คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 300 กรรมตามสนอง

ฟู่อีเฉินมองงูพิษสามสิบตัวที่ถูกอวิ๋นอู้หิ้วเข้ามา สองขาอ่อนแรง ล้มลงไปกองบนพื้น

ร่างกายของเขาสั่นเหมือนเครื่องร่อนแป้ง “พวกแก พวกแกคิดจะทำอะไร”

ฟู่อีเฉินรู้ว่านี่คืองู แต่ไม่รู้ว่าชนิดไหน

เขาเรียนไม่เอาไหน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องแยกแยะงูพิษ

แต่เขาไม่ได้ตาบอด งูพวกนี้แต่ละตัวหน้าตาน่ากลัวมาก ทั้งยังแลบลิ้นออกมา ส่งเสียงฟ่อๆ ชวนบาดหู แทบจะทำให้ตับไตไส้พุงของเขาแยกออกจากกัน

“เอ๊า ไม่รู้จักเหรอ” อวิ๋นซานชี้งูตัวหนึ่ง อธิบายให้ฟังอย่างใส่ใจ “นี่คืองูจงอาง พิษของมันทำลายระบบประสาทกับหัวใจได้”

“กัดทีเดียวแกก็ตายได้ในเวลาอันรวดเร็ว”

ชี้ไปที่งูมีลายอีกตัวหนึ่ง “ตัวนี้งูเกอะลอหัวศร เป็นงูที่พิษรุนแรงยิ่งกว่างูจงอาง พิษแค่ปริมาณศูนย์จุดหนึ่งสองมิลลิกรัมก็ทำให้ตายได้แล้ว ลองดูแล้วกันว่านายจะหนีได้ไหม”

“แล้วก็ตัวนี้” นิ้วของอวิ๋นซานชี้ไปที่งูตัวสีเขียว “งูเขียวหางไหม้ท้องเหลือง มันสวยดีใช่ไหมล่ะ แต่ว่ามันทำให้หัวใจของแกล้มเหลวถึงตายได้เลยล่ะ”

เอียนฟังอยู่ข้างๆ ยังเหงื่อแตก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฟู่อีเฉิน

ฟู่อีเฉินอยากเป็นลม แต่ด้วยความที่หวาดกลัวสุดๆ เส้นประสาทเลยตึงอยู่ตลอด

ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงเรื่องที่ผ่านมานานมากแล้ว เกือบยี่สิบปีได้แล้ว แต่เวลานี้ภาพเหตุการณ์กลับปรากฏขึ้นในสมองอย่างชัดเจน

ตอนนั้นฟู่อวิ๋นเซินอายุแค่สามขวบ

เป็นเด็กผู้ชายที่หน้าตาน่ารักมาก แต่ร้องไห้ไม่เป็น ยิ้มก็ไม่เป็น สีหน้าเย็นชา ใช้ดวงตาสีอำพันมองคนอื่นอย่างเย็นชาเสมอ

ฟู่อีเฉินเกลียดน้องชายที่อยู่ๆ ก็โผล่มาคนนี้มาก แต่ผู้เฒ่าฟู่ชอบ เขาอิจฉา

เขาจึงอาศัยความที่โตกว่าฟู่อวิ๋นเซิน ขยันหาวิธีสารพัดกลั่นแกล้ง เพียงแต่เขากลับไม่ได้ความสะใจอะไร หลายครั้งที่ต้องรับผลกรรมด้วยซ้ำ

จนกระทั่งมีอยู่ครั้งหนึ่ง ฟู่หมิงเฉิงเตือนเขาว่า ห้ามเข้าใกล้ห้องที่อยู่ด้านในสุดชั้นสี่ เพราะในนั้นมีงูพิษ อาจถึงตายได้

ความคิดชั่วร้ายแวบขึ้นมาในสมอง ฟู่อีเฉินหาโอกาสขังฟู่อวิ๋นเซินไว้ในห้องนั้น ทั้งยังจงใจล็อกประตู

จากนั้นเขาก็ไปเที่ยวสวนสนุกกับคุณนายฟู่อย่างเบิกบานใจ ลืมเรื่องนี้ไปสนิท

ฟู่อีเฉินคิดว่า เด็กสามขวบไม่มีทางรอดออกมาได้แน่นอน

แต่สามวันต่อมาเขาก็เห็นฟู่อวิ๋นเซินถูกผู้เฒ่าฟู่นำตัวส่งโรงพยาบาล

ยังมีชีวิตอยู่ แต่บาดเจ็บสาหัส

ไม่มีใครรู้ว่าฟู่อวิ๋นเซินออกมาได้ยังไง

รวมถึงตัวฟู่อวิ๋นเซินเอง

บางครั้งคำว่ามีชีวิตอยู่ต่อไปก็ทำให้คนมีความสามารถแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนได้

เขาต้องการแก้แค้น เขาจึงจำเป็นต้องมีชีวิตอยู่ต่อ

แม้ต้องบาดเจ็บสาหัสก็ตาม

“มะ ไม่เกี่ยวกับฉัน!” ในที่สุดฟู่อีเฉินก็จำเรื่องทั้งหมดได้ เขาเหงื่อแตก โวยวายเสียงดัง “พ่อฉันต่างหาก พ่อฉันทำทั้งหมด! พวกแกไปหาเขาสิ ไปหาเขา!”

“ใจเย็นๆ ฟู่หมิงเฉิงจะโดนหนักกว่านี้ คุณชายจะเก็บเขาด้วยตัวเอง” ขณะอวิ๋นซานพูดก็เปิดกรงออก “วันนี้นายก็จะรู้ อีกเดี๋ยวจะให้นายดูข่าว”

งูพิษพวกนี้ถูกฝึกมา จะไม่โจมตีคนอื่น ค่อยๆ เลื้อยเข้าไปหาฟู่อีเฉิน

“พวกแกทำแบบนี้คือฆ่าคนรู้หรือเปล่า! ฟู่อีเฉินรีบถอยหลัง “ถ้าฉันตาย พวกแกก็จบเห่แน่!”

“วางใจเถอะ” อวิ๋นซานยิ้ม พูดเสียงน่ากลัว “แกไม่มีทางตาย มีแต่จะได้ลิ้มรสความรู้สึกที่ค่อยๆ ขาดอากาศหายใจจนตายกับความรู้สึกที่พิษแล่นเข้าหัวใจ”

“พอแกจะตาย พวกเราก็จะรักษา ฉีดเซรุ่มให้แก จากนั้นก็จะให้แกถูกกัดอีก ฉีดเซรุ่มอีก ซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้”

“แกขังคุณชายไว้สามวัน ตอนนั้นเขาอายุแค่สามขวบ ตอนนี้แกจะสามสิบแล้ว พวกเราขังแกไว้สามสิบวันคงไม่เกินไปใช่ไหม”

ฟู่อีเฉินดวงตาเบิกโพลง ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “คนบ้า พวกแกมันคนบ้า!”

เวลานี้งูเขียวหางไหม้ท้องเหลืองตัวหนึ่งกำลังคืบคลานเข้าไป กัดที่แขนของฟู่อีเฉิน

ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้เขาต้องส่งเสียงร้อง เบื้องหน้าเริ่มมืด

งูพิษอีกตัวที่พิษไม่รุนแรงมากกัดเข้าที่บ่าของเขา แลบลิ้นออกมา

“บ้ายังไง” อวิ๋นซานตบมือ “เมื่อก่อนแกก็ทำแบบนี้ไม่ใช่เหรอ เวรกรรมมันก็แค่ตามสนองเท่านั้น อย่ามาพูดว่าพวกเรารังแก”

“นายฉลาดจริงๆ” เอียนอดชมไม่ได้ “คิดวิธีนี้ออกมาได้ยังไง”

พิสดารดี

แต่เขาชอบ

“พวกเราไม่ได้คิดเอง” อวิ๋นซานส่ายหน้า “วิธีที่พวกเราคิดคือเอาหมอนี่ไปปล่อยในเขาที่งูพิษชุม ปล่อยให้อยู่ตามมีตามเกิด แต่วิธีนี้คุณอิ๋งเป็นคนคิด แถมยังให้เซรุ่มมาด้วย”

“สุดยอดๆ” เอียนคิดแล้วถามต่อ “ว่าแต่คุณอิ๋งเป็นใครเหรอ”

อวิ๋นซานเงียบไปชั่วครู่ “อาจเป็นคนเดียวที่ทำให้คุณชายยืนหยัดต่อไปได้”

คฤหาสน์ตระกูลฟู่

หลังจากที่ฟู่หมิงเฉิงรับสายจากคุณนายฟู่ก็รีบร้อนกลับมาจากโรงงานอวี้เซียงฟัง

สีหน้าเคร่งเครียด “ฟู่อีเฉินทำเรื่องชั่วอะไรมาอีกหรือเปล่า”

ฟู่หมิงเฉิงคิดมาตลอดว่าคนพวกนั้นเป็นคนที่ผู้เฒ่าฟู่รู้จัก

ถ้าไม่ใช่ ทำไมถึงเอาตัวฟู่อีเฉินไปหลังจากที่ผู้เฒ่าฟู่โมโหจนหมดสติ

ในเมื่อรู้จักกับผู้เฒ่าฟู่ ถ้าอย่างนั้นฟู่อีเฉินก็ไม่มีทางเป็นอะไรใหญ่โต อย่างไรเสียฟู่อีเฉินก็เป็นหลานชายของผู้เฒ่าฟู่

อย่างมากก็แค่สั่งสอน

“จะเป็นไปได้ยังไงคะ” คุณนายฟู่ร้อนใจจนใกล้ร้องไห้เต็มที “คราวก่อนหลังจากที่เขาถูกซ้อมก็สงบเสงี่ยมลงไปมาก แถมยังไม่ก่อเรื่องในบ้านแล้วด้วย”

“ตามหาตัวก่อน” ฟู่หมิงเฉิงขมวดคิ้ว “คงถูกลักพาตัวไปอดอาหารอีก ไม่เป็นอะไรมากหรอก วันนี้ซูเหลียงฮุยเพิ่งบินมาถึง อีกเดี๋ยวผมจะไปรับเขา คุณดูไปก่อน”

พูดจบเขาก็รีบร้อนออกไปอีกครั้ง

สำหรับฟู่หมิงเฉิงแล้ว ฟู่อีเฉินไม่ได้สำคัญเท่าความร่วมมือระหว่างอวี้เซียงฟังกับบีไมน์

ขอเพียงแต่วันนี้เขาเอาสิทธิ์บริหารอวี้เซียงฟังมาจากฟู่อวิ๋นเซินได้ ตอนบ่ายก็จะไปเจรจาร่วมงานกับบีไมน์ได้ทันที

คุณนายฟู่ทำอะไรไม่ถูก

ไม่รู้เพราะเหตุใด เธอรู้สึกใจคอไม่ดี แต่ก็บอกไม่ถูกว่าเพราะอะไร

ฟู่หมิงเฉิงไม่สนใจ คุณนายฟู่จนปัญญา จำต้องโทรหาฟู่อี้หัน

ถึงแม้พิธีฝังศพผู้เฒ่าฟู่จะเสร็จไปแล้ว แต่เมืองฮู่เฉิงก็ยังคงมีการวางแผนเล่นงานอย่างลับๆ

นี่เป็นช่วงเวลาที่ตระกูลฟู่ระส่ำระสายที่สุด และก็เป็นช่วงที่จะถูกเล่นงานตอนอ่อนแอได้ง่ายที่สุดเช่นกัน

ตระกูลน้อยใหญ่ต่างจับจ้องไม่วางตา

หลังจากที่เจียงมั่วหย่วนจัดทำแผนเล่นงานฟู่ซื่อกรุ๊ปที่บริษัทเสร็จ ตอนเที่ยงเขาก็ขับรถกลับบ้านตระกูลเจียง

ระหว่างทางสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นด้านหลังของคนที่คุ้นเคย

เด็กสาวยืนอยู่หน้าร้านชานม มือข้างหนึ่งถือชานมสองแก้ว มืออีกข้างกำลังสแกนจ่ายเงิน

เธอสวมชุดกันลมตัวยาวสีควันบุหรี่ สวมหมวกเบเร่ต์ ผมดำขลับยาวถึงเอว พลิ้วสลวย

แค่ด้านหลังก็ยังสวยจนทำให้ใจสั่น

ทำให้ยากที่จะนึกไปถึงว่าเธอคือเด็กบ้านนอกพูดน้อยที่มาจากอำเภอชิงสุ่ยคนนั้น

เจียงมั่วหย่วนเม้มริมฝีปากแน่น นิ้วมือเคาะพวงมาลัยรถ สุดท้ายก็ลงจากรถ

เขาเดินเข้าไป ไม่ทันได้สังเกตเห็นว่ามีรถมาเซราติจอดอยู่ข้างทางด้วย

“เสี่ยวจิน” เจียงมั่วหย่วนเรียก “รอก่อน”

เท้าของอิ๋งจื่อจินหยุดชะงัก เธอหันหน้าไป

“ได้ยินว่าเธอออกจากบ้านตระกูลอิ๋งแล้ว” เจียงมั่วหย่วนไม่ได้รู้สึกว่าเขาเรียกแบบนี้ผิดแปลกอะไร “งั้นก็ไปอยู่ตระกูลเจียงสิ ตระกูลเจียงดีกว่าตระกูลอิ๋ง ฉันก็ดูแลเธออย่างดีได้เหมือนกัน”

เยี่ยซู่เหอยังไม่ได้หาคู่ให้เขา เขายังไม่ได้หมั้นหมายกับใคร

หลายวันมานี้เขาเพิ่งจะคิดได้ สาเหตุที่ตอนนั้นเขารู้สึกโล่งอกตอนเยี่ยซู่เหอบอกจะไปขอถอนหมั้นกับตระกูลอิ๋ง เป็นเพราะเขาพบว่าตัวเองมีคนที่ชอบแล้ว

สุดท้ายอิ๋งลู่เวยก็เข้าคุก ไม่เกี่ยวข้องกับเขาอีกต่อไป

คำพูดนี้ทำให้ดวงตาของฟู่อวิ๋นเซินที่นั่งอยู่ตรงฝั่งข้างคนขับขยับ เขาลืมตาขึ้น

“น่าเสียดายนะคุณเจียง คุณมักจะคิดเข้าข้างตัวเองเสมอ” อิ๋งจื่อจินเงยหน้า ท่าทางสุภาพ แต่กลับเย็นชาเสียดแทงใจ “ตั้งแต่พวกเราเจอกันครั้งแรก”

“เธอว่าไงนะ” เจียงมั่วหย่วนอึ้ง ขมวดคิ้ว

พวกเขาเจอกันครั้งแรกตอนที่เขาไปช่วยเหลือเด็กยากจนที่อำเภอชิงสุ่ย ตอนนั้นเขายังถามเธออยู่ว่าอยากไปเรียนหนังสือที่ฮู่เฉิงไหม

น้ำเสียงแค่เย็นชานิดหน่อย ทำไมถึงกลายเป็นคิดเข้าข้างตัวเองไปได้

อิ๋งจื่อจินไม่มองเขาอีก เธอเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่งตำแหน่งคนขับ

เจียงมั่วหย่วนถึงสังเกตเห็นว่ายังมีคนอื่นอีก เขาตกใจ

ตอนนี้คนในวงการไฮโซต่างพูดถากถางว่าฟู่อวิ๋นเซินไม่มีเงิน ไร้อำนาจไร้สถานะ แต่ไม่มีสักคนที่ถากถางเรื่องใบหน้าของเขา

ใบหน้านี้ ต่อให้ชีวิตไม่เหลืออะไรเลยก็ยังคงมีคนมากมายยินดีหลงหัวปักหัวปำ

“เพราะเขาเหรอ” เจียงมั่วหย่วนสูดลมหายใจเข้าลึก แค่อยากแสยะยิ้ม “ไม่มีตระกูลฟู่แล้ว เขาจะทำอะไรได้ คุณชายไม่เอาไหนจะปกป้องเธอได้ยังไง ใช้หน้าตาเหรอ”

พอได้ยินแบบนี้อิ๋งจื่อจินก็หันไปมอง ทั้งยังสำรวจอย่างจริงจัง

“เจียงมั่วหย่วน เรื่องนี้นายไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ” ฟู่อวิ๋นเซินพิงเบาะอย่างเหนื่อยหน่าย ดวงตาสีอำพันเปล่งประกายอ่อนโยน “เยาเยาบอกแล้วว่าจะเลี้ยงดูฉัน”

คำพูดนี้ทำให้เจียงมั่วหย่วนหน้าถอดสีทีละนิด

ผู้ชายที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานคนนี้ทำสีหน้าเหลือเชื่อออกมาเป็นครั้งแรก

เจียงมั่วหย่วนไม่เคยเห็นฟู่อวิ๋นเซินเป็นแบบนี้มาก่อน พูดคำพูดอ่อนแอแบบนี้ออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย ทั้งยังทำเหมือนภูมิใจอีกด้วย

“เธอเลี้ยงดูนายงั้นเหรอ” คราวนี้เจียงมั่วหย่วนหัวเราะประชด “ฟู่อวิ๋นเซิน นายนี่มันน่าสนใจดีนะ ทำไมไม่พูดว่า…”

เขายังไม่ทันพูดจบ คำพูดทั้งหมดก็จุกอยู่ที่ลำคอ

“อันนี้เลี้ยง เด็กน้อย” อิ๋งจื่อจินวางแก้วชานมลงบนมือของฟู่อวิ๋นเซิน “แก้วนี้หวาน กินตอนร้อนๆ สิ”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
อ่านนิยาย คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ‘จื่อจิน ถึงเธอจะเป็นลูกสาวของพวกเรา แต่พวกเราเลี้ยงเสี่ยวเซวียนมาสิบห้าปี ผูกพันกับเสี่ยวเซวียนมาก เสี่ยวเซวียนถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู ไม่เหมือนเธอที่ทนความลำบากที่บ้านนอกมาตลอด ดังนั้นคุณหนูใหญ่ของตระกูลอิ๋งก็ยังคงเป็นเสี่ยวเซวียน’ ‘เธอคงจะน้อยใจ แต่เธอจิตใจดีขนาดนี้ แม่รู้ว่าเธอไม่มีทางถือสาแน่นอน วางใจนะ อะไรที่เธอควรได้ก็จะไม่มีทางน้อยหน้า’ ‘อะไรนะ เธอเองก็อยากไปด้วยล้อเล่นหรือเปล่า ทางนั้นเขาต้องการคุณหนูไฮโซ เธอน่ะ แม้แต่เล่นเปียโนสักเพลงก็ยังไม่เป็น จะไปเล่าอะไรให้เขาฟังมีแต่จะทำขายหน้า’ ภายในความฝันเป็นเงาคนเต็มไปหมดกับคำพูดที่ตีกันยุ่งเหยิง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset