คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย – ตอนที่ 74 ปิศาจยายแก่เข้าสิงร่าง

ไม่ได้พบกันหลายปี สยงเทียนคุนสูงขึ้น จินเฟยเหยาสูงแค่ไหล่เขา นึกถึงตอนนั้นทั้งสองคนยังสูงเท่าๆ กัน นางยิ้ม พบว่าบนร่างของสยงเทียนคุนมีกลิ่นหอมของใบชาลอยอยู่จางๆ ที่แท้เขายังใช้กลิ่นหอมของหญ้าซวิน[1] นางสูดดมเบาๆ กลิ่นคาวโลหิตพุ่งเข้าจมูกอย่างไม่ถูกจังหวะ

จินเฟยเหยาหันหน้าไปมอง ดอกจวี๋ฮวาทั่วท้องนภาหายไปแล้ว มีสามศพนอนอยู่บนสนามหญ้า หญ้าสีเขียวรอบด้านถูกโลหิตสดย้อมเป็นสีแดง ในอากาศมีกลิ่นคาวโลหิตอันเข้มข้นลอยอยู่ทั่ว

ศิษย์สำนักจ้งเทียนหนีไปได้สามคน  ตายไปห้าคน จินเฟยเหยาสังหารไปสองคน ไร้ซากศพ สยงเทียนคุนกำจัดไปหนึ่ง ส่วนที่เหลืออีกสองคนที่โดนปราณกระบี่รูปดอกจวี๋ฮวาฟันบาดเจ็บในการต่อสู้อันดุเดือดก็ถูกผู้บำเพ็ญเซียนของสำนักอวิ๋นซานฆ่าตาย

ดอกจวี๋ฮวาหายไป ผู้บำเพ็ญเซียนของสำนักอวิ๋นซานเริ่มจัดการสินสงคราม ในนั้นมีส่วนของจินเฟยเหยาด้วย ไม่อาจถูกคนของสำนักอวิ๋นซานเอาไป นางดึงมือของสยงเทียนคุนที่โอบนางออก ก้าวยาวๆ ไปตรงสถานที่ซึ่งผู้บำเพ็ญเซียนจอกสุราถูกเผาตาย

สยงเทียนคุนมีสีหน้าเหมือนอยากจะพูดอะไร ลังเลนิดหนึ่งก็กลืนคำพูดลงไป จากนั้นมองจินเฟยเหยาอย่างตั้งใจ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

จินเฟยเหยาเก็บกระเป๋าเก็บของและสิ่งของมีค่าไป เสื้อผ้าที่เหลือก็ทำลายทิ้ง นางลุกขึ้นยืน จับจ้องหญ้าวิญญาณบนพื้นหญ้าผืนนี้ มองผู้บำเพ็ญเซียนของสำนักอวิ๋นซานหยิบสิ่งของที่ยึดได้ หลังจุดไฟเผาซากศพก็หยิบกล่องหยกขุดหญ้าวิญญาณบนพื้นหญ้าขึ้นมา

นั่นเป็นหญ้าเฟิงสุ่ยอายุร้อยปีสินะ เอ๋ โสมโคมมังกรที่กว้างสองนิ้วต้นนั้นอายุไม่น้อยนะ น่าชังนัก หญ้าหอโบราณสามต้นก็ถูกขุดไปแล้ว ในขณะที่จินเฟยเหยามองดูหญ้าวิญญาณถูกขุดไปทีละต้นด้วยความอิจฉาริษยาและเคียดแค้น สยงเทียนคุนพลันเดินมาหาและฉุดดึงนาง

“จินเฟยเหยา พวกเราไปเถอะ”

“เอ๋? ไปที่ไหน?” จินเฟยเหยาเงยหน้าขึ้นมองเขา ถามอย่างไม่เข้าใจ

“ข้าคิดจะอยู่กับเจ้าตามลำพัง ที่นี่มีคนมากมาย พวกเราไปก่อนเถอะ” สยงเทียนคุนไม่ให้โอกาสนางได้พูด ก็ใช้กำลังฉุดลากจินเฟยเหยาไป เหยียบกระบี่บินจากไป

“ศิษย์น้องสยง เจ้าอย่าแอบจากไปนะ” ศิษย์สำนักอวิ๋นซานตะโกนเสียงดัง น่าเสียดายที่สยงเทียนคุนไม่สนใจพวกเขาสักนิด ขี่กระบี่เวทจากไปโดยไม่หันหน้าไปมอง ทิ้งศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งห้าคนไว้ที่เดิม

เห็นสยงเทียนคุนหายลับไปกลางอากาศ ศิษย์สำนักอวิ๋นซานคนหนึ่งก็ถามอีกคนหนึ่งในจำนวนนั้น “ศิษย์พี่ ศิษย์น้องสยงจากไปแล้ว พวกเราจะทำอย่างไรดี?”

“ทำอย่างไร? ก็ทำแบบนี้แหละ เขาอยากพาสตรีผู้นั้นไปเอง เกี่ยวอะไรกับพวกเราด้วย ถ้าอาจารย์ถามก็ผลักภาระไปที่สตรีผู้นั้นก็พอ อีกทั้งเขาไม่อยู่ ทุกคนจะได้มีอิสระหน่อย ผู้ใดจะรู้ว่าเขาจะคลั่งทำร้ายคนขึ้นมาเมื่อไร” บุรุษที่ถูกพวกเขาเรียกขานเป็นศิษย์พี่ ดูแล้วอายุสี่สิบกว่าปี มีพลังการบำเพ็ญเพียรขั้นสร้างฐานช่วงกลาง เมื่อครู่ในการต่อสู้กับสำนักจ้งเทียน กลับไม่ได้มีการแสดงออกอย่างโดดเด่น ไม่รู้ว่าปกปิดหรือฝีมือของเขาไม่ร้ายกาจเท่าใด

ในเมื่อศิษย์พี่ที่เป็นผู้นำพูดแบบนี้ ศิษย์ที่เหลือมองหน้ากันแล้วไม่เอ่ยอะไรอีก อย่างไรเสียมีสยงเทียนคุนอยู่ พวกเขารู้สึกว่ามีอันตรายมากกว่า ไม่เพียงกังวลว่าจะมีศัตรูปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน ยังต้องกังวลเรื่องนิสัยประหลาดของเขาอีก

ในดินแดนลึกลับเมืองลั่วเซียนกว้างใหญ่ยิ่ง จินเฟยเหยาและสยงเทียนคุนยืนอยู่บนกระบี่เวท บินข้ามทะเลสาบ ป่า และผู้บำเพ็ญเซียนที่ปรากฏตัวขึ้นเป็นครั้งคราวด้านล่างไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนไม่ได้คิดจะหยุดพัก ผู้บำเพ็ญเซียนด้านล่างเพียงแค่เงยหน้าขึ้นมองแล้วก็ไม่สนใจพวกเขาอีก

“พี่สยง พวกเราจะไปที่ใด?” จินเฟยเหยายืนอยู่บนกระบี่เวทอย่างเบื่อหน่าย นึกว่าสยงเทียนคุนรู้ว่าต้องไปที่ใด หลายร้อยปีมานี้ดินแดนลึกลับลั่วเซียนมีผู้บำเพ็ญเซียนจำนวนนับไม่ถ้วนเหยียบย่างเข้ามา โดยพื้นฐานแล้วไม่มีสถานที่ใดที่ไม่มีคนรู้จัก ผู้บำเพ็ญเซียนที่มีการเตรียมตัวมาล้วนพกพาแผนที่

“ไม่รู้ ไปพลางคิดอ่านพลาง อย่างไรเสียก็หาสถานที่ที่ไม่มีคน”

ได้ยินสยงเทียนคุนตอบอย่างไม่ลังเล จินเฟยเหยาก็ตกตะลึง พอดีเห็นด้านล่างมีสัตว์เขานิลขั้นสามตัวหนึ่งกำลังดื่มน้ำอยู่ข้างสระเล็กๆ ร่างกายขนาดยักษ์สีดำมะเมื่อม เขาขนาดใหญ่สีดำเป็นประกาย เขาของเจ้านี่เป็นของดี นางรีบฉุดดึงสยงเทียนคุน ชี้ไปที่เบื้องล่างแล้วเอ่ยว่า “พี่สยง ตรงนั้นมีสัตว์เขานิลตัวหนึ่ง พวกเราลงไปล่ามันเถอะ”

“ไม่ไป” สยงเทียนคุนแม้แต่มองยังไม่มอง ก็บินผ่านเหนือสัตว์เขานิลไป

“หา?” จินเฟยเหยามองเขาอย่างไม่เข้าใจ “เหตุใดจึงไม่ไป เขาของสัตว์เขานิลสามารถนำมาหลอมสร้างอาวุธได้ ข้าอยากเรียนหลอมอาวุธพอดี เจ้ามาที่นี่ก็เพื่อสัตว์ปิศาจและหญ้าวิญญาณของที่นี่มิใช่หรือ เหตุใดเห็นแล้วจึงไม่ต้องการ”

สยงเทียนคุนยิ้มแล้วเอ่ย “ถ้าเจ้าอยากเรียนหลอมอาวุธ ข้าสอนเจ้าก็พอ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องวัตถุดิบ ข้าจะหามาให้เจ้า ขอเพียงเจ้าติดตามข้าไปก็พอ”

“ติดตามเจ้า?”

“ใช่ ครั้งนี้ข้าจะไม่ไปอีกแล้ว ข้าจะหาถ้ำแห่งหนึ่งใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดไป อีกหนึ่งเดือนให้หลังดินแดนลึกลับลั่วเซียนจึงส่งพวกเรากลับไปได้ ดังนั้นในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ ข้าจะหาสถานที่ปลอดภัยแห่งหนึ่งที่พวกเราสามารถรอจนดินแดนลึกลับลั่วเซียนเปิดออกได้ พวกเราไม่ได้พบกันหลายปี ข้าอยากรู้ว่าหลายปีมานี้เจ้าใช้ชีวิตอย่างไร อีกสักครู่เล่าให้ข้าฟังนะได้หรือไม่?” สยงเทียนคุนแย้มยิ้มอธิบาย ราวกับทั้งสองคนตกลงกันไว้นานแล้ว

จินเฟยเหยาได้ยินคำพูดเหนือความคาดหมายของเขา จึงตอบอย่างตะกุกตะกัก “ข้าเคยบอกตอนไหนว่าจะใช้ชีวิตอยู่กับเจ้า? พวกเราเป็นสหายกันนะ คำพูดของเจ้าฟังแล้วไม่ค่อยถูกต้องเท่าใด เข้าใจผิดไปหรือไม่?”

“เข้าใจผิด?” สยงเทียนคุนมองนางอย่างตกตะลึง ใบหน้าแสดงความประหลาดใจ “เฟยเหยา หรือว่าเจ้าไม่ยอมอยู่กับข้า? ข้าสามารถปกป้องเจ้าไม่ให้รับบาดเจ็บ เจ้าดูผู้บำเพ็ญเซียนเหล่านี้สิ ถ้าเกิดทำร้ายเจ้าแล้วจะทำอย่างไร ข้าคิดดีแล้ว เพื่อปกป้องเจ้าข้าจะไม่ยอมให้เจ้าไปจากข้าแม้ครึ่งก้าว เจ้าอยากฝึกบำเพ็ญข้าจะหายามาให้ เจ้าอยากได้ของวิเศษข้าก็จะหลอมให้ เจ้าอยากได้อะไรข้าก็จะมอบให้เจ้า”

ความรู้สึกนี้เหตุใดจึงคุ้นเคยนัก จินเฟยเหยารู้สึกแปลกๆ พอครุ่นคิดดูอย่างละเอียด นี่คือเรื่องที่สยงเทียนคุนร่ำไห้ร้องทุกข์กับตนเองในตอนนั้นมิใช่หรือ? เหตุใดเพิ่งผ่านไปไม่กี่ปีปี เจ้าหมอนี่จึงเลียนแบบจนกลายเป็นเช่นนี้ คิดจะขังตนเองไว้เลี้ยงดูเล่น

จินเฟยเหยาเอ่ยอย่างไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “พี่สยง ความหวังดีของเจ้าข้าขอรับด้วยใจ ข้าชอบชีวิตที่อิสรเสรี ถ้าเจ้ายินยอม เจ้าก็มาฝึกบำเพ็ญกับข้าและไปฆ่าสัตว์ปิศาจด้วยกันได้ ทว่าเจ้าอย่าได้คิดจะใช้ข้ออ้างว่าทำเพื่อข้าจำกัดความเคลื่อนไหวของข้า”

“ข้ายินยอมฝึกบำเพ็ญด้วยกันกับเจ้าแน่นอน แต่ต่อไปเรื่องทุกอย่างเจ้าต้องฟังข้า ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก ทั้งหมดนี้ข้าทำเพื่อเจ้า” สยงเทียนคุนยิ้มอย่างเจิดจรัส ดูเหมือนอารมณ์ดียิ่ง

“สยงเทียนคุน เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่? พวกเราเป็นสหายกัน ข้าไม่ใช่สัตว์ภูติที่บ้านเจ้าเลี้ยงไว้” จินเฟยเหยาเบิกตาโตมองดูเขา รู้สึกว่าพูดดีๆ กับเขาไปก็ไม่มีประโยชน์ น้ำเสียงจึงแข็งขึ้น

เห็นจินเฟยเหยาไม่ยินยอม ใบหน้าสยงเทียนคุนก็เย็นชา ไอหนาวเหน็บถ่ายทอดออกมา เขาถึงกับใช้พลังกดดันกับจินเฟยเหยา เขามองจินเฟยเหยาอย่างเย็นชา แล้วหันหน้าไปไม่สนใจนาง เพียงแค่เอ่ยว่า “ต่อไปเจ้าจะเข้าใจความลำบากใจของข้า หลายวันนี้ห้ามเจ้าไปจากข้าแม้ครึ่งก้าว หนึ่งเดือนให้หลังข้าจะพาเจ้าไปจากเมืองลั่วเซียน”

“ไปทำไม ที่บ้านข้ายังมีสัตว์ภูติอีกสองตัว” จินเฟยเหยาตอบอย่างอารมณ์ไม่ดี

“สัตว์ภูติ? ข้าจะซื้อให้เจ้า หลังจากออกไปต้องโยนสิ่งของในตัวของเจ้าทิ้งทั้งหมด ข้าจะเปลี่ยนให้ใหม่ ออกไปแล้ว เจ้าอยากได้อะไรก็บอกข้า ข้าจะซื้อให้เจ้าทั้งหมด” สยงเทียนคุนมองเบื้องหน้าด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก เอ่ยอย่างวางอำนาจ

จินเฟยเหยามองเขาอย่างตะลึงงัน เหตุใดคนเบื้องหน้าจึงดูแปลกหน้าเช่นนี้ นางอดเอ่ยไม่ได้ “ผียายแก่เข้าสิงร่างเจ้าหรือเปล่า จึงคิดจะควบคุมชีวิตของข้า?”

“ข้าทำเพราะหวังดีต่อเจ้า คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะไม่เชื่อฟังคำพูดข้า เจ้าเคยบอกไว้ ขอเพียงเป็นเรื่องที่ตนเองอยากทำ ก็ต้องเอาชนะอุปสรรคไปทำให้ได้ ตอนนี้ข้าอยากดูแลเจ้าห่วงใยเจ้าเจ้ากลับไม่เชื่อฟังข้า ข้าไม่คิดจะปรายตามองดูผู้อื่น เหตุใดเจ้าจึงไม่รับน้ำใจทั้งยังพูดจาเช่นนี้” สยงเทียนคุนเห็นจินเฟยเหยาต่อต้านความหวังดีของเขา จึงรู้สึกไม่เข้าใจอย่างยิ่ง

ได้ยินคำพูดนี้ จินเฟยเหยาก็หน้าแดงหลุดปากออกมา “ข้าเคยพูดเช่นนี้เมื่อไร ต่อให้ข้าเคยพูด ก็แค่ให้เจ้าอย่าถูกคนอื่นควบคุม ข้าไม่ได้ให้เจ้ามาควบคุมชีวิตของข้า เจ้าอยากทำอะไรก็ไปทำข้าไม่สนใจจะเป็นสัตว์เลี้ยงของเจ้า”

เอ่ยคำพูดนี้จบ จินเฟยเหยาก็หันกายกระโดดลงจากกระบี่บิน

“เดี๋ยว” สยงเทียนคุนคิดไม่ถึงว่านางจะกระโดดลงไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง จึงรีบเลี้ยวกลับพุ่งลงไปหาจินเฟยเหยา

จินเฟยเหยาไม่ได้เรียกของวิเศษออกมาเพราะนางไม่มีสักชิ้น เพียงแค่ปล่อยให้ร่างดิ่งลงพื้น ส่วนสยงเทียนคุนเห็นนางไมได้เรียกของวิเศษออกมา ชั่วขณะก็ร้อนใจแทบแย่ ตกลงไปจากที่สูงขนาดนี้ต่อให้กายเนื้อของผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานไม่เหมือนกับคนธรรมดา สถานเบาต้องตกลงไปกระดูกหัก

ทว่าความเร็วของจินเฟยเหยาเร็วอย่างผิดปกติ สยงเทียนคุนที่ขี่อาวุธวิเศษถึงกับไล่ตามนางไม่ทัน เบิกตามองจินเฟยเหยากระแทกพื้น ได้แต่คำรามเสียงดังว่า “เฟยเหยา”

“ตูม”

เสียงดังสนั่น พื้นถูกกระแทกจนเป็นหลุมลึกสองจั้ง จินเฟยเหยายืนอยู่ในหลุมอย่างมั่นคง พลังวิญญาณสีฟ้าห่อหุ้มรอบกายไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิด สยงเทียนคุนโล่งอกขี่กระบี่ลงมาด้วยสีหน้าเย็นชา พูดกับนางอย่างดุร้าย “ก่อเรื่องทำไม รีบตามข้าไป”

“สยงเทียนคุน เจ้าไปเถอะ ฉวยโอกาสที่ตอนนี้ข้ามีอารมณ์ไม่เลวร้ายนัก” จินเฟยเหยาก็มีสีหน้าเย็นชา ปัดฝุ่นบนร่างเอ่ยอย่างไม่แสดงท่าที

สยงเทียนคุนแม้แต่ฝันก็ยังคาดไม่ถึง หลายปีมานี้ตนเองอยากพบนางมาตลอด พอได้พบกันนึกว่าจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไปกลับได้เห็นสีหน้าเย็นชาของจินเฟยเหยาแทน เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเหตุใดนางต้องทำกับเขาเช่นนี้ เขาสั่นสะท้านไปทั้งตัวตะโกนเหมือนเป็นโรคประสาท “เพราะเหตุใด เพราะเหตุใด เพราะเหตุใดเจ้าจึงไม่ยอมไปกับข้า”

“เจ้าสงบจิตใจหน่อยได้หรือไม่ ตอนนี้การกระทำของเจ้าต่างจากท่านแม่ของเจ้าตรงไหน ข้าไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของเจ้า เจ้าคบกับข้าแบบคนปกติหน่อยได้หรือไม่ ความสัมพันธ์ในอดีตของพวกเราก็ดีมากมิใช่หรือ เหตุใดต้องทำจนกลายเป็นเช่นนี้” จินเฟยเหยาถูกท่าทางของเขาขู่ขวัญ อดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้

สยงเทียนคุนเห็นจินเฟยเหยาถอยไปข้างหลังก็กำหมัดแนบแน่น ในเมื่อเป็นเช่นนี้ได้แต่บังคับพานางไป จะปล่อยให้นางเร่ร่อนอยู่ข้างนอกไม่ได้ ถ้าเกิดเรื่องขึ้นจะทำอย่างไร มีเพียงเขาที่สามารถปกป้องนางได้

[1] หญ้าซวิน คือ หญ้าหอมชนิดหนึ่ง

คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย

คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตายเวลาเช้าตรู่ บนเส้นทางอันยาวไกลของยอดเขาลั่วซี มีเด็กสาวผู้หนึ่งกำลังแบกถังไม้ขนาดใหญ่สูงเจ็ดฉื่อ[1]เดินไปยังวังอวิ๋นเย่ที่สร้างอยู่กลางยอดเขาด้วยฝีเท้าเบาและรวดเร็ว นางอายุประมาณสิบสองสิบสามปี เกล้าผมเป็นมวยสาวน้อยคู่หนึ่ง บนมวยแต่ละอันมีแถบผ้าสีเขียวพันประดับ บนร่างสวมชุดศิษย์สายนอกสีเทาทั้งตัว บนเข่ามีรอยปะชุนแห่งหนึ่ง หน้าตางดงามน่ารัก รูปร่างพอเหมาะพอดี ทว่ากลับแบกถังไม้ที่สูงกว่านางสองเท่า ก้าวเดินบนบันไดศิลาดุจเหินบิน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset