คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 8 อีกสามปีก็แต่งงานได้แล้ว

“เด็กเหรอ” บาร์เทนเดอร์มองตามสายตาชายหนุ่ม มองเพียงแวบเดียวก็ละสายตากลับมา หมดความสนใจ “ก็เด็กจริง”

“ก็ไม่เด็กหรอก” ฟู่อวิ๋นเซินแสยะยิ้ม น้ำเสียงเนือยๆ “อีกสามปีก็อายุครบเกณฑ์แต่งงานตามกฎหมายได้แล้ว”

“…” คำพูดนี้เล่นเอาบาร์เทนเดอร์ไปต่อไม่ถูก เขาส่ายหน้า พูดเสียงเบา “ระวังหน่อย นายถูกตั้งรางวัลนำจับแล้ว”

“หืม?” ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว ท่าทางไม่แปลกใจแต่อย่างใด “เท่าไร”

“รางวัลระดับดับเบิ้ลเอส พันล้านดอลล่าร์ มูลค่าอยู่ในอันดับเจ็ดของเงินรางวัลนำจับ” บาร์เทนเดอร์มองเขา “อย่างน้อยมีสิบคนขึ้นไปที่ติดอันดับนักล่าที่รับงานนี้ไปแล้ว ตอนนี้รู้หรือยังว่ามีคนเกลียดนายขนาดไหน”

แต่ใครก็ตามที่ติดสิบอันดับแรกของเงินรางวัลนำจับจะต้องถูกใครสักคนฆ่าแน่นอน ถ้าไม่ฆ่าก็ไม่คุ้มกับเงิน

ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินโค้งมน ดูเย้ายวนเล็กน้อย “งั้นพวกเขาก็ต้องหาฉันให้เจอก่อนนะ”

จุดนี้บาร์เทนเดอร์กลับเห็นด้วย เขาพูด “ขนาดไอบีไอยังหานายไม่เจอ ความสามารถในการพรางตัวของนาย เกรงว่าเป็นรองก็แค่อันดับหนึ่งคนนั้นแล้ว”

ไอบีไอย่อมาจากสำนักงานสอบสวนระหว่างประเทศ (International Bureau of Investigation) เป็นหน่วยงานที่ไว้รับมือกับพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายโดยเฉพาะ

“เทียบกันไม่ได้หรอก” ฟู่อวิ๋นเซินตอบอย่างไม่ใส่ใจ “ตั้งกี่ปีแล้วอันดับหนึ่งยังไม่เปลี่ยน ฉันเพิ่งจะได้ขึ้น”

มูลค่าเงินรางวัลนำจับของอันดับหนึ่ง อีกเก้าอันดับที่เหลือรวมกันยังสู้ไม่ได้ สูงถึงขั้นเทียบได้กับจีดีพีของประเทศเล็กๆ ในยุโรปประเทศหนึ่ง แต่ไม่เคยมีใครรับงานนี้ ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าตามฆ่าอันดับที่หนึ่งยากขนาดไหน

ไม่สิ ควรพูดว่าแม้แต่ตามหาก็ยังไม่เจอ

“ฉันชักสงสัยขึ้นมาจริงๆ แล้วว่าเทพพยากรณ์คนนี้เป็นใครกันแน่” บาเทนเดอร์ทำเสียงจึ๊ “ทำไม ‘เขา’ ถึงสร้างความโกรธแค้นได้มากกว่านายอีก”

เป้าหมายอื่นๆ ของรางวัลนำจับยังพอมีร่องรอยให้รู้บ้าง แต่มีแค่อันดับหนึ่งที่ราวกับหายสาบสูญไปแล้ว ไม่มีข้อมูลอะไรเลย

อีกทั้งคำเรียกที่ว่าเทพพยากรณ์มันก็ออกจะเว่อร์เกินไปหน่อย

ต่อให้เป็นแม่หมอพวกนั้นที่มีความสามารถอย่างแท้จริงในสมัยยุโรปโบราณก็ยังไม่กล้าเรียกตัวเองว่าเทพพยากรณ์เลย

สมัยนี้หมอดูก็มี แต่ก็เหมือนจอมยุทธ์โบราณที่มีของแท้อยู่แค่ไม่กี่คน ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่แสดงตัว พวกที่เหลือก็แค่เทพกำมะลอที่หลอกชาวบ้านไปทั่ว

หากมีคนสามารถทำนายทุกอย่างออกมาได้จริง มันก็ออกจะเหลวไหลเกินไป

ฟู่อวิ๋นเซินเชิดดวงตาดอกท้อขึ้น พูดกึ่งยิ้ม “นายพูดอะไรน่ะ”

“ความจริงไง เดิมทีนายก็ศัตรูเยอะอยู่แล้ว เอาเป็นว่าระวังไว้หน่อย พันล้านดอลล่าร์ซื้อเกาะได้เกาะนึงเลยนะ นายเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้ นักล่าที่ติดชาร์ตพวกนั้นเหมือนคนบ้า แต่ว่า…” บาร์เทนเดอร์พูดถึงตรงนี้ก็ขมวดคิ้ว “นายจะอยู่ที่นี่จริงเหรอ ฉันยังคิดว่าอย่างน้อยนายก็น่าจะไปตี้ตู”

“อืม” ฟู่อวิ๋นเซินปิดเปลือกตาลงครึ่งหนึ่ง สายตาเหม่อลอย “ฉันอยากอยู่ฮู่เฉิงสักระยะ”

ฟังถึงตรงนี้ทันใดนั้นในใจของบาร์เทนเดอร์ก็เกิดความคิดเพ้อเจ้อขึ้นอย่างหนึ่ง “เพราะผู้หญิงเหรอ”

ฟู่อวิ๋นเซินขมวดคิ้ว พูดอย่างใจเย็น “พูดอะไรน่ะ เธอยังเด็กอยู่เลยนะ”

บาร์เทนเดอร์สีหน้าเปลี่ยน “นายบ้าไปแล้ว”

“บ้าตั้งนานแล้ว” ฟู่อวิ๋นเซินลุกขึ้น เอาเสื้อนอกพาดแขน ยิ้มเจ้าเล่ห์ตบบ่าบาร์เทนเดอร์ “ดื่มเหล้าให้น้อยหน่อย ไม่ดีต่อร่างกาย”

ตลาดนัดใต้ดินไม่จำเป็นต้องใช้บัตรประชาชนก็เข้าไปได้ มีคนทุกประเภท แต่ส่วนใหญ่จะจงใจปกปิดตัวตน

สองข้างทางมีร้านค้าสารพัด เนื่องจากของที่ขายแตกต่างกัน ลักษณะอาคารก็แตกต่างไปด้วย

มีสไตล์ยุโรปอย่างสไตล์โรมันโบราณ สไตล์โกธิค สไตล์บาร็อก และยังมีอาคารสไตล์สวนโบราณแบบจีน

อิ๋งจื่อจินเงยหน้าก็สังเกตเห็นป้ายร้าน ‘ดูดวง’ มองๆ ดูมีร้านแบบนี้สิบกว่าร้านได้

แต่ก็มีแค่ร้านนี้ที่มีคลื่นพลังลอยอยู่จางๆ

ไพ่ทาโรต์เป็นอุปกรณ์ทำนายประเภทหนึ่งที่มีต้นกำเนิดมาจากยุโรป เป็นที่นิยมมากในช่วงกลางศตวรรษ เธอเองก็ตามกระแสไปด้วย แต่เรื่องราวต้นกำเนิดของมันยังคงเป็นปริศนามาจนถึงทุกวันนี้

แต่ไพ่ทาโรต์ของแท้มีอยู่ไม่มาก ไพ่ทาโรต์ที่ขายอยู่ตามท้องตลาดสมัยนี้ถ้าใช้ทำนายเรื่องเล็กน้อยก็พอทำเนา แต่ในสถานการณ์อื่นก็เป็นแค่เศษกระดาษ

บางทีเธอควรหาไพ่ทาโรต์ของแท้สักสำรับก่อนที่ความสามารถของเธอจะฟื้นคืนกลับมาทั้งหมด

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด กดผ้าปิดปาก ดวงตาหลุบลง เดินเข้าไปในตลาด

นอกจากร้านค้าในอาคาร บริเวณรอบๆ ยังมีร้านแบกะดินจำนวนไม่น้อย ส่วนใหญ่วางขายของโบราณที่แตกหัก แต่นี่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการหลอกคนซื้อที่อยากเก็บของเก่า

เธอกวาดตามองไปเรื่อยๆ สำรวจของเก่าเกือบร้อยชิ้นได้หมดภายในเวลาสิบกว่าวินาที และที่อยู่ในความคาดหมายก็คือของพวกนี้เป็นของปลอมหมดทุกชิ้นไม่มียกเว้น

จนกระทั่งครึ่งชั่วโมงต่อมา ในที่สุดอิ๋งจื่อจินก็เจอของที่เธอต้องการ

มันคือเหรียญโบราณเหรียญหนึ่งที่ปะปนอยู่ท่ามกลางกองเครื่องกระเบื้อง ไม่สะดุดตาแม้แต่น้อย

อักษรที่ถูกประทับไว้บนเหรียญนั้นเสียหายไปไม่น้อย เลอะดินโคลน มองแวบแรกเหมือนทำมาจากดิน

เธอก้มหน้า เพ่งตามอง คำนวณยุคสมัยและชื่อของเหรียญโบราณเหรียญนี้ออกมาได้ในชั่วพริบตา

เหรียญเงินครึ่งตำลึง ถูกหลอมตอนสามร้อยสามสิบเก้าปีก่อนคริสตศักราช ยุคสมัยจ้านกั๋ว

ผ่านมาสองพันปี ราคาต้องอยู่ที่ห้าล้านหยวนขึ้นไป

อิ๋งจื่อจินนั่งยอง “อันนี้ขายยังไงคะ”

เธอกลับไม่ได้ชี้ไปที่เหรียญนั้น แต่เป็นชามหินที่อยู่ข้างกัน

เจ้าของร้านเป็นเด็กหนุ่ม เขามองเด็กสาวอย่างสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า ตอบแบบขอไปที “เอาไปห้าร้อยหยวน”

น้ำเสียงเจือไปด้วยการดูถูกไม่มากก็น้อย

อิ๋งจื่อจินเสมอง ชี้ไปยังเหรียญเงินโบราณเหรียญนั้น “แล้วก็อันนี้ด้วยค่ะ”

“แถมฟรีๆ” เด็กหนุ่มเริ่มรำคาญ “เอาไปหมดนั่นแหละ อย่ามาเกะกะคนจะค้าขาย”

เขากำลังรอลูกหลานคนรวยมาให้หลอกสักสองสามคน ไม่มีเวลามาเสียให้คนจน

อิ๋งจื่อจินสีหน้าไม่เปลี่ยน หลังจากวางธนบัตรหนึ่งร้อยห้าใบเธอก็หยิบชามหินกับเหรียญโบราณ เอามือลูบเล็กน้อย ดวงตาหงส์เพ่งมอง

ตอนนี้เธอแน่ใจได้ว่า โลกมนุษย์เป็นโลกที่ไม่สามารถบำเพ็ญเพียรได้ แต่แบบนี้ก็ดี เธอจะได้อยู่ไปจนแก่ได้อย่างสบายใจ

แต่ท่าทางของเธอพออยู่ในสายตาของเด็กหนุ่มกลับกลายเป็นว่ายากจนจนบ้าไปแล้ว เขาแสยะยิ้ม ไม่เบาเสียงตัวเองเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังจงใจพูดเสียงดังขึ้น “พวกคนจน ดูของไม่เป็น คิดว่าตัวเองได้ของดีไปหรือไง”

เจ้าของร้านข้างๆ ได้ยินเข้า “เอ๊ะ นายอย่าพูดตรงแบบนั้นสิ ไว้หน้าเธอบ้าง”

“ยังจะเอาหน้าไปทำไม ตอนนี้ใครก็เข้ามาในตลาดใต้ดินได้แล้วเหรอ”

“นั่นน่ะสิ ช่วงนี้เจอแต่คนจนอยากได้ของดี น่าขายหน้าจริงๆ”

พวกเขาอยู่ในตลาดใต้ดินมานานขนาดนี้ ยังจะไม่รู้อีกเหรอว่าลูกค้าคนไหนรวยจริง

คนจนแบบนี้ พวกเขาแม้แต่จะหลอกยังขี้เกียจ

เด็กหนุ่มแสยะยิ้มอีกครั้ง “นี่ไม่ใช่แค่จนนะ โง่ชัดๆ แม้แต่ความสามารถพื้นฐานในการดูของก็ไม่มี”

ชามหินนั่นเขาซื้อจากเถาเป่ามาห้าหยวน เหรียญนั่นเขาก็เก็บได้จากสวนสาธารณะในผู่หนาน ไม่มีค่าแม้แต่แดงเดียว

ของสองอย่างนี้ก็แค่เอามาวางให้ดูมีของ นึกไม่ถึงว่าจะมีคนโง่ซื้อจริง เขาเลยได้เงินห้าร้อยมาง่ายๆ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
อ่านนิยาย คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ‘จื่อจิน ถึงเธอจะเป็นลูกสาวของพวกเรา แต่พวกเราเลี้ยงเสี่ยวเซวียนมาสิบห้าปี ผูกพันกับเสี่ยวเซวียนมาก เสี่ยวเซวียนถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู ไม่เหมือนเธอที่ทนความลำบากที่บ้านนอกมาตลอด ดังนั้นคุณหนูใหญ่ของตระกูลอิ๋งก็ยังคงเป็นเสี่ยวเซวียน’ ‘เธอคงจะน้อยใจ แต่เธอจิตใจดีขนาดนี้ แม่รู้ว่าเธอไม่มีทางถือสาแน่นอน วางใจนะ อะไรที่เธอควรได้ก็จะไม่มีทางน้อยหน้า’ ‘อะไรนะ เธอเองก็อยากไปด้วยล้อเล่นหรือเปล่า ทางนั้นเขาต้องการคุณหนูไฮโซ เธอน่ะ แม้แต่เล่นเปียโนสักเพลงก็ยังไม่เป็น จะไปเล่าอะไรให้เขาฟังมีแต่จะทำขายหน้า’ ภายในความฝันเป็นเงาคนเต็มไปหมดกับคำพูดที่ตีกันยุ่งเหยิง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset