คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 109 หาเรื่องบอสอิ๋ง จุดจบอนาถ

ดวงตาของฟู่อวิ๋นเซินวูบไหวเล็กน้อย เขาจะลุกขึ้น

แต่แรงของมือนั้นกลับมากจนน่าประหลาด ไม่ปล่อยให้เขาขยับ

อิ๋งจื่อจินเงยหน้ามองเขา ครั้งนี้พูดสามคำ “ห้ามขยับนะ”

เธอก้มหน้าลงอีกครั้ง มืออีกข้างยังคงถือเข็มเงิน ปลายเข็มทิ่มลงไปบนจุดลมปราณหลายแห่ง

ราวกับสิ่งที่เธอโอบอยู่ไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นกระดานปักผ้า

“เด็กน้อย…” ฟู่อวิ๋นเซินขมวดคิ้ว น้ำเสียงกึ่งหยอกล้อ “แบบนี้ถือว่าฉวยโอกาสอย่างเปิดเผยหรือเปล่า”

พอเขาพูดจบก็ถูกเข็มทิ่มอีกครั้งบนจุดลมปราณอีกแห่ง

แรงที่มือมากกว่าเมื่อครู่อย่างเห็นได้ชัด

ฟู่อวิ๋นเซินร้องซี้ดเบาๆ จากนั้นก็เงียบ

เขาเชื่อว่า ถ้าเขายังพูดอะไรอีก เด็กน้อยของเขาอาจส่งเขาขึ้นสวรรค์ด้วยเข็มเล่มเดียวได้

แบบที่ไม่เหลือเยื่อใยแม้แต่น้อย หน้าหล่อๆ ก็ไม่มีประโยชน์

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ร่างกายของฟู่อวิ๋นเซินจากที่หดเกร็งก็ผ่อนคลายลง

สักพักเขาก็หลุบตาลง

ทั้งสองคนนั่งอยู่บนพื้น แต่ระยะห่างของความสูงไม่ต่างจากตอนยืนเท่าไร

ศีรษะของอิ๋งจื่อจินอยู่ประมาณคางของเขา ในระหว่างฝังเข็ม เส้นผมสลวยของเธอได้ปลิวมาถูกใบหน้าของเขาอยู่เรื่อยๆ

มองจากมุมนี้ ฟู่อวิ๋นเซินสามารถเห็นขนตางอนยาวของเธอ กับผิวพรรณที่ขาวนวล

เปล่งปลั่ง มีประกายบางๆ ทำให้ไม่อาจละสายตาไปไหนได้

แม้จะสวมเสื้อผ้าสองชั้นก็ยังแผ่ความอบอุ่นออกมาได้อย่างชัดเจน

มือของเธอเย็นเฉียบ ปลายนิ้วก็มีความเย็น

มือของฟู่อวิ๋นเซินขยับ สุดท้ายก็ยกขึ้น ช่วยเอาปอยผมที่ร่วงไปเกี่ยวหลังหูให้เธอ

เขาไอเบาๆ กลืนกลิ่นคาวเลือดที่อยู่ในลำคอลงไป

เขาจงใจรับกระสุนนัดนี้

เมื่อก่อนก็ทำแบบนี้อยู่บ่อยๆ เขาก็แค่เอาผ้ามาพันแผลไว้ อย่างมากสลบไม่กี่ชั่วโมงก็ฟื้นแล้ว

คนเดียวไปไหนมาไหนตามลำพัง เขาชินแล้ว

นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนปรากฏตัวขึ้นเวลานี้ ทำการรักษาให้เขา

ทันใดนั้นฟู่อวิ๋นเซินก็ยิ้มออกมา

หลังจากที่เลือดหยุดไหลแล้ว อิ๋งจื่อจินก็หยิบผ้าก๊อซที่สะอาดออกมา ดึงผ้าก๊อซเก่าที่ชุ่มไปด้วยเลือดทิ้งแล้วพันให้เขาใหม่

เธอรู้ว่าเขาจะมาปรากฏตัวตรงนี้ แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงมาคนเดียว

เธอสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของเขา ไม่อย่างนั้นเธอไม่มีทางคลุกคลีกับเขาได้นานขนาดนี้ แต่ก็อ่านข้อมูลเชิงลึกของเขาไม่ได้

ดังนั้นนี่ถึงเป็นจุดที่แปลกประหลาดที่สุด

แต่อิ๋งจื่อจินก็ไม่ได้ซักไซ้ เธอไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้

หลายสิบวินาทีต่อมาเธอถึงปล่อยเขา

น้ำเสียงเย็นชา โทนเสียงเรียบเฉย ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น “เรียบร้อยแล้ว”

ฟู่อวิ๋นเซินเอามือยันพื้น เตรียมลุกขึ้น

แต่มือที่เย็นเฉียบนั้นกลับจับแขนของเขา ช่วยประคองเขาลุก

เธอใช้ร่างกายครึ่งตัวช่วยรองรับน้ำหนักของเขา

คล้ายกำลังช่วยประคองคนแก่ที่อายุมากแล้ว

พอตระหนักได้ถึงจุดนี้ ฟู่อวิ๋นเซินก็ไปจับกำแพง ยืดตัวขึ้น ยังคงมีท่าทางไม่ทุกข์ไม่ร้อน “เด็กน้อย พี่ชายน่ะ ไม่ถึงกับทางแค่นี้ก็เดินไม่ไหว”

เขาไม่ได้โกหกที่บอกว่าเขารักษาตัวเองเก่งมาก เหนือคนธรรมดาหลายร้อยเท่า

ตั้งแต่ด่านเข้าประเทศจนถึงตอนนี้ แผลของเขาดีขึ้นไม่น้อยแล้ว

ลองนับเวลาดู พอถึงพรุ่งนี้ก็สามารถหายสนิท ไม่เหลือแม้กระทั่งรอยแผลเป็น

ด้วยเหตุนี้เขาถึงเลือกที่จะบาดเจ็บ

อิ๋งจื่อจินเงียบไปชั่วขณะ สุดท้ายก็ปล่อยเขา

ฟู่อวิ๋นเซินเองก็ไม่ได้ถามว่าทำไมเธอถึงมาในเวลานี้ เขาไอเล็กน้อย หันหน้าไป “เยาเยา เธอ…ไม่มีอะไรจะพูดเหรอ”

“อืม” อิ๋งจื่อจินมองเขา พยักหน้า “สัมผัสมือไม่เลวเลยนะ”

“…”

เขาชินแล้วที่เธอชอบพูดคำพูดที่น่าตกใจด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ขมวดคิ้วพลางพูด “เด็กน้อย มีคนบอกเธอไหมว่า ห้ามแตะเอวของผู้ชายส่งเดช”

พอได้ยินคำพูดนี้ อิ๋งจื่อจินก็หาวออกมา ง่วงแล้ว ตอบแบบขอไปที “แตะแล้วคุณจะกลายเป็นสัตว์ป่าเหรอ”

“…”

บทสนทนานี้ไปต่อไม่ได้แล้วจริงๆ

เด็กน้อยของเขาไม่ใช่เด็กผู้หญิงธรรมดา

“ไปกันเถอะเด็กน้อย” ฟู่อวิ๋นเซินลูบหัวเธอ “วันนี้ขอบคุณมากนะ”

เนื่องจากมือปืนอันดับเจ็ดตายที่ฮู่เฉิง อีกทั้งยังไม่ทราบสาเหตุ ดังนั้นอย่างน้อยในระยะเวลาอันสั้นจะไม่มีนักล่าเหยียบเข้ามาที่แผ่นดินนี้

เหตุการณ์สงบราบเรียบ

อิ๋งจื่อจินไม่ได้ให้ฟู่อวิ๋นเซินกลับคอนโดส่วนตัวของเขา จึงพาเขามาค้างด้วยคืนหนึ่ง

เพียงแต่ตอนที่ทั้งสองคนกลับมาก็ดึกมากแล้ว ถึงแม้จะพยายามควบคุมเสียงของตัวเอง เสียงฝีเท้าก็แทบไม่ได้ยิน

แต่ความบังเอิญคือ เจอเวินทิงหลานที่ตื่นกลางดึกพอดี

ฟู่อวิ๋นเซินผ่อนลมหายใจ ยังไม่ทันที่เขาจะได้อธิบายอะไรก็เห็นเด็กหนุ่มขยี้ตา หยุดยืนไม่กี่วินาทีก็เดินเข้าห้องน้ำ

เวินทิงหลานพูดพึมพำขณะเดินไป “ฝันอีกแล้ว”

แถมยังฝันเห็นคนที่เขาไม่อยากเจอ

“เมื่อวานเสี่ยวหลานเพิ่งเริ่มการสะกดจิต” อิ๋งจื่อจินนั่งบนโซฟา “ช่วงนี้เขาฟื้นฟูดีมาก”

อันที่จริงการรักษาด้วยการสะกดจิตแบบนี้มีความเสี่ยงสูงมาก

เพราะตอนสะกดจิต นักจิตวิทยาจะขุดเอาเรื่องที่อยู่ในจิตใต้สำนึกของผู้ป่วยออกมา

สำหรับเวินทิงหลานก็คือเรื่องที่แม่แท้ๆ ของเขาพาพี่สาวจากไปกับตอนที่กลับมาสมัยเขาห้าขวบ

สองครั้ง สร้างบาดแผลไว้ใหญ่มาก

ดังนั้นหากไม่ระวัง ไม่เพียงแต่การสะกดจิตจะไม่ช่วยให้ดีขึ้น กลับจะยิ่งแย่ลงกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ

ถึงขนาดที่ทำให้ผู้ป่วยสติแตกได้

หากไม่ถึงคราวจำเป็น การรักษาโรคจิตเวชจะไม่ใช้การสะกดจิต

ฟู่อวิ๋นเซินอึ้งไปเล็กน้อย พิงด้านหลัง ยิ้มพลางพูด “เยาเยาวางใจการสะกดจิตของเสวี่ยเซิงได้”

หลังจากคำพูดนี้ออกมา กลับไม่มีการตอบรับอยู่นาน

ฟู่อวิ๋นเซินหันหน้าไปถึงพบว่าเด็กสาวหลับไปแล้ว

เงียบๆ น่าเอ็นดู อ่อนยวบไปทั้งตัว

ราวกับทะเลาะกับตัวเองอยู่นาน ฟู่อวิ๋นเซินถึงขยับตัว

เขายืนขึ้น ก้มตัวเล็กน้อย ช้อนตัวอุ้มเธอขึ้นมาแล้วไปวางบนเตียงในห้องนอน

ยืนมองอยู่เงียบๆ หลายวินาทีแล้วถึงถอยออกไป

“ราตรีสวัสดิ์เด็กน้อย”

เรื่องที่เจียงหรานได้รับบาดเจ็บ ไม่กี่วันก็รู้ไปทั่วชิงจื้อ

นักเรียนชายหลายคนรู้สึกสะใจ บอกว่าในที่สุดก็กรรมตามสนองเขาแล้ว

แต่พวกนักเรียนหญิงร้อนใจ สืบหาโรงพยาบาลที่เจียงหรานรักษาตัวอยู่ พอเลิกเรียนก็พากันเอากระเช้าผลไม้กับขนมไปเยี่ยม

“ออกไปๆ บอกให้ออกไปกันให้หมด” เจียงหรานเอาผ้าห่มคลุมโปงอีกครั้ง รู้สึกหงุดหงิด “ฉันไม่อยากเจอใครทั้งนั้น”

ให้คนพวกนี้เห็นขาบ๊ะจ่างของเขา นักเลงประจำโรงเรียนอย่างเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

“ห้ามร้ายกาจกับเด็กผู้หญิง” เจียงฮว่าผิงเขกหัวเขา ดีใจพอสมควร “นึกไม่ถึงว่าลูกชายฉันจะป๊อบปูล่าขนาดนี้ เหมือนฉันสมัยสาวๆ เลยนะ”

เจียงหราน “…แม่ อย่าหลงตัวเองขนาดนั้นได้ไหม”

เจียงฮว่าผิงไม่สนใจเขา ออกไปคุยกับพวกนักเรียนหญิงแล้ว

เจียงหรานทึ้งผม “พ่ออิ๋งล่ะ”

“อ๋อ” ซิวอวี่ปอกแอปเปิ้ล “พ่ออิ๋งมีธุระ นายก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว ทำไม ต้องให้พ่อมาโอ๋เหรอ”

“เพ้อเจ้ออะไร” เจียงหรานหน้าบึ้ง “ฉันก็แค่อยากจะขอบคุณพ่ออิ๋ง”

“ไว้รอเท้านายหายดีค่อยขอบคุณเถอะ” ซิวอวี่ปอกแอปเปิ้ลเสร็จก็กัดกินเอง”

เจียงหรานอึ้ง ลังเลเล็กน้อย “เดี๋ยวนะ เธอไม่ได้ปอกแอปเปิ้ลให้ฉันเหรอ”

“ปอกไม่เป็นเหรอ ทำไมฉันต้องปอกให้นายด้วย” ซิวอวี่มองเขาด้วยความแปลกใจ “เพราะนายหน้าใหญ่งั้นเหรอ”

“…”

เจียงหรานทำเสียงฮึดฮัด หยิบแอปเปิ้ลมาเอง “หาตัวคนเอารองเท้ามาส่งเจอหรือยัง”

ถ้าเขารู้ว่าหมาตัวไหนที่เล่นสกปรกกับเขาแบบนี้ เขาจะระเบิดสมองหมาตัวนั้นให้กระจุยเลย

“มีเบาะแสแล้ว” ซิวอวี่พูด “อีกไม่กี่วันก็น่าจะเจอตัวแล้ว”

เจียงหรานตอบอืมแล้วถามต่อ “พ่ออิ๋งไปไหน”

ซิวอวี่ครุ่นคิด “ดูเหมือนตระกูลจงจะเกิดเรื่องนะ”

ณ คฤหาสน์ตระกูลจง

ปกติคฤหาสน์นี้จะอยู่กันแค่ผู้เฒ่าจง คุณนายจง และจงจือหว่าน ครอบครัวอื่นย้ายออกไปกันหมดแล้ว

เพราะปกติพ่อของจงจือหว่านทำงานอยู่ข้างนอก ไม่ค่อยกลับมา ด้วยเหตุนี้ผู้เฒ่าจงถึงให้สองแม่ลูกอยู่ที่นี่ด้วย

แต่วันนี้มีแขกไม่ได้รับเชิญมากันหลายคน

หนึ่งในนั้นคือจงเทียนอวิ๋นที่ได้รับการดูแลจากผู้เฒ่าจงมาตลอด

จงเทียนอวิ๋นเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของน้องชายคนรองของผู้เฒ่าจง ปีนี้อายุห้าสิบแล้ว

แต่น้องชายคนรองของผู้เฒ่าจงสุขภาพไม่ดี เสียไปนานแล้ว ดังนั้นผู้เฒ่าจงจึงดูแลจงเทียนอวิ๋นมาตลอด

จงเทียนอวิ๋นนั่งอยู่บนโซฟา วางตัวเหมือนเป็นเจ้านาย

เขาจัดเน็กไทเล็กน้อย “ลุงครับ ช่วงนี้สุขภาพเป็นยังไงบ้างครับ”

ผู้เฒ่าจงมองจงเทียนอวิ๋นที่ถือหุ้นของจงซื่อกรุ๊ป น้ำเสียงเย็นชา “มีอะไรก็พูดมา ฉันไม่ชอบที่แกอ้อมค้อมแบบนี้”

“ครับ ในเมื่อลุงให้ผมพูดตรงๆ งั้นผมก็เอาตรงๆ เลยนะครับ” จงเทียนอวิ๋นยิ้ม สายตาเจ้าเล่ห์ “ลุงครับ ลุงดูแลเฝ่ยชุ่ยไจมาตลอด แต่ลุงกลับทำอัญมณีล้ำค่าหาย”

“หุ้นของจงซื่อกรุ๊ปตก ลูกค้าจะหยุดความร่วมมือกับพวกเรา ลุงคิดว่าลุงยังมีคุณสมบัติเป็นประธานใหญ่อีกเหรอครับ”

เฝ่ยชุ่ยไจเป็นกิจการของตระกูลจง ขายพวกหยกแกะสลัก รายได้หมุนเวียนแต่ละปีเกือบร้อยล้าน

แต่เมื่อไม่กี่วันก่อน อัญมณีล้ำค่าได้หายไปทั้งที่ไม่มีปีก กล้องวงจรปิดของร้านก็ถ่ายใครไม่ได้แม้แต่คนเดียว

ที่บังเอิญยิ่งกว่าคือ เมื่อหลายวันก่อนพวกเขาเพิ่งรับออเดอร์จากบริษัทข้ามชาติของเมืองนอกมา ซึ่งออเดอร์นั้นก็คืออัญมณีล้ำค่าชิ้นนั้น

จงซื่อกรุ๊ปจึงเจอกับอุปสรรคครั้งใหญ่ วันนี้หุ้นร่วงกราว

ถ้าให้คำตอบลูกค้าไม่ได้ พวกเขาก็จะลงมือกับจงซื่อกรุ๊ป

แต่จงซื่อกรุ๊ปไม่ใช่ของผู้เฒ่าจงคนเดียว

พูดจบจงเทียนอวิ๋นก็ขยิบตาให้บอดี้การ์ดหลายคนที่อยู่ด้านหลัง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เอาตัวผู้เฒ่าไปเดี๋ยวนี้ บอกพวกเขาว่านี่คือคำตอบของฉัน”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
อ่านนิยาย คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ‘จื่อจิน ถึงเธอจะเป็นลูกสาวของพวกเรา แต่พวกเราเลี้ยงเสี่ยวเซวียนมาสิบห้าปี ผูกพันกับเสี่ยวเซวียนมาก เสี่ยวเซวียนถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู ไม่เหมือนเธอที่ทนความลำบากที่บ้านนอกมาตลอด ดังนั้นคุณหนูใหญ่ของตระกูลอิ๋งก็ยังคงเป็นเสี่ยวเซวียน’ ‘เธอคงจะน้อยใจ แต่เธอจิตใจดีขนาดนี้ แม่รู้ว่าเธอไม่มีทางถือสาแน่นอน วางใจนะ อะไรที่เธอควรได้ก็จะไม่มีทางน้อยหน้า’ ‘อะไรนะ เธอเองก็อยากไปด้วยล้อเล่นหรือเปล่า ทางนั้นเขาต้องการคุณหนูไฮโซ เธอน่ะ แม้แต่เล่นเปียโนสักเพลงก็ยังไม่เป็น จะไปเล่าอะไรให้เขาฟังมีแต่จะทำขายหน้า’ ภายในความฝันเป็นเงาคนเต็มไปหมดกับคำพูดที่ตีกันยุ่งเหยิง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset