คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 64

พอคำพูดนี้จบลง อย่าว่าแต่อิ๋งลู่เวย คุณนายผู้เฒ่าอิ๋ง รวมถึงจงมั่นหวา คนที่อยู่แถวนั้นต่างก็อึ้งกันหมด

ถ้าบอกว่าตอนแรกแค่ว่างๆ เลยดูคนทะเลาะกัน ตอนนี้สิตะลึงของจริง พากันหันไปมองเป็นสายตาเดียว

ตรงมุมร้าน เด็กสาวคนหนึ่งยืนหันหลังให้พวกเขา

เธอสวมชุดนักเรียนแขนสั้น ตัวขาวซีด เส้นเลือดบนหลังแขนปรากฏชัดเจน

เห็นได้ชัดว่าเลือดลมพร่องมาเป็นเวลานาน ร่างกายอ่อนแอเกินไป

“โอ้โห ฉันยังคิดว่าครอบครัวเดียวกัน ลูกสาวทะเลาะกับครอบครัว กำลังอาละวาด ที่แท้สาวน้อยคนนี้ก็เป็นแค่เครื่องมือผลิตเลือดงั้นเหรอ”

“สูบไปสิบสามครั้งในหนึ่งปีเลยเหรอ นี่มันจะบ้าเกินไปแล้ว ฉันไปบริจาคเลือดหมอยังบอกว่าครึ่งปีครั้งดีที่สุด สามเดือนครั้งร่างกายจะทรุด นี่มัน…”

“ครอบครัวนี้คงคิดแค่ว่าไม่ตายเป็นพอ น่าขยะแขยง ขยะแขยงจริงๆ”

คนแถวนั้นรู้จักตระกูลอิ๋ง แต่ส่วนใหญ่ไม่รู้จักคนในตระกูลอิ๋ง

แต่พวกนักเรียนชิงจื้อไม่เหมือนกัน

เพราะเดิมทีอิ๋งลู่เวยก็เป็นอาจารย์ดนตรีที่มีชื่อเสียงของชิงจื้อ พวกเขาเคยเรียนด้วย เลยยิ่งรู้สึกช็อกมาก

“ไม่มั้ง อาจารย์อิ๋งจะเป็นคนแบบนั้นได้ยังไง เมื่อก่อนฉันเคยโชคดีได้เรียนกับอาจารย์ เธอออกจะอ่อนโยน”

“เธอไม่เห็นเวยปั๋วเมื่อหลายวันก่อนเหรอ มันมีพิรุธอยู่ก่อนแล้ว อาจารย์อิ๋งเป็นโรคฮีโมฟีเลียยังพอเข้าใจได้ แต่ให้อิ๋งจื่อจินบริจาคเลือดให้ฟรีๆ จึ๊ๆ ไม่รู้จะพูดอะไรเลยจริงๆ”

“มิน่าฉันได้ยินคลาสเด็กอัจฉริยะเล่าว่า เมื่อก่อนอิ๋งจื่อจินเรียนๆ อยู่ก็ฟุบหลับไปเลย คงถูกสูบเลือดไปสินะ”

เกิดเสียงซุบซิบขึ้นในร้านชานม มีคนยกโทรศัพท์ขึ้นมาเริ่มถ่ายรูป เสียง ‘แชะ’ ดังขึ้นไม่หยุด

สีเลือดบนใบหน้าอิ๋งลู่เวยหายไปอย่างรวดเร็ว กลายเป็นซีดเผือด ริมฝีปากก็สั่นอย่างรุนแรง

เธอเงยหน้าขึ้นอย่างหวาดหวั่น สิ่งที่เห็นคือสายตารังเกียจ ราวกับกำลังมองขยะสกปรกอะไรสักอย่าง

อิ๋งลู่เวยหน้ามืดชั่ววูบ เธออยากอุดปากเด็กสาวตรงหน้าทันที แต่ไม่มีแม้กระทั่งแรงจะยืน

กล้าดียังไง

อิ๋งจื่อจินเธอกล้าพูดออกมาตรงๆ แบบนี้ได้ยังไง!

คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งทั้งตกใจทั้งโมโห โกรธจนไมเกรนขึ้น เอามือจับตรงหัวใจ “เธอว่าไงนะ พูดอีกทีซิ!”

ตระกูลอิ๋งเลี้ยงคนเนรคุณไว้อย่างนั้นเหรอ!

อิ๋งจื่อจินเชิดหน้าขึ้น สีหน้าไม่สะทกสะท้าน “ในนั้นมีเลขบัญชีอยู่ เร็วหน่อย”

“เนรคุณ…” คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งมือสั่น “คนเนรคุณ!”

เป็นแค่ลูกเลี้ยงกล้าอวดดีได้ถึงขนาดนี้

ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!

อิ๋งลู่เวยพยายามข่มความกระวนกระวายในใจ น้ำเสียงสั่นเครือ เธอฝืนยิ้ม “เสี่ยวจิน เธอพูดอะไรน่ะ เราครอบครัวเดียวกัน คุยเรื่องเงินมันจะหมางใจกันนะ”

“อีกอย่าง อาเล็กก็ไม่ได้บังคับเธอ ทำไมถึงกลายเป็นเธอถูกบังคับสูบเลือดไปได้ล่ะ”

อิ๋งจื่อจินหันหน้าไปมอง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่ยินยอม ไม่อยาก อย่าพูดมาก โอนเงินมา”

“หยุดนะ!” คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งโกรธจนลืมว่าอยู่ในที่สาธารณะ “ใครสนว่าเธอจะยอมหรือไม่ยอม เข้ามาอยู่ในตระกูลอิ๋ง ใช้ชีวิตบนกองเงินกองทอง คิดว่าจะไม่ต้องแลกอะไรเลยงั้นเหรอ”

คำพูดชวนตะลึง คนที่อยู่บริเวณนั้นต่างตกใจในความหน้าไม่อายของคุณนายผู้เฒ่าอิ๋ง

“ยายคนนี้อวดรวยเกินไปหรือเปล่า ให้ความร่ำรวยแล้วจะบังคับเอาเลือดใครก็ได้เหรอ”

“ฉันค้นมาแล้ว เลือดอาร์เอชนัล (Rhnull) บริจาคให้คนเลือดกรุ๊ปไหนก็ได้ ถึงถูกเรียกว่าเลือดสีทอง ประเมินราคาไม่ได้จริงๆ ตระกูลอิ๋งเล่นอะไรกัน คิดว่ามีอำนาจมีอิทธิพลก็ทำแบบนี้ได้เหรอ”

“ทนไม่ไหวแล้ว ตรรกะอะไร ฉันให้ห้าล้านเธอยอมตัดแขนให้ฉันไหมล่ะ”

“ฉันว่านะ หกแสนห้ายังน้อยไปเลย ตระกูลอิ๋งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลเศรษฐีไม่ใช่เหรอ ไม่ว่ายังไงก็ต้องให้หลักล้านหรือหลักสิบล้านหรือเปล่า”

เป็นครั้งแรกที่คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งถูกคนรุมด่ามากมายขนาดนี้ ใบหน้าแดงก่ำ หัวใจเต้นเร็ว ดูเหมือนพร้อมจะเป็นลมได้ทุกเมื่อ

“แม่คะ เลิกพูดเถอะค่ะ” ใบหน้าของอิ๋งลู่เวยร้อนผ่าวไปหมด

เธอรู้ว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปมีแต่จะยิ่งขายหน้า

ครั้นแล้วจำต้องหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโอนเงินให้สิบเท่าของของหกแสนห้าทางออนไลน์อย่างรวดเร็ว

อิ๋งจื่อจินมองข้อความแจ้งเตือน ไม่สนใจอีก หันตัวเดินออกไป

“มัน มัน…” คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งเพิ่งจะดีขึ้นก็โมโหจนปวดหัวใจอีกครั้ง

พวกเขาต้องการให้อิ๋งจื่อจินถอนฟ้อง ปรากฏว่าไม่เพียงแต่ไม่สำเร็จ กลับเสียเงินไปอีกหลายล้าน

ขายหน้าท่ามกลางคนมากมาย

จงมั่นหวาที่เงียบมาตลอดได้ยืนขึ้น พูดเสียงเบา “คุณแม่คะ กลับก่อนดีกว่าค่ะ”

ครั้งนี้คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งไม่ดุเธออีก ออกจากร้านชานมอย่างรวดเร็วโดยมีอิ๋งลู่เวยประคอง รีบพากันออกไป

อิ๋งลู่เวยมีสีหน้าแย่มากก่อนขึ้นรถ เธอพยักหน้าให้พ่อบ้านที่ติดตามมาด้วย

พ่อบ้านรับทราบ เดินเข้าไปในร้านชานมแล้วยิ้มให้ลูกค้าทุกคน

“เรื่องในวันนี้พวกเราหวังว่าจะไม่เห็นแม้แต่เงาในเวยปั๋ว ถ้าใครโพสต์รูปก็เท่ากับหาเรื่องตระกูลอิ๋ง ในเมื่ออยู่ฮู่เฉิงก็ช่วยคิดนึดนึงนะครับ”

ข่มขู่สุดๆ

“…”

พวกลูกค้าเงียบลงทันที

พวกเขาก็แค่พลเมืองตัวเล็กๆ ไม่มีทางกล้าชนกับตระกูลอิ๋งอยู่แล้ว

หลังจากพ่อบ้านให้พวกลูกค้าลบรูปถ่ายจนหมดเกลี้ยงแล้วถึงออกไป

ณ สวนสาธารณะศูนย์กลางออกกำลังกาย

ฟู่อวิ๋นเซินยืนพิงอยู่ใต้ต้นไม้ ท่าทางเฉื่อยชา “เป็นไงบ้าง”

ตรงหน้าเขาเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง พอได้ยินก็ตอบว่า “ประกาศตามหาสมุนไพรหกชนิดนั้นในเอ็นโอเคแล้ว ตอนนี้ถูกตอบรับสามชนิด คาดว่า…”

ทันใดนั้นเขาก็หยุดพูด

ฟู่อวิ๋นเซินเงยหน้าขึ้นทันที เห็นเด็กสาวกำลังเดินมาทางเขา

ดูเย็นชายิ่งกว่ายามปกติ

ฟู่อวิ๋นเซินขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาเย็นชา “เยาเยา พวกเขามาหาเธออีกแล้วเหรอ”

“อืม” อิ๋งจื่อจินกินอมยิ้ม หาโขดหินแล้วนั่งลง “ไม่เป็นไร ไม่ต้องไปสนใจ”

ฟู่อวิ๋นเซินพยักหน้าแล้วยิ้มให้ “ได้ รอพี่ชายเดี๋ยวนะ”

เขาหันหน้าไป “พูดต่อสิ”

พอได้ยินแบบนั้นเด็กหนุ่มก็อดอึ้งไปไม่ได้

นี่หมายความว่าไง

ไม่ต้องหลบเหรอ

แต่ถึงจะเป็นเด็กสาวธรรมดาๆ คนเดียว หน้าตาสวยมากจริงๆ แต่ก็ให้ฟังความลับนี้ไม่ได้หรือเปล่า

เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว ไม่ได้พูดอะไรต่อ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
อ่านนิยาย คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ‘จื่อจิน ถึงเธอจะเป็นลูกสาวของพวกเรา แต่พวกเราเลี้ยงเสี่ยวเซวียนมาสิบห้าปี ผูกพันกับเสี่ยวเซวียนมาก เสี่ยวเซวียนถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู ไม่เหมือนเธอที่ทนความลำบากที่บ้านนอกมาตลอด ดังนั้นคุณหนูใหญ่ของตระกูลอิ๋งก็ยังคงเป็นเสี่ยวเซวียน’ ‘เธอคงจะน้อยใจ แต่เธอจิตใจดีขนาดนี้ แม่รู้ว่าเธอไม่มีทางถือสาแน่นอน วางใจนะ อะไรที่เธอควรได้ก็จะไม่มีทางน้อยหน้า’ ‘อะไรนะ เธอเองก็อยากไปด้วยล้อเล่นหรือเปล่า ทางนั้นเขาต้องการคุณหนูไฮโซ เธอน่ะ แม้แต่เล่นเปียโนสักเพลงก็ยังไม่เป็น จะไปเล่าอะไรให้เขาฟังมีแต่จะทำขายหน้า’ ภายในความฝันเป็นเงาคนเต็มไปหมดกับคำพูดที่ตีกันยุ่งเหยิง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset