คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย – ตอนที่ 63 ยาสร้างฐาน

เมื่อไม่ต้องต่อสู้แล้วก็รู้สึกผ่อนคลาย จินเฟยเหยาที่สู้ชนะได้ยาสร้างฐาน ก็รื่นรมย์กับการใช้ชีวิตอย่างเอ้อระเหยลอยชาย ยาสร้างฐานต้องรอจนกว่าการประลองทั้งหมดจะเสร็จสิ้น จึงมอบให้ในตอนท้ายสุด นางได้แต่ฆ่าเวลาอยู่ในลานประลองเป็นตายอย่างเบื่อหน่าย

มิใช่นางแอบเกียจคร้านไม่คิดจะใช้เวลานี้ปิดด่านกักตนเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ทว่าต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา สงบจิตใจปิดด่านกักตนไม่ได้เลยสักนิด พอนึกถึงว่าอีกไม่กี่วัน จะได้ยาสร้างฐานมาไว้ในมือ นางก็นอนไม่หลับทั้งคืนอย่างตื่นเต้น

นี่เป็นจิตมาร ต้องสงบระงับให้ได้ แค่ยาสร้างฐานเม็ดเล็กๆ อารมณ์ก็ขึ้นลงขนาดนี้ ทำผิดข้อห้ามการฝึกบำเพ็ญอย่างร้ายแรง พอจินเฟยเหยานึกถึงยาสร้างฐานก็อดยิ้มไม่ได้ ได้แต่สูดลมหายใจลึกๆ หลายครั้ง สงบอารมณ์จดจ่อความคิดกับการลงเดิมพัน

นางอยู่ในลานประลองเป็นตายลงเดิมพันผู้บำเพ็ญเซียนที่มาชิงยาสร้างฐานไม่น้อย ระหว่างนั้นมีทั้งแพ้และชนะ ไม่กล้าลงเดิมพันก้อนใหญ่ จินเฟยเหยาเป็นคนคงเส้นคงวา ลงเดิมพันจนถึงตอนนี้แค่ฆ่าเวลาล้วนๆ

หลายวันนี้นางได้เห็นบรรดาผู้บำเพ็ญเซียนต่อสู้กันจนเรียกได้ว่าน่าอเนจอนาถอย่างยิ่ง ทว่านางก็ได้รับประสบการณ์ความรู้ไม่น้อย และเห็นคนคุ้นเคยมากมายพ่ายแพ้หรือได้รับชัยชนะ ติงเทียนเฉิงและหลิ่วฉี่ปอก็เป็นเช่นนี้ ติงเทียนเฉิงทำพลาดตอนกำลังประลอง เกือบจะถูกคนอัดตาย ส่วนหลิ่วฉี่ปอหลังจากถูกทำร้ายจนบาดเจ็บหนัก ก็พยายามสังหารอีกฝ่ายอย่างสุดกำลัง จนได้รับโควตายาสร้างฐานมาทว่าต่อมานางก็ต้องปิดด่านกักตนหลายปีอาการบาดเจ็บจึงมีโอกาสหายดีอย่างสมบูรณ์

การประลองมีเร็วมีช้า ใช้เวลาหกวันในที่สุดการประลองรอบสุดท้ายจึงเสร็จสิ้น หลังการประลองชิงยาสร้างฐานฉากสำคัญในการประลองเป็นตายกำลังจะเริ่มขึ้น ผู้บำเพ็ญเซียนที่มีความแค้นเหล่านั้นลงชื่อสมัครการต่อสู้ตัดสินเป็นตายไว้นานแล้ว การประลองไม่ถูกจำกัดด้วยการร้องตะโกนว่ายอมแพ้และแพ้เพราะร่วงออกนอกเวที จะชนะการประลองได้มีกฎเกณฑ์เพียงข้อเดียวคืออีกฝ่ายต้องเคลื่อนไหวไม่ได้หรือถึงแก่ความตาย

การโรมรันพันตูอย่างดุเดือดและร้อนแรงทำให้ผู้บำเพ็ญเซียนที่ชมการประลองแผ่อารมณ์พลุ่งพล่านไปโดยรอบ ศิลาวิญญาณที่ลงเดิมพันก็เพิ่มสูงขึ้นเพราะเหตุนี้ เจ้าได้ข้าได้ ทุกคนได้หมด ลานประลองเป็นตายกลายเป็นสถานที่ที่คึกคักที่สุดในเมืองลั่วเซียนนอกจากถนนย่านการค้า

ในที่สุดก็ถึงวันมอบยาสร้างฐาน สถานที่ตั้งอยู่ภายในลานประลองเป็นตาย และหยุดการประลองตัดสินเป็นตายในวันนั้นชั่วคราว กลางเวทีประดับประดาด้วยโคมไฟและแถบกระดาษสีสดใสเป็นมงคลตกแต่งอย่างงดงามยิ่ง ปูพรมแดงทั่วทั้งเวทีด้วยบรรยากาศชื่นมื่น ด้านหน้าสุดยังมีแท่น ราวกับจะมีคนขึ้นมากล่าวอะไร ส่วนยาสร้างฐานหนึ่งเม็ดที่บรรจุในขวดกระเบื้องเคลือบ ถูกวางเป็นของประดับตกแต่งบนโต๊ะที่เพิ่งขนย้ายมาบนเวที

รอบด้านยังจัดวางธงของตำหนักลั่วเซียนที่ดูน่าเกรงขามจำนวนมาก ผู้บำเพ็ญเซียนสตรีอันงดงามแถวหนึ่งสวมชุดเทพธิดาขลิบสีทองยืนอยู่สองฟากข้างของแท่น มองอย่างสงบนิ่งไม่เอ่ยวาจา ดูมีท่วงทีอย่างยิ่ง

ส่วนผู้บำเพ็ญเซียนห้าร้อยคนที่ได้รับยาสร้างฐาน ก็มาถึงลานประลองเป็นตายแต่เช้า บางคนไม่รู้ว่ากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ หลังจากการประลองสิ้นสุดลงก็อยู่ในลานประลองเป็นตายตลอดเวลา ไม่ยอมไปสถานที่อื่น เพราะว่าส่วนมากพวกเขาเป็นผู้บำเพ็ญเซียนอิสระ จินเฟยเหยาเดาว่าคนเหล่านี้เกรงว่าออกไปจะถูกคนสังหารหรือไม่วางใจกลัวว่าจะเสียแรงเปล่าไม่ได้ยาสร้างฐาน

ตอนนี้ทุกคนยืนอยู่บนเวทีอย่างเป็นระเบียบ สายตาจับจ้องขวดเคลือบที่อยู่บนโต๊ะอย่างเร่าร้อน การแสดงออกของบรรดาผู้บำเพ็ญเซียนแต่ละคนก็ต่างกันไปคนละแบบ บางคนตื่นเต้นอย่างยิ่ง เหลียวซ้ายแลขวาไม่หยุด คิดจะหาคนมาคุยผ่อนคลายอารมณ์ตึงเครียด บางคนก็หลับตาผ่อนคลายราวกับไม่ใส่ใจยาสร้างฐาน ที่จริงใครจะรู้ว่ากลัวถูกผู้อื่นมองออกว่าตนเองตื่นเต้นหรือไม่จึงแสร้งวางท่า ศิษย์สำนักใหญ่และตระกูลใหญ่มีสีหน้าสงบนิ่ง ไม่รู้ว่าคนเหล่านี้มาเข้าร่วมการประลองเพื่อสังหารคนหรือชิงยาสร้างฐาน

ส่วนหลิ่วฉี่ปอทั่วร่างถูกพันอย่างแน่นหนา ยืนอยู่กับจินเฟยเหยาอย่างลำบากอยู่บ้าง รอคอยอย่างสงบ

เวลาที่รอคอยยาวนานเกินไป ทั้งสองคนพูดคุยกันเรื่อยเปื่อยอย่างเบื่อหน่าย

“สหายเซียนหลิ่วครั้งนี้หลังจากกลับไป น่าจะต้องปิดด่านกักตนทะลวงขั้นสร้างฐานแล้วสินะ?” จินเฟยเหยาเอ่ยถามหลิ่วฉี่ปอเสียงเบา

หลิ่วฉี่ปอส่ายศีรษะเอ่ยปฏิเสธอย่างช่วยไม่ได้ “ไม่ได้ ยาสร้างฐานเม็ดนี้ข้าต้องเหลือไว้ให้สหายเซียนติง พลังการบำเพ็ญเพียรของเขาถึงขั้นฝึกปราณช่วงปลายอย่างสมบูรณ์ สามารถทะลวงขั้นสร้างฐานได้นานแล้ว ส่วนข้ารอปีหน้าค่อยไปแย่งชิงยาสร้างฐานของสำนักเฉวียนเซียน ถ้าอาการบาดเจ็บยังไม่หายดี ยังต้องรออีกหลายปี”

“คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมอบยาสร้างฐานให้เขา เจ้าใจดีเกินไปแล้ว เจ้ากับเขามีความสัมพันธ์ใด?” จินเฟยเหยามองหลิ่วฉี่ปออย่างไม่อยากจะเชื่อ นางถึงกับมอบยาสร้างฐานที่ได้มาให้ผู้อื่น

หลิ่วฉี่ปอรู้สึกจนใจ เอ่ยอย่างเขินอายอยู่บ้าง “ยังเป็นอะไรได้ พวกเราเตรียมผูกสัมพันธ์เป็นคู่บำเพ็ญแล้ว ถ้าเขาสร้างฐานสำเร็จ ต่อไปก็สามารถปกป้องข้าได้ ครั้งนี้เดิมทีตั้งใจว่าจะทะลวงขั้นสร้างฐานพร้อมกันสองคน คิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่ได้ยาสร้างฐาน ถ้าข้าสร้างฐานสำเร็จ เขาต้องรู้สึกเสียศักดิ์ศรีและเสียใจอย่างยิ่งแน่ ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจมอบโอกาสสร้างฐานให้เขา”

“เจ้าใจดีเกินไปแล้ว เป็นภรรยาและมารดาที่ดี ถ้าเป็นข้า ถ้ามีเหลือถึงจะให้ แต่ว่าข้าไม่สนใจเรื่องคู่บำเพ็ญเลยสักนิด อยู่คนเดียวอิสระกว่า มีภาระครอบครัวนั้นยุ่งยาก” จินเฟยเหยาโบกมืออย่างเหยียดหยาม ไม่สนใจเรื่องบำเพ็ญคู่แม้แต่น้อย

หลิ่วฉี่ปอยิ้ม ไม่อธิบายมากความ ทันทีที่เห็นติงเทียนเฉิงพ่ายแพ้ มีสีหน้าอ้างว้าง นางก็คิดไม่ถึงว่าตนเองจะเกิดความคิดเช่นนี้ ให้ยาสร้างฐานเป็นการตัดสินใจที่น่าตกตะลึงจริงๆ ถ้าต่อไปตนเองไม่ได้ยาสร้างฐาน ติงเทียนเฉิงที่มีฐานะเป็นผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานจะยังอยู่กับตนเองหรือไม่?

จินเฟยเหยาคิดไม่ถึงว่า ขนาดมอบรางวัลก็มีผู้บำเพ็ญเซียนวิ่งมาดูความครึกครื้นที่หอชมการประลอง ในดวงตาเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาและเคียดแค้น จ้องมองผู้บำเพ็ญเซียนที่อยู่ด้านล่างแน่วนิ่ง ถ้าค้นพบคนหน้าตาไม่ดีหรือคนที่ชื่อเสียงฉาวโฉ่ในฝูงชน คนในหอชมการประลองก็จะวิพากษ์วิจารณ์อย่างกระตือรือร้น ทอดถอนใจว่าสวรรค์ช่างอยุติธรรม คนแบบนี้ก็สามารถได้รับยาสร้างฐาน ในคนที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่เหล่านั้นรวมถึงจินเฟยเหยาที่ถูกตระกูลเจ้าอันร่ำรวยตามล่าสังหารด้วย

จินเฟยเหยารู้สึกว่าตนเองกับคำสั่งล่าสังหารมีวาสนาต่อกันไม่เบา ตอนนี้มีคำสั่งล่าสังหารสองฉบับแขวนไว้บนศีรษะของตนเองแล้ว แม้คำสั่งล่าสังหารของหอชิงซวีถึงมีก็เหมือนไม่มีเพราะไม่มีคนรู้ว่าเป็นนาง ทว่าคำสั่งล่าสังหารของตระกูลเจ้าแขวนไว้บนป้ายภารกิจทั้งหมดอย่างชัดแจ้ง

ศิลาวิญญาณชั้นล่างสองแสนก้อน ถ้าได้ตัวเป็นๆ เพิ่มให้อีกหนึ่งแสน ไม่รู้ว่าคนตระกูลเจ้าใช่โง่งมหรือไม่ ใช้เงินมากมายขนาดนี้มาล่าสังหารตนเอง ในอกของจินเฟยเหยามีคำสั่งล่าสังหารฉบับหนึ่งที่ฉีกออกมาจากป้ายภารกิจ ภาพเหมือนของตนเองบนนั้นวาดได้เหมือนราวกับมีชีวิต ไม่ใช่ระดับเดียวกับใบหน้าอวบอ้วนของหอชิงซวี

ตำหนักลั่วเซียนให้ผู้บำเพ็ญเซียนห้าร้อยคนตากลมอยู่บนเวทีไปจนกระทั่งถึงยามอู่[1] จึงมีผู้บำเพ็ญเซียนขั้นหลอมรวมห้าคนปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ ร่อนลงบนเวทีอย่างช้าๆ ชายชราคนที่อยู่ตรงกลาง ส่งเสียงไอเบาๆ เดินมาข้างหน้าแบบสั่นนิดๆ ใช้เสียงที่ดังกังวานเกินคาดเอ่ยว่า “ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านที่สามารถได้รับยาสร้างฐาน พวกเราคือตำหนักลั่วเซียน ถ้าทุกท่านยังไม่สังกัดสำนัก หลังจากสร้างฐานแล้วสามารถได้สิทธิ์พิเศษเข้าสำนักทั้งห้าของพวกเรา พวกเรามีถ้ำเซียนที่มีปราณวิญญาณสูง ปัจจัยสนับสนุนที่แข็งแกร่ง และผู้บำเพ็ญเซียนสตรีที่งดงามเป็นภรรยาให้แก่ทุกท่าน ทุกคนใคร่ครวญได้ นี่เป็นโอกาสดี” พอได้ยินว่ามีผู้บำเพ็ญเซียนสตรีที่งดงามเป็นภรรยา ผู้บำเพ็ญเซียนบางคนก็อดหัวเราะครืนไม่ได้ ตาแก่นี่ ช่างน่าสนใจจริงๆ

“ทุกคนก็รู้สาเหตุของการประลองครั้งนี้ เพราะการประลองของโลกระดับดินใกล้จะเริ่มแล้ว โลกหนานซานของพวกเราจะให้โลกแห่งการบำเพ็ญเซียนอื่นมากลืนกินจนหมดไม่ได้ ดังนั้นจึงมอบยาสร้างฐานปริมาณมากออกมา แห่งกำเนิดของโลกหนานซาน แต่แรกสุดเป็นเช่นนี้…” ชายชราอารมณ์ดี เปลี่ยนหัวข้อสนทนาจากดึงคนเข้าสำนักเป็นแหล่งกำเนิดของโลกหนานซาน

พอเขาพูดก็พูดไม่หยุด พูดเกือบสองชั่วยามเต็มๆ ผู้บำเพ็ญเซียนทั้งลานประลองรับฟังจนเกือบจะหลับ จึงเล่าเรื่องแหล่งกำเนิดโลกหนานซานและถ้ารักษาโลกหนานซานไว้ไม่ได้ทุกคนจะจบสิ้นอย่างไรจบลง ในที่สุดรอจนเขาพูดเป็นน้ำไหลไฟดับเสร็จสิ้นก็เริ่มมอบยาสร้างฐานที่ทุกคนปรารถนาแม้ในยามหลับใหล

แต่ละคนเดินไปข้างหน้าตามลำดับการออกจากลานประลอง รับขวดเคลือบที่บรรจุยาสร้างฐานจากมือของชายชราอย่างตื่นเต้น พอได้ขวดเคลือบ บรรดาผู้บำเพ็ญเซียนรีบซุกไว้ในอกทันที เกรงว่าถ้าไม่ระวังจะถูกคนช่วงชิง

รอจนถึงตาจินเฟยเหยา นางเดินอย่างว่องไว รีบวิ่งไปเบื้องหน้าชายชรา รับขวดเคลือบมาอย่างระมัดระวัง จากนั้นถอยไปด้านหลัง

นางกลับไปอยู่ในแถว มองผ่านขวดเคลือบในมือเห็นยาสร้างฐานด้านใน เม็ดยาสีทอง ด้านบนมีลวดลายสีเงิน รู้สึกถึงเนื้อสัมผัสได้ อีกทั้งยังคุ้นตายิ่ง

ถ้ามองไม่ผิด หัวใจจินเฟยเหยาตื่นเต้นจนแทบจะกระดอนออกมานอกอก ที่แท้ยาสีทองไม่ทราบชื่อสองเม็ดที่ขโมยมาจากในตัวของบุรุษนิรนามของหอชิงซวีในวันนั้นถึงกับเป็นยาสร้างฐาน โชคดีมากจริงๆ มิน่าเล่ายิ่งมองขวดเคลือบใบนี้ก็ยิ่งรู้สึกคุ้นตาที่แท้ตนเองก็มี

จินเฟยเหยาสะกดความตื่นเต้นในใจเอาไว้ ยาสร้างฐานสามเม็ด คุณสมบัติแย่เพียงใดก็สามารถสร้างฐานได้สำเร็จ อีกทั้งทางหวาซีไม่รู้ว่าสามารถเอายาสร้างฐานมาได้หรือไม่ ถ้าเอามาได้อีกหนึ่งเม็ด ตนเองสร้างฐานก็เป็นเรื่องที่เมื่อน้ำหลากมาถึงเขื่อนก็สร้างเสร็จ[2]

เรื่องนี้จะให้คนอื่นรู้ไม่ได้เด็ดขาด นางกัดริมฝีปากสะกดความตื่นเต้น รอจนมอบยาสร้างฐานเสร็จสิ้น จะรีบหายตัวกลับบ้านทันที

ในที่สุดก็มอบยาสร้างฐานเสร็จสิ้น ทุกคนต่างแยกย้ายจากไป ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นหลอมรวมห้าคนกลับไปยังถ้ำเซียนของตนเองนานแล้ว เหลือแค่บรรรดาศิษย์ทำธุระที่เข้ามาตีสนิทกับผู้บำเพ็ญเซียนอิสระที่มีความเป็นไปได้ในการสร้างฐาน ส่วนจินเฟยเหยาพยุงหลิ่วฉี่ปอจากไป

ติงเทียนเฉิงยังรอพวกนางสองคนอยู่ที่ทางเข้าอย่างสงบนิ่งดังเดิม หลังจากเห็นหลิ่วฉี่ปอออกมา ก็รับหลิ่วฉี่ปอจากมือจินเฟยเหยา จินเฟยเหยาไม่ได้ติดตามพวกเขาไป เพียงแค่มองคนทั้งสองจากไปอย่างเงียบๆ ถึงหลิ่วฉี่ปอจะไม่ได้เอ่ยอะไรแต่ก็ดูเหมือนรักกันดี ทว่าจินเฟยเหยากลับคิดอย่างใจร้าย เป็นไปได้ว่าเพราะแรงดึงดูดของยาสร้างฐานดังนั้นจึงดูแล้วรักกันดี

จินเฟยเหยาเป็นคนของสำนักเฉวียนเซียน ถ้าสร้างฐานย่อมมีคนของสำนักเฉวียนเซียนรับนางไว้ จินเฟยเหยาเพิกเฉยขโมยจากหลายสำนัก เดินผ่านประตูลานประลองเป็นตายที่มีบรรยากาศอึมครึม เก็บขวดเคลือบดีแล้วจึงเดินออกไปภายนอก

นางมาร้านช่างไม้ก่อน หอน้อยที่นางต้องการสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว กำลังจัดการงานขั้นสุดท้าย หอน้อยทั้งหมดแบ่งเป็นห้าส่วน แยกส่วนเช่นนี้วางในเรือนด้านหลัง หลังจากตรวจสอบแล้วว่าไม่มีปัญหา จินเฟยเหยาจึงเก็บหอน้อยทั้งห้าส่วนเข้าในกระเป๋า

จากนั้นนางก็เก็บเครื่องเรือนที่สั่งทำไป แล้วเดินส่ายอาดๆ เข้าไปในร้านขายของชำ นางซื้อสิ่งของจำนวนมากในร้านขายของชำ หลังจากซื้อเสร็จนางจึงกลับสำนักเฉวียนเซียน

คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย

คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตายเวลาเช้าตรู่ บนเส้นทางอันยาวไกลของยอดเขาลั่วซี มีเด็กสาวผู้หนึ่งกำลังแบกถังไม้ขนาดใหญ่สูงเจ็ดฉื่อ[1]เดินไปยังวังอวิ๋นเย่ที่สร้างอยู่กลางยอดเขาด้วยฝีเท้าเบาและรวดเร็ว นางอายุประมาณสิบสองสิบสามปี เกล้าผมเป็นมวยสาวน้อยคู่หนึ่ง บนมวยแต่ละอันมีแถบผ้าสีเขียวพันประดับ บนร่างสวมชุดศิษย์สายนอกสีเทาทั้งตัว บนเข่ามีรอยปะชุนแห่งหนึ่ง หน้าตางดงามน่ารัก รูปร่างพอเหมาะพอดี ทว่ากลับแบกถังไม้ที่สูงกว่านางสองเท่า ก้าวเดินบนบันไดศิลาดุจเหินบิน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset