คู่แข่งของฉันถังแตก ตอนที่ 3.1

บทที่ 3 (1)
Lilac Novel
หลังจากพักผ่อนอยู่บ้านหนึ่งวันเต็มๆ อาการจี้หรานก็ดีขึ้น
เขาแข็งแรงกว่าคนอื่นๆ มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ปกติก็ไม่เคยเจ็บป่วยด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงความเจ็บปวดภายนอกแบบนี้เลย ได้นอนหลับเต็มอิ่ม ตื่นขึ้นมาก็ไม่ได้รู้สึกว่าเจ็บถึงขนาดนั้นแล้ว
เขาแค่ยังไม่อยากขยับร่างกายมากนัก ก็เลยนอนที่บ้านต่ออีกวัน
ตอนที่เยว่เหวินเหวินโทรมา เขาเพิ่งบล็อกวีแชทฉินหม่านเสร็จพอดี
ตั้งแต่ฉินหม่านโอนเงินสองหมื่นหยวนคืน ทั้งสองคนก็ไม่ได้คุยอะไรกันต่อ ยิ่งเห็นจำนวนเงินนั่นจี้หรานยิ่งโมโห สุดท้ายก็ไม่ได้กดรับเงินแล้วออกจากห้องแชททันที
แต่เรื่องเงินก็ยังไม่ใช่เหตุผลที่เขากดบล็อกอีกฝ่าย พอนึกถึงเรื่องบล็อกขึ้นมา นั่นก็เป็นเพราะเมื่อกี้เขาเลื่อนดูไทม์ไลน์วีแชทแล้วเจอโพสต์หนึ่งของฉินหม่านเข้าพอดี
จริงๆ ฉินหม่านก็ไม่ได้โพสต์อะไรมากมายหรอก ตรงกันข้าม พอเขาเข้าไปดูไทม์ไลน์วีแชทของฉินหม่าน อีกฝ่ายไม่ได้ตั้งค่าให้ผู้อื่นสามารถมองเห็นได้แค่ ‘สามวันล่าสุด’ หรือ ‘หกเดือนที่ผ่านมา’ อะไรเทือกๆ นั้น แต่โพสต์กลับน้อยกว่าไทม์ไลน์วีแชทของเยว่เหวินเหวินที่ตั้งค่าให้ผู้อื่นมองเห็นได้แค่สามวันล่าสุดซะอีก สี่ในห้าของโพสต์ทั้งหมดคือรูปสุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ที่เจ้าตัวเลี้ยงไว้ หน้าตาของมันน่าเกลียดสุดๆ แถมบนหลังยังมีกล้ามเป็นมัดๆ อีกด้วย
เหมือนเจ้าของมันไม่มีผิด!
แต่โพสต์ล่าสุดของฉินหม่านไม่ใช่หมาแล้ว เป็นเพียงสองคำสั้นๆ
‘หางาน’
จี้หรานมองสองคำนั้นอย่างเหลือเชื่อ ถึงกับต้องกดเข้าไปดูรูปโปรไฟล์หลายครั้งจนมั่นใจว่าฉินหม่านเป็นคนโพสต์ข้อความนี้จริงๆ
ฉินหม่านโพสต์อะไรแบบนี้ลงในไทม์ไลน์วีแชทจริงๆ เหรอเนี่ย!
หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้จี้หรานเกลียดฉินหม่านก็เพราะฉินหม่านทั้งถือตัวและเย่อหยิ่งเหมือนกับพี่ชายต่างแม่ของเขาไม่มีผิด
จี้หรานเป็นลูกนอกสมรส แม่ของเขาเป็นนักแสดงหางแถวที่เคยนอนกับพ่อ แค่คืนเดียวก็มีเขามาแบบงงๆ
หลังจากรู้เรื่อง ตอนแรกพ่อของจี้หรานไม่ได้คิดที่จะรับเขาเป็นลูก… ตระกูลจี้นับเป็นตระกูลที่มีความซับซ้อน ภรรยาของพ่อจี้หรานเป็นคู่สมรสที่มาจากผลประโยชน์ทางธุรกิจ เป็นผู้หญิงที่มีอำนาจ ดังนั้นพ่อเขาจึงไม่อยากมีปัญหากับภรรยาเพียงเพราะดอกหญ้าที่เก็บได้ข้างทางง่ายๆ แบบนั้น
แต่สุดท้ายคุณนายจี้ก็เป็นคนออกหน้าเอง ว่ากันว่าแม่คุยกับคุณนายจี้ทั้งคืน ไม่รู้เหมือนกันว่ายื่นข้อเสนอเยอะแยะมากมายแค่ไหน สุดท้ายคุณนายจี้ถึงยอมอ่อนข้อ และจัดหาที่อยู่แห่งอื่นให้แก่จี้หรานกับแม่ของเขา
แม่เขาต่างจากเมียน้อยคนอื่นๆ… ทันทีที่คลอดลูก เหล่าเมียน้อยจะปลูกฝังลูกว่าต้องไปเอาชนะเมียหลวงแล้วแย่งสมบัติมาซะ แต่แม่เขากลับสอนเสมอว่าให้เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน ห้ามโลภอยากได้ในสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเอง ไม่งั้นเธอคงตายตาไม่หลับ ให้ใช้ชีวิตธรรมดาๆ ได้รับเงินเดือนละแสนแบบนี้ก็เพียงพอแล้ว
ตอนที่จี้หรานอายุได้สิบสามปี แม่เขาก็จากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์
แน่นอนว่าลูกนอกสมรสไม่สามารถอยู่ร่วมชายคาเดียวกับครอบครัวเมียหลวงได้ จี้หรานอยู่ข้างนอกด้วยตัวเองนานหลายปี อย่าว่าแต่คนตระกูลจี้คนอื่นๆ เลย แม้แต่พ่อแท้ๆ เขาก็ไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง
แต่ไม่ปราฏตัว ไม่ได้แปลว่าไม่มีตัวตน
ถึงพ่อจะไม่สนใจเขา แต่ก็ยอมจัดเตรียมโรงเรียนไว้ให้เขาเพราะเห็นแก่หน้าคุณนายจี้
เพื่อไม่ให้ยุ่งยาก ตอนมัธยมต้นเขาจึงต้องเข้าโรงเรียนเดียวกับ ‘จี้เหวย’ พี่ชายต่างแม่
จี้หรานยังจำครั้งแรกที่เจอจี้เหวยได้ ตอนนั้นเป็นคาบพละ เขาเล่นบาสจนเหนื่อยจึงเดินไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตของโรงเรียนเพื่อซื้อน้ำ ทันทีที่เข้าไปก็เห็นนักเรียนชายตัวโตหลายคนกำลังนั่งคุยกันเสียงดังกลางซุปเปอร์มาร์เก็ต
ทันทีเห็นเขาเสียงหัวเราะของคนเหล่านั้นก็หยุดลง
ไม่รู้ว่าเด็กผู้ชายที่นั่งอยู่ทางขวามือพูดอะไร ดวงตาของคนทั้งหมดถึงจับจ้องมาที่จี้หรานเป็นตาเดียว
แม้จี้หรานจะยังเด็กแต่เขาก็แยกแยะอารมณ์ที่อยู่ในแววตาเหล่านั้นได้
ดูถูก เยาะเย้ย เหยียดหยาม…
ตอนนั้นฉินหม่านก็อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย อีกฝ่ายนั่งอยู่ตรงกลาง แต่สายตาที่ส่งมากลับเฉยชาสุดๆ มองแค่ปราดเดียวก็ถอนสายตาออกไปพร้อมเลิกคิ้วนิดๆ อย่างไม่ใส่ใจ ราวกับเป็นเรื่องไม่จำเป็นที่ต้องแสดงสีหน้าใดๆ ให้กับจี้หราน
เครื่องแบบนักเรียนสีขาวสะอาดเป็นเหมือนชั้นเคลือบอย่างดีให้กับฉินหม่าน ทำให้เจ้าตัวดูสูงส่งจนเอื้อมไม่ถึง
นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาเจอกับจี้เหวย แต่เขากลับจำได้แค่ฉินหม่านเท่านั้น…
แต่นาทีที่แล้วผู้ชายที่แสนสูงส่งคนนั้นกลับโพสต์หางานในไทม์ไลน์วีแชท
“จี้หราน นายฟังอยู่ไหมเนี่ย” เยว่เหวินเหวินที่อยู่ในสายทักขึ้น
จี้หรานหลุดจากภวังค์ “เมื่อกี้นายว่าไงนะ”
เยว่เหวินเหวิน “…ฉันบอกว่าคืนนี้ไป POP กันเถอะ”
POP คือไนต์คลับที่พวกเขาไปเป็นประจำ และยังเป็นไนต์คลับที่ฮอตที่สุดของเมืองหม่านเฉิงด้วย คืนนั้นฉินหม่านก็หิ้วเขามาจาก POP นี่แหละ นึกถึงเรื่องนี้จี้หรานก็หมดอารมณ์ทันที
“ไม่ไป”
“ทำไม นายมีธุระที่อื่น?”
“เปล่า” จี้หรานรีบหาข้ออ้าง “วันนี้ฉันจะเล่นเกม”
เยว่เหวินเหวิน “ไม่เอาน่า เล่นเกมมันสนุกตรงไหนกัน นายต้องมา งานคืนนี้ฉันจัดขึ้นเพื่อนายเป็นพิเศษเลยนะ!”
จี้หราน “จัดงานให้ฉัน?”
“ใช่ นายพาฉินหม่านมาด้วยล่ะ!” เยว่เหวินเหวินเอ่ยอย่างตื่นเต้น
จี้หรานชะงัก “ให้ฉันพาเขาไปด้วยทำไม”
“ที่นายทำแบบนั้นก็เพราะอยากให้เขาดูต่ำต้อยไม่ใช่หรือไง” เยว่เหวินเหวินเอ่ยต่อ “คืนนี้ฉันเรียกคนมาเยอะเลย ทำให้ทุกคนได้เห็นว่าเวลาอยู่ต่อหน้านายฉินหม่านพูดเสียงอ่อนเสียงหวานยังไงบ้าง รับรองว่านายต้องฟินแน่นอน!”
“…”
ถ้าเยว่เหวินเหวินไม่พูดเรื่องนี้ขึ้นมา จี้หรานก็เกือบลืมจุดประสงค์ของตัวเองไปแล้ว
แต่เรื่องราวมันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยน่ะสิ ก็ตอนที่ ‘เปย์’ ฉินหม่าน เขาไม่เคยคิดที่จะนอนกับอีกฝ่ายตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
จี้หรานถอนหายใจ “ช่างเถอะ วันนี้ฉันไม่อยากออกไปไหน”
“ไม่เอาน่า ฉันบอกคนพวกนั้นไปแล้วว่านายจะพาฉินหม่านมา” เยว่เหวินเหวินเอ่ยต่อ “ทุกคนรอดูอยู่นะ!”
เชี่ยเอ๊ยยย
จี้หรานปวดหัวชะมัด
“เยว่เหวินเหวิน นายนี่ช่างฉลาดจริงนะ!”
เยว่เหวินเหวินหัวเราะ “แน่นอน เงินนายก็จ่ายไปแล้ว ฉันก็ต้องช่วยให้นายได้ระบายความแค้นอยู่แล้วสิ”
หลังจากวางสาย จี้หรานก็เปิดกลุ่มแชทที่เขาบล็อกไปนานหลายร้อยปีขึ้นมา เป็นอย่างที่คิด ตอนนี้คนสิบกว่าคนในกลุ่มโผล่หัวมาแล้ว แม้แต่ชื่อกลุ่มยังเปลี่ยนเป็น ‘คืนนี้เจอกันที่ POP’
เยว่เหวินเหวินรู้จักเขาดีจริงๆ ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่จี้หรานวางไว้ สิ่งแรกที่เขาจะทำหลังจากรับเลี้ยงฉินหม่านก็คือการให้อีกฝ่ายเดินตามตูดเขาเหมือนเป็นลูกน้องนั่นเอง
แต่ตอนนี้จี้หรานไม่อยากเห็นหน้าฉินหม่านสักนิด ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่อยากพาฉินหม่านไปเจอคนอื่นด้วย
เขากลัวว่าฉินหม่านจะปากโป้ง
จี้หรานเอนตัวพิงโซฟา ปอกส้มแล้วส่งเข้าปากตัวเอง ความหวานกระจายไปทั่วทั้งปาก
ไม่นานก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเข้าเครื่องมือค้นหาแล้วกรอกตัวหนังสือลงไป
‘เพิ่มคนที่บล็อกไปแล้วในวีแชทกลับมายังไง’

คู่แข่งของฉันถังแตก

คู่แข่งของฉันถังแตก

คู่แข่งของฉันถังแตก
Score 4.9
Status: Ongoing
อ่านคู่แข่งของฉันถังแตก เรื่องย่อ เขาคนนี้ ‘จี้หราน’ เกิดมาในตระกูลสูงส่ง มั่งคั่งร่ำรวย มีเงินทองใช้ไม่ขาดมือตั้งแต่ไหนแต่ไร แถมยังหน้าตาดี มีความสามารถ เรื่องชกต่อยยิ่งไม่เป็นรองใคร ชีวิตดีๆ แบบนี้ของเขาควรจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเช้าวันหนึ่ง เขาดันตื่นขึ้นมาบนเตียงพร้อมกับ ‘หลักฐาน’ ตรงหน้า...กางเกงในสีแดงกับบ๊อกเซอร์สีดำ ส่วนคนที่อยู่บนเตียงกับเขานั้น เวรเอ๊ย ผู้ชายหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เป็นที่ชื่นชมใฝ่ฝันของใครๆ มากมาย แต่สำหรับเขาแล้ว หมอนี่คือศัตรูตัวฉกาจ ฟาดฟันกันมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งในชีวิต เอาเถอะ ตอนแรกเขาเห็นแก่ที่หมอนี่ตกอับ จากคุณชายสูงส่งกลายเป็นคนล้มละลายหนี้สินรุงรัง เลยจะรีบย่องหนีไปตั้งหลักเงียบๆ แต่อีกฝ่ายกลับกล้าเอ่ยปากทวงสัญญาที่เขาหลุดปากออกไปตอนเมาว่าจะ ‘เปย์’ และ ‘เลี้ยงดู’ “เมื่อคืนนายพูดว่าจะ ‘เปย์’ ฉันไม่ใช่หรือไง ทำไม พอนอนกับฉันแล้วก็คิดจะเบี้ยวงั้นเหรอ” ประโยคนี้ทำเอาจี้หรานอยากลงมือฆ่าคนถ้าไม่กลัวผิดกฎหมาย แม่งเอ๊ย ได้เลย ฉินหม่าน! ได้! ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะ ‘เปย์’ และ ‘เลี้ยงดู’ หมอนี่อย่างที่พูดไว้ แต่จำไว้ว่าเงินทั้งหมดที่เสียไป เขาจะใช้เพื่อซื้อตัวฉินหม่าน เทพบุตรในฝันที่เลื่องลือคนนี้มาเหยียดหยาม เหยียบย่ำ ซ้ำเติม จะทำทุกอย่างเพื่อให้หมอนี่อยู่ในจุดที่ทุกข์ทรมานและน่าสมเพชที่สุด คอยดู! .............................................................................................. จี้หรานโกรธจนต้องหัวเราะออกมา “ฉันนอนกับนายหรือนายนอนกับฉันไม่ทราบ” ฉินหม่านเคาะมวนบุหรี่พลางเงยหน้าขึ้นถาม “แล้วนายรู้สึกดีไหมล่ะ” จี้หรานชะงัก เขาเคลื่อนสายตาตามคำพูดของฉินหม่านไปยังส่วนล่างของอีกฝ่ายที่อยู่ใต้ผ้าห่มโดยไม่รู้ตัว “ฉันเนี่ยนะรู้สึกดี?” จี้หรานขำพรืด “นายฝันอยู่หรือไง ไม้จิ้มฟันอันนั้นของนายน่ะเหรอ ยัดร่องฟันยังไม่เต็มด้วยซ้ำ” ฉินหม่านยิ้ม “งั้นนายก็มาลองอีกรอบสิ ขอดูหน่อยว่าร่องฟันนายจะใหญ่แค่ไหน” .............................................................................................. “ไสหัวไปซะ ฉันไม่ได้รู้สึกดีโว้ย!” เขาตะคอก ฉินหม่านได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า ดับบุหรี่แล้วเปิดผ้าห่มออก “นายรอก่อน” เพราะฉินหม่านไม่ได้สวมเสื้อผ้า จี้หรานจึงหยิบบ๊อกเซอร์บนพื้นขึ้นมาแล้วโยนไปให้ “ให้รออะไร จะต่อยกันหรือไง ถ้าจะต่อยกันนายก็สวมเสื้อผ้าให้ดีๆ ไม่งั้นพอรถพยาบาลมาคงทุเรศสายตาน่าดูถ้าถูกหามออกไปในสภาพล่อนจ้อนแบบนั้น” ฉินหม่านสวมเสื้อผ้าตามที่เขาขอ “ฉันไม่ต่อย ฉันเป็นมืออาชีพมากพอ ไม่ต่อยเสี่ยเลี้ยงหรอก ฉันก็แค่จะไปถามห้องข้างๆ หน่อย” จี้หรานไม่เข้าใจ “ถามอะไร” ฉินหม่านหัวเราะในลำคอ “ถามว่าเมื่อคืนพวกเขาได้ยินเสียงนายร้องหรือเปล่า” “…” .............................................................................................. แม่งเอ๊ย ทำไมวะ ทั้งที่เขาตั้งใจจะทำให้ฉินหม่านกลายเป็นคนที่น่าสมเพชจนทนดูไม่ได้ แต่ไปๆ มาๆ ทำไมหมอนี่ถึงทำให้เขารู้สึกเหมือนจะกระอักเลือดได้ทุกครั้งที่คุยกัน ทำไมเขาถึงรู้สึกว่า ‘น่าสมเพช’ คำนี้ช่างเหมาะกับเขาในตอนนี้มากกว่าใครๆ ล่ะนี่ โว้ยยยยย

Comment

Options

not work with dark mode
Reset