คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 339 ความจริง เห็นอนาคตของอิ๋งจื่อจิน

หรือแม้กระทั่งเสียงหายใจก็ไม่ได้ยิน

มีแต่ความเงียบ

เจียงหรานวางตะเกียบลง หัวใจราวกับถูกมือใหญ่ขย้ำ เขาเรียกอีกครั้ง “แม่?”

ทว่าปลายสายยังคงไม่มีเสียง ถึงแม้หูของเจียงหรานจะไม่ไวเท่าหลิงฉงโหลว แต่ก็เหนือกว่าคนทั่วไปมาก ความเคลื่อนไหวแม้เพียงน้อยนิดล้วนหนีไม่พ้นหูของเขา

อีกทั้งโทรมาแล้วเป็นแบบนี้ไม่ใช่นิสัยของเจียงฮว่าผิง

เจียงฮว่าผิงโทรหาเขาไม่มีทางไม่พูดอะไร

เกิดเรื่องแล้ว หลังจากที่คำนี้ผุดขึ้นในสมองของเจียงหราน ลมหายใจของเขาก็ถี่เร็วขึ้น

เจียงหรานตั้งสติ พูดครั้งที่สาม เขาแสร้งทำเป็นเหมือนไม่รู้เรื่อง

“แม่ พูดสิ ทำไมทุกครั้งชอบทำให้ลูกชายตัวเองตกใจอยู่เรื่อย”

“ไม่มีอะไร”

น้ำเสียงราบเรียบเป็นเสียงของเจียงฮว่าผิง

แต่เจียงหรานฟังออกว่าน้ำเสียงของแม่ดูไม่ชอบมาพากล

“ไม่มีอะไรก็ดี” เจียงหรานแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องต่อ “คิดว่าแม่จะมาอัดผมอีกแล้วเสียอีก”

ทางนั้นกดตัดสายทิ้งไปทั้งแบบนี้

เจียงหรานรีบเปิดระบบพิกัดในโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว บนนั้นมีจุดสีแดงกะพริบอยู่ตลอด

จุดสีแดงอยู่ห่างจากเขาแปดร้อยกิโลเมตร

นี่คือพิกัดของเจียงฮว่าผิง

ตระกูลหลิงเป็นตระกูลที่มีความพิเศษมากในวงการจอมยุทธ์ ตระกูลหลิงไม่มีความคิดแบบคนหัวโบราณ

ตระกูลจอมยุทธ์ตระกูลอื่นปฏิเสธเทคโนโลยี และอาวุธสมัยใหม่

พวกเขาคิดว่าจอมยุทธ์แข็งแกร่งมากพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ของพวกนี้เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเอง อีกทั้งยังตั้งกฎที่เข้มงวด

ถ้าสมาชิกของตระกูลไหนถูกพบว่าใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่อยู่นอกเหนือจากที่ตระกูลกำหนดไว้ ก็จะต้องถูกลงโทษ

แต่ตระกูลหลิงไม่ใช่ หลิงฉงโหลวตั้งใจให้สมาชิกในตระกูลพกปืนกันทุกคน ถึงแม้กำลังภายในของจอมยุทธ์เมื่อฝึกฝนจนถึงระดับหนึ่งจะสามารถกันได้แม้แต่กระสุน

แต่มีอยู่คำพูดหนึ่งที่ว่าความประมาทเป็นหนทางสู่ความตาย ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นหรือไม่

มีหลักประกันเพิ่มขึ้นหนึ่งอย่างบางครั้งก็ช่วยชีวิตได้

เจียงหรานไม่คิดอะไรอีก เขาหยิบเสื้อคลุมแล้วออกจากคอนโด ไม่กลัวไม่เกิดเหตุ แต่กลัวจะเกิดขึ้นแล้วนี่สิ

เจียงฮว่าผิงฝึกจอมยุทธ์ไม่ได้ หลิงฉงโหลวกลุ้มใจเรื่องนี้มาก ทำได้เพียงให้เธอพกอาวุธที่ดีที่สุดและมีคนคุ้มกัน มีคนคุ้มกันทั้งหมดสองคน แต่ฝีมือเรียกได้ว่าจัดอยู่ในสิบอันดับแรกของตระกูลหลิง

ว่ากันตามเหตุผล เมื่ออยู่นอกวงการจอมยุทธ์หากคนทั่วไปมีเจตนาร้ายกับเจียงฮว่าผิง ก็ไม่สามารถแม้แต่จะเข้าถึงตัวเธอได้ถูกคนคุ้มกันทำให้สลบหมด

เจียงหรานสงสัยว่าจะเป็นศัตรูคู่อาฆาตของตระกูลหลิงมาที่ฮู่เฉิงแล้วหรือเปล่า

ถ้าเป็นตระกูลจอมยุทธ์เหมือนกัน ก็มีความสามารถที่จะลงมือกับเจียงฮว่าผิงได้

เขาเสิร์ชดูอีกครั้งว่าห่างออกไปแปดร้อยกิโลเมตรคือสถานที่อะไร มีเมืองเล็กๆ ที่ชื่อว่าหนานเฉิง

ตอนเจียงหรานเตรียมจองตั๋วเครื่องบินกลับพบว่าฮู่เฉิงไม่มีเที่ยวบินไปที่หนานเฉิง แม้แต่รถไฟความเร็วสูงก็ไม่มี รถไฟขบวนเดียวที่ไปถึงก็เป็นรถไฟธรรมดา ต้องใช้เวลาเดินทางสิบแปดชั่วโมง

เจียงหรานร้อนใจเหลือเกิน เขาโทรหาซิวอวี่เพื่อขอยืมรถแข่งของเธอ เขาไม่ได้บอกซิวอวี่ว่าสงสัยว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับเจียงฮว่าผิงแล้ว บอกแค่ว่าเขาอยากหนีการไล่ฆ่าของพ่อ

เจียงหรานออกรถ มุ่งหน้าด้วยความเร็วสูง

ขอให้ไม่เกิดอะไรขึ้นจะดีที่สุด

เวลานี้ที่เมืองหนานเฉิง

ภายในห้องเช่า

“เจียงฮว่าผิง” เยี่ยซู่เหอถือปืนอยู่ในมือ จ่อที่หน้าผากของผู้หญิงในชุดกี่เพ้า พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ฉันให้เธอโทรแล้ว ตอนนี้ปิดเครื่องแล้วโยนทิ้งซะ”

เจียงฮว่าผิงนั่งบนเก้าอี้ เหลือบมองเยี่ยซู่เหอเล็กน้อย ไม่พูดอะไร โยนโทรศัพท์มือถือทิ้ง

เยี่ยซู่เหอรับมาแล้วหยิบเชือกเส้นหนึ่งมัดสองแขนของเจียงฮว่าผิง

เมื่อแน่ใจแล้วว่าเจียงฮว่าผิงจะดิ้นไม่หลุดเธอถึงวางใจ

“เจียงฮว่าผิง เธอนี่มันจิตใจดีจริงๆ นะ” เยี่ยซู่เหอนั่งลงตรงข้ามเจียงฮว่าผิง หมุนโทรศัพท์มือถือ จากนั้นก็โยนลงอ่างเลี้ยงปลาที่อยู่ข้างๆ ส่ายหน้าพลางพูด

“เธอมันเหมือนแม่เธอไม่มีผิด ใจดีจนทำให้ตัวเองต้องตาย”

เยี่ยซู่เหอยิ้ม พูดเสียดสี “ทำไมเธอถึงกล้ามาหาฉันคนเดียวล่ะ คิดจริงเหรอว่าฉันจะไม่ทำอะไรเธอ”

เจียงฮว่าผิงไม่ตอบ

“แต่ฉันเป็นคนรักษาคำพูด ในเมื่อเธอมาคนเดียว งั้นฉันก็จะเล่าให้ฟัง” เยี่ยซู่เหอดื่มด่ำกับสภาพจนตรอกของเจียงฮว่าผิง พูดขึ้น

“เธออาจไม่รู้ว่าตอนนั้นแท้จริงแล้วแม่เธอเป็นคนพาฉันเข้าบ้านตระกูลเจียง”

“ตอนนั้นฉันขอทานอยู่ข้างถนน แม่เธอเห็นฉันน่าสงสารก็เลยพาฉันไป ซื้อชุดใหม่ให้ พาไปหาของกิน บอกว่าต่อไปจะส่งเสียฉันเรียนหนังสือ”

คุณนายผู้เฒ่าเจียงคนก่อนเป็นไฮโซที่แท้จริง ช่วยเหลือคนชราที่ต้องอยู่โดดเดี่ยวกับเด็กที่ไม่ได้เรียนหนังสือมาตลอด

เจียงฮว่าผิงก็รู้

“แต่น่าเสียดายที่แม่เธอไม่รู้ว่าเอางูพิษเข้าบ้าน” เยี่ยซู่เหอพูด

“แค่เรียนหนังสือมันจะไปพออะไร ฉันได้เห็นแล้วว่าตระกูลเจียงมีอำนาจขนาดไหน แน่นอนว่าต้องอยากได้มากกว่านั้น”

“เธออาจยังไม่รู้ว่า ฉันก็ถือเป็นหมอแผนโบราณคนหนึ่ง”

ตอนที่พูดถึง ‘หมอแผนโบราณ’ เยี่ยซู่เหอดูภูมิใจมาก

ตามคาด สีหน้าของเจียงฮว่าผิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“หมอแผนโบราณเหรอ”

“ฉันวางยาพ่อเธอ” เยี่ยซู่เหอยิ้ม

“เป็นยาที่สามารถทำลายประสาทไปทีละนิด เธอเคยได้ยินการผ่าตัดสมองกลีบหน้าไหมล่ะ สุดท้ายพ่อของเธอก็จะกลายเป็นแบบนั้น ไม่ต่างอะไรกับซอมบี้”

เจียงฮว่าผิงย่อมรู้จักการผ่าตัดสมองกลีบหน้า

สมองครึ่งซีกแบ่งออกเป็นสี่กลีบ กลีบหน้ากินพื้นที่หนึ่งในสาม

เมื่อสมองกลีบหน้าถูกตัดออกไป มนุษย์ก็จะสูญเสียความสามารถหลายอย่างรวมถึงนิสัยเดิมที่เคยมี

สิ่งเดียวที่เหมือนคนปกติก็คือการหายใจ

การผ่าตัดแบบนี้เคยถูกใช้กับผู้ป่วยโรคประสาทที่ยากเกินกว่าจะควบคุมมาตลอด

ต่อมามีกฎหมายควบคุม การผ่าตัดสมองกลีบหน้าถึงได้ถูกยกเลิกไป

เจียงฮว่าผิงพอเดาได้ว่าเยี่ยซู่เหอทำบางอย่างกับผู้เฒ่าเจียง แต่นึกไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้

เธอมองเยี่ยซู่เหอด้วยสายตาเย็นชา

“โกรธมากใช่ไหมล่ะ หา แน่นอน เธอต้องโกรธอยู่แล้ว” เยี่ยซู่เหอหัวเราะ

“ใครใช้ให้พวกเธอเป็นคนธรรมดาล่ะ ไม่เคยได้ยินคำว่าแพทย์แผนโบราณกัน ต่อให้พ่อเธอไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลเป็นประจำก็ตรวจไม่เจอหรอกว่ายาพวกนั้นคืออะไร”

ถุงหอมใบนั้นถูกตรวจพบเป็นเพราะในนั้นเป็นสมุนไพร

“ฉันทำลายประสาทเขาทีละนิด จากนั้นก็จงใจให้แม่เธอเห็นว่าฉันอยู่กับพ่อเธอ” เยี่ยซู่เหอเดินไปข้างตัวเจียงฮว่าผิง แต่ละคำพูดเสียงเบา

“ตอนนั้นเดิมทีแม่เธอก็สุขภาพไม่ดีอยู่แล้ว แถมยังรักกับพ่อของเธอปานจะกลืนกิน ย่อมทนเห็นภาพบาดตาบาดใจไม่ได้ ไม่นานก็ป่วยตาย”

“ฉันก็เลยได้แต่งกับพ่อของเธอ กลายเป็นนายหญิงตระกูลเจียง”

“แน่ล่ะ ตอนนั้นพ่อของเธอแก่มากแล้ว มีเหรอที่ฉันจะยอมเสียตัวให้ มั่วหย่วนน่ะ เป็นลูกของฉันกับคนอื่นจริงๆ นั่นแหละ”

“แต่พ่อเธอไม่รู้ ฉันบังคับให้เขาเขียนพินัยกรรมยกเจียงซื่อกรุ๊ปให้มั่วหย่วน ไม่แบ่งหุ้นให้เธอแม้แต่น้อย”

“แต่ก็เหนือความคาดหมายของฉัน ก่อนตายพ่อของเธอกลับฟื้นคืนสติ” เยี่ยซู่เหอถอนหายใจเบาๆ

“เธอรู้หรือเปล่าว่าคำพูดสุดท้ายของเขาคืออะไร”

“เขาขอให้ฉันปล่อยเธอกับเจียงเฉิงจวินไป แล้วเขาจะยกเจียงซื่อกรุ๊ปทั้งหมดให้ฉัน”

ความจริงปรากฏ

เจียงฮว่าผิงหลับตา

เธอเกลียดผู้เฒ่าเจียงมาสิบกว่าปี แต่ก่อนผู้เฒ่าเจียงตาย คำขอเพียงอย่างเดียวคือเธอกับเจียงเฉิงจวิน

“แต่อย่าหวังว่าฉันจะปล่อยเธอไป ฉันชอบเห็นคนตระกูลเศรษฐีอย่างพวกเธอคุกเข่าอ้อนวอนฉัน” เยี่ยซู่เหอยิ้ม “เธอยังมีชีวิตอยู่ได้อีกหนึ่งคืน ทะนุถนอมช่วงเวลาที่เหลือซะ เจียงฮว่าผิง”

ภายในคอนโดใจกลางเมือง

อิ๋งเทียนลี่ว์สะดุ้งตื่น

เหงื่อไหลจากหน้าผาก ซึมเปียกหมอนและเสื้อผ้า

เขาดูเวลา หกโมงเช้า ฟ้ายังไม่สว่าง

แต่อิ๋งเทียนลี่ว์กลับรอไม่ไหว เขาล้างหน้าล้างตา รีบใส่เสื้อผ้า ขับรถไปที่คอนโดของครอบครัวเวินทันที

ยี่สิบนาทีต่อมาอิ๋งเทียนลี่ว์ก็มายืนหอบอยู่หน้าประตูกดกริ่ง

ไม่มีเสียงจากด้านใน เขากดอีกครั้ง หลายสิบวินาทีให้หลังถึงได้ยินเสียงฝีเท้า ประตูถูกเปิดออก

พอเห็นอิ๋งจื่อจินเขาก็โล่งอก

อิ๋งจื่อจินยืนอยู่ตรงประตู สองมือกอดอก สีหน้าเย็นชา

“คุณควรรู้สึกโชคดีนะที่วันนี้ฉันตื่นเช้า”

เธอมีนิสัยขี้หงุดหงิดมากหากถูกปลุก ใครก็แก้ไม่ได้

ถ้าใครมาฝืนปลุกเธอเป็นได้โดนอัด

“ขอโทษที” อิ๋งเทียนลี่ว์กลับยิ้ม เขาโล่งใจ “แต่เธอไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”

อิ๋งจื่อจินเงยหน้า

เธอสังเกตเห็นว่าอิ๋งเทียนลี่ว์ติดกระดุมเสื้อเชิ้ตผิดหลายเม็ด

นี่แทบเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับอิ๋งเทียนลี่ว์ เขาเป็นคนเนี้ยบมาตลอด ไม่มีผิดพลาด

“จื่อจิน ฟังก่อนนะ” อิ๋งเทียนลี่ว์ตั้งสติแล้วถึงพูดขึ้น

“เธออาจจะไม่เชื่อ แต่มันก็น่ากลัวมากจริงๆ พี่ฝันเห็น…”

เขากำมือแน่น ชะงักเล็กน้อย

“เมื่อคืนพี่ฝันเห็นเธอตายบนเตียงผ่าตัดตอนที่กำลังบริจาคเลือดให้อิ๋งลู่เวย”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
อ่านนิยาย คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ‘จื่อจิน ถึงเธอจะเป็นลูกสาวของพวกเรา แต่พวกเราเลี้ยงเสี่ยวเซวียนมาสิบห้าปี ผูกพันกับเสี่ยวเซวียนมาก เสี่ยวเซวียนถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู ไม่เหมือนเธอที่ทนความลำบากที่บ้านนอกมาตลอด ดังนั้นคุณหนูใหญ่ของตระกูลอิ๋งก็ยังคงเป็นเสี่ยวเซวียน’ ‘เธอคงจะน้อยใจ แต่เธอจิตใจดีขนาดนี้ แม่รู้ว่าเธอไม่มีทางถือสาแน่นอน วางใจนะ อะไรที่เธอควรได้ก็จะไม่มีทางน้อยหน้า’ ‘อะไรนะ เธอเองก็อยากไปด้วยล้อเล่นหรือเปล่า ทางนั้นเขาต้องการคุณหนูไฮโซ เธอน่ะ แม้แต่เล่นเปียโนสักเพลงก็ยังไม่เป็น จะไปเล่าอะไรให้เขาฟังมีแต่จะทำขายหน้า’ ภายในความฝันเป็นเงาคนเต็มไปหมดกับคำพูดที่ตีกันยุ่งเหยิง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset