คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 129 บอส ทำไมมาเองเลยล่ะครับ

พนักงานไม่แม้แต่จะชายตามองเนี่ยเฉาให้นานหน่อย

น้ำเสียงแข็งกร้าว เจือไปด้วยการประชดประชัน มีแต่การดูถูก

หากตัดดาราออกไป ทุกเดือนโรงถ่ายเหิงเตี้ยนก็ต้องต้อนรับแขกวีไอพีอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย

แขกวีไอพีเหล่านี้ล้วนเป็นนายทุนที่แท้จริงของวงการบันเทิง

ลำพังแค่ให้ทิปพวกเขาก็หลายพันจนถึงหลักหมื่นแล้ว

คืนนี้กองถ่ายที่พวกเขารับผิดชอบถึงแม้จะไม่ใหญ่ แต่นักแสดงหลายคนมาจากรายการ เฟ้นหาคน ‘วัยรุ่นสร้างฝัน 101’ ที่โด่งดังที่สุดก่อนหน้าเมื่อไม่นานมานี้

มีบริษัทหนึ่งที่ทุ่มเงินเป็นจำนวนมาก พวกเขาจึงต้องรับรองให้ดี

เวลานี้ทางด้านนั้นเพิ่งถ่ายเสร็จไปหนึ่งฉาก นักแสดงต้องการพักผ่อน ทั้งยังต้องเตรียมตัวถ่ายฉากต่อไป

แต่เก้าอี้ปกติแข็งเกินไป ผู้จัดการส่วนตัวจึงให้เขามายกเก้าอี้นุ่มๆ ไป

พนักงานไม่กล้ารอช้า รีบออกมาหาทันที

นี่ก็ไม่รู้ว่าเป็นตัวประกอบจากไหน กล้าแย่งเก้าอี้กับนักแสดงหลักเลยเหรอ

แถมยังมาบอกว่านี่เป็นเก้าอี้ของตัวเอง

มืดค่ำป่านนี้แล้วยังจะฝันกลางวันอีกเหรอ

พนักงานมองเนี่ยเฉาตั้งแต่หัวจรดเท้า รู้สึกรำคาญ “รีบหลบไป เสียเวลา นายให้เงินฉันหรือเปล่าล่ะ หา!”

“ให้เงินนายเหรอ” เนี่ยเฉาข่มอารมณ์ไม่กระโดดถีบ “ฉันจะหักเงินนายให้หมด!”

นี่เป็นเก้าอี้หรูที่เขาเตรียมไว้ให้ลูกพี่โดยเฉพาะ เบาะทำจากขนห่านอย่างดี เอามาให้นั่งดูกองถ่ายโดยเฉพาะ

แค่เก้าอี้ตัวนี้ก็ราคาเกือบหมื่นแล้ว

เอาไปให้คุณลั่วบ้าบออะไรนั่นงั้นเหรอ

คู่ควรเหรอ

ถึงแม้เนี่ยเฉาจะไม่เป็นโล้เป็นพายขนาดไหน แต่เขาก็มาจากตระกูลเนี่ย แถมยังได้คาราเต้สายดำ

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่า ภายใต้การข่มเหงของเนี่ยอี้มานานแสนนาน ทำให้เขาได้ฝึกฝนตัวเองออกมาไม่น้อย

เมื่อครู่พนักงานแย่งเก้าอี้ไปจากมือเขาได้ เป็นเพราะเขาไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

เนี่ยเฉาออกแรงเพียงน้อยนิดก็แย่งเก้าอี้กลับมาได้

พนักงานรู้สึกเหลือเชื่อ

เขายื่นมือออกไปจะแย่งอีกครั้ง แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเนี่ยเฉา

“แย่แน่ นายแย่แน่” พนักงานโมโหกระทืบเท้า “นายกล้าเอาเก้าอี้ของคุณลั่วไป นายไม่อยากทำงานในเหิงเตี้ยนแล้วใช่ไหม”

นักแสดงตัวประกอบ ถ้าอยากแบนก็ง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย

เนี่ยเฉาไม่มีเวลาคุยกับเขา

เขายกเก้าอี้เดินไปหาอิ๋งจื่อจิน “บอส วันนี้ลางไม่ดีเลย พรุ่งนี้ค่อยชวนบอสมาดูใหม่ ผมพาบอสไปเดินเล่นแถวจุดท่องเที่ยวประตูเฉิงเทียนดีกว่า ทางนั้นวิวกลางคืนสวยมาก”

เก้าอี้ของเขา เขาจะถือไว้ไม่ให้คุณลั่วอะไรนั่นนั่ง

“ไปสิ” อิ๋งจื่อจินก็ไม่ได้มองพนักงานคนนั้น

ทั้งสองคนเดินตามกันไป ไม่สนใจพนักงาน

พนักงานหน้าเขียวหน้าดำ โกรธจนตัวสั่น แต่ที่มากกว่าคือความกลัว

เขาไม่ได้เก้าอี้ไป อีกเดี๋ยวกลับไปจะตอบยังไง

เสียงจากตรงนี้ก็ไม่ใช่เบาๆ แถมยังอยู่ใกล้จุดถ่ายทำ

ผ่านไปไม่กี่วินาทีก็มีคนมา

ซึ่งก็คือผู้จัดการส่วนตัวที่ก่อนหน้านี้ให้พนักงานคนนี้มาหาเก้าอี้

พอเห็นพนักงานยืนเฉยอยู่ตรงนั้น ผู้จัดการส่วนตัวก็ไม่พอใจ “จื่อเย่ว์ให้นายมาเอาเก้าอี้ นายทำอะไรอยู่ อยากโดนหักเงินเดือนเหรอ”

“พี่เฉิน ผมก็มายกเก้าอี้” ซวยแบบไม่มีสาเหตุ พนักงานรู้สึกแย่มาก “แต่ไม่รู้มีนักแสดงตัวประกอบโผล่มาจากไหน มาแย่งเก้าอี้ไป”

“ตัวประกอบเหรอ” ผู้จัดการส่วนตัวขมวดคิ้ว “ตัวประกอบกล้าแย่งของของจื่อเย่ว์เลยเหรอ”

ตัวประกอบอะไรกัน ยังอยากทำงานอยู่ไหม

พนักงานพูดต่อ “แถมยังใส่รองเท้าแตะด้วย ไม่ได้มีมารยาทเลยสักนิดครับ”

“ช่างเถอะๆ นายไม่ต้องสนใจเรื่องเก้าอี้แล้ว” ผู้จัดการส่วนตัวส่ายมือ “จื่อเย่ว์อยากกินขนมกุ้ยฮวาของร้านที่อยู่ทางตะวันตก นายไปซื้อมาหน่อย”

พนักงานเช็ดเหงื่อแล้วรีบออกไปโดยเร็ว

อีกด้านหนึ่ง

ร้านเนื้อย่างเสียบไม้

ฟู่อวิ๋นเซินต่อคิวเสร็จ หลังจากเข้าไปนั่งในห้องส่วนตัวแล้วถึงให้เนี่ยเฉาพาอิ๋งจื่อจินมา

ร้านเนื้อย่างร้านนี้ไม่มีกลิ่นถ่านแบบร้านอื่น อากาศสดชื่น พื้นสะอาดสะอ้าน

ดาราหลายคนหลังจากถ่ายทำเสร็จก็จะมากินที่ร้านนี้

ฟู่อวิ๋นเซินกำลังหันไปสั่งอาหารกับพนักงาน พอเห็นอิ๋งจื่อจินเข้ามาก็เว้นที่นั่งข้างๆ ให้เธอนั่งลง

“คุณชายเจ็ด ฉันโมโหจะตายอยู่แล้ว” เนี่ยเฉาวางเก้าอี้หรูของตัวเองลง นั่งฝั่งตรงข้าม “นายรู้ไหมว่าฉันสั่งทำเก้าอี้ตัวนี้ตั้งเท่าไร แต่กลับมีคนจะมาแย่งเก้าอี้ฉันไปหน้าตาเฉย”

“ฉันจะบอกให้นะคุณชายเจ็ด อารมณ์ร้อนอย่างฉันเกือบเอาเก้าอี้ทุ่มใส่คนนั้นแล้ว”

“อืม จากนั้นฉันจะไปแจ้งความให้ตำรวจมาจับนาย พี่ใหญ่ของนายยังต้องจ่ายเงินประกันตัวด้วย”

“…”

เนี่ยเฉาอึ้งไปทันที

ฟู่อวิ๋นเซินสั่งอาหารเสร็จก็หันไป “เยาเยา ไม่เป็นไรใช่ไหม”

ภายในโรงถ่ายเหิงเตี้ยนเกิดความขัดแย้งกันได้ง่าย เดิมทีเขาคิดว่ามีเนี่ยเฉาที่เป็นเจ้านายอยู่ อย่างน้อยก็สามารถเลี่ยงเรื่องพวกนี้ได้

เห็นทีก็ยังคงประมาทเกินไป

ต่อไปเด็กน้อยที่เขาพามา เขาดูแลเองจะดีกว่า

“ฉันไม่เป็นไร” อิ๋งจื่อจินใช้มือขวาเท้าคาง

มืออีกข้างหยิบขวดออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วโยนให้เนี่ยเฉา

“บอส นี่อะไรเหรอ” เนี่ยเฉาหยิบขึ้นมาเปิดดู จากนั้นก็ตื่นเต้น “นี่เป็นยาที่ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้ผมเหรอ”

“ไม่ใช่” อิ๋งจื่อจินยังไม่ตอบ ฟู่อวิ๋นเซินเงยหน้าขึ้นอย่างใจเย็น พูดเสียงเนิบ “ยาบำรุงไต”

เนี่ยเฉา “…”

เขายังหนุ่มยังแน่น ทำไมต้องบำรุงไตด้วย

ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินโค้งมน ยิ้มเล็กน้อย “ใช่ไหมเด็กน้อย”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้า

บำรุงไต เป็นเพียงหนึ่งในสรรพคุณ

พูดแบบนี้ไม่ผิด

เนี่ยเฉาหัวใจสลาย

ทั้งสองคนรวมหัวกันแกล้งคนโสดอย่างเขาที่มักถูกสาวเฉดหัวส่ง

“จริงสิ พี่ชายยังไม่ได้ถาม…” ฟู่อวิ๋นเซินพับแขนเสื้อขึ้นไปถึงศอก หยิบปีกไก่ขึ้นมาหนึ่งไม้ “วันนี้สอบเป็นไงบ้าง”

“พอไหว”

“อืม วิทยาศาสตร์มั่นใจว่าจะถึงร้อยไหม”

“สามร้อยมั้ง”

“พรวด” เนี่ยเฉาพ่นเบียร์ “บอส เรื่องทะเลาะวิวาทบอสชำนาญมาก แต่เรื่องเรียนบอสเหมือนผม เป็นเด็กเรียนแย่เหมือนกัน”

เขาเรียนจบมานานแล้ว แต่ก็รู้ว่าคะแนนวิทยาศาสตร์สามร้อยคือคะแนนเต็ม

ใช่ว่าเขาจะไม่เคยแอบสืบผลการเรียนของอิ๋งจื่อจินในชิงจื้อ แค่ผ่านยังยาก

ยังมีบางเรื่องที่เขาเหมือนบอสอยู่บ้าง นี่ทำให้เนี่ยเฉารู้สึกใจชื้นขึ้น

ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบมองเนี่ยเฉา “ไม่เหมือนกัน”

“หา?”

“นายไม่ได้เป็นเด็กดีเหมือนเด็กน้อยของฉัน”

เนี่ยเฉามองอิ๋งจื่อจินที่ตั้งหน้าตั้งตากินเนื้อย่าง “…”

เป็นเด็กดี

เด็กดีแบบที่มือเดียวเอาชนะผู้ชายร่างยักษ์สิบกว่าคนได้

หลังจากกินข้าวเสร็จเนี่ยเฉาก็เริ่มอวด “คุณชายเจ็ด บอส ผมมีห้องชุดชั้นบนสุดอยู่ที่นี่ด้วย เก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว เตรียมไว้ให้บอสกับคุณชายเจ็ดโดยเฉพาะ”

“จะสี่ทุ่มแล้ว” ฟู่อวิ๋นเซินดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือแล้วลุกขึ้น “เยาเยา ได้เวลากลับบ้านนอนแล้ว”

“ไม่ จะดูละคร”

“พรุ่งนี้เจอตัวจริง”

“ไม่เอา”

“…”

เนี่ยเฉาหูผึ่งฟังอยู่ ดวงตาเป็นประกาย

“ได้” ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้ “ให้ดูแค่ตอนเดียว”

ทั้งสามคนเดินกลับ

ขณะเดินได้ผ่านตำหนักสมัยหมิงชิงก่อนหน้านี้

เวลานี้ทีมงานเลิกกองเรียบร้อยแล้ว

ลั่วจื่อเย่ว์ถ่ายทำมาทั้งวัน ทั้งยังต้องคุกเข่าเป็นเวลานาน ร่างกายเหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

โดยเฉพาะคืนนี้ที่ไม่มีแม้แต่เก้าอี้นุ่มๆ ให้นั่ง เก้าอี้แข็งทำให้เธอไม่มีแม้แต่อารมณ์กินข้าว

ลั่วจื่อเย่ว์แค่อยากรีบกลับไปพักผ่อน หันไปสั่งพนักงานที่อยู่ข้างๆ “เก็บข้าวของของฉันให้ด้วยนะ”

พนักงานรีบตอบรับ พอหันไปก็เห็นชุดสูทสีชมพูที่ดูเด๋อด๋า

ลั่วจื่อเย่ว์เห็นเขาไม่ขยับ จึงหน้านิ่ว “รีบหน่อย”

“คุณลั่วครับ ตัวประกอบคนนั้นไงครับ” พนักงานไม่มีทางปล่อยโอกาสที่จะได้สร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อหน้าลั่วจื่อเย่ว์ เขาชี้ไปข้างหน้า “เก้าอี้ที่เขาอุ้มอยู่ก็คือเก้าอี้ที่ผมไปหามาให้คุณ”

ลั่วจื่อเย่ว์ถอดแว่นกันแดดออกแล้วมองไปตามที่เขาชี้

แต่คนแรกที่เธอสังเกตเห็นไม่ใช่เนี่ยเฉา แต่เป็นอิ๋งจื่อจินที่ยืนอยู่ข้างกัน

แสงไฟข้างทางสลัวเห็นไม่ชัด

แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ไม่อาจปิดบังใบหน้าอันงดงามชวนหลงใหลของเด็กสาว

ลั่วจื่อเย่ว์จำได้ตั้งแต่แวบแรก

นี่เป็นพวกซาแซงที่คราวก่อนสะกดรอยตามเธอไปที่ร้านชานม แถมยังปากแข็งบอกไม่ใช่ ทำให้เธอขายหน้า

ดูท่าซาแซงคนนี้จะฝีมือไม่เลว สืบได้ว่าเธอถ่ายทำที่ไหน จึงเข้ามาเป็นตัวประกอบโดยเฉพาะ

ลั่วจื่อเย่ว์มีสีหน้าเย็นชา “ตามฉันมา”

มีคนหนุนหลัง พนักงานย่อมมีความกล้า

เนี่ยเฉากำลังเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้ฟู่อวิ๋นเซินฟัง ทางข้างหน้ามีสองคนเข้ามาขวาง

เขาถูกขัดจังหวะ หันหน้าไป “ใครกัน เดินเป็นไหมเนี่ย”

ลั่วจื่อเย่ว์ไม่สนใจเขา มองไปทางเด็กสาวที่กำลังกินไอศกรีมซันเด แสยะยิ้มพูดขึ้น “ทำไม คราวก่อนฉันยังพูดกับเธอไม่ชัดอีกเหรอ ยังจะกล้ามาอีกเหรอ”

ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น เขาก้าวขึ้นหน้า ปกป้องอิ๋งจื่อจินไว้ข้างหลัง

น้ำเสียงทุ้มต่ำ กำลังหัวเราะ “คุณว่าไงนะ”

ลั่วจื่อเย่ว์ถึงได้สังเกตเห็นว่ายังมีบุคคลที่สาม พอมองไปกลับอึ้ง

ไม่ได้สติกลับมาอยู่นาน จนกระทั่งมีเสียงดังมาจากด้านหลัง เสียงของโปรดิวเซอร์

“คุณลั่ว พรุ่งนี้ฉากของคุณถ่ายเจ็ดโมง ห้ามมาสายนะครับ”

ลั่วจื่อเย่ว์รู้สึกหงุดหงิด แต่ก็ยังคงต้องตอบ “รบกวนคุณต้องมาแจ้งแล้ว ขอบคุณนะคะ”

พูดจบก็หันไปมองอิ๋งจื่อจินกับเนี่ยเฉาด้วยสีหน้าเย็นชา เชิดคางขึ้น “สองคนนี้ ต่อไปฉันไม่อยากเห็นในเหิงเตี้ยนอีก”

“ไม่อย่างนั้นฉันไม่ขอถ่ายแล้วค่ะ”

ตัวประกอบสองคน สถานะเทียบชั้นกับเธอไม่ได้ หาคนมาแทนได้เสมอ

โปรดิวเซอร์นึกไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้ เขาอึ้งไปชั่วขณะมองไป

พ่อเห็นก็เกร็งไปหมดทั้งตัว

“บอส ทำไมมาเองเลยล่ะครับ” โปรดิวเซอร์สะพรึงกลัว เกือบคุกเข่าแล้ว “ผมสาบานเลยว่าละครครั้งนี้ไม่น้ำเน่าเหมือนครั้งก่อนแล้วจริงๆ ครับ”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
อ่านนิยาย คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ‘จื่อจิน ถึงเธอจะเป็นลูกสาวของพวกเรา แต่พวกเราเลี้ยงเสี่ยวเซวียนมาสิบห้าปี ผูกพันกับเสี่ยวเซวียนมาก เสี่ยวเซวียนถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู ไม่เหมือนเธอที่ทนความลำบากที่บ้านนอกมาตลอด ดังนั้นคุณหนูใหญ่ของตระกูลอิ๋งก็ยังคงเป็นเสี่ยวเซวียน’ ‘เธอคงจะน้อยใจ แต่เธอจิตใจดีขนาดนี้ แม่รู้ว่าเธอไม่มีทางถือสาแน่นอน วางใจนะ อะไรที่เธอควรได้ก็จะไม่มีทางน้อยหน้า’ ‘อะไรนะ เธอเองก็อยากไปด้วยล้อเล่นหรือเปล่า ทางนั้นเขาต้องการคุณหนูไฮโซ เธอน่ะ แม้แต่เล่นเปียโนสักเพลงก็ยังไม่เป็น จะไปเล่าอะไรให้เขาฟังมีแต่จะทำขายหน้า’ ภายในความฝันเป็นเงาคนเต็มไปหมดกับคำพูดที่ตีกันยุ่งเหยิง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset