คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 29 ตบหน้าคลาสเด็กอัจฉริยะทั้งหมด

“…”

ประโยคเดียวทำให้ทั้งห้องเงียบสนิท

พวกนักเรียนในชั้นอดหันไปมองที่มุมห้องอีกครั้งไม่ได้ พอมองไป เสียงคัดค้านก็ถูกกลืนลงท้องไปทั้งหมด

เด็กสาวนั่งเงียบๆ อยู่ตรงนั้น แสงแดดสาดส่องอาบใบหน้าของเธอจนเป็นสีทอง

ไร้การตกแต่งอย่างตั้งใจ แต่กลับงดงามสะกดตาอย่างไม่ได้ตั้งใจ

ความงดงามขนาดนี้มีคนได้ครอบครองจริงเหรอ

บอกว่างามดุจนางฟ้ายังเหมือนเป็นการลดทอนคุณค่าเสียด้วยซ้ำ

อิงเฟยเฟยโมโหมาก “พวกเธอกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าเสี่ยวเซวียนใช่ไหม”

พวกนักเรียนในห้องต่างมองหน้ากัน ไม่พูดอะไรอีก เริ่มทนทวนบทเรียน

ระหว่างทบทวนบทเรียนในตอนเช้ากับคาบเรียนแรกมีเวลาให้พักแค่ห้านาที บางคนก็ไปเติมน้ำ บางคนก็เข้าห้องน้ำ

อิ๋งจื่อจินยันศอก มองบทเรียนภาษาอังกฤษบทที่แปดอย่างเบื่อๆ เหม่อลอยไปถึงสมัยที่เธอยังอยู่ประเทศวาย

สมัยนั้นผู้คนยังใช้ภาษาอังกฤษแบบโบราณกันอยู่ ภาษาอังกฤษยุคปัจจุบันซับซ้อนน้อยลงไปมาก ทำให้เรียนได้ไวขึ้น

เมื่อครบห้านาทีเสียงออดเข้าเรียนก็ดังขึ้น คาบแรกเป็นวิชาภาษาอังกฤษ

อาจารย์ภาษาอังกฤษเป็นผู้หญิงวัยสี่สิบต้นๆ แซ่เติ้ง

เธอเดินเข้ามาตรงเวลาทันทีที่เสียงออดดังขึ้น ในมือมีข้อสอบปึกหนึ่ง “ทุกคนคงรู้ผลสอบปลายภาคแล้วใช่ไหมคะ ตอนนี้ครูจะแจกข้อสอบคืนให้”

“ครั้งนี้ข้อสอบยากมาก แต่ทุกคนก็ทำได้ดีค่ะ”

พวกนักเรียนต่างโล่งอก

อย่างไรเสียข้อสอบของคลาสเด็กอัจฉริยะก็พิสดารถึงขั้นที่พวกเขาพากันไว้อาลัย

แค่ภาษาอังกฤษ แต่บางครั้งยากยิ่งกว่าไอเอลส์

“จงจือหว่าน หนึ่งร้อยยี่สิบสามคะแนน ท็อปคลาส” อาจารย์เติ้งแจกข้อสอบพลางบอกคะแนน “…ลู่ฟั่ง เก้าสิบสี่คะแนน อิงเฟยเฟย…”

จนกระทั่งเมื่อเหลือเพียงข้อสอบชุดสุดท้ายในมือ เธอกลับไม่บอกคะแนน

อาจารย์เติ้งดันแว่นตา น้ำเสียงอ่อนโยน “อิ๋งจื่อจิน เธอมาเอาข้อสอบของเธอสิ”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าแล้วเดินไปข้างหน้า

ลู่ฟั่งไม่พอใจ “อาจารย์เติ้งครับ อาจารย์อ่านคะแนนของพวกเราทุกคน ทำไมถึงไม่อ่านของเธอล่ะครับ”

คิดว่าเขาไม่รู้เหรอว่า ภาษาอังกฤษของอิ๋งจื่อจิน แค่สอบได้สามสิบคะแนนก็ถือว่าทำได้เกินศักยภาพแล้ว

อาจารย์เติ้งยิ้มอย่างใจดี “ถ้าอิ๋งจื่อจินยินดีก็บอกได้จ้ะ”

ลู่ฟั่งมองอิ๋งจื่อจินทันที พูดท้าทาย “อิ๋งจื่อจิน ไม่ถือสาที่จะให้ทุกคนรู้คะแนนของเธอใช่ไหม”

อิ๋งจื่อจินรับข้อสอบมาจากมืออาจารย์เติ้งแล้วเดินกลับ

มองข้ามลู่ฟั่งอย่างสิ้นเชิง ไม่แม้แต่จะชายตามอง

ลู่ฟั่งโมโหจนแทบบ้า

อิงเฟยเฟยสะใจ “จือหว่าน ฉันเห็นแล้ว ยัยนั่นสอบได้แค่ยี่สิบห้าคะแนน น่าขายหน้าเป็นบ้า มิน่าถึงไม่อยากให้ใครรู้”

จงจือหว่านไม่ตอบ ครุ่นคิด ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

“เอาล่ะ ตอนนี้มาเริ่มอธิบายข้อสอบกัน” อาจารย์เติ้งหยิบช็อล์กขึ้นมา “เดี๋ยวครูจะสุ่มเรียกคนตอบ ถ้าตอบไม่ได้…”

เกิดเสียงโอดครวญไปทั่ว

ขนาดจงจือหว่านยังได้แค่ร้อยยี่สิบสามคะแนน แสดงให้เห็นแล้วว่าข้อสอบนี้มันพิสดารขนาดไหน

อิ๋งจื่อจินกวาดตามองกระดาษข้อสอบของตัวเองพลางครุ่นคิด

อืม ดูท่าตอนที่เธอยังไม่ตื่นจะเรียนแย่มากจริงๆ

อาจารย์เติ้งสอนไม่เร็ว และก็เอาใจใส่นักเรียนที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษ แต่เธอจะไม่ยอมให้ใครเหม่อเวลาเรียน

ช็อล์กแท่งหนึ่งถูกปาไป “ลู่ฟั่ง อธิบายข้อที่หกสิบสี่”

ลู่ฟั่งมองคำถามก็พบว่าตัวเองตอบผิดข้อนี้

อีกทั้งเขาแปลตัวเลือกคำศัพท์ไม่ออกสักคำ เลิกลั่ก เหงื่อแตกท่วมตัว

อิงเฟยเฟยเห็นแบบนั้นก็ตะโกนขึ้น “อาจารย์เติ้งคะ ข้อนี้จือหว่านก็ทำไม่ได้ จะต้องยากมากแน่นอน แต่เมื่อกี้หนูเห็นอิ๋งจื่อจินตอบถูก น่าให้เธออธิบายนะคะ”

จงจือหว่านก็ยกมือ ยิ้มพลางพูด “อาจารย์เติ้งคะ หนูก็อยากรู้ว่าข้อนี้อิ๋งจื่อจินทำยังไง ให้เธออธิบายได้ไหมคะ”

พอจงจื่อหว่านเอ่ยปาก คนจำนวนไม่น้อยในคลาสก็เห็นด้วย

“นั่นสิคะอาจารย์เติ้ง”

“พวกเราก็สงสัยเหมือนกัน”

คำถามข้อนี้ยากชนิดที่เกินมาตรฐานไปมาก ทั้งห้องไม่มีใครทำได้เลย

อาจารย์เติ้งขมวดคิ้ว ขณะที่กำลังจะพูด ทันใดนั้นเด็กสาวก็ค่อยๆ ยืนขึ้น

เธอถือกระดาษข้อสอบ กวาดตามองแล้วอธิบายอย่างสบายๆ

ลู่ฟั่งที่เตรียมจะแดกดันกับอิงเฟยเฟยที่ได้ฟังสำเนียงภาษาอังกฤษที่พูดอย่างคล่องแคล่ว “…”

จงจือหว่านหันขวับทันที

อิ๋งจื่อจินใช้เวลาสามสิบวินาทีอธิบายข้อนี้ “จากที่อธิบายมา ข้อหกสิบสี่ตอบข้อดีค่ะ”

อาจารย์เติ้งรู้สึกเซอร์ไพรส์มาก “ตอบได้ดีมากจ้ะ ตามนั้นเลย นั่งลงได้”

อิ๋งจื่อจินนั่งลง หมุนปากกาเล่น

รังสีแผ่ซ่านออกมาประมาณว่า ‘พวกขยะ’

ทั้งคลาส “…”

อิงเฟยเฟยรู้สึกเหลือเชื่อ “จือหว่าน ยัยนั่นเป็นจริงเหรอ”

ไหนว่าโง่ไง

รอยยิ้มของจงจือหว่านชะงัก “ใครจะไปรู้ล่ะ”

ทันใดนั้นเองอาจารย์เติ้งก็ถามอีกครั้ง “จงจือหว่าน เข้าใจไหมคะ”

จงจือหว่านใบหน้าร้อนผ่าว เธอก้มหน้า “เข้าใจแล้วค่ะ”

“เฮ้อ พวกเธอทำให้ครูผิดหวังจริงๆ” อาจารย์เติ้งถอนหายใจ “เรียนกับครูมาตั้งนานยังสู้อิ๋งจื่อจินที่เข้ามากลางคันไม่ได้ กลับไปต้องตั้งใจทบทวนกันให้ดีแล้วนะ”

ทั้งคลาสเงียบสนิท ไม่มีใครกล้าพูด

คาบเรียนแรกจบไปอย่างรวดเร็ว พอจบคาบอาจารย์เติ้งก็เรียกอิ๋งจื่อจินไปพบ

“ตอนปิดเทอมหน้าหนาวไปฝึกสปีคกิ้งมาเหรอจ๊ะ”

อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว “ค่ะ”

“ใช้ได้เลยนะ เป็นการเริ่มต้นที่ดี พื้นฐานเธอน้อยไปหน่อย ทำโจทย์ยากไม่ไหว” อาจารย์เติ้งพูด “ครูจะให้ข้อสอบพื้นฐานเธอ ตอนเที่ยงว่างแวะมาเอาที่ห้องทำงานครูไหม”

อิ๋งจื่อจินไม่ปฏิเสธความหวังดีนี้ แม้จะไม่จำเป็นสำหรับเธอก็ตาม “ได้ค่ะ”

“พยายามเข้านะ” ก่อนไปอาจารย์เติ้งได้ตบบ่าเธอเบาๆ “อย่าเก็บคำพูดคนอื่นมาใส่ใจล่ะ”

ตอนเที่ยง คนในคลาสออกไปกินข้าวกันหมด

อิ๋งจื่อจินกัดมะเขือเทศ ก้มหน้าอ่านวีแชท

เพื่อนในวีแชทเธอน้อยจนน่าสงสาร คนที่ส่งข้อความหาเธอมีแค่ฟู่อวิ๋นเซินกับเวินทิงหลาน

ซึ่งคนแรกช่วงนี้เลี้ยงเธอเป็นลูกไปแล้ว อย่างเช่นข้อความในวันนี้

[เยาเยา พักกลางวันไปกินข้าวดีๆ หรือเปล่า]

[เปล่า กินมะเขือเทศ]

เธอเลือกกินพอสมควร

สิบวินาทีต่อมาฟู่อวิ๋นเซินก็ส่งข้อความเสียงมา

เสียงของเขาน่าฟังมาตลอด ทุ้มต่ำ คล้ายดนตรีที่จับใจ

[เด็กน้อย นี่เพิ่งแยกกันไม่เท่าไรก็ดื้ออีกแล้วนะ ต้องตั้งใจกินข้าวให้ดี]

[อ่อ]

[เอาเถอะ ดูท่าพี่ชายจะต้องจับตาดูเธอ เจอกันตอนเย็น ดูว่าเยาเยาของเราผอมลงหรือเปล่า]

อิ๋งจื่อจินจ้องข้อความนี้ นวดศีรษะ เก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋า

หลังจากกินมะเขือเทศคำสุดท้ายเสร็จเธอก็ลุกไปที่ห้องทำงานกลุ่มสาระภาษาอังกฤษ

เคาะประตูแล้วเดินเข้าไป

ภายในห้องทำงานนอกจากอาจารย์เติ้งแล้วยังมีชายหนุ่มอีกคน

พอประตูปิดลงอาจารย์เติ้งก็หันไปพูดกับเขา “อาจารย์เฮ่อคะ วันนี้เด็กคนนี้สร้างเซอร์ไพรส์ให้ฉัน สำเนียงภาษาอังกฤษของเธอเพราะมากเลยค่ะ”

นั่นไม่ใช่สำเนียงอังกฤษธรรมดา แต่เป็นสำเนียงของราชวงศ์อังกฤษ

มหัศจรรย์มาก

เฮ่อสวินได้ฟังก็ถามกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “มีประโยชน์อะไรเหรอครับ”

เขาเคยช่วยอาจารย์เติ้งสอนคลาสเด็กอัจฉริยะอยู่หลายครั้ง ย่อมรู้ว่าอิ๋งจื่อจินเป็นยังไง

เป็นพวกไม่พัฒนา…ไม่ขยัน

นักเรียนแบบนี้เขาเกลียดที่สุด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
อ่านนิยาย คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ‘จื่อจิน ถึงเธอจะเป็นลูกสาวของพวกเรา แต่พวกเราเลี้ยงเสี่ยวเซวียนมาสิบห้าปี ผูกพันกับเสี่ยวเซวียนมาก เสี่ยวเซวียนถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู ไม่เหมือนเธอที่ทนความลำบากที่บ้านนอกมาตลอด ดังนั้นคุณหนูใหญ่ของตระกูลอิ๋งก็ยังคงเป็นเสี่ยวเซวียน’ ‘เธอคงจะน้อยใจ แต่เธอจิตใจดีขนาดนี้ แม่รู้ว่าเธอไม่มีทางถือสาแน่นอน วางใจนะ อะไรที่เธอควรได้ก็จะไม่มีทางน้อยหน้า’ ‘อะไรนะ เธอเองก็อยากไปด้วยล้อเล่นหรือเปล่า ทางนั้นเขาต้องการคุณหนูไฮโซ เธอน่ะ แม้แต่เล่นเปียโนสักเพลงก็ยังไม่เป็น จะไปเล่าอะไรให้เขาฟังมีแต่จะทำขายหน้า’ ภายในความฝันเป็นเงาคนเต็มไปหมดกับคำพูดที่ตีกันยุ่งเหยิง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset