จอมนักรบทรงเกียรติยศ – ตอนที่ 724 อู๋จี๋ผู้ชั่วร้าย

อู๋จี๋นั่งบนเก้าอี้ไท่ซือ เล่นมีดสีทองในมือด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่ง มีดเล่มนี้มีความเย็นยะเยือกอย่างไม่รู้จบ ราวกับว่ามันสามารถทำลายทุกสิ่งในโลกได้ เขามาในชุดผู้นำของสำนัก จ้องมองไปที่ฟางเหยียนและเทียนขุยที่กำลังใกล้เข้ามาด้วยท่าทางที่ใคร่ครวญบนใบหน้าของเขา

ข้างบนหัวของเขามีศพหลายศพแขวนอยู่ จากซ้ายไปขวาศพแต่ละศพดูแห้งด้วยกระบวนการทางสภาพอากาศ

ตลอดทางเดินดูน่าขนลุกน่าขนพองมาก และที่แปลกประหลาดที่สุดก็คืออู๋จี๋!

เขาเหมือนชายชราที่หวนคืนกลับสู่วัยเยาว์ ใบหน้าหล่อเหลา แต่มีผมสีขาวและเคราสีขาวที่ยาว ดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้ากับลักษณะของเขาเท่าไหร่ เหมือนกับสวมบทบาทแสดงเป็นชรา เหมือนกับกำลังเล่นตลก

แต่ถ้าคุณสนใจแค่ลักษณะภายนอกของเขาและเพิกเฉยต่อความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา แสดงว่าคุณอยู่ไม่ไกลจากความตาย!

อู๋จี๋มีความตั้งใจมาก ศพที่ห้อยจากซ้ายไปขวาแสดงถึงความแข็งแกร่งที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งชายชราผมรุงรังจากด้านขวาสุด คือนินจาระดับปรมาจารย์ของจริง

เมื่อนินจาที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดเห็นฉากนองเลือดและน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ ทันใดนั้นก็ทำได้เพียงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

ข่าวลือไม่ใช่เรื่องเท็จ แต่อู๋จี๋มีความสามารถในการสังหารนินจาระดับปรมาจารย์จริงๆ!

คนประเทศหวามีความเคยชินที่ไม่ดีอยู่อย่างหนึ่ง คือ การดูสิ่งที่ตื่นเต้นไม่เคยเป็นปัญหาใหญ่สำหรับพวกเขา ตราบใดที่สิ่งนั้นไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา พวกเขาสามารถคาดหวังสิ่งต่างๆ ให้พัฒนาได้ตามอำเภอใจ และเป็นการดีที่สุดถ้าเรื่องนั้นเป็นเรื่องใหญ่จนมีคนเสียชีวิต!

ตอนนี้พวกเขามีจิตใจแบบนี้

พวกเขาต่างตั้งตารอให้จอมพลโผ้จวินซึ่งเป็นที่รู้จักในนามเทพเจ้าแห่งสงครามกลายเป็นหนึ่งในซากศพที่แขวนอยู่ ยิ่งกว่านั้นคำตอบก็พร้อมจะออกมาแล้ว แม้ว่าโผ้จวินนั้นจะแข็งแกร่ง แต่เขาไม่ใช่ปรมาจารย์ และเขาก็ต้องตายเท่านั้น!

ทั้งสองต่างจ้องมองกันและไม่พูดอะไร

ในขณะนี้ดูเหมือนว่าเวลาจะหยุดนิ่ง แต่สิ่งที่ตามมาคือบรรยากาศโดยรอบค่อยๆ ลดต่ำลงจนติดลบ

เย็นยะเยือก!

หนาวจนปวดกระดูก

เทียนขุยอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น เมื่อมองไปที่ฟางเหยียนที่จิตใจไม่สั่นสะท้านใดๆ ราวกับว่าบรรยากาศหนาวเย็นรอบตัวเขาไม่มีผลกระทบอะไรต่อเขา

เมื่ออู๋จี๋มองมาที่ฟางเหยียน ฟางเหยียนก็มองไปที่อู๋จี๋ด้วยเช่นกัน ทั้งสองคนต่างก็ไม่มีใครยอมใคร ทั้งคู่ไม่มีใครยอมทำลายความเงียบนี้

หลังจากนั้นไม่นานอู๋จี๋ก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบและพูดติดตลกว่า “ไม่เลว สีหน้าไม่สั่นไหวใดๆ เลย มีศักดิ์ศรีก็ยังจะพาสหายมาด้วยตั้งคนหนึ่ง คนไหนคือฟางเหยียนเหรอ? คนไหนคือโผ้จวินที่ทำลายสำนักไร้หน้าของฉัน?”

ฟางเหยียนยังคงนิ่งเงียบ ใบหน้าของเขาเริ่มเย็นชามากขึ้น

เทียนขุยจ้องเขม็งแล้วพูดว่า”เรียกโผ้จวินโดยตรงนี่เป็นการไม่เคารพจอมพลเลย!”

“ไม่เคารพ?”อู๋จี๋หัวเราะเยาะ “เขาสมควรได้รับความเคารพจากคนอื่นงั้นหรือ?  เจ้าเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม? ควรได้รับความเคารพจากฉันงั้นหรือ? แน่ใจหรือว่านายพูดไม่ผิด? รู้ไหมว่าคนแก่อย่างฉันเป็นใคร? หนึ่งร้อยปีที่แล้วคนแก่อย่างฉันเป็นผู้ครองศิลปะการต่อสู้ที่ไม่มีใครเทียบได้ ตอนนี้มีทักษะที่ทรงพลังเหมือนพระเจ้า จะให้คนแก่อย่างข้าเคารพเด็กน้อยอย่างเจ้า ตลกอะไรเยี่ยงนี้ ”

การคุยโอ้อวดไม่ได้ผิดกฎหมายซะหน่อย และเจ้าเด็กน้อยสองคนนี้จะรู้อะไรเมื่อร้อยปีก่อน? และสิ่งที่ทำให้เขาโอ้อวดก็คือเขาต้องการให้ผู้ที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดรู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา! ให้คนแก่แต่ตัวขององค์กรสัตว์เพลิงได้ดูไว้ ผู้นำของสาขาเหลืองไม่สามารถสนองความพึงพอใจของเขาได้!

ใช่แล้ว!

นอกจากต้องการฆ่าฟางเหยียนแล้วเขายังต้องการเขาต้องการครอบครองทุกอย่างบนโลก ให้โลกได้เห็นว่าอู๋จี๋ผู้ที่ถูกรังแกเมื่อร้อยปีที่แล้ว ตอนนี้กลับมาอย่างพระราชาและพวกเขาจะกลายเป็นหนทางสู่อำนาจของเขา!

“รนหาที่ตาย!” เทียนขุยกำลังจะพุ่งเข้าไป แต่ฟางเหยียนส่ายหัวห้ามไว้

“รนหาที่ตายงั้นหรือ? สภาพคนที่ป่วยระยะสุดท้าย ส่วนแก หืม……” อู๋จี๋พูดอย่างประหลาดใจ “คนระดับต้าชี่มีเจตนาฆ่าอย่างแรงกล้า กลับมีความสามารถเพียงเล็กน้อย น่าสลดใจ เห็นคนเหล่านี้ที่ด้านหลังของฉันไหม พวกเขาทั้งหมดเป็นคนระดับต้าชี่ทั้งหมด เป็นคนที่มีใครสู้ได้ แต่ผลลัพธ์คือ พวกเขาได้ถูกฉันฆ่าไปหมดแล้ว”

“แกคิดว่าแกทำได้งั้นหรือ? แต่ฉันอยากจะบอกแกว่าตราบใดที่ฉันคิด แกจะกลายเป็นหนึ่งในนั้นทันที” หลังจากนั้นเขามองไปที่เทียนขุยแล้วหัวเราะเยาะ “อาศัยบารมีคนอื่นมาอวดเบ่ง จะทำอะไรก็ต้องดูสถานการณ์ให้ชัดเจน การมีชีวิตอยู่มันไม่โอเคหรือ?”

“ถ้ารู้ว่าคนที่ทำลายสำนักไร้หน้านั้นอ่อนแอมากเร็วกว่านี้ ฉันคงไม่ต้องเตรียมทำศึกใหญ่ขนาดนี้ เฮ้ย ไร้คู่ต่อสู้มันช่างเหงายิ่งนัก ยังต้องให้ฉันพูดอะไรอีก? ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว!”

“อ่อนแอ อ่อนแอเกินไปแล้ว!”

“อ่อนแอจนฉันไม่อยากลงมือ!”

เมื่อพูดจนถึงตรงนี้ จู่ๆ อู๋จี๋ก็มองไปที่ฟางเหยียน “เด็กน้อย ตอนนี้ฉันอยากรู้มากว่าจอมพลที่ดูแลชายแดนอ่อนแอมากขนาดนี้เลยหรือ? ถ้าเป็นอย่างนี้ฉันจะเอาองค์กรสัตว์เพลิงมาเพิ่มทำไม? แล้วคนที่กลายเป็นผู้นำของสาขาเหลืองล่ะ ? จับจอมพลมาเป็นเชลยไม่ดีกว่าหรือ?”

สาขาเหลือง!

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของฟางเหยียนก็เย็นชา และความต้องการฆ่าก็เพิ่มมากขึ้น!

ตราบใดที่มันเกี่ยวข้องกับองค์กรสัตว์เพลิง ในหัวใจของฟางเหยยีนอู๋จี๋ก็กลายเป็นศพแล้ว!

อู๋จี๋ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่าง เขาชี้ไปที่ศพที่สองที่อยู่ทางขวาแล้วยิ้มเย้ยหยัน “แกรู้ไหมว่านี่ใคร?”

“ช่างมันเถอะ เท่าที่ฉันรู้ แกจอมพลคนนี้ใช้กำลังต่อสู้ไม่ไหว และหัวสมองก็คงไม่เท่าไหร่หรอกมั้ง หลังจากสอบสวนองค์กรสัตว์เพลิงเป็นเวลานานกลับไม่รู้อะไรเลย ฟังให้ดีๆนะ คนนี้ชื่อเหลียนเฉิงกวง ผู้นำขององค์กรสัตว์เพลิงสาขาเหลือง แหกตาดู อะไรที่แกทำไม่ได้ ฉันทำมันได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นควรเปลี่ยนจอมพลได้แล้ว!”

ฟางเหยียนเริ่มไว้อาลัยให้กับอู๋จี๋ แบบอย่างของความโง่

ตั้งแต่เห็นอู๋จี๋ ผู้ชายคนนี้รู้สึกว่าเขาไร้คู่ต่อสู้ที่เทียบเขาได้ ใช่แล้ว พูดได้เลยว่าศพที่แขวนอยู่ข้างหลังเขาคือผู้ที่มีฝีมือขั้นเทพจริงๆ แค่ฆ่าพวกเขาโลกนี้จะไม่มีใครสู้เขาได้เลยหรือ?

คุยโวจนเกินจริงแล้ว!

แค่จำพรรษาร้อยปีก็คุยโวขนาดนี้แล้ว!

และองค์กรสัตว์เพลิงหลอกใช้ความชั่วร้ายของอู๋จี๋เพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเอง นี่คือเจตนาปิดกั้นข่าวเกี่ยวกับฟางเหยียนโดยไม่ระบุความแข็งแกร่งของเขา แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าอู๋จี๋เป็นเพียงเป้ากระสุนของปืนใหญ่

อู๋จี๋ก็เป็นคนแบบนี้แหละ พิเศษเหนือสิ่งอื่นใด สำเร็จวิชาสิ้นลักษณะ เมื่อเทียบกับร้อยปีที่แล้ว ตอนนี้มีเพียงประโยคเดียวที่เหมาะกับเขา ไร้คู่ต่อสู้ที่เทียบได้!

แต่เขากลับถูกองค์กรสัตว์เพลิงหลอกใช้โดยที่เขาไม่ทันสังเกตเห็น

ลองถามดูสิ!

ฆ่าผู้นำขององค์กรสัตว์เพลิงสาขาเหลือง องค์กรสัตว์เพลิงจะยอมยุติเรื่องราวได้ง่ายๆ งั้นหรือ? คิดว่าองค์กรสัตว์เพลิงอดทนได้จริงๆ เหรอ? หรือคิดว่าองค์กรสัตว์เพลิงสามารถรังแกได้ง่ายๆ? ผู้นำถูกสังหารคิดว่าพวกเขาจะสามารถทนนั่งดูได้งั้นหรือ? ถ้าทนได้จริงๆ จะไม่เรียกว่าองค์กรสัตว์เพลิง!

ความรู้สึกที่อู๋จี๋นำมาให้ฟางเหยียนก็คือการดูถูกเหยียดหยาม แต่ท่าทางที่เย่อหยิ่งนั้นกลับยิ่งทำให้ดูน่าสมเพช น่าสลดใจ น่าสงสาร และไร้สาระยิ่งกว่าเดิม

ไม่กลัวคู่ต่อสู้ที่เหมือนเทพ แต่กลัวเพื่อนร่วมทีมที่โง่!

อู๋จี๋นั้นทรงพลังและสามารถฆ่านินจาระดับปรมาจารย์ได้ในไม่กี่วินาที แต่เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันมากเลย

สำหรับศัตรูที่ไร้สมองแบบนี้ ฟางเหยียนไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี!

มันไม่ใช่ไม่ได้อะไรเลย อย่างน้อยก็ทำให้ฟางเหยียนรู้สิ่งหนึ่ง นั่นก็คือเหลียนเฉิงกวง ผู้นำขององค์กรสัตว์เพลิงสาขาเหลือง แม้ว่าเขาจะถูกอู๋จี๋ฆ่า แต่ก็ได้รู้ความแข็งแกร่งจริงๆ ของเขา นี่เป็นข่าวดีที่สำคัญรองจากหลังจากที่จะได้น้ำไร้หน้ามาครอบครอง ฝีมือของผู้นำสาขาเหลืองนั้นยอดเยี่ยมมาก ถ้าอย่างงั้นผู้นำคนอื่นในนี้ฝีมือคงดีไม่น้อยไปกว่าเหลียนเฉิงกวงหรอก

ก็ถือว่าไม่ได้มาเสียเวลาเปล่า!

เมื่อรู้จักการแบ่งความสามารถขององค์สัตว์เพลิง นี่ก็ถือว่าเป็นการก้าวไปอีกขั้นเช่นกัน

“ไม่รู้จักเจียมตัว! แกรู้หรือไม่ว่าแกกำลังพูดอะไร!” เทียนขุยพูดอย่างเคร่งขรึม “โผ้จวิน ออกคำสั่งซะ ให้ฉันไปเอาชีวิตของมัน!”

“โตแต่ตัว? จู่ๆ ฉันก็เปลี่ยนใจ” อู๋จี๋มองดูเทียนขุย “แกมารวมกับฉัน แล้วฉันจะปกป้องแกเองในอนาคต นอกจากนี้ ฉันจะฆ่าชายผู้นี้ที่ชื่อฟางเหยียนทันที แล้วกลายเป็นผู้นำสูงสุดแห่งยุทธภพ แต่งตั้งแกเป็นจอมพลอีกคน แกคิดว่าอย่างไร?”

“แต่งตั้งบ้านแกสิ!” เทียนขุยตะโกนด้วยความโกรธ รีบวิ่งเข้าไปหาอู๋จี๋!

จอมนักรบทรงเกียรติยศ

จอมนักรบทรงเกียรติยศ

เทพแห่งสงครามกลับเยือนบ้าน เห็นภรรยาตกที่นั่งลำบากถูกคนเย้ยหยัน ความโกรธแผ่ซ่านไปทั่วเมือง! คนที่คิดจะกระตุกหนวดเสือ มันต้องไม่ตายดีแน่! กล้าทำให้เทพแห่งสงครามมีน้ำโห เตรียมเผชิญกับสงครามนองเลือดไว้ได้เลย!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset