Author:
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!” เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที “ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?” “ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!” เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว! เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ! การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ! ‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง “มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!” หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน? ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’ “อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง” นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้ “ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ” อะไรนะ?! เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง ‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา “ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่” เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย ‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน? นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้! ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา “รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ” เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้ ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน… “เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!” เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since. Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.” Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”

Options

not work with dark mode
Reset