คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 193 บุคคลที่เก่งพิสดารอย่างอิ๋งจื่อจิน

อิ๋งเย่ว์เซวียนเชื่อฟังจงมั่นหวามาตลอด ไม่ขัดขืนแม้แต่น้อย

เธอจำต้องเอาโทรศัพท์ออกมาแล้วเริ่มโทรหาอิ๋งเทียนลี่ว์ที่อยู่ยุโรป

ปลายสายรับอย่างรวดเร็ว มีเสียงลมแรงมาก และยังมีเสียงรบกวนหนวกหูพอสมควร

“ฮัลโหล พี่คะ ฉันเสี่ยวเซวียนนะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนจับโทรศัพท์ “เกิดเรื่องขึ้นกับคุณแม่แล้วค่ะ ต้องถูกขังสิบห้าวัน พี่กลับมาได้เมื่อไรคะ”

“ขังเหรอ” อิ๋งเทียนลี่ว์เพิ่งรับรองลูกค้าเสร็จ กำลังดื่มเหล้ากับเพื่อนเมื่อได้ยินเขาก็สร่างเมาทันที “เกิดอะไรขึ้น”

“เรื่องเป็นแบบนี้ค่ะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนอธิบายคร่าวๆ “ฉันห้ามแล้วแต่ห้ามไม่อยู่ น้องน่าจะขัดแย้งอะไรสักอย่างกับคุณแม่เลยไม่มาเจอ ส่งทนายมาแทน”

อิ๋งเทียนลี่ว์ฟังจบก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร พูดเพียงว่า “เสี่ยวเซวียน เอาโทรศัพท์ให้คุณแม่”

“แม่คะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนยื่นโทรศัพท์มือถือให้ “พี่จะคุยด้วยค่ะ”

จงมั่นหวาไม่อยากให้ลูกชายรับรู้เรื่องทุเรศแบบนี้เลยจริงๆ แต่เธอไม่อยากถูกขัง จึงทำอะไรช่วยไม่ได้

เธอรับมาแล้วรีบพูดขึ้น “เทียนลี่ว์ ลูกรู้จักทนายทางตี้ตูใช่ไหม ช่วยแม่ติดต่อสักคน น้องสาวของลูกทำเกินไปแล้ว”

“แม่ครับ คนที่ทำเกินไปคือแม่” อิ๋งเทียนลี่ว์โมโหจนแสยะยิ้ม “เสี่ยวเซวียนก็บอกแล้วว่าจื่อจินไม่ได้ทำ แม่ยังจะไปที่สถานีตำรวจ แม่คิดอะไรอยู่ หืม?”

“แม่…” พอได้ฟังอิ๋งเทียนลี่ว์ ความโกรธของจงมั่นหวาก็หายไปทันที เสียงก็เบาลง “เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว พูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ หาทนายก่อนเถอะ”

อิ๋งเทียนลี่ว์ก็รู้จักนิสัยของจงมั่นหวา จึงไม่พูดอะไรกับเธอมาก กดตัดสายทิ้ง

เขาหยิบไฟแช็กขึ้นมาจุดบุหรี่ นั่งพิงโซฟา สูบด้วยความหงุดหงิด

“เกิดอะไรขึ้น” ข้างเขาก็เป็นคุณชายเหมือนกัน พอเห็นเขาเป็นแบบนี้ก็อดแซวไม่ได้ “หงุดหงิดเพราะต้องปฏิเสธคุณหนูคนไหนอีกแล้วใช่ไหม”

พวกเขาสร้างกิจการที่ยุโรปด้วยกัน สองปีมานี้บริษัทอยู่ในช่วงตั้งตัว

แน่นอนว่าก็เป็นแค่บริษัทเล็กๆ เท่านั้น

เนื่องจากอิ๋งเทียนลี่ว์มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่น ต่อให้อยู่เมืองนอกก็เป็นที่ชื่นชอบมากเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ไม่นานยังมีคุณหนูเศรษฐีคนหนึ่งบอกว่าจะให้เขาแต่งเข้าตระกูล

แต่คุณชายคนนี้ก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้

อิ๋งเทียนลี่ว์ยอดเยี่ยมตั้งแต่เด็ก ทำอะไรก็ทำด้วยตัวเอง

“แม่ฉันถูกขัง” อิ๋งเทียนลี่ว์ลุกขึ้น ปัดเถ้าบุหรี่ที่เลอะเสื้อเชิ้ตสีขาว สีหน้าเย็นชา “ทำตัวเองด้วยนะ ฉันต้องเลื่อนกลับเร็วขึ้น บินไปพรุ่งนี้”

“ขังเหรอ” คุณชายตกใจ “ทำผิดเหรอ ไม่น่ามั้ง”

“ก็ไม่เชิง” อิ๋งเทียนลี่ว์นวดหว่างคิ้ว “ปีที่แล้วบ้านเรารับเลี้ยงเด็กผู้หญิงมาคน ถือเป็นน้องสาวของฉัน แม่เอาแต่พูดว่าเธอขโมยเพชรสีชมพูของเสี่ยวเซวียนไป ไม่มีหลักฐาน จนเรื่องไปถึงสถานีตำรวจ”

“ตอนนี้ถูกพิสูจน์ได้ว่าหมิ่นประมาท ก็เลยถูกขัง นายว่าแม่ฉันหาเรื่องใส่ตัวไหมล่ะ”

คุณชายไม่ได้อยู่ฮู่เฉิง ไม่รู้เรื่องตระกูลอิ๋ง พอได้ฟังก็ส่ายหน้า “แม่นายทำแบบนี้ประหลาดจริงๆ”

“พวกนายเที่ยวกันไปนะ” อิ๋งเทียนลี่ว์หยิบเสื้อสูท พยักหน้า “ฉันกลับก่อน”

หลังเดินออกจากเคทีวีเขาก็กดส่งข้อความหาผู้ช่วยให้จองตั๋วเครื่องบินพรุ่งนี้สิบโมงเช้า

อิ๋งเทียนลี่ว์ผ่อนลมหายใจช้าๆ นึกถึงเรื่องบางอย่าง

เขารู้เรื่องที่จงมั่นหวากับอิ๋งเจิ้นถิงรับเลี้ยงเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง โดยบอกว่าหน้าตาเหมือนพวกเขามาก เป็นพรหมลิขิต

ตอนนั้นเขาเพิ่งเริ่มทำกิจการ ไม่มีเวลาสนใจเรื่องนี้ก็แค่ระหว่างนั้นมีกลับมาดูบ้าง ถึงแม้จะได้เจอกันครั้งเดียว แต่อิ๋งเทียนลี่ว์ก็จำได้แม่นจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ลืม เป็นเด็กสาวที่หน้าตาสวยมากคนหนึ่ง เพียงแต่ค่อนข้างกลัวคนแปลกหน้า

ตอนมาถึงบ้านตระกูลอิ๋งดูจิตใจไม่เป็นสุข ผิวพรรณของเธอขาวมาก ตัวสูง ถือว่าสูงในเด็กรุ่นเดียวกัน ยากที่จะจินตนาการว่าในสถานที่ยากจนข้นแค้นอย่างอำเภอชิงสุ่ยจะเลี้ยงเด็กผู้หญิงแบบนี้ออกมาได้

เมื่อก่อนเขาเคยไปแถวบ้านนอก เด็กๆ ส่วนใหญ่จะซูบผอมตัวเหลือง มีเพียงแต่เธอใส่เสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยรอยปะ กางเกงก็ถูกซักจนซีดแล้ว แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับครอบครัวของเขา

เขาก็เห็นด้วยที่จงมั่นหวากับอิ๋งเจิ้นถิงจะรับเลี้ยงเด็กสาวคนนี้ ต่อมาเขาอยู่ที่ยุโรปตลอดจึงไม่รู้เรื่องอื่นๆ นึกไม่ถึงว่าครั้งนี้จะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ถ้าเป็นน้องสาวแท้ๆ ของเขา จงมั่นหวาไม่มีทางทำแบบนี้แน่นอน เขาเองก็อยากให้เด็กสาวคนนี้เป็นน้องสาวแท้ๆ ของเขา

อิ๋งเทียนลี่ว์จับศีรษะ ยิ้มพลางถอนหายใจ ดื่มมากไปจริงๆ สินะ สมองถึงได้เริ่มคิดฟุ้งซ่าน

เขาสะบัดหัว ไปล้างหน้าที่ห้องน้ำแล้วถึงเดินออกไป

วันที่ประกาศผลคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัย อาจารย์ฝ่ายวิชาการสั่งให้คนของสภานักเรียนรีบติดรายชื่อคนเก่งขึ้นบอร์ดชนิดที่แทบทนรอไม่ไหว

ยิ่งไปกว่านั้นบนหน้าจอขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงทางเข้าโรงเรียนก็ได้ขึ้นชื่อกับรูปของเวินทิงหลาน ด้านข้างยังมีดอกไม้สีแดงติดประดับ อาจารย์ฝ่ายปกครองทนชื่นชมรสนิยมคนแก่ของอาจารย์ฝ่ายวิชาการไม่ไหว จึงให้คนเอาดอกไม้แดงออก

นักเรียนมอหกถูกปล่อยแล้ว แต่ชั้นเรียนอื่นๆ ยังอยู่ในโรงเรียน พอเข้าประตูโรงเรียนก็จะเห็นหน้าจอขนาดใหญ่

เวินทิงหลานหน้าเหมือนเวินเฟิงเหมียน เครื่องหน้าคมชัดหล่อเหลา ออร่าหนุ่มน้อยเปล่งประกายชวนให้ใจสั่น หลังจากที่เขาย้ายมาอยู่ชิงจื้อ นักเรียนหญิงหลายคนก็แอบชื่นชอบเพียงแต่ปกติเขามักจะทำหน้านิ่ง จึงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้

“ได้ยินว่าคนที่สอบได้อันดับหนึ่งคนนี้เด็กกว่าพวกเราอีก เพิ่งจะสิบหกก็สอบได้คะแนนสูงขนาดนี้แล้ว เฮ้อ นี่สินะความแตกต่างระหว่างอัจฉริยะกับพวกเรา”

“พูดได้เพียงว่ายีนบ้านนี้ดี นายไม่รู้ใช่ไหมล่ะว่าเขาเป็นน้องชายของเทพอิ๋ง พี่สาวเก่งขนาดนั้น น้องชายก็ไม่ต่างกันหรอก”

จงจือหว่านไม่สนใจว่าปีนี้คนที่สอบได้คะแนนอันดับหนึ่งจะเป็นใคร เดิมทีกำลังจะเดินไป แต่พอได้ยินคำพูดนี้เธอก็หยุด หน้านิ่ว

เวินทิงหลานเป็นน้องชายของอิ๋งจื่อจินเหรอ

เธอรู้แค่ว่าอิ๋งจื่อจินมาจากอำเภอเล็กๆ ยังมีบ้านอยู่ที่นั่นด้วย แต่กลับไม่รู้ว่าที่แท้ก็ครอบครัวเดียวกับเวินทิงหลาน จงจือหว่านไม่เข้าใจความคิดของอิ๋งจื่อจิน ไม่ยอมอยู่ในตระกูลเศรษฐี แต่จะกลับไปหาครอบครัวที่ยากจนให้ได้

เวินทิงหลานสอบได้คะแนนอันดับหนึ่งแล้วอย่างไร พอถึงเวลาเรียนจบก็ต้องไปทำงานในบริษัทอยู่ดีหรือเปล่า

“นี่มันครอบครัวเทพเหรอเนี่ย” นักเรียนหญิงคลาสอัจฉริยะที่อยู่ข้างๆ รู้สึกอิจฉามาก “อิ๋งจื่อจินเป็นที่หนึ่งของชั้นปีพวกเรา น้องชายของเธอก็เป็นที่หนึ่งของชั้นมอหก”

“ปีนี้น้องชายของเธอสอบได้คะแนนอันดับหนึ่งไปแล้ว ปีหน้าก็คงเป็นอิ๋งจื่อจินแล้วล่ะเพียงแต่ไม่รู้ว่าจะได้คะแนนเท่าไร”

สีหน้าของจงจือหว่านเย็นชาลง กำสายสะพายกระเป๋าแน่น “ยังอีกตั้งปีนึง เธอรู้ได้ยังไงว่าอันดับหนึ่งจะเป็นอิ๋งจื่อจิน”

“แน่นอนอยู่แล้ว” นักเรียนหญิงมั่นใจ “ขนาดข้อสอบของห้องเราอิ๋งจื่อจินยังได้คะแนนเต็ม แล้วข้อสอบเข้ามหา’ลัยมันจะสักแค่ไหนกัน”

พอสังเกตเห็นสีหน้าของจงจือหว่านแปลกไป เธอก็รีบพูดขึ้นอีกครั้ง “แต่จือหว่านเธอก็ไม่ได้แย่ อันดับอื่นก็ดีเหมือนกัน พวกเราจะไปเทียบกับเทพพวกนั้นไม่ได้หรอก”

บุคคลที่เก่งพิสดารแบบอิ๋งจื่อจินใช่ว่าจะมีทุกปี

สีหน้าของจงจือหว่านแย่ลงกว่าเดิม ไม่สนใจเพื่อน เดินเข้าไปในอาคารเรียน

หลังจากมอบหมายเรื่องให้สีเหวยหวนไปทำ อิ๋งจื่อจินก็ไม่ได้สนใจเรื่องทางตระกูลอิ๋งอีก

เธอพาเวินทิงหลานไปรับการรักษาด้วยการสะกดจิตครั้งสุดท้าย ฟื้นฟูสภาพจิตใจ หลังเสร็จครั้งนี้เวินทิงหลานก็จะเป็นเหมือนคนปกติแล้ว

ทางมหาวิทยาลัยนอร์ตันก็มีนักสะกดจิต นอกจากทำหน้าที่ล้างความทรงจำของนักศึกษาแล้ว ก็ยังดูแลเรื่องสภาพจิตใจของนักเรียนนักศึกษาด้วยเช่นกัน

สัมภาษณ์ไม่ผ่าน ถูกเพิกถอนใบจบการศึกษา คนเหล่านี้จะต้องพบนักสะกดจิตก่อนไปจากมหาวิทยาลัย

ความลับของมหาวิทยาลัยนอร์ตันจะหลุดออกไปไม่ได้เป็นอันขาด

ถึงแม้นักสะกดจิตของมหาวิทยาลัยนอร์ตันจะไม่เหมือนอวี้เสวี่ยเซิงที่อยู่อันดับสองของชาร์ตนักสะกดจิตในเว็บบอร์ดเอ็นโอเค แต่ความสามารถก็ไม่ได้ด้อย

ตอนนี้นอร์ตันยังไม่อยู่ในมหาวิทยาลัย อิ๋งจื่อจินสามารถส่งเวินทิงหลานเข้าไปได้อย่างสบายใจ อย่างน้อยก็ไม่มีทางถูกนักเล่นแร่แปรธาตุสติเฟื่องอย่างนอร์ตันพาไปออกนอกลู่นอกทาง

ขณะเดียวกันมหาวิทยาลัยนอร์ตันก็มีความปลอดภัยสูงมาก หลังจากที่เวินทิงหลานเข้าไปแล้วจะไม่มีทางเกิดเรื่องแบบเมื่อตอนห้าขวบแน่นอน

อิ๋งจื่อจินมองห้องรับคำปรึกษาที่ปิดสนิท หันหน้าไป “ตอนนั้นเขาก็รับหน้าที่รักษาคุณเหรอ”

ฟู่อวิ๋นเซินกำลังเงยหน้ามองฟ้า พอได้ฟังก็เหลือบมองมา ยิ้มพลางพูด “ไม่ใช่ เป็นอาจารย์ของเขา ตอนนั้นเขายังเด็ก จะทำเป็นได้ยังไง”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “การสะกดจิตน่าสนใจดีนะ”

นักสะกดจิตน่ากลัวยิ่งกว่านักแม่นปืนกับนักฆ่า

ตอนที่พวกเขาลงมืออีกฝ่ายจะไม่รู้ตัว ด้วยเหตุนี้ค่าตอบแทนของการจ้างนักสะกดจิตถึงแพงกว่ามาก อิ๋งจื่อจินเคยเห็นกระทู้ล่ารางวัลในเอ็นโอเค นักสะกดจิตห้าอันดับแรกใช้เงินเชิญมาไม่ได้

เธอมองฟู่อวิ๋นเซินพลางครุ่นคิดสองสามวินาที “คุณอยากดูดวงไหม”

“หืม?” ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินโค้งมน ยิ้มเล็กน้อย “ดูอะไร ดวงเรื่องผู้หญิงเหรอ”

“ก็แล้วแต่คุณ” อิ๋งจื่อจินหยิบไพ่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อหนึ่งสำรับ “เลือกมาสามใบ”

ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว “ไพ่ทาโรต์เหรอ”

นิ้วเรียวยาวของเขายกขึ้น ปลายนิ้วลากไปบนไพ่พวกนั้น เตรียมจะหยิบ ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นในเวลานี้ เสียงรีบเร่ง กวนใจเหลือเกิน ฟู่อวิ๋นเซินชักมือกลับ “เยาเยา รับโทรศัพท์ก่อนสิ”

อิ๋งจื่อจินเหลือบมองแล้วถึงกดรับ “ค่ะคุณตา”

เบอร์เป็นเบอร์ของผู้เฒ่าจง แต่คนที่โทรมากลับไม่ใช่เขา

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
อ่านนิยาย คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ‘จื่อจิน ถึงเธอจะเป็นลูกสาวของพวกเรา แต่พวกเราเลี้ยงเสี่ยวเซวียนมาสิบห้าปี ผูกพันกับเสี่ยวเซวียนมาก เสี่ยวเซวียนถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู ไม่เหมือนเธอที่ทนความลำบากที่บ้านนอกมาตลอด ดังนั้นคุณหนูใหญ่ของตระกูลอิ๋งก็ยังคงเป็นเสี่ยวเซวียน’ ‘เธอคงจะน้อยใจ แต่เธอจิตใจดีขนาดนี้ แม่รู้ว่าเธอไม่มีทางถือสาแน่นอน วางใจนะ อะไรที่เธอควรได้ก็จะไม่มีทางน้อยหน้า’ ‘อะไรนะ เธอเองก็อยากไปด้วยล้อเล่นหรือเปล่า ทางนั้นเขาต้องการคุณหนูไฮโซ เธอน่ะ แม้แต่เล่นเปียโนสักเพลงก็ยังไม่เป็น จะไปเล่าอะไรให้เขาฟังมีแต่จะทำขายหน้า’ ภายในความฝันเป็นเงาคนเต็มไปหมดกับคำพูดที่ตีกันยุ่งเหยิง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset