คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 44 ตัวตนลึกลับ

“…”

เกิดความเงียบภายในห้องอีกครั้ง

ซิวอวี่เกือบกันคิ้วพลาด หลังจากมือนิ่งก็พูดขึ้น “พ่ออิ๋ง เธอไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม”

พ่ออิ๋งของพวกเขาไม่ใช่เด็กเรียนแย่หรอกเหรอ

อิ๋งจื่อจินลุกขึ้น พูดเหมือนเรื่อยเปื่อย แต่น้ำเสียงจริงจัง “ไม่”

“หนังสือเธอยังใหม่อยู่เลยนะ”

“เพิ่งอ่านจบ”

ซิวอวี่ “…”

สมกับเป็นเธอ พ่ออิ๋ง

ในขณะที่ทุกคนในห้องกำลังอึ้งอยู่นั้น อิ๋งจื่อจินก็ถือหนังสือแล้วค่อยๆ เดินไปที่โพเดียม

เธอพับแขนเสื้อนักเรียนขึ้น ยื่นมือออกไปหยิบชอล์กมาหนึ่งแท่ง

“เริ่มพูดจากพันธุวิศวกรรม” อิ๋งจื่อจินหันไปวาดวงกลมบนกระดานดำ “นี่คือเกลียวดีเอ็นเอ บนเกลียวดีเอ็นเอนี้ประกอบด้วยหนึ่งไปจนถึงหลายพันธะ สามารถใช้เอนไซม์จำกัดตัดมันให้ขาดออกจากกันได้”

“โดยทั่วไปเอนไซม์จำกัดแบ่งออกเป็นสามแบบ” เธอพูดพลางใช้ชอล์กเขียนเนื้อหาสำคัญ “ในหนังสือให้เรามาแค่สองแบบ ตอนนี้เรามาแยกกัน…”

นักเรียนในห้องฟังไปๆ ต่างก็ตะลึง

“โอ้โห!” ลูกน้องฟังแล้วก็อึ้ง “พี่หราน พ่ออิ๋งสอนเป็นจริงด้วยอะ”

อีกทั้งคนที่ไม่เรียนหนังสืออย่างเขาก็ยังฟังเข้าใจ โคตรเทพ!

เจียงหรานเลิกคิ้ว กลับไปนั่ง

เขาก็ยังคงมีท่าทางไม่สบอารมณ์ แต่สายตาไม่ละไปจากกระดานดำ

“อันที่จริงพันธุวิศวกรรมก็คือสิ่งมีชีวิตแบบใหม่ที่สร้างสิ่งที่พวกเราจำเป็นออกมา อย่างดอกฝ้ายที่ทนต่อศัตรูพืชที่ทุกคนรู้จักกันดีก็เป็นการประยุกต์ใช้พันธุวิศวกรรม นอกจากนี้ยังมีพวกนี้”

อิ๋งจื่อจินหันตัวไปวาดภาพ

เจียงหรานตั้งใจฟังอย่างไม่รู้ตัว

พอได้สติกลับมาเขาก็หน้าบึ้ง โมโหจนดึงชุดนักเรียนขึ้นมาคลุม ฟุบลงบนโต๊ะไม่สนใจใคร

โว้ย วิปริตอะไรขนาดนี้ ต่อสู้เก่งแล้วยังสอนเก่งอีกเหรอ

เงียบกันทั้งหมด มีเพียงเสียงเสียดสีระหว่างปากกากับสมุด

หนึ่งคาบสี่สิบห้านาที ไม่เคยผ่านไปไวเท่านี้มาก่อน

หลังหมดคาบ นักเรียนทั้งห้องเหมือนคนบ้า ทั้งหมดพากันเข้าไปรุมล้อม

“พ่ออิ๋ง ขอนับถือ นับจากนี้ไปเธอก็คือป๊ะป๋าของฉัน”

“พ่อก็คือพ่ออยู่วันยังค่ำ อธิบายดีกว่าปีศาจยายไป๋อีก ปีศาจยายไป๋เวลาสอนนะ ด่าไปแล้วครึ่งคาบ”

“พ่ออิ๋งได้โปรดมาสอนแทนทุกคาบชีวะ ขอเพียงแต่พ่ออิ๋งสอน วิชาชีวะ จะเป็นวิชาเดียวที่ผมติดสิบอันดับแรกของโรงเรียน”

“พอเหอะ พ่ออิ๋งก็ช่วยกอบกู้สติปัญญานายไม่ได้หรอก อย่างนายเทียบคลาสเด็กอัจฉริยะที่เก่งเข้าขั้นวิปริตพวกนั้นได้เหรอ”

“อืม ถ้าทุกคนยังมีตรงไหนที่ไม่เข้าใจ…” อิ๋งจื่อจินหยุดเล็กน้อย นึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเปลี่ยนคำพูด “ก็หาทางเอาเองนะ”

“ฮ่าๆ!” ซิวอวี่หัวเราะจนสำลัก “ได้ยินหรือยัง อย่ารบกวนเวลานอนป๊ะป๋าของพวกนาย”

ทุกคนต่างแยกย้ายอย่างอารมณ์ดี

ซิวอวี่ยื่นสตรอว์เบอรี่ที่ล้างแล้วส่งให้ “บอกมาตามตรงนะ มีอะไรที่เธอทำไม่ได้บ้าง”

อิ๋งจื่อจินนั่งพิงเก้าอี้ ตอบโดยไม่ถ่อมตัวแม้แต่นิดเดียว “ถ้าด้านวิชาการส่วนใหญ่ก็ได้หมดนะ”

ซิวอวี่ชี้หนังสือวิชาเลือกฟิสิกส์ “อันนี้ล่ะ”

อิ๋งจื่อจินหันไป เหลือบมองกฎที่เกี่ยวข้องกับสนามไฟฟ้า เงียบไปสักพักแล้วพยักหน้า “อยากฟังไหม”

“ไม่ๆๆ ฉันไม่อยากเรียน” ซิวอวี่รีบส่ายมือ จากนั้นก็ถามด้วยความสงสัย “แต่ไม่ถูกสิ พ่ออิ๋งเก่งทุกอย่างแบบนี้ พวกคลาสเด็กอัจฉริยะตาบอดกันหรือเปล่า”

อิ๋งจื่อจินไม่ตอบ

เธอกดขมับ ผ่านไปสักพักถึงพ่นออกมาสองคำ “ยังดี”

ต่อไปเป็นคาบพละ ซิวอวี่กำลังเปลี่ยนรองเท้า เธอถามขึ้น “อะไรยังดีเหรอ”

อิ๋งจื่อจินส่ายหน้า ฉีกมันฝรั่งทอดถุงหนึ่ง

ยังดีที่ตอนนั้นที่เธอเรียนกับพวกนักวิชาการพวกนั้นในยุโรป เธอไม่ได้ทิ้งชื่อไว้ ไม่อย่างนั้นเกิดเห็นชื่อตัวเองในหนังสือเรียนคงได้อายตายเลย

ไป๋เสาซือนั่งอยู่ในห้องพักครูอยู่ตลอด รอนักเรียนห้องสิบเก้ามาเชิญเธอกลับไป

นอกจากเธอแล้วใครจะอยากสอนชีวะให้ห้องสิบเก้า

แต่ไป๋เสาซือรอแล้วรอเล่า จนกระทั่งหมดคาบก็ยังไม่มีใครมา ในที่สุดก็ทนไม่ไหว

แต่ยังไม่ทันที่เธอจะไปตึกเรียน ประตูก็เปิดออกเสียก่อน

ไป๋เสาซือถึงได้วางมาด ทำเป็นดูเล็บเหมือนไม่สนใจ “ไง ตัดสินใจได้แล้วเหรอ”

เธอรู้ว่าเด็กพวกนี้จะต้องมาง้อ

คนที่มาเป็นลูกน้องที่วิ่งมาดูก่อนหน้านี้

สีหน้าของเขาไม่ได้ดูวิงวอนอย่างที่ไป๋เสาซือคิด แต่กลับดูเบิกบานเสียด้วยซ้ำ “อาจารย์ไป๋ครับ พี่หรานให้มาบอกอาจารย์ว่าต่อไปไม่ต้องมาแล้วครับ”

รอยยิ้มของไป๋เสาซือหยุดชะงัก “เธอว่าไงนะ”

“ต่อไปอาจารย์ไม่ต้องมาสอนพวกเราแล้วครับ” เขาพูดซ้ำอีกครั้ง “พี่หรานยังฝากผมบอกอาจารย์อีกว่าอาจารย์สอนได้ห่วยแตกมากครับ”

เขาไม่มองไป๋เสาซืออีก เดินออกไปพลางพึมพำ “สอนได้แย่กว่าพ่ออิ๋งเยอะยังจะมาทำวางมาด ถุย…”

ไป๋เสาซือโมโหจนตัวสั่น แม้แต่ขนคิ้วยังสั่นไปด้วย

เธอรู้ว่าเฮ่อสวินเกลียดอิ๋งจื่อจิน ถึงได้พูดแบบนั้นออกไป นึกไม่ถึงว่าห้องสิบเก้าจะยอมไม่เรียนวิชาชีวะ ดีกว่าไล่อิ๋งจื่อจินออกไป

เอาใหญ่แล้วจริงๆ เธอจะไปฟ้องผู้อำนวยการ

ไป๋เสาซือหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ขณะที่กำลังจะกดเบอร์ก็มีสายเข้ามาเสียก่อน

เธอรีบกดรับ “สวัสดีค่ะผู้อำนวยการ”

ปลายสายน้ำเสียงเนือยๆ “อาจารย์ไป๋ เมื่อกี้นักเรียนห้องสิบเก้ามาหาผม บอกว่าคุณไม่ยอมไปสอนคาบชีวะของพวกเขา”

ไป๋เสาซือร้อนตัว รีบยิ้ม “ผู้อำนวยการคะ ไม่มีเรื่องแบบนั้นค่ะ ฉันก็แค่รู้สึกไม่ค่อยสบาย”

“ผมคิดดูแล้วนะ ผมคำนึงถึงความรู้สึกของนักเรียน รับปากพวกเขาแล้วว่าต่อไปคุณไม่ต้องสอนชีวะห้องสิบเก้าแล้ว อาจารย์ไป๋ รบกวนคุณไปหาหัวหน้าวิชาชีวะคุยเรื่องมอบหมายงานด้วยครับ”

ปลายสายวางไปแล้ว

ไป๋เสาซือมองโต๊ะอย่างอึ้งๆ ร้อนรนไปหมดทั้งตัว

งดสอนหนึ่งห้องเธอจะต้องสูญเสียรายได้มากขนาดไหน

ชิงจื้อให้เงินเดือนที่สูงมากเพื่อรั้งพวกอาจารย์ไว้

โดยเฉพาะอาจารย์ของห้องสิบเก้า เพราะห้องสิบเก้าสอนยากมาก

เธอเองก็มองเห็นจุดนี้ถึงได้เสนอตัวขอสอนห้องสิบเก้า

อิ๋งจื่อจิน นักเรียนคนนี้ไม่ได้เรื่องสักอย่าง มีแต่สร้างความเดือดร้อน

ถ้าไม่สั่งสอนเสียบ้างเดี๋ยวได้สร้างหายนะขึ้นมาจริงๆ

ไป๋เสาซือทำหน้าเย็นชา กดโทรอีกเบอร์หนึ่ง

เวลาห้าทุ่ม

ณ โรงพยาบาลอันดับหนึ่ง แสงไฟสว่างไสว

ภายในห้องผ่าตัด แพทย์เฉพาะทางหลายคนกำลังยุ่ง

พยาบาลก็วิ่งหัวหมุน แม้แต่ผู้อำนวยการก็มาด้วยตัวเอง

บรรยากาศตึงเครียดขั้นสุด

ไม่มีใครคาดคิดว่าผู้เฒ่าฟู่จะอาการกำเริบในคืนนี้ เขาหมดสติไปทันที

ร่างกายของเขามีต้นตอของโรคต่างๆ มานานแล้ว เมื่อแก่ชราลงพวกอาการเกี่ยวกับความดันโลหิต น้ำตาลในเลือด ต่างก็โผล่มา

หมอให้ทางตระกูลฟู่เตรียมใจไว้ตั้งแต่เมื่อสามปีก่อนแล้ว ปรากฏว่าผู้เฒ่าฟู่ก็อดทนอยู่มาได้นานขนาดนี้

เรียกได้ว่าปาฏิหาริย์

คนในตระกูลฟู่ต่างนั่งอยู่ด้วยกัน รอคอยด้วยความร้อนใจ

มีเพียงฟู่อวิ๋นเซินที่ยืนพิงกำแพงอยู่คนเดียว

คล้ายกับไม่เข้าพวก

คนในตระกูลฟู่ก็ไม่มีใครสนใจเขา

ฟู่อวิ๋นเซินมีสีหน้าเรียบเฉย ถือโทรศัพท์มือถือ มีเสียงออกมาจากหูฟังบลูทูธข้างซ้าย

“เมื่อสามปีก่อนตอนที่นายมาหาฉันมันก็สายไปแล้ว อาการของปู่นาย คนในแวดวงการแพทย์แผนโบราณก็จนปัญญา”

นิ่งไปเล็กน้อย “เว้นเสียแต่ นายจะหาท่านนั้นเจอ”

พอได้ยินคำพูดนี้ฟู่อวิ๋นเซินก็เงยหน้าขึ้น สายตาเคว้งคว้าง

เขาย่อมรู้ว่าท่านนั้นที่ว่าคือใคร

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
อ่านนิยาย คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ‘จื่อจิน ถึงเธอจะเป็นลูกสาวของพวกเรา แต่พวกเราเลี้ยงเสี่ยวเซวียนมาสิบห้าปี ผูกพันกับเสี่ยวเซวียนมาก เสี่ยวเซวียนถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู ไม่เหมือนเธอที่ทนความลำบากที่บ้านนอกมาตลอด ดังนั้นคุณหนูใหญ่ของตระกูลอิ๋งก็ยังคงเป็นเสี่ยวเซวียน’ ‘เธอคงจะน้อยใจ แต่เธอจิตใจดีขนาดนี้ แม่รู้ว่าเธอไม่มีทางถือสาแน่นอน วางใจนะ อะไรที่เธอควรได้ก็จะไม่มีทางน้อยหน้า’ ‘อะไรนะ เธอเองก็อยากไปด้วยล้อเล่นหรือเปล่า ทางนั้นเขาต้องการคุณหนูไฮโซ เธอน่ะ แม้แต่เล่นเปียโนสักเพลงก็ยังไม่เป็น จะไปเล่าอะไรให้เขาฟังมีแต่จะทำขายหน้า’ ภายในความฝันเป็นเงาคนเต็มไปหมดกับคำพูดที่ตีกันยุ่งเหยิง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset