จอมนักรบทรงเกียรติยศ – ตอนที่ 544 ไร้วาสนา

หากใช้คำพูดของตัวหมอหลินมาอธิบายก็คือ แพทย์แผนจีนกำลังตกต่ำลงเรื่อยๆ นั่นเอง ตอนนี้ภายในประเทศเงาของแพทย์แผนจีนตัวจริงปรากฏตัวน้อยมาก เพราะทุกคนต่างรู้สึกหมดหวังกับแพทย์แผนจีน

นี่ไม่พ้นความเกี่ยวข้องกับสภาพสังคม ทั้งหมดเป็นเพราะมิจฉาชีพเหล่านั้นสร้างรอยด่างให้กับแพทย์แผนจีนไม่น้อย!

มีคนมากมายกล่าวอ้างว่าตนเองเป็นคนเก่งกาจในด้านแพทย์แผนจีนอะไรพวกนั้น ต่อมาพอตรวจรักษา ก็รักษาคนจนตาย เมื่อทำการตรวจสอบ หมอนี่คือพวกมิจฉาชีพคนหนึ่ง เริ่มแรกมีแค่คนสองคนยังไม่เท่าไหร่ อย่างช้าๆ มิจฉาชีพก็ค่อยๆ มีมากขึ้นเรื่อยๆ นับวันก็ยิ่งกำเริบเสิบสานมากขึ้น ใช้ชื่อของแพทย์แผนจีนหลอกเอาเงินคน ชื่อเสียงของแพทย์แผนจีนจึงเดินลงสู่จุดตกต่ำทีละก้าวๆ ทำให้ตอนนี้แพทย์แผนจีนตกต่ำถึงขีดสุด

ที่มีความสามารถไม่ออกมา ที่ไม่มีความสามารถก็มีอยู่เต็มไปหมด ในหมู่ชาวบ้านถึงมีประโยคที่ว่า ป่วยต้องไปโรงพยาบาล หากโรงพยาบาลรักษาไม่ได้จริงๆ ค่อยมาหาแพทย์แผนจีน ทุกคนถูกหลอกเสียมาก ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าเชื่อว่าแพทย์แผนจีนสามารถรักษาโรคได้อีก! ถ้าไม่ใช่เพราะก้าวไปถึงจุดรักษาม้าตายประดุจม้าเป็นแล้ว ผู้คนก็ไม่มีทางคิดจะไปหาแพทย์แผนจีน

และเพราะความตกต่ำของแพทย์แผนจีน ถึงทำให้หมอหลินสั่งให้หลินอีอีถอดใจในเรื่องนี้

นี่ไม่ใช่ความผิดของหมอหลิน นี่เป็นความผิดของสภาพแวดล้อม! และเป็นความผิดของคนเก่งที่รักสันโดษของแพทย์แผนจีนเหล่านั้น สิ่งที่แพทย์แผนจีนให้ความสำคัญคือการบ่มเพาะ ฝึกตนบ่มเพาะนิสัย ซึ่งคนในปัจจุบันนี้ใจร้อนเกินไป ผ่านวันเวลาได้แตกต่างกันเกินไป เหน็ดเหนื่อย กดดันทางความคิดสูง จนกลายเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วใปในคนยุคปัจจุบัน ไม่มีใครเชื่อวิชาเหล่านั้นของแพทย์แผนจีน มีเพียงคนที่ปฏิบัติจริงถึงจะสามารถมีชีวิตยืนยาวร้อยปี

ก็เหมือนกับหมู่บ้านร้อยปีของประเทศหวา มีเพียงคนแก่อาศัยอยู่ที่นั่น แต่ละคนต่างมีอายุถึงร้อยปี เป็นเพราะอะไร? ก็เพราะคนที่นั่นไม่ยุ่งเกี่ยวทางโลก เมื่อไม่มีใจทะเยอทะยานก็จะไม่เหนื่อย ไม่เหนื่อยชีวิตก็จะผ่อนคลาย เมื่อชีวิตผ่อนคลาย ชีวิตคนเราย่อมจะมีอายุยืนยาว นี่ก็คือฝึกตนบ่มเพาะนิสัยที่แพทย์แผนจีนกว่าวถึง

ฟางเหยียนมองหลินอีอี พลางถามว่า “เธอสนใจในแพทย์แผนจีนเหรอ?”

หลินอีอีพยักหน้ากล่าวว่า “ใช่แล้ว ฉันชอบแพทย์แผนจีนของประเทศหวาเป็นพิเศษ ฉันรู้สึกว่าแก่นของวิชาแพทย์ที่แท้จริงก็คือแพทย์แผนจีน แถมในแพทย์แผนจีนยังมีสิ่งมหัศจรรย์และน่าเหลือเชื่อมากมาย เช่นเดียวกับสิ่งเหล่านั้นที่คุณทำเมื่อกี้ ทั้งหมดนั่นขัดกับหลักเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ ทำให้คนไร้ทางหยั่งรู้โดยสมบูรณ์ แต่ก็เป็นคุณทำแค่ไม่กี่อย่างนั่น คนก็หายได้”

“สำหรับมุมมองของแพทย์แผนตะวันตกกล่าวได้ว่า เจ้าสามหยางรักษาไม่ได้แล้ว แต่คุณทำแค่นิดหน่อยก็รักษาได้ ฉันเลยเดาคร่าวๆ ว่าคุณคงจะเป็นแพทย์แผนจีนของประเทศหวาเรา และมีเพียงแพทย์แผนจีนถึงจะมีความสามารถเช่นนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะปู่ฉันบังคับให้ฉันเรียนแพทย์แผนตะวันตก เป็นไปได้ว่าตอนฉันเข้ามหาวิทยาลัยสาขาวิชาที่เลือกก็คงเป็นสาขาวิชาแพทย์แผนจีน”

ฟังมาถึงตรงนี้ หมอหลินก็กล่าวด้วยสีหน้าละอายใจว่า “เฮ้อ! ฉันเคยไม่คิดเช่นนี้ที่ไหนกัน อันที่จริงตอนฉันยังหนุ่ม ฉันก็เคยแอบเรียนแพทย์แผนจีน อ่านตำราสมุนไพรจีนเปิ่นเฉ่ากังมู่เล่มนั้น ในใจฉันก็มีแนวคิดหนึ่ง ฉันต้องการพัฒนาแพทย์แผนจีนของประเทศหวาเราให้ดีขึ้น ทำให้แพทย์แผนจีนไปสู่สากลโลก ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลก ให้ชาวต่างชาติเห็นว่าวิชาแพทย์ของประเทศเราแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ความเป็นจริงตบหน้าฉันอย่างรุนแรง ตำราเล่มนั้นที่ฉันซื้อเป็นฉบับละเมิดลิขสิทธิ์ ฉันอ่านตำราปลอมฉบับหนึ่ง ฉันไม่มีแม้แต่ตำราของแท้ของประเทศหวา แล้วจะคุยว่าไปเรียนแพทย์แผนจีนได้ยังไงกัน”

“ต่อมาฉันก็รู้จักคนคนหนึ่ง นั่นคือผู้อาวุโสคนหนึ่งของฉัน เป็นซินแสเฒ่าดูดวง และเป็นผู้เชี่ยวชาญในวิชาแพทย์แผนจีน ตอนนั้นฉันอยากกราบเขาเป็นอาจารย์ ศึกษาแพทย์แผนจีนกับเขา แต่เขาบอกฉันว่าหากคิดจะเรียนแพทย์แผนจีนก็ต้องเป็นคนที่สงบนิ่งคนหนึ่ง ทั้งยังต้องเรียนรู้การฝึกตนบ่มเพาะนิสัยให้เป็น ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก และในอนาคต แพทย์แผนจีนจะต้องตกต่ำอย่างแน่นอน เขาเป็นหมอที่เก๋าในวิชาแพทย์แผนจีน ช่วยคนมานับไม่ถ้วนคนหนึ่ง แม้แต่เขาก็ยังไม่มีความเชื่อมั่นในวิชาแพทย์แผนจีน นับประสาอะไรกับฉันล่ะ”

“หลังได้พูดคุยกับเขาหนหนึ่ง ทำให้ฉันล้มเลิกความตั้งใจที่จะเรียนมัน ด้วยเหตุนี้ฉันจึงทุ่มเทให้กับแพทย์แผนตะวันตกหมดทั้งใจ ในเวลาต่อมา ฉันก็อยู่มาจนเป็นเช่นนี้ พัฒนาไปตามยุคสมัย เดี๋ยวนี้ในสังคมก็ไม่ใช่ฉันคนเดียวที่บอกว่า แพทย์แผนจีนตกต่ำแล้วจริงๆ บางทีพวกเราอาจยังสามารถพบเห็นแพทย์แผนจีนที่เก่งกาจได้อยู่บ้าง แต่พวกเขาคงถูกขัดเกลาความคิดจนเรียบนิ่งไปนานแล้ว จึงไม่เคยคิดจะไปโต้แย้งอะไร คนเราฐานะตำแหน่งยิ่งสูง ระดับยิ่งสูง ก็ยิ่งไม่มีทางไปสนใจสิ่งของอย่างชื่อเสียงและผลประโยชน์เหล่านี้”

“แน่นอนว่า ฉันปฏิเสธไม่ยอมรับคนกลุ่มหนึ่ง เพียงจงใจคำนึงถึงคนบางกลุ่มมากกว่า ฉันรู้สึกว่าอาชีพอย่างแพทย์แผนจีน หากจะไม่เรียน หรือจะต้องเรียนก็ต้องเรียนจนถึงที่สุด หากเรียนไม่ถึงที่สุดก็ไร้หนทางจะยืนหยัดในวงการแพทย์แผนตะวันตกโดยสิ้นเชิง”

“ปู่ หนูไม่เห็นด้วยกับวิธีคิดของปู่ ทำไมปู่ต้องบอกว่ายืนหยัดในวงการแพทย์แผนตะวันตกด้วย? แพทย์แผนจีนก็คือแพทย์แผนจีน ไม่มีเหตุผลที่ต้องยืนหยัดในวงการแพทย์แผนตะวันตก เพราะว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องยืนหยัดอะไร แพทย์แผนตะวันตกรักษาโรคบางอย่างไม่ได้ แต่แพทย์แผนจีนสามารถรักษาได้ ยกตัวอย่างเช่น คุณอาของเพื่อนสมัยหนูเรียนมัธยมต้น ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง ถูกแพทย์แผนตะวันลงความเห็นว่าต้องตาย บอกว่ามีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินสามเดือน แต่เขาพบเจอชายชราคนหนึ่งที่อาศัยอยู่บนเขา ชายชราคนนั้นให้หญ้าสมุนไพรเขามาสองต้น หลังกลับถึงบ้านกินลงไปก็หายแล้ว ต่อมาได้ไปตรวจที่โรงพยาบาล ปู่รู้ใช่ไหมว่าโรงพยาบาลพูดว่ายังไง? โรงพยาบาลบอกว่าก่อนหน้านี้วินิจฉัยโรคผิด วินิจฉัยโรคแบบนี้ใครจะรับได้กัน? วินิจฉัยโรคผิดหนึ่งคนก็หมดค่ารักษาไปหลายแสน ซึ่งยาชุดหนึ่งแค่ร้อยยี่สิบหยวน นี่ก็คือแพทย์แผนตะวันตก! หนูรู้สึกว่าไม่ใช่แพทย์แผนจีนหรอกที่ตกต่ำ แต่เป็นเพราะแพทย์แผนจีนไม่อยากขัดแย้งอะไรกับแพทย์แผนตะวันตกต่างหาก ระดับยิ่งสูง ก็ไม่จำเป็นต้องไปพิสูจน์ตัวเองอะไร แพทย์แผนจีนได้พิสูจน์ตนเองมาห้าพันปีแล้ว หรือยังต้องพิสูจน์อะไรอีกใช่ไหม?” หลินอีอีถามด้วยวาจาบีบคั้นผู้คน

หมอหลินไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงไอแห้งๆ ออกมาสองเสียง

ไม่คาดว่าหลินอีอีจะพูดต่อว่า “ในยุคนิยายปรัมปรา หลังหนี่ห์วาสร้างคน คนมากมายไม่ตายด้วยภัยพิบัติทางธรรมชาตินานาชนิด ก็ตายอย่างกะทันหัน ฝูซีรู้สึกว่าคนไม่ควรตายไปเช่นนี้ ด้วยเหตุนี้จึงประทานโรคสามร้อยหกสิบชนิดให้คน แต่ป่วยเป็นโรค ย่อมต้องมียารักษาโรค ด้วยเหตุนี้ฝูซีจึงหว่านยาของโรคสามร้อยหกสิบชนิดลงบนผืนดิน เดิมเขาอยากบอกพวกมนุษย์ว่ายาอะไรเป็นอะไร ต่อมาพอเขาคิด ยังคงให้พวกมนุษย์ไปค้นพบเอาเองเถอะ! ด้วยเหตุนี้จึงปรากฏแพทย์แผนจีนชิมพืชพันธ์ุร้อยชนิดมากมาย ที่เร็วและมีชื่อเสียงที่สุดก็คือเสิ่นหนงชิมพืชพันธุ์ร้อยชนิด ทั้งยังเรียบเรียงเป็นตำราพืชสมุนไพรเสินหนงฉบับหนึ่ง เพียงแต่ตำราเล่มนี้หายสาบสูญไปนานแล้ว ต่อมาก็เป็นเพียงคนรุ่นหลังเรียบเรียงขึ้น จึงผิดพลาดมากมาย”

ดังนั้นแสดงว่าหลินอีอีรักในวิชาแพทย์แผนจีนเป็นอย่างมาก หากเป็นเพียงการชอบแพทย์แผนจีนแค่ลมปาก ก็คงไม่พูดอะไรออกมาสักอย่าง นั่นยังจะเป็นการเสแสร้งอีกด้วย แน่นอนว่า นี่ไม่ใช่หัวข้อที่ฟางเหยียนชอบ เขาไม่มีอารมณ์จะไปฟังเรื่องเหล่านี้อีก ด้วยเหตุนี้จึงหัวเราะเสียงขื่น กล่าวว่า “มีวาสนาค่อยพูดเถอะ! ตอนนี้ฉันไม่ว่างสอนอะไรเธอ”

“หา!” หลินอีอีรีบพูดว่า “มีวาสนา ตอนนี้พวกเรายังไม่นับว่ามีวาสนาอีกหรือ? ได้ทำให้ฉันได้พบเจอคุณท่ามกลางคนมากมาย ฉันรู้สึกว่านี่ก็คือวาสนาของพวกเราสองคน ฉันคิดว่าสวรรค์เป็นคนกำหนด”

จอมนักรบทรงเกียรติยศ

จอมนักรบทรงเกียรติยศ

เทพแห่งสงครามกลับเยือนบ้าน เห็นภรรยาตกที่นั่งลำบากถูกคนเย้ยหยัน ความโกรธแผ่ซ่านไปทั่วเมือง! คนที่คิดจะกระตุกหนวดเสือ มันต้องไม่ตายดีแน่! กล้าทำให้เทพแห่งสงครามมีน้ำโห เตรียมเผชิญกับสงครามนองเลือดไว้ได้เลย!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset