คู่แข่งของฉันถังแตก ตอนที่ 5.2

บทที่ 5 (2)

ฉินหม่าน “จี้หรานอยู่ในกลุ่มด้วยหรือเปล่า”
จี้หรานขมวดคิ้ว “เกี่ยวอะไรกับฉัน”
นัยน์ตาดอกท้อของเยว่เหวินเหวินโตขึ้น “เขาบอกว่ากลุ่มเราน่ารำคาญ ไม่ยอมเข้ามาด้วย”
ฉินหม่านยกยิ้ม “งั้นฉันก็ไม่เข้า”
จี้หราน “…”
เยว่เหวินเหวินยิ้มตามพลางขยิบตาไปให้ “โอเค ถ้าวันไหนนายสนใจก็ส่งใบสมัครกับฉันได้เลยนะ”
เยว่เหวินเหวินอยู่นิ่งไม่ได้แล้ว หลังจากเรื่องสนุกจบลงก็รีบตรงไปหน้าเวทีทันที
หลังจากไม่มีใครแล้วจี้หรานก็เบ้ปาก
“ใช้วิธีนี้ขู่คนอื่นให้หนีไป เฮอะ อ่อนจริงๆ”
เขาเตรียมพร้อมที่จะลงไม้ลงมือกับกู้เจ๋อแล้ว แต่ใครจะไปคิดว่าเรื่องจะจบลงอย่างง่ายดายแบบนี้
“แค่ได้ผลก็พอแล้วนี่” ฉินหม่านเอ่ย “พ่อของกู้เจ๋อดูแลระบบความปลอดภัยของร้านนี้ทั้งหมด ลงไม้ลงมือไปนายก็ลำบากเปล่าๆ”
พูดจบก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาโค้งให้จี้หราน “พี่หราน! ขอบคุณเรื่องครั้งก่อนมาก อู่ซ่อมรถที่นายแนะนำมาเจ๋งชะมัด มีอะไหล่ครบทุกตัว ฉันนึกว่ารถฉันจะพังซะแล้ว รถคันนั้นอยู่กับฉันมานานมาก ถ้าพังไปจริงๆ คงเสียใจแย่”
จี้หราน “เรื่องเล็กน่า ครั้งหน้าเวลาจะเลี้ยวก็ระวังดีๆ ทุกครั้งนายเลี้ยวเร็วเกินไปก็เลยพุ่งออกนอกสนามแบบนั้น”
“อืม ก็ฉันอยากเลียนแบบนายไง ดริฟต์รถแบบนายเท่จะตาย ไม่พูดแล้ว ขอดื่มแสดงความเคารพให้สักแก้วนะ”
“อย่าเลียนแบบเลย นายทำไม่ได้หรอก” จี้หรานยกแก้วขึ้นชนกับเพื่อนแล้วดื่มรวดเดียวจนหมด
“ฮ่าๆ โอเค นายเจ๋งที่สุด เอ่อ…” ชายหนุ่มเทเหล้าให้ตัวเองอีกครั้งแล้วยื่นแก้วข้ามหน้าจี้หรานไป “สวัสดีครับพี่หม่าน ได้ยินชื่อเสียงคุณมานานแล้ว”
หลังจากเห็นเหตุการณ์เมื่อกี้ ชายหนุ่มก็ไม่ได้คาดหวังว่าฉินหม่านจะชนแก้วด้วย ตอนที่กำลังจะดื่มเองก็รู้สึกว่าแก้วเหล้าในมือถูกชนเบาๆ
“หวัดดี” สีหน้าฉินหม่านดูเป็นธรรมชาติ ดึงแก้วเหล้ากลับมาแล้วจิบเล็กน้อย
ชายหนุ่มดีใจระคนประหลาดใจ รีบดื่มรวดเดียวจนหมด พูดตะกุกตะกักเล็กน้อยด้วยความประหม่า “พี่หม่านอาจจะไม่รู้จักผม… ผะ… ผมเคยเจอคุณในงานเลี้ยงครั้งหนึ่ง”
“คุ้นๆ อยู่เหมือนกัน” ฉินหม่านวางแก้วเหล้าลงแล้วทำเป็นถามเปรยๆ “สนามแข่งที่พวกนายพูดถึง…”
“อ๋อ คุณไม่รู้เหรอ ผมกับพี่หรานเพิ่งเข้าร่วม Supercar Club ว่างๆ เราสองคนก็ไปแข่งรถกัน เป็นสนามที่ใช้แข่งจริงเลยนะ พี่หม่าน คุณสนใจไหม”
“นายจะอธิบายให้เขาฟังเยอะแยะไปทำไม” จี้หรานยืดหลังตรงพร้อมเอ่ยขัดจังหวะ “มาเล่นลูกเต๋ากับฉันดีกว่า”
“ฉันไม่เล่นกับนายหรอก เล่นยังไงฉันก็แพ้” ชายหนุ่มหัวเราะ “กู้เจ๋อคอยตามตูดนายมานานขนาดนั้น เขาไม่รู้หรือไงว่านายเล่นลูกเต๋าเก่งแค่ไหน ยังมีหน้ามาท้าแข่งอีก น่าขำชะมัด”
จี้หรานหัวเราะในลำคอ คว้าถ้วยขึ้นมาเขย่าลวกๆ แล้วคว่ำลงบนโต๊ะ “ไม่ต้องกลัว เล่นสองตาก็พอ”
ฉินหม่านนั่งมองอีกฝ่ายจากด้านข้าง แสงไฟในไนต์คลับที่ไม่สว่างนักตกกระทบลงบนใบหน้าของจี้หราน ทำให้เห็นเค้าโครงใบหน้าอีกฝ่ายได้พอดี
คนที่ดูอันธพาลและดุร้ายเมื่อสักครู่ ใบหน้ากลับดูอ่อนโยนอย่างน่าประหลาด เครื่องหน้าที่ทั้งประณีตและงดงามประกอบเป็นใบหน้าที่ดูดีกว่าดาราดังๆ ในตอนนี้หลายเท่า
ฉินหม่านถอนสายตากลับมาเมื่อรับรู้ถึงการสั่นสะเทือนบนต้นขา หลังจากหยิบโทรศัพท์ออกมาดูก็ลุกขึ้นทันที “ฉันไปห้องน้ำนะ”
หลังจากฉินหม่านเดินออกไป คนที่อยู่ตรงหน้าถึงเอ่ยขึ้น “พี่หราน ฉันต้องบอกนาย ฉินหม่านไม่ใช่คนที่ควรไปยุ่งด้วยหรอกนะ นาย… อย่าคิดเป็นศัตรูกับเขาเลย ฉันเคยเจอเขาที่งานเลี้ยง รู้ไหมว่าคนที่เขาคุยด้วยคือใคร”
จี้หรานดูดบุหรี่ “ใคร ท่านเทียนอ๋อง?”
“ประมาณนั้น ไม่ใช่เรื่องเกินจริงจริงๆ นะ”
“สนใจทำไมว่าเป็นใคร ตอนนี้มันไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย” จี้หรานนิ่งไป “รีบดื่มซะ อย่าเบี้ยว”

ฉินหม่านกดรับโทรศัพท์เมื่อเดินมาถึงห้องน้ำ “แม่ มีอะไรครับ”
“ลูกยังไม่นอนเหรอ” เสียงหญิงวัยกลางคนเจือความเหนื่อยล้า “เสียงอะไร ลูกยังอยู่ข้างนอกเหรอ”
“ครับ พอดีมีนัด” ฉินหม่านเอ่ยต่อ “แม่ถึงอเมริกาแล้วเหรอครับ”
“จ้ะ แม่กับพ่อเพิ่งถึงวันนี้เอง เราเพิ่งจัดบ้านเสร็จ ลูกจะมาเมื่อไหร่”
“ผมไม่รีบครับ พ่อกับแม่อยู่ไปก่อนเลย มีเวลาผมจะไปเยี่ยมนะครับ”
คุณนายฉินพยักหน้า “จ้ะ งั้นแม่จะดูแลดอกไม้ในสวนรอให้ลูกกลับมาดูเล่นเป็นเพื่อนแม่ ลูกเองก็อย่าออกไปสังสรรค์ทุกวันล่ะ กว่าพ่อเขาจะได้พัก ตอนนี้ก็ถึงตาของลูกแล้ว จำไว้ล่ะว่าสุขภาพสำคัญที่สุด อย่านอนดึก กินข้าวให้ครบสามมื้อด้วย”
“ครับ ผมเข้าใจแล้ว”
หลังจากวางสายฉินหม่านก็เดินไปล้างมือที่อ่างล้างหน้า
“ฉินหม่าน?”
ฉินหม่านได้ยินดังนั้นก็เงยหน้าขึ้น และพบกับใบหน้าคุ้นเคยของคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง อีกฝ่ายเป็นบอสหนุ่มที่เพิ่งขึ้นรับตำแหน่งของบริษัทแห่งหนึ่ง
“นายจริงๆ ด้วย” บอสหนุ่มดูประหลาดใจและซ่อนความดีใจเอาไว้ไม่มิด “นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง บังเอิญจริงๆ ฉันกำลังอยากเจอนายอยู่พอดี”
“ฉันมากับเพื่อน” ฉินหม่านดึงทิชชู่ออกมาเช็ดมือพร้อมคลี่ยิ้มบาง “มีเรื่องอะไรถึงอยากเจอฉัน”
“เอ่อ… เรื่องครอบครัวนายฉันเสียใจด้วย” บอสหนุ่มมองไปรอบๆ ถึงห้องน้ำจะคนไม่เยอะ แต่ก็มีคนเมาอยู่แถวนี้หลายคน “เราหาที่เงียบๆ คุยกันหน่อยดีไหม”
ฉินหม่านปฏิเสธ “คุยตรงนี้เถอะ ฉันต้องรีบกลับไป”
“โอเค งั้นฉันไม่อ้อมค้อมล่ะนะ ฉินหม่าน ในเมื่อครอบครัวนายตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ นายคิดจะ… ไปทำงานที่อื่นหรือเปล่า”
บอสหนุ่มกระแอมในลำคอก่อนพูดต่อ
“คุยตรงนี้ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ฉันจะพูดสั้นๆ ละกัน บริษัทฉันจะมีโปรเจ็กต์ใหญ่ช่วงปลายปี ขอแค่นายมาทำงานที่บริษัท โปรเจ็กต์นี้จะเป็นของนายทันที ส่วนค่าตอบแทน ฉันให้นายได้เท่านี้” บอสหนุ่มยกนิ้วบอกจำนวนเงิน
ฉินหม่านเหลือบมอง “บริษัทนายใจกว้างมาก”
“ใจกว้างอะไรกัน ฉันรู้ว่ามีหลายบริษัทที่ต้องการตัวนาย ที่ฉันเสนอไม่ได้ถือว่าเยอะอะไรเลย” ดวงตาบอสหนุ่มเป็นประกาย “งั้นหมายความว่านาย…”
“ขอโทษด้วย” ฉินหม่านยิ้ม “ฉันเพิ่งหางานพิเศษดีๆ ได้ กะว่าจะหยุดพักสักหน่อย คงยังไม่คิดเรื่องการทำงานที่เป็นทางการไปสักพัก”
ฉินหม่านเดินกลับไปที่โต๊ะก็พบว่าจี้หรานไม่ได้นั่งอยู่ที่เดิมแล้ว
เขาถามคนที่เพิ่งขอชนแก้วกับเขา “จี้หรานล่ะ”
ชายคนนั้นชะงักไปครู่หนึ่งแล้วรีบอธิบาย “เมื่อกี้พี่หรานได้รับโทรศัพท์แล้วก็รีบวิ่งออกไปเลย น่าจะเป็นเรื่องด่วน ทำไม… เขาไม่ได้บอกคุณเหรอ”
ลมในตอนกลางคืนค่อนข้างแรง
ฉินหม่านเดินออกจากไนต์คลับแล้วยกมือโบกแท็กซี่
เมื่อบอกตำแหน่งโรงแรมกับคนขับเสร็จก็เห็นว่าหน้าจอโทรศัพท์มีแจ้งเตือนข้อความจากวีแชท
[ปะป๊าจี้โอนเงินให้คุณ 1,000 หยวน]
ตามมาด้วยข้อความเสียงสั้นๆ อีกฝ่ายคงจะเปิดหน้าต่างรถ เพราะปลายสายเหมือนกำลังตะโกนแข่งกับเสียงลม
[นี่ ฉันมีธุระต้องออกมาก่อน นายเอาเงินนี้ไปแล้วเรียกรถกลับเองซะ]
ฉินหม่านกดรับเงินด้วยสีหน้าเรียบเฉย จากนั้นก็โอนต่อให้เพื่อนคนหนึ่งในวีแชทที่บริจาคเงินช่วยเหลือบ้านเด็กกำพร้าเป็นประจำ

คู่แข่งของฉันถังแตก

คู่แข่งของฉันถังแตก

คู่แข่งของฉันถังแตก
Score 4.9
Status: Ongoing
อ่านคู่แข่งของฉันถังแตก เรื่องย่อ เขาคนนี้ ‘จี้หราน’ เกิดมาในตระกูลสูงส่ง มั่งคั่งร่ำรวย มีเงินทองใช้ไม่ขาดมือตั้งแต่ไหนแต่ไร แถมยังหน้าตาดี มีความสามารถ เรื่องชกต่อยยิ่งไม่เป็นรองใคร ชีวิตดีๆ แบบนี้ของเขาควรจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเช้าวันหนึ่ง เขาดันตื่นขึ้นมาบนเตียงพร้อมกับ ‘หลักฐาน’ ตรงหน้า...กางเกงในสีแดงกับบ๊อกเซอร์สีดำ ส่วนคนที่อยู่บนเตียงกับเขานั้น เวรเอ๊ย ผู้ชายหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เป็นที่ชื่นชมใฝ่ฝันของใครๆ มากมาย แต่สำหรับเขาแล้ว หมอนี่คือศัตรูตัวฉกาจ ฟาดฟันกันมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งในชีวิต เอาเถอะ ตอนแรกเขาเห็นแก่ที่หมอนี่ตกอับ จากคุณชายสูงส่งกลายเป็นคนล้มละลายหนี้สินรุงรัง เลยจะรีบย่องหนีไปตั้งหลักเงียบๆ แต่อีกฝ่ายกลับกล้าเอ่ยปากทวงสัญญาที่เขาหลุดปากออกไปตอนเมาว่าจะ ‘เปย์’ และ ‘เลี้ยงดู’ “เมื่อคืนนายพูดว่าจะ ‘เปย์’ ฉันไม่ใช่หรือไง ทำไม พอนอนกับฉันแล้วก็คิดจะเบี้ยวงั้นเหรอ” ประโยคนี้ทำเอาจี้หรานอยากลงมือฆ่าคนถ้าไม่กลัวผิดกฎหมาย แม่งเอ๊ย ได้เลย ฉินหม่าน! ได้! ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะ ‘เปย์’ และ ‘เลี้ยงดู’ หมอนี่อย่างที่พูดไว้ แต่จำไว้ว่าเงินทั้งหมดที่เสียไป เขาจะใช้เพื่อซื้อตัวฉินหม่าน เทพบุตรในฝันที่เลื่องลือคนนี้มาเหยียดหยาม เหยียบย่ำ ซ้ำเติม จะทำทุกอย่างเพื่อให้หมอนี่อยู่ในจุดที่ทุกข์ทรมานและน่าสมเพชที่สุด คอยดู! .............................................................................................. จี้หรานโกรธจนต้องหัวเราะออกมา “ฉันนอนกับนายหรือนายนอนกับฉันไม่ทราบ” ฉินหม่านเคาะมวนบุหรี่พลางเงยหน้าขึ้นถาม “แล้วนายรู้สึกดีไหมล่ะ” จี้หรานชะงัก เขาเคลื่อนสายตาตามคำพูดของฉินหม่านไปยังส่วนล่างของอีกฝ่ายที่อยู่ใต้ผ้าห่มโดยไม่รู้ตัว “ฉันเนี่ยนะรู้สึกดี?” จี้หรานขำพรืด “นายฝันอยู่หรือไง ไม้จิ้มฟันอันนั้นของนายน่ะเหรอ ยัดร่องฟันยังไม่เต็มด้วยซ้ำ” ฉินหม่านยิ้ม “งั้นนายก็มาลองอีกรอบสิ ขอดูหน่อยว่าร่องฟันนายจะใหญ่แค่ไหน” .............................................................................................. “ไสหัวไปซะ ฉันไม่ได้รู้สึกดีโว้ย!” เขาตะคอก ฉินหม่านได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า ดับบุหรี่แล้วเปิดผ้าห่มออก “นายรอก่อน” เพราะฉินหม่านไม่ได้สวมเสื้อผ้า จี้หรานจึงหยิบบ๊อกเซอร์บนพื้นขึ้นมาแล้วโยนไปให้ “ให้รออะไร จะต่อยกันหรือไง ถ้าจะต่อยกันนายก็สวมเสื้อผ้าให้ดีๆ ไม่งั้นพอรถพยาบาลมาคงทุเรศสายตาน่าดูถ้าถูกหามออกไปในสภาพล่อนจ้อนแบบนั้น” ฉินหม่านสวมเสื้อผ้าตามที่เขาขอ “ฉันไม่ต่อย ฉันเป็นมืออาชีพมากพอ ไม่ต่อยเสี่ยเลี้ยงหรอก ฉันก็แค่จะไปถามห้องข้างๆ หน่อย” จี้หรานไม่เข้าใจ “ถามอะไร” ฉินหม่านหัวเราะในลำคอ “ถามว่าเมื่อคืนพวกเขาได้ยินเสียงนายร้องหรือเปล่า” “…” .............................................................................................. แม่งเอ๊ย ทำไมวะ ทั้งที่เขาตั้งใจจะทำให้ฉินหม่านกลายเป็นคนที่น่าสมเพชจนทนดูไม่ได้ แต่ไปๆ มาๆ ทำไมหมอนี่ถึงทำให้เขารู้สึกเหมือนจะกระอักเลือดได้ทุกครั้งที่คุยกัน ทำไมเขาถึงรู้สึกว่า ‘น่าสมเพช’ คำนี้ช่างเหมาะกับเขาในตอนนี้มากกว่าใครๆ ล่ะนี่ โว้ยยยยย

Comment

Options

not work with dark mode
Reset