คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด – ตอนที่ 36.1 ผลหลิวหลี (1)

“เหตุใดท่านแม่ถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”

เมื่อเห็นร่างอันสง่างามลงมาจากรถม้า ฉีอวี้และฉีฉีก็ยิ้มพร้อมกับรีบเดินออกไปต้อนรับ

“เด็กน้อย ไปเตรียมตัว ได้เวลาที่เราจะต้องกลับบ้านกันแล้ว”

เหวินหย่าเอ่ยขึ้นมาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ทว่าคำพูดนั้นกลับทำให้ใบหน้าของฉีฉีและฉีอวี้ค้างแข็งไปชั่วขณะ

“กลับเหรอ? พวกเรายังไม่ได้เข้าร่วมเทศกาลอสูรล้อมเมืองกันเลยนะเจ้าคะ”

เมื่อได้ยินคำว่ากลับบ้าน ฉีฉีก็ถามออกมาเสียงดังด้วยความประหลาดใจ นัยน์ตาสุกใสของหนูน้อยมีแววดื้อดึง นางยังไม่อยากไปจากที่นี่ในตอนนี้

“อ่า เสด็จพ่อของเจ้าส่งข่าวมา บอกให้เรารีบกลับโดยเร็วที่สุด แม้จะยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่พวกเราก็ไม่ควรชักช้า  ดูแล้วพระองค์กำลังทรงร้อนพระทัยมาก”

สตรีผู้สง่างามถอนหายใจพลางกล่าวอย่างอ่อนโยน ในตอนที่กำลังพักผ่อนอยู่ภายในโรงเตี๊ยม เหวินหย่าก็ได้พบกับลั่วชิงซานที่เร่งรีบเข้ามาพบ

จากนั้นท่านเจ้าเมืองก็ได้มอบจดหมายฉบับหนึ่งให้นาง เมื่อได้เห็นเนื้อความในจดหมาย นางก็ตัดสินใจจะกลับไป๋อวิ๋นทันที

ส่วนอีกด้านหนึ่ง เมื่อได้ยินสิ่งที่เหวินหย่ากล่าวและยังเห็นท่าทางที่นอบน้อมของลั่วชิงซานลุงของเขา  หลี่หลินผู้ยโสโอหังที่วางท่าสูงส่งไปเมื่อครู่ก็หวาดกลัวจนพูดไม่ออก

“เจ้าเดรัจฉาน ยังไม่รีบคุกเข่าขออภัยองค์ฮองเฮา องค์ชายสาม และองค์หญิงน้อยอีกเรอะ?!”

สิ่งที่ลั่วชิงซานได้ยินตอนที่เดินมานั้น เขาคิดว่าฮองเฮาเองก็คงได้ยินเช่นกัน สิ่งที่หลี่หลินกล่าวถือเป็นการลบหลู่เกียรติขององค์จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิไป๋อวิ๋นอย่างไม่น่าให้อภัย หากว่าสตรีผู้เป็นใหญ่จะคิดเอาผิด แม้ตัวเขาจะเป็นเจ้าเมืองเยว่กวางแห่งนี้ก็คงปกป้องเจ้าหลานน่าตายเอาไว้ไม่ได้

— ตุบ! —

หลี่หลินเข่าอ่อน ร่างใหญ่ที่เคยวางท่าทรุดลงไปกับพื้นทันที

“องค์ฮองเฮา กระหม่อมสมควรตาย องค์ชายสาม องค์หญิง กระหม่อมสมควรตาย!”

ในตอนนี้เองที่หลี่หลินผู้ยโสโอหังอยากจะตบปากตัวเองแรงๆ สักร้อยครั้ง  เมื่อครู่เขาเพิ่งจะแกว่งปากหาเรื่อง เอาคอไปพาดคมดาบ ตอนนี้หลี่หลินหวาดกลัวเป็นอย่างมาก หากเขารู้ว่าฉีฉีและฉีอวี้เป็นเชื้อพระวงศ์ เขาคงไม่กล้าเอ่ยวาจาเช่นนั้นออกไปแน่

“กระหม่อมจะสั่งสอนเจ้าเด็กไม่รู้ที่ต่ำที่สูงคนนี้ให้ดีเอง ขอฮองเฮาโปรดเมตตาไว้ชีวิตเขาสักครั้ง”

ลั่วชิงซานรีบคุกเข่ากล่าวขอความเมตตา พลางจ้องมองหลี่หลินด้วยสายตาดุดันราวกับโกรธเกลียดหนักหนา

“เอาเถอะ เด็กน้อยคงไม่รู้ความ ท่านก็อย่าไปตำหนิเขานักเลย”

ฮองเฮาเหวินหย่ายิ้ม พระนางไม่ได้คิดถือสาหาความในเรื่องนี้

ฉีอวี้และฉีฉียิ้มออกมา พวกเขาเองก็ไม่ได้โกรธเคืองจนคิดจะเล่นงานหลี่หลินให้ถึงตายแต่อย่างใด

ฉินอวี้โม่เองก็เช่นกัน แค่นี้คนจองหองผู้นี้ก็คงจะหลาบจำไปอีกนานแล้ว เพราะหลังจากกลับไปท่านเจ้าเมืองก็คงจะไม่ปล่อยเขาไปง่าย ๆ แน่

— พรึ่บ! —

หลัวเจี๋ยกระโดดลงมาจากต้นไม้และเดินตรงเข้าไปหาองค์ฮองเฮา

“คารวะท่านหลัวเจี๋ย”

ลั่วชิงซานรีบเข้าไปทักทายหลัวเจี๋ย แม้อายุจะใกล้เคียง แต่ทั้งสถานะและความแข็งแกร่งของตัวเขาเองไม่ได้สูงเท่าเทียมกับอีกฝ่าย ดังนั้นเขาจึงเรียกหลัวเจี๋ยว่า ‘ท่าน’

“พวกเจ้าทำได้ดีมาก”

หลัวเจี๋ยพยักหน้าชมเชยให้กับหนุ่มสาวทุกคน แต่หันไปมองที่ฉินอวี้โม่

“ขอบท่านลุงหลัวเจี๋ยมาก”

ฉีอวี้และคนอื่นๆ ขอบคุณเขาอย่างสุภาพ

ฉินอวี้โม่เองก็ยิ้มแต่ไม่ได้กล่าวอะไร

“พี่อวี้โม่ จริงๆ แล้วพวกเราก็คือองค์ชายสามและองค์หญิงน้อยแห่งจักรวรรดิไป๋อวิ๋น ส่วนท่านแม่ของข้าก็คือองค์ฮองเฮา และหลิงเฟิงเขามาจากตระกูลหลิงแห่งนครไป๋อวิ๋น”

ฉีฉีอธิบายเรื่องสถานะของทุกคนให้ฉินอวี้โม่ฟัง

“พี่อวี้โม่ นี่ข้ามอบให้ ถ้าพี่ได้ไปที่นครไปอวิ๋นในอนาคต ใช้มันเพื่อมาพบพวกเราได้ เราจะต้อนรับพี่อย่างดี”

องค์หญิงน้อยฉีฉีส่งป้ายหยกแสดงฐานะแผ่นหนึ่งให้ฉินอวี้โม่ พร้อมกับย้ำเตือนว่าเมื่อนางไปเยือนนครไป๋อวิ๋นก็ให้ไปพบพวกนางในวังหลวง

“พี่อวี้โม่ พี่ต้องไปให้ได้นะ พวกเราจะรออยู่ที่นครไป๋อวิ๋น”

ฉีฉีมองฉินอวี้โม่ด้วยแววตาที่คาดหวังพร้อมกับกำชับพี่สาวคนโปรด ก่อนจะหันหลังขึ้นรถม้าไป ในเวลานี้เหลือเพียงนางและหลิงเฟิงที่ยังรั้งรออยู่ด้านนอก

หลิงเฟิงเองก็พยักหน้าให้ฉินอวี้โม่แล้วขึ้นรถม้าตามองค์หญิงไปด้วย  ส่วนหลัวเจี๋ยนั้นนั่งอยู่ด้านหน้ารถม้าแล้ว เขาทำหน้าที่เป็นผู้บังคับรถม้าด้วยตัวเอง

“แม่นางอวี้โม่ ข้าสงสัยจริงๆ ว่าเจ้าจะเติบโตไปถึงจุดไหนในตอนที่ไปถึงนครไป๋อวิ๋น ข้าจะรอดูเมื่อพบเจ้าอีกครั้ง”

หลัวเจี๋ยยิ้มใจดีให้ฉินอวี้โม่และบังคับรถม้าให้ออกเดินทาง

ฉินอวี้โม่โบกมือให้พวกเขาด้วยรอยยิ้ม นางมองดูฉีอวี้และฉีฉีที่ยังคงทอแววตาอาลัยอาวรณ์พร้อมกับโบกมือกลับมาให้   อีกไม่นานนางเองก็คงจะได้เดินทางไปยังนครไป๋อวิ๋นเช่นกัน

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด – ตอนที่ 36.1 ผลหลิวหลี (1)

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด – ตอนที่ 36.1 ผลหลิวหลี (1)

“เหตุใดท่านแม่ถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”

เมื่อเห็นร่างอันสง่างามลงมาจากรถม้า ฉีอวี้และฉีฉีก็ยิ้มพร้อมกับรีบเดินออกไปต้อนรับ

“เด็กน้อย ไปเตรียมตัว ได้เวลาที่เราจะต้องกลับบ้านกันแล้ว”

เหวินหย่าเอ่ยขึ้นมาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ทว่าคำพูดนั้นกลับทำให้ใบหน้าของฉีฉีและฉีอวี้ค้างแข็งไปชั่วขณะ

“กลับเหรอ? พวกเรายังไม่ได้เข้าร่วมเทศกาลอสูรล้อมเมืองกันเลยนะเจ้าคะ”

เมื่อได้ยินคำว่ากลับบ้าน ฉีฉีก็ถามออกมาเสียงดังด้วยความประหลาดใจ นัยน์ตาสุกใสของหนูน้อยมีแววดื้อดึง นางยังไม่อยากไปจากที่นี่ในตอนนี้

“อ่า เสด็จพ่อของเจ้าส่งข่าวมา บอกให้เรารีบกลับโดยเร็วที่สุด แม้จะยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่พวกเราก็ไม่ควรชักช้า  ดูแล้วพระองค์กำลังทรงร้อนพระทัยมาก”

สตรีผู้สง่างามถอนหายใจพลางกล่าวอย่างอ่อนโยน ในตอนที่กำลังพักผ่อนอยู่ภายในโรงเตี๊ยม เหวินหย่าก็ได้พบกับลั่วชิงซานที่เร่งรีบเข้ามาพบ

จากนั้นท่านเจ้าเมืองก็ได้มอบจดหมายฉบับหนึ่งให้นาง เมื่อได้เห็นเนื้อความในจดหมาย นางก็ตัดสินใจจะกลับไป๋อวิ๋นทันที

ส่วนอีกด้านหนึ่ง เมื่อได้ยินสิ่งที่เหวินหย่ากล่าวและยังเห็นท่าทางที่นอบน้อมของลั่วชิงซานลุงของเขา  หลี่หลินผู้ยโสโอหังที่วางท่าสูงส่งไปเมื่อครู่ก็หวาดกลัวจนพูดไม่ออก

“เจ้าเดรัจฉาน ยังไม่รีบคุกเข่าขออภัยองค์ฮองเฮา องค์ชายสาม และองค์หญิงน้อยอีกเรอะ?!”

สิ่งที่ลั่วชิงซานได้ยินตอนที่เดินมานั้น เขาคิดว่าฮองเฮาเองก็คงได้ยินเช่นกัน สิ่งที่หลี่หลินกล่าวถือเป็นการลบหลู่เกียรติขององค์จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิไป๋อวิ๋นอย่างไม่น่าให้อภัย หากว่าสตรีผู้เป็นใหญ่จะคิดเอาผิด แม้ตัวเขาจะเป็นเจ้าเมืองเยว่กวางแห่งนี้ก็คงปกป้องเจ้าหลานน่าตายเอาไว้ไม่ได้

— ตุบ! —

หลี่หลินเข่าอ่อน ร่างใหญ่ที่เคยวางท่าทรุดลงไปกับพื้นทันที

“องค์ฮองเฮา กระหม่อมสมควรตาย องค์ชายสาม องค์หญิง กระหม่อมสมควรตาย!”

ในตอนนี้เองที่หลี่หลินผู้ยโสโอหังอยากจะตบปากตัวเองแรงๆ สักร้อยครั้ง  เมื่อครู่เขาเพิ่งจะแกว่งปากหาเรื่อง เอาคอไปพาดคมดาบ ตอนนี้หลี่หลินหวาดกลัวเป็นอย่างมาก หากเขารู้ว่าฉีฉีและฉีอวี้เป็นเชื้อพระวงศ์ เขาคงไม่กล้าเอ่ยวาจาเช่นนั้นออกไปแน่

“กระหม่อมจะสั่งสอนเจ้าเด็กไม่รู้ที่ต่ำที่สูงคนนี้ให้ดีเอง ขอฮองเฮาโปรดเมตตาไว้ชีวิตเขาสักครั้ง”

ลั่วชิงซานรีบคุกเข่ากล่าวขอความเมตตา พลางจ้องมองหลี่หลินด้วยสายตาดุดันราวกับโกรธเกลียดหนักหนา

“เอาเถอะ เด็กน้อยคงไม่รู้ความ ท่านก็อย่าไปตำหนิเขานักเลย”

ฮองเฮาเหวินหย่ายิ้ม พระนางไม่ได้คิดถือสาหาความในเรื่องนี้

ฉีอวี้และฉีฉียิ้มออกมา พวกเขาเองก็ไม่ได้โกรธเคืองจนคิดจะเล่นงานหลี่หลินให้ถึงตายแต่อย่างใด

ฉินอวี้โม่เองก็เช่นกัน แค่นี้คนจองหองผู้นี้ก็คงจะหลาบจำไปอีกนานแล้ว เพราะหลังจากกลับไปท่านเจ้าเมืองก็คงจะไม่ปล่อยเขาไปง่าย ๆ แน่

— พรึ่บ! —

หลัวเจี๋ยกระโดดลงมาจากต้นไม้และเดินตรงเข้าไปหาองค์ฮองเฮา

“คารวะท่านหลัวเจี๋ย”

ลั่วชิงซานรีบเข้าไปทักทายหลัวเจี๋ย แม้อายุจะใกล้เคียง แต่ทั้งสถานะและความแข็งแกร่งของตัวเขาเองไม่ได้สูงเท่าเทียมกับอีกฝ่าย ดังนั้นเขาจึงเรียกหลัวเจี๋ยว่า ‘ท่าน’

“พวกเจ้าทำได้ดีมาก”

หลัวเจี๋ยพยักหน้าชมเชยให้กับหนุ่มสาวทุกคน แต่หันไปมองที่ฉินอวี้โม่

“ขอบท่านลุงหลัวเจี๋ยมาก”

ฉีอวี้และคนอื่นๆ ขอบคุณเขาอย่างสุภาพ

ฉินอวี้โม่เองก็ยิ้มแต่ไม่ได้กล่าวอะไร

“พี่อวี้โม่ จริงๆ แล้วพวกเราก็คือองค์ชายสามและองค์หญิงน้อยแห่งจักรวรรดิไป๋อวิ๋น ส่วนท่านแม่ของข้าก็คือองค์ฮองเฮา และหลิงเฟิงเขามาจากตระกูลหลิงแห่งนครไป๋อวิ๋น”

ฉีฉีอธิบายเรื่องสถานะของทุกคนให้ฉินอวี้โม่ฟัง

“พี่อวี้โม่ นี่ข้ามอบให้ ถ้าพี่ได้ไปที่นครไปอวิ๋นในอนาคต ใช้มันเพื่อมาพบพวกเราได้ เราจะต้อนรับพี่อย่างดี”

องค์หญิงน้อยฉีฉีส่งป้ายหยกแสดงฐานะแผ่นหนึ่งให้ฉินอวี้โม่ พร้อมกับย้ำเตือนว่าเมื่อนางไปเยือนนครไป๋อวิ๋นก็ให้ไปพบพวกนางในวังหลวง

“พี่อวี้โม่ พี่ต้องไปให้ได้นะ พวกเราจะรออยู่ที่นครไป๋อวิ๋น”

ฉีฉีมองฉินอวี้โม่ด้วยแววตาที่คาดหวังพร้อมกับกำชับพี่สาวคนโปรด ก่อนจะหันหลังขึ้นรถม้าไป ในเวลานี้เหลือเพียงนางและหลิงเฟิงที่ยังรั้งรออยู่ด้านนอก

หลิงเฟิงเองก็พยักหน้าให้ฉินอวี้โม่แล้วขึ้นรถม้าตามองค์หญิงไปด้วย  ส่วนหลัวเจี๋ยนั้นนั่งอยู่ด้านหน้ารถม้าแล้ว เขาทำหน้าที่เป็นผู้บังคับรถม้าด้วยตัวเอง

“แม่นางอวี้โม่ ข้าสงสัยจริงๆ ว่าเจ้าจะเติบโตไปถึงจุดไหนในตอนที่ไปถึงนครไป๋อวิ๋น ข้าจะรอดูเมื่อพบเจ้าอีกครั้ง”

หลัวเจี๋ยยิ้มใจดีให้ฉินอวี้โม่และบังคับรถม้าให้ออกเดินทาง

ฉินอวี้โม่โบกมือให้พวกเขาด้วยรอยยิ้ม นางมองดูฉีอวี้และฉีฉีที่ยังคงทอแววตาอาลัยอาวรณ์พร้อมกับโบกมือกลับมาให้   อีกไม่นานนางเองก็คงจะได้เดินทางไปยังนครไป๋อวิ๋นเช่นกัน

Options

not work with dark mode
Reset