คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 104 ตกม้าต่อเนื่อง

ลู่ฟั่งรู้สึกสะใจ จงใจพูดเสียงดัง “ได้ยินหรือยัง อาจารย์บอกให้ไปยืนรับโทษที่แถวหลังน่ะ”

วิชาเรียนรวมเรียนทั้งหมดสองชั่วโมง ตอนนี้เพิ่งเริ่มไปได้สิบกว่านาที

ถูกทำโทษด้วยการยืน แถมยังต่อหน้านักเรียนทั้งระดับชั้นมอห้า คราวนี้อิ๋งจื่อจินได้ขายหน้าครั้งใหญ่แล้ว

ผลการเรียนรั้งท้ายแบบเธอจะไปทำโจทย์อะไรได้

ยังคิดอยากเทียบชั้นกับจงจือหว่านอีกเหรอ

ไม่รู้จักดูตัวเองว่ามีคุณสมบัติหรือเปล่า

ภายในห้องเรียนแบบขั้นบันไดมีนักเรียนเกือบหนึ่งพันคน เสียงซุบซิบดังขึ้นเรื่อยๆ

“เงียบ!” ศาสตราจารย์ตบโต๊ะ โมโหมาก “นักเรียนคนนี้ ถ้าไม่ขึ้นมาทำโจทย์ข้อนี้ก็ไปยืนด้านหลัง”

พวกนักเรียนชายในคลาสเด็กอัจฉริยะที่สนิทกับลู่ฟั่งต่างมีสีหน้ารอดูเรื่องสนุก

คลาสทั่วไปกับคลาสเด็กเรียนดีก็เอาด้วย แทบจะตะโกนส่งเสียงโห่ร้อง

อิ๋งจื่อจินยืนขึ้นท่ามกลางสายตาจำนวนมาก

ซิวอวี่อยากดึงเธอไว้ แต่กลับถูกเธอยกมือห้าม

แต่ทิศทางที่เธอเดินไปไม่ใช่หลังห้อง แต่เป็นทางกระดานดำ

“…”

ภายในห้องเรียนเงียบลงชั่วขณะ จากนั้นก็ระเบิดเสียงดังอึกทึก

มีหลายเสียงที่มาจากคลาสเด็กอัจฉริยะ

“ไม่มั้งๆ เด็กเรียนอ่อนกล้าขึ้นไปทำโจทย์บนกระดานดำเลยเหรอ”

“จึ๊ๆ นั่นเป็นเพราะเมื่อก่อนตอนอยู่ห้องพวกเรา พวกอาจารย์เห็นเธอนอนก็ไม่อยากยุ่ง มิน่าถึงได้ถูกไล่ออกจากคลาสเด็กอัจฉริยะ”

“ฉันว่าห้องสิบเก้าก็เหมาะกับเธอดีนะ ขยะคู่กับขยะ กลายเป็นโรงขยะ”

เจียงหรานเงยหน้าขึ้น หยิบหนังสือวิชาเคมีเขวี้ยงใส่นักเรียนคลาสเด็กอัจฉริยะคนที่พูดประโยคนี้

ดวงตาของเขาแดงก่ำ แสยะยิ้มพลางพูด “หุบปากหมาๆ ของนายไปเลย”

พวกนักเรียนเงียบลงทันที

จะหาเรื่องใครก็ได้ แต่ไม่ใช่เจียงหราน

เจียงหรานอยู่ในโรงเรียนก็ถือว่าสงบเสงี่ยมมากแล้ว อยู่ข้างนอกต่างหากถึงทำตัวกร่างจริงๆ

นิสัยของเขารุนแรง บวกกับอิทธิพลลึกลับที่อยู่เบื้องหลังเขา พวกนักเรียนส่วนใหญ่ก็เลยไม่อยากมีเรื่องกับเขา

โดยเฉพาะการที่เจียงหรานเป็นนักเทควันโดสายดำ โมโหขึ้นมาจริงๆ ก็ลงไม้ลงมือใส่ได้

จงจือหว่านกัดริมฝีปาก มองเจียงหรานที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทนอิ๋งจื่อจิน ทรมานใจเหลือเกิน

เธอไม่เข้าใจ

คนอย่างอิ๋งจื่อจิน อยากได้อะไรก็ไม่มีให้ทั้งนั้น ทำไมคนรอบตัวเธอถึงได้เริ่มไปหมุนรอบตัวอิ๋งจื่อจินกันหมด

ซิวอวี่กุมขมับ พูดไม่ออก “ดวงพ่ออิ๋งนี่มันยังไงกันนะ มีตั้งหลายคนที่เสียสมาธิ ทำไมเอาแต่จับจ้องมาที่พ่ออิ๋งคนเดียว”

เอาแค่ข้างๆ กัน ยังมีนักเรียนคนนึงที่หลับไปแล้ว แถมกรนอีกต่างหาก

ศาสตราจารย์ไม่เห็นก็บ้าแล้ว

“เจ๊อวี่ เจ๊ไม่เข้าใจสินะ” ลูกน้องทำท่าทางเหมือนผู้รอบรู้ “ในหนังสือเขียนไว้ คนเก่งมักถูกจับตาดูอยู่เสมอ พ่ออิ๋งเก่งขนาดนี้ คนที่ถูกจับตาก็เลยเป็นพ่ออิ๋งไง”

“สุดยอดคำอธิบาย” ซิวอวี่ยกนิ้วโป้งให้ “ฉันมีอัจฉริยะอยู่ข้างกาย”

ลูกน้อง “…”

เขาสงสัยว่าเจ๊อวี่กำลังประชดเขา แต่เขาไม่มีหลักฐาน

หน้ากระดานดำ

อิ๋งจื่อจินหยิบชอล์กขึ้นมาหนึ่งแท่งแล้วถอยหลังหนึ่งก้าว

ดวงตาหงส์หรี่ลงกึ่งหนึ่ง อ่านโจทย์ที่ศาสตราจารย์เขียนบนกระดานดำ

นี่เป็นโจทย์หลักการปฏิกิริยาเคมี ต้องคำนวณอัตราการเกิดปฏิกิริยา เป็นเนื้อหาของเคมีเล่มสี่

แต่เห็นได้ชัดว่าโจทย์ข้อนี้เชื่อมโยงถึงความรู้ของวิชาเคมีในมหาวิทยาลัย เนื้อหาเกินขอบเขตไปไกลแล้ว

เดิมทีศาสตราจารย์ก็ลาออกมาจากมหาวิทยาลัย ระดับความยากของโจทย์ที่ออกย่อมมากเป็นธรรมดา

จงจือหว่านเองก็อ่านโจทย์เช่นกัน ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่แล้วก็คลายออกอย่างรวดเร็ว

โจทย์ข้อนี้ง่ายมากสำหรับคลาสเด็กอัจฉริยะ แต่อิ๋งจื่อจินไม่มีทางแก้ได้

คลาสเด็กอัจฉริยะจะถูกออกข้อสอบแยกต่างหากมาตลอด ซึ่งเนื้อหาจะครอบคลุมไปถึงระดับมหาวิทยาลัย

แต่ระดับสติปัญญาของอิ๋งจื่อจินมีไม่พอ เวลาเรียนส่วนใหญ่ก็เอาแต่นอน มีเหรอจะได้ฟังอะไร

พอคิดได้แบบนี้ ความอัดอั้นตันใจของจงจือหว่านที่ได้รับมาจากผู้เฒ่าจงตอนก่อนหน้านี้เรื่องเทศกาลศิลปะในที่สุดก็ได้ระบายออกมา

หนึ่งวินาที สองวินาที…ห้าวินาทีผ่านไป อิ๋งจื่อจินยังคงถือชอล์กยืนนิ่ง ไม่ทำอะไรทั้งนั้น

พอเห็นแบบนั้นลู่ฟั่งก็แสยะยิ้ม “ทำไม่ได้ยังจะขึ้นไปให้ขายหน้าอีก หน้าหนาจริงๆ”

อิ๋งจื่อจินยกมือขึ้นแล้วเขียนตัวเลขบนกระดานดำ

3.479mol/(L/min)

เขียนเสร็จเธอก็วางชอล์กลงแล้วกลับที่นั่งตัวเอง

คำตอบนี้สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ดังยิ่งกว่าเดิม

“นี่มันตัวเลขบ้าบออะไร จะเขียนมั่วก็เขียนให้มันเป็นเลขจำนวนเต็มได้หรือเปล่า”

“นางฟ้าจงเพิ่งเขียนสูตร ยังไม่ทันคำนวณ เธอก็เขียนคำตอบออกมาแล้วเหรอ เล่นละครเก่งเป็นบ้า”

“นักเรียนคนนี้ตอบถูกแล้ว” ศาสตราจารย์ดันแว่นตา สีหน้าและน้ำเสียงอ่อนโยนลง รู้สึกชื่นชม “แต่ระวังไว้หน่อย ทางที่ดีครั้งหน้าเขียนวิธีคำนวณด้วย ไม่อย่างนั้นนักเรียนคนอื่นจะไม่เข้าใจ”

“…”

เสียงพูดจาเสียดสีหายไปทันที

ลู่ฟั่งตัวแข็ง รู้สึกเหลือเชื่อ

ถูกแล้วเหรอ!

จงจือหว่านตะลึง มือกำกระดาษทดแน่นอย่างไม่รู้ตัว เม้มริมฝีปาก ในใจสับสน

เธอเพิ่งเขียนได้แค่สองสูตรจริงๆ ยังไม่ทันได้ใส่ตัวเลข ยิ่งไม่ต้องพูดเรื่องคำนวณคำตอบออกมา

โจทย์ข้อนี้ซับซ้อนมาก อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาห้านาทีถึงจะแก้ได้

ทำไมอิ๋งจื่อจินขึ้นไปแค่ห้าวินาทีก็เขียนคำตอบออกมาได้แล้ว

เดาเหรอ

แต่จะแม่นเกินไปหรือเปล่า

“นักเรียนที่นอนอยู่โปรดตื่น เรามาเรียนกันต่อ” ศาสตราจารย์ใช้ไม้บรรทัดสามเหลี่ยมเคาะโต๊ะ “พวกคุณต้องเอาอย่างนักเรียนคนนี้ ทำโจทย์ให้เร็วหน่อย อย่ามัวแต่ลีลา”

คำพูดนี้ทำให้พวกนักเรียนชายคลาสเด็กอัจฉริยะที่ก่อนหน้านี้พูดจาประชดประชันร้อนตัว พากันก้มหน้า

แต่ก็ยังคงไม่ยอมรับเท่าไร

“ยังไงซะโจทย์ข้อนี้ก็ไม่ได้ยาก ใช่ว่าพวกเราจะแก้ไม่ได้ ใช่ไหมล่ะ”

“เธอเดาแน่นอน ใครจะไปคำนวณได้เร็วขนาดนั้น”

“บังเอิญเดาถูกน่ะแหละ ก็แค่ดวงดี” นักเรียนหญิงคนหนึ่งเอาศอกกระทุ้งจงจือหว่าน “ใช่ไหมจือหว่าน”

จงจือหว่านนั่งเหม่อ พอได้ยินแบบนั้นก็แค่ยิ้มให้เล็กน้อย “ไม่ว่ายังไงน้องสาวของฉันก็พัฒนาขึ้นแล้ว ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เวลาเรียนเอาแต่นอน”

“แบบนี้เรียกพัฒนาขึ้นเหรอ” นักเรียนหญิงมีสีหน้ารังเกียจ “นี่เป็นสิ่งที่นักเรียนทุกคนควรทำไหมล่ะ”

“อย่าพูดแบบนั้นสิ” จงจือหว่านขมวดคิ้ว “น้องฉันสุขภาพไม่ดี ถึงได้หลับเวลาเรียน”

นักเรียนหญิงทำเสียงจึ๊ ไม่พูดอะไรอีก

วิชาเรียนรวมจบลงอย่างรวดเร็ว นักเรียนแต่ละห้องต่างแยกย้าย

อิ๋งจื่อจินบิดขี้เกียจอย่างช้าๆ เตรียมกลับไปนอนคาบทบทวนบทเรียนด้วยตัวเองอีกหนึ่งคาบเพื่อให้สดชื่นเต็มอิ่ม

“ไป ตูตู” ซิวอวี่เขี่ยหางหมูแคระ “เตรียมเมล็ดข้าวโพดชั้นดีไว้ให้แล้ว”

ทุกคนในห้องสิบเก้าก็ตามกลับไป

ทันใดนั้นลู่ฟั่งก็วิ่งหอบมาขวางหน้าอิ๋งจื่อจินไว้

“อิ๋งจื่อจิน เธอไปไหนไม่ได้ ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ” เขาพูดเร็วมาก กลัวจะถูกปฏิเสธ “ปลายเดือนสี่เป็นช่วงสอบกลางภาค ฉันขอท้าเธอ”

“เจ็ดวิชาสายวิทย์ เธอต้องทำข้อสอบของคลาสเด็กอัจฉริยะ ถ้าสามารถผ่านได้สักวิชา ฉันจะไลฟ์สดกินขี้ในเว็บบอร์ดโรงเรียน เป็นไง”

ลู่ฟั่งไม่ได้สังเกตแม้แต่น้อยว่าพอเขาพูดแบบนี้ออกไป นักเรียนห้องสิบเก้าก็หันมามองกันหมด

สายตาที่มองเขา ไม่ต่างอะไรกับมองคนโง่

ลูกน้องลังเลนิดหน่อย “คือ นาย…สมองยังใช้การได้ดีหรือเปล่าน่ะ”

หน้าตาก็พอไปวัดไปวาได้ แต่ทำไมสมองมีปัญหาล่ะ

“เกี่ยวอะไรกับนายด้วย” ลู่ฟั่งไม่สนลูกน้อง เขาแสยะยิ้ม “อิ๋งจื่อจิน ตกลงไหม ถ้าเธอไม่ตกลง ต่อไปก็ห้ามรังแกจือหว่านอีก”

เดิมทีลู่ฟั่งคิดว่าเขาก็ยังคงจะถูกมองข้าม

แต่ใครจะรู้ว่าครั้งนี้อิ๋งจื่อจินกลับหยุดเดิน

เธอหันหน้ามา แสงแดดละมุนสาดส่องมาที่ใบหน้าของเธอ แต่ใบหน้านั้นก็ยังคงงดงามพลังทำลายล้างสูง

ดวงตาหงส์เชิดขึ้นเล็กน้อย ทอประกายวูบไหว สวยจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง

ชวนให้หยุดหายใจไปชั่วขณะ

อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเขา พูดอย่างช้าๆ “ได้ จำไว้นะต้องไลฟ์สด”

“พ่ออิ๋ง ทำไมไปรับปากเขาล่ะ” พอกลับมาถึงห้องสิบเก้า ซิวอวี่ก็ยังคงไม่เข้าใจ “ปกติเธอไม่สนใจใครทั้งนั้นเลยนะ”

แต่เธอรู้ว่า พ่ออิ๋งของพวกเขาดูผิวเผินเหมือนหยิ่ง แต่ในความเป็นจริงคุยด้วยง่ายมาก

อีกทั้งเธอให้คุกกี้อิ๋งจื่อจินชิ้นเดียว อิ๋งจื่อจินก็จะให้ลิปสติกสีใหม่กับเธอ

“อ๋อ” อิ๋งจื่อจินดื่มโค้ก พูดอย่างไม่รีบร้อน “เพราะฉันชอบบทละครน้ำเน่าน่ะ”

ซิวอวี่ “?”

“เธอว่า…” อิ๋งจื่อจินเงียบไปชั่วขณะ “พอถึงตอนนั้นฉันเอาคลิปที่เขากินขี้ส่งไปให้คุณตา ยอดแชร์จะสูงขึ้นไหม”

ซิวอวี่ “…”

เพราะแค่นี้เองเหรอ

“สูงขึ้นได้คงดี” อิ๋งจื่อจินกดศีรษะ “ฉันจะได้ไม่ต้องช่วยซื้อยอดแชร์ให้คุณตาแล้ว”

ก็ไม่รู้ว่าผู้เฒ่าจงมีงานอดิเรกอะไร เวยปั๋วโพสต์ใหม่จะต้องมียอดแชร์มากกว่าโพสต์เก่า แต่เขาก็ยังคงไม่เอายอดผู้ติดตามแบบซื้อ

หวังว่าลู่ฟั่งจะช่วยเพิ่มผลงานให้ผู้เฒ่าจงได้

เธอก็จะประหยัดเงินไปหน่อย

ดีจัง

หลังจากทุกข์ทรมานทางใจมาห้าวันเต็มๆ สภาพจิตใจของลู่จื่อก็ยังคงอยู่ในสภาวะพังทลายอย่างรุนแรง

ใช้ชีวิตเหมือนตกอยู่ในฝันร้ายตั้งแต่เช้าจรดเย็น

เมื่อใดที่นึกถึงการถูกหยามศักดิ์ศรีที่โรงพยาบาลเซ่าเหรินในวันนั้น แถมยังเป็นเพราะอิ๋งจื่อจินคนที่เมื่อก่อนเธอดูถูกมาตลอด ลู่จื่อก็จะรู้สึกจิตใจร้อนรน

เธอไปสัมภาษณ์ที่โรงพยาบาลอื่น แต่ส่วนใหญ่ไม่ต้องการแพทย์แผนจีนอายุน้อยแบบเธอ

อีกทั้งเป็นเพราะคราวก่อนที่เธอจงใจเรียกราคาสมุนไพรที่สูงมาก จึงถูกพ่อลู่ยึดร้านยาคืนไป ทำให้เธอไม่มีงานทำแล้ว

ส่วนสาเหตุที่ไม่อยู่ตี้ตูต่อเป็นเพราะเธอเรียนปริญญาโทไม่สำเร็จ

ลู่จื่อร้อนใจ รู้สึกเสียใจเหลือเกิน

ถ้าตอนนั้นเธอไม่กลั่นแกล้งอิ๋งจื่อจิน เธอคงได้อยู่โรงพยาบาลเซ่าเหรินไปแล้วหรือเปล่า

แต่เสียใจทีหลังก็ไม่ทันแล้ว เรื่องมันเกิดไปแล้ว

ลู่จื่อคิดอยู่นาน สุดท้ายก็ยังคงทนไม่ไหว กดโทรหาอิ๋งลู่เวย

อิ๋งลู่เวยกำลังดูแลคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งอยู่ที่โรงพยาบาล เธอเหลือบมองโทรศัพท์ เดินออกไปกดรับที่นอกห้องผู้ป่วย “ฮัลโหล มีอะไรเหรอ”

“ลู่เวย” ลู่จื่อเม้มริมฝีปาก “เธอรู้หรือเปล่าว่าหมอเทวดาที่พวกเธอตามหาคือใคร”

อิ๋งลู่เวยหยิบลิปสติกออกมาอย่างไม่ใส่ใจ “ใครเหรอ”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
อ่านนิยาย คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ‘จื่อจิน ถึงเธอจะเป็นลูกสาวของพวกเรา แต่พวกเราเลี้ยงเสี่ยวเซวียนมาสิบห้าปี ผูกพันกับเสี่ยวเซวียนมาก เสี่ยวเซวียนถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู ไม่เหมือนเธอที่ทนความลำบากที่บ้านนอกมาตลอด ดังนั้นคุณหนูใหญ่ของตระกูลอิ๋งก็ยังคงเป็นเสี่ยวเซวียน’ ‘เธอคงจะน้อยใจ แต่เธอจิตใจดีขนาดนี้ แม่รู้ว่าเธอไม่มีทางถือสาแน่นอน วางใจนะ อะไรที่เธอควรได้ก็จะไม่มีทางน้อยหน้า’ ‘อะไรนะ เธอเองก็อยากไปด้วยล้อเล่นหรือเปล่า ทางนั้นเขาต้องการคุณหนูไฮโซ เธอน่ะ แม้แต่เล่นเปียโนสักเพลงก็ยังไม่เป็น จะไปเล่าอะไรให้เขาฟังมีแต่จะทำขายหน้า’ ภายในความฝันเป็นเงาคนเต็มไปหมดกับคำพูดที่ตีกันยุ่งเหยิง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset