คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 234 ตบหน้า คนตรงหน้านี่แหละบรรพบุรุษของหมอแผนโบราณ

เป็นความจริงที่ว่า เมื่ออยู่นอกเมืองตี้ตู ชื่อเสียงของตระกูลเมิ่งยังอยู่ห่างไกลกับตระกูลมู่และตระกูลเนี่ยอยู่มาก คนทั่วไปไม่รู้จัก

หรือแม้กระทั่งตระกูลตี้อู่ก็ไม่รู้จัก

เนื่องจากนักพยากรณ์ดวงชะตามีจำนวนลดน้อยลงเรื่อยๆ ช่วงยุคหลังของศตวรรษที่ยี่สิบ ตระกูลตี้อู่ก็หันไปทำธุรกิจแล้ว

ถึงแม้จะยังสู้ตระกูลมู่ไม่ได้ แต่ก็มีรากฐานที่มั่นคง

อย่างไรเสียประวัติของตระกูลตี้อู่ก็สามารถไล่เรียงไปถึงสมัยราชวงศ์ถังได้

ตี้อู่เซ่าเสียนมีพรสวรรค์ในการพยากรณ์โชคชะตามากขนาดนั้น เดิมทีเมื่อก่อนบรรพบุรุษของเขาอยู่ในวังหลวงทำนายดวงชะตาให้เหล่าเชื้อพระวงศ์มาตลอด

คนภายนอกต่างรับรู้ว่าตระกูลเมิ่งเป็นตระกูลแพทย์แผนจีน

ทว่ามีเพียงคนที่ได้ใกล้ชิดกับตระกูลเมิ่งเท่านั้นถึงรู้ว่า ถึงแม้ประวัติของตระกูลเมิ่งจะยาวนานสู้ตระกูลอื่นไม่ได้ แต่ก็มีความสามารถที่เก่งจนน่ากลัว

ข้างกายของแพทย์แผนโบราณจะต้องมีจอมยุทธ์คอยคุ้มกัน

จอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งหนึ่งคนสามารถกวาดล้างตระกูลใหญ่ที่อยู่ในโลกของปุถุชนได้

นี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมตระกูลใหญ่ๆ ถึงมุ่งมั่นที่จะตามหาพวกจอมยุทธ์

มีจอมยุทธ์มานั่งเป็นเสาหลักยังจะต้องกลัวอะไรอีก

มู่เฉินโจวไม่รู้ถึงการมีอยู่ของจอมยุทธ์ เขาจึงคิดมาตลอดว่าตระกูลเมิ่งเทียบชั้นกับตระกูลมู่ไม่ได้

แต่เขาเคยได้ยินคุณนายมู่บอกว่า อาการป่วยของมู่เฮ่อชิงล้วนต้องพึ่งการรักษาอย่างเอาใจใส่ของพวกหมอเทวดาในตระกูลเมิ่งทั้งหมด

นี่ไม่ถือว่าเป็นความลับในตระกูลมู่

มู่เฮ่อชิงยังอยู่ ตระกูลมู่ก็ไม่ล้ม

ด้วยเหตุนี้ทุกคนในตระกูลมู่จึงให้ความยำเกรงสมาชิกทั้งหมดของตระกูลเมิ่งเป็นพิเศษ

มู่เฉินโจวรู้สึกยิ่งกว่าเดิมว่า อิ๋งจื่อจินไม่ได้มีความฉลาดเลยจริงๆ เขาผิดหวังมากกว่าเดิม

แม้แต่ตระกูลมู่ยังไม่คิดจะไปแย่งชิงอะไรกับตระกูลเมิ่ง ตระกูลเมิ่งอยากได้อะไรก็ควรเตรียมไว้ให้

ไปแย่งดอกทิวลิปพันธุ์หายากที่ตระกูลเมิ่งจับจองไว้แล้วอย่างนั้นเหรอ

นี่ไม่เท่ากับตัดอนาคตของตัวเองหรอกเหรอ

สมาชิกตระกูลเมิ่งทุกคนต่างเรียนแพทย์ อีกทั้งยังกระจายกันอยู่ทั่วทั้งประเทศ หรือแม้กระทั่งในโรงพยาบาลใหญ่ๆ ของโลก

ถ้าล่วงเกินตระกูลเมิ่ง อีกหน่อยป่วยก็ไม่มีใครรักษา

มู่เฉินโจวรู้ถึงเหตุผลข้อนี้ถึงได้บอกให้อิ๋งจื่อจินยอมถอยจากของประมูลชิ้นนี้

นี่เป็นการเตือนและแจ้งให้ทราบ

บรรดาแขกเหรื่อในห้องจัดงานต่างคาดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นระหว่างการประมูล

แถมคนที่พูดยังเป็นมู่เฉินโจว คุณชายสายตรงของตระกูลมู่

เพียงชั่วพริบตา สายตาทุกคู่ก็จับจ้องไปที่เด็กสาวที่กำลังชูป้ายประมูล

มีทั้งสายตาสงสัยและตกใจ รวมถึงสายตาพินิจพิจารณา

จงมั่นหวาไม่ได้มองไป

มือของเธอจับกระเป๋าแน่น ความรู้สึกอับอายอย่างรุนแรงทะลักขึ้นมาเต็มสมอง ทำให้เธอหายใจไม่ทั่วท้อง

เพราะอะไรเธอถึงยอมวางยานอนหลับในน้ำผลไม้ที่ให้อิ๋งจื่อจิน ดีกว่าพาอิ๋งจื่อจินมาออกงานด้วย ก็เพราะกลัวจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้

ตอนนี้กลับได้เรื่อง ไม่เพียงแต่จะขายหน้าไปทั่วทั้งวงการไฮโซของฮู่เฉิง ยังทำขายหน้าต่อหน้าคุณหนูคุณชายของตี้ตูด้วย

ผ่านไปสักพักกว่าจงมั่นหวาถึงจะเริ่มหายใจได้คล่อง

การตัดสินใจในตอนแรกของเธอนั้นถูกต้องแล้ว คุณหนูใหญ่ตระกูลอิ๋งต้องเป็นอิ๋งเย่ว์เซวียนเท่านั้น

“มู่เฉินโจว น่าตลกจริงๆ” อิ๋งเทียนลี่ว์ยืนขึ้นท่ามกลางความเงียบ “ขอถามหน่อย นายมีสิทธิ์อะไรมาหยุดการประมูลครั้งนี้”

สายตาของเขาเย็นชา น้ำเสียงไม่พอใจ “ถ้าฉันจำไม่ผิด แม้แต่บัตรเชิญของนายยังไม่ได้มาจากผู้เฒ่ามู่ด้วยซ้ำ ไม่ให้คนอื่นเข้าร่วม นายคิดว่าตัวเองเป็นใครเหรอ”

พอคำพูดนี้ออกมา แขกทั้งงานก็ตะลึง

คนที่มางานเต้นรำครั้งนี้ล้วนเป็นเศรษฐีตระกูลใหญ่ และต่างก็รู้สถานะของมู่เฉินโจว

ตระกูลมู่แห่งตี้ตู!

ดังนั้นต่อให้เขาไม่ใช่คนจัดงานครั้งนี้ แต่ทุกคนต่างก็มองเขาเป็นกึ่งผู้จัดงานอย่างรู้กัน

“เทียนลี่ว์!” จงมั่นหวาสีหน้าเปลี่ยน แต่มีคนอยู่เยอะขนาดนี้เธอจะใช้เสียงดังไม่ได้ ทำได้เพียงกัดฟันพูด “เทียนลี่ว์ บ้าไปแล้วเหรอ!”

ตระกูลอิ๋งของพวกเขาเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลเศรษฐีใหญ่ก็จริง แต่เทียบกับตระกูลมู่ได้ที่ไหนกัน

ล่วงเกินตระกูลมู่ วันหน้าตระกูลอิ๋งยังจะประสบความสำเร็จอะไรในทางธุรกิจได้อีก

แค่ตระกูลมู่พูดลอยๆ ก็สามารถปิดกั้นเส้นทางทำกินของตระกูลอิ๋งได้แล้ว

มู่เฉินโจวอึ้งไปชั่วขณะ แต่เขาก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว “บัตรเชิญของฉันไม่ได้มาจากคุณปู่จริงๆ ฉันเอามาได้ด้วยความสามารถของตัวเอง”

สายตาของอิ๋งเทียนลี่ว์เริ่มดุดัน แสยะยิ้ม

เขาที่สุภาพวางตัวดีมาตลอดได้พูดหยาบคายออกมา “นายมันก็ดีแต่พูดเพ้อเจ้อ”

บรรดาแขกเหรื่อต่างพากันซุบซิบ

มู่เฉินโจวเม้มริมฝีปาก

ในที่สุดผู้ชายที่นั่งข้างเขาก็เริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนอง

คล้ายมีรอยยิ้มในดวงตา แต่กลับไม่ได้มาจากส่วนลึก

เขาจิบชาอย่างสุภาพแล้วถึงพูดด้วยน้ำเสียงสุขุมรื่นหู “ขอโทษด้วยครับ อาจเพราะผมอยากได้ดอกไม้หายากชนิดนี้มากเกินไป”

“แต่ไม่ได้นำเงินมามากขนาดนั้น ก็เลยจำต้องขอให้คุณผู้หญิงท่านนี้ถอนตัวจากการประมูลครั้งนี้ ยอมตัดใจนะครับ”

“หลังจากนี้ตระกูลเมิ่งจะตรวจรักษาให้คุณฟรีหนึ่งครั้งโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น”

จงมั่นหวาเงยหน้าขึ้นทันที รู้สึกดีใจขึ้นมา

เธอไหว้วานให้คุณนายมู่ติดต่อตระกูลเมิ่งมาตลอด แต่ตระกูลเมิ่งก็ไม่มา

ตอนนี้มีโอกาสดีขนาดนี้วางอยู่ตรงหน้า จะพลาดไม่ได้เด็ดขาด

อาการปวดหัวของคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งจะรอช้าไม่ได้

“เธอจะถอนตัวจากการประมูลค่ะ” จงมั่นหวาจัดชุดให้เรียบร้อยแล้วยืนขึ้น ยิ้มให้ผู้ชายคนนั้น “เธอไม่รู้เรื่องดอกไม้อะไรนั่นหรอกค่ะ ประมูลมาได้ก็เสียของ จะถอยให้คุณนะคะ”

พูดจบก็หันไปเรียกด้วยเสียงอ่อนโยน “จื่อจิน รีบรับปากสิ ถ้าลูกอยากได้ดอกไม้ เดี๋ยวกลับไปแม่จะซื้อให้หลายๆ กระถางเลยนะ ดีไหม”

ดอกไม้ดอกเดียวแลกกับการรักษาฟรีจากตระกูลเมิ่งได้หนึ่งครั้งเชียวนะ

“คุณนายอิ๋งช่างน่าสนใจจริงนะครับ เริ่มทำตัวสนิทสนมเอาตอนนี้” ดวงตาของฟู่อวิ๋นเซินขยับ เขาแสยะยิ้ม น้ำเสียงเย็นชา “อยากให้ผมเตือนสติอีกครั้งไหมครับ…”

“เยาเยาย้ายออกจากทะเบียนบ้านตระกูลอิ๋งแล้ว ไม่ใช่คนของตระกูลอิ๋ง คุณยังจะเรียกแทนตัวเองว่าแม่อีก วันนี้ลืมกินยาก่อนมาเหรอครับ”

อิ๋งจื่อจินเอามือข้างหนึ่งเท้าศีรษะ แววตาดุจหิมะ น้ำเสียงเรียบเฉย “อาจกินเยอะไปก็ได้นะ”

จงมั่นหวารู้สึกเหลือเชื่อ

ราวกับมีคนต่อยเธอกลางอากาศ แม้แต่เลือดตรงริมฝีปากก็หายไปหมด

เธอได้ยินพวกคุณนายที่สนิทกับเธอที่นั่งอยู่แถวนั้นพากันซุบซิบ ทั้งยังเงยหน้ามองเธอ

“เอ๊ะ ที่แท้ก็ไม่ได้ถูกไล่ออกไป เธอออกไปเองงั้นเหรอ ก็แสดงว่าคุณนายอิ๋งพูดมั่วๆ เองน่ะสิ”

“ช่างเถอะ ฉันเองก็ชินแล้ว มั่นหวายึดติดกับศักดิ์ศรีมาตลอด จะพูดโกหกก็เป็นเรื่องปกติ”

“แต่ว่านะมั่นหวา เธอ…ไม่ใช่แม่ของเด็กคนนั้นแล้ว เมื่อกี้พูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง”

จงมั่นหวารู้สึกหูอื้อ ยืนแทบไม่อยู่

สีหน้าเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวซีด

เธอเป็นพวกรักษาภาพพจน์มาตลอด ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลังก็ล้วนต้องเป็นสตรีไฮโซที่สง่างาม

เคยถูกคนพูดแบบนี้ใส่ที่ไหนกัน

อิ๋งเย่ว์เซวียนรีบประคองเธอนั่งลง “ดื่มน้ำอุ่นหน่อยนะคะแม่”

จงมั่นหวาเนื้อตัวเย็นเฉียบ มือก็กำลังสั่น คอแห้งผาด “น้องสาวของลูก…น้องสาวของลูก…”

อิ๋งเย่ว์เซวียนขมวดคิ้ว “แม่คะ งานประมูลไม่ใช่ว่าใครให้ราคาสูงก็ได้ของไปเหรอคะ อีกอย่างน้องจื่อจินก็ถูกใจดอกทิวลิปดอกนั้นก่อน ในเมื่อน้องมีเงิน ให้ราคาก็สูง ก็ต้องเป็นของน้องสิคะ”

“เด็กคนนั้นจะไปเอาเงินมาจากไหนได้” จงมั่นหวาหายใจแรง แสยะยิ้ม “ลูกดูสิว่าน้องอยู่กับใคร ฟู่อวิ๋นเซิน!”

“คนอื่นให้เงินนิดหน่อยก็ขายตัวเองแล้ว ลูกคิดว่าน้องหาเงินมาได้เองเหรอ”

เธอไม่เคยเอาบัตรให้อิ๋งจื่อจิน ขนาดอิ๋งเย่ว์เซวียนเธอยังไม่เคยให้เงินหนึ่งล้านในครั้งเดียวสำหรับเอาไว้ใช้ แล้วอิ๋งจื่อจินจะมีได้อย่างไร

อิ๋งเย่ว์เซวียนเลิกพูด

ส่วนผู้ชายที่เอ่ยปากก่อนหน้านี้ก็ขมวดคิ้ว มองไปทางมู่เฉินโจว

มู่เฉินโจวส่ายหน้า “เรื่องของตระกูลอิ๋งค่อนข้างซับซ้อนครับ”

ผู้ชายคนนั้นครุ่นคิดเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ถามต่อ พูดเพียงว่า “วันนี้ต้องเอามาให้ได้”

“แน่นอนครับ” มู่เฉินโจวพยักหน้า “เธออายุยังน้อย ไม่ประสีประสาเรื่องพวกนี้ อย่าไปถือสาเธอเลยครับ”

คำพูดนี้หมายถึงอิ๋งจื่อจิน

“หืม?” รอยยิ้มของผู้ชายคนนั้นกว้างขึ้น “แน่นอนว่าคงไม่ถึงกับถือสาเด็กสาวแค่คนเดียว”

คนที่อยู่ที่นี่ ต่อให้รักษาโรคเป็นก็มองไม่ออกว่าดอกทิวลิปดอกนี้แท้จริงแล้วเป็นหลิงจือหิมะสมุนไพรหายาก

หลิงจือหิมะ มีเพียงแพทย์แผนโบราณเท่านั้นที่รู้ว่าต้องใช้อย่างไร

หากวางไว้ในบ้านคนทั่วไปก็เป็นเพียงดอกไม้ที่ไว้สำหรับประดับเสียมากกว่า

เขาเองก็อ่านมาจากตำราตกทอดของบรรพบุรุษในแวดวงแพทย์แผนโบราณ ถึงได้รู้ว่าดอกไม้ชนิดนี้คือหลิงจือหิมะ

มู่เฉินโจวโล่งอก ให้สัญญาณนักประมูลที่อยู่บนเวที “เริ่มใหม่”

เดิมทีนักประมูลก็มาจากตี้ตู เขาย่อมไม่มีทางล่วงเกินมู่เฉินโจวกับคนของตระกูลเมิ่ง

“ผมจะช่วยประมูลให้นะครับ” ขณะพูดมู่เฉินโจวก็ชูป้ายประมูลขึ้น “ห้าหมื่น”

นักประมูลรีบเคาะอย่างรวดเร็วเพราะกลัวจะถูกแย่ง

คิ้วที่ขมวดอยู่ของผู้ชายที่นั่งข้างมู่เฉินโจวถึงค่อยๆ คลายออก

แต่วินาทีที่นักประมูลกำลังจะเคาะครั้งที่สามก็มีเสียงทุ้มต่ำดังขึ้น

“ห้าล้าน”

“…”

เกิดความเงียบขึ้นทันที

“หรือว่า…”

ฟู่อวิ๋นเซินหันหน้ามา ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏแก่สายตาของทุกคน จะพูดว่าสยบคนทั้งงานได้ก็คงไม่เกินไป

น้ำเสียงของเขาเอื่อยเฉื่อยเช่นเคย หากตั้งใจฟังจะรู้สึกได้ถึงความเย็นชา “คุณก็จะไม่ให้ผมเข้าร่วมประมูลครั้งนี้ด้วยเหมือนกัน”

สีหน้าของมู่เฉินโจวแย่ลงไปมาก เม้มริมฝีปากแน่น

ผู้ชายที่นั่งข้างเขาก็หุบยิ้ม เป็นครั้งแรกที่มองไปทางต้นเสียง

พอเห็นก็ดวงตาเบิกโพลง

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
อ่านนิยาย คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ‘จื่อจิน ถึงเธอจะเป็นลูกสาวของพวกเรา แต่พวกเราเลี้ยงเสี่ยวเซวียนมาสิบห้าปี ผูกพันกับเสี่ยวเซวียนมาก เสี่ยวเซวียนถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู ไม่เหมือนเธอที่ทนความลำบากที่บ้านนอกมาตลอด ดังนั้นคุณหนูใหญ่ของตระกูลอิ๋งก็ยังคงเป็นเสี่ยวเซวียน’ ‘เธอคงจะน้อยใจ แต่เธอจิตใจดีขนาดนี้ แม่รู้ว่าเธอไม่มีทางถือสาแน่นอน วางใจนะ อะไรที่เธอควรได้ก็จะไม่มีทางน้อยหน้า’ ‘อะไรนะ เธอเองก็อยากไปด้วยล้อเล่นหรือเปล่า ทางนั้นเขาต้องการคุณหนูไฮโซ เธอน่ะ แม้แต่เล่นเปียโนสักเพลงก็ยังไม่เป็น จะไปเล่าอะไรให้เขาฟังมีแต่จะทำขายหน้า’ ภายในความฝันเป็นเงาคนเต็มไปหมดกับคำพูดที่ตีกันยุ่งเหยิง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset