จอมนักรบทรงเกียรติยศ – ตอนที่ 81 ฉันลงมือด้วยตัวเอง!

ถังยู่รีบนั่งยองลงดู ที่แท้ไม่มีรอยไหม้ของบาดแผลที่ถูกปืนยิงมาแบบทั่วไปหลงเหลืออยู่จริงๆ

“นั่นคือ ออกมาจากที่ไหนกัน? อานุภาพแบบนี้ นอกจากปืนสไนเปอร์แล้ว ยังมีวิธีอย่างอื่นด้วยเหรอ?”

จางเทาพยักหน้าเล็กน้อยพลางพูดว่า “เธอเคยดูโทรทัศน์มั้ย? ดรรชนีเอกสุริยันในโทรทัศน์ อานุภาพก็มากเหมือนกันไม่ใช่รึไง”

ได้ยินคำพูดนี้ของจางเทา ถังยู่ยิ่งมึนงง ทำไมแม้แต่ดรรชนีเอกสุริยันยังถูกยกออกมาด้วยแล้วล่ะ

นี่กำลังถ่ายภาพยนตร์อยู่งั้นเหรอ?

ในความเป็นจริง มีคนสามารถใช้นิ้วมือยิงลูกกระสุนออกมาได้จริงหรือ โดยเฉพาะอานุภาพยังเหมือนกันกับที่ออกมาจากด้านในกระบอกปืนด้วย?

แต่ถังยู่นึกถึงคนหนึ่งขึ้นมาแล้ว บางทีคนอื่นอาจไม่สามารถทำได้ แต่ฟางเหยียนนั่นก็ไม่แน่

หรือว่าเป็นสิ่งที่ลอยออกมาจากในมือโดยตรงจริงๆ? ถ้าเป็นจริงแล้วล่ะก็ สรุปฟางเหยียนคนนั้นเป็นใครกันแน่

สถานะตำแหน่งของเขา สรุปสูงศักดิ์ถึงขั้นไหนกันแน่?

อีกด้านหนึ่ง

ฟางเหยียนออกไปจากตึกว่านฉงแล้ว เวลานี้เทียนขุยโทรศัพท์ไปหาเขา

“จอมพลโผ้จวิน เซียวไห่ปิงตรวจสอบสถานะของท่านครับ หาข้อมูลได้ว่าท่านออกมาจากตระกูลฟาง พวกเราต้องลงมือหยุดยั้งหรือเปล่าครับ?”

ฟางเหยียนเงียบเฉยอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มตอบ “เซียวไห่ปิงคนนี้มีความสามารถพอสมควร!”

“ใช่ครับ ตอนนี้ธุรกิจมากมายของตระกูลเซียวล้วนเป็นเขาจัดการ เขามีความสำคัญต่อตระกูลเซียวมากครับ สามารถพูดได้ว่าตอนนี้ตระกูลเซียวหนีห่างเขาไม่ได้เลยครับ”

“ดี งั้นจัดการมันทิ้งซะ!”

ทันทีที่พูดจบ เขาก็พูดเสริมมาอีกประโยค “ช่างเถอะ นายเอามันมาที่ดาดฟ้าของเทียนสงกรุ๊ป ฉันจะลงมือด้วยตัวเอง”

——

ห้องทำงานของเซียวไห่ปิง

“อืม อู๋เหมย! นายแน่ใจเหรอว่ามันเป็นคนที่ออกมาจากตระกูลฟางของเจียงตูนั้น?” เซียวไห่ปิงจับมือถือไว้ในมือ กำลังนั่งอยู่ห้องทำงาน ถามด้วยหน้าตาฮึกเหิมและกังวล

อู๋เหมยในสายนั้นพูดว่า “ใช่ครับ เขาหนีออกมาจากตระกูลฟางเมื่อสิบหกปีก่อน จากนั้นถูกตระกูลเย่รับเลี้ยงไว้ พ่อแม่ของเขาถูกคนของตระกูลฟางฆ่าตายหมดแล้ว เขาในตอนนี้เคียดแค้นตระกูลฟางมาก ไม่ยอมไปมาหาสู่กับตระกูลฟางเลย แต่ว่าตระกูลฟางกลับดีต่อเขาอย่างมาก คิดจะช่วยเขาจัดการเรื่องบางส่วน”

เซียวไห่ปิงกุมหมัดแน่น บนหน้าปรากฏรอยยิ้มที่ผิดปกตินิดๆ ขึ้นมา ตระกูลฟาง ที่แท้เป็นตระกูลฟางคุ้มครองมันอยู่เบื้องหลังจริงด้วย เขาว่าแล้วเชียว ถ้าไม่มีใครปกป้องมันอยู่ มันคงตายไปเป็นร้อยตั้งแต่แรกแล้ว เขารีบร้อนพูดว่า “ดีมาก นายรีบกลับมาเถอะ! นี่เป็นข้อมูลที่มีความหมายมากอันหนึ่ง ฉันจะให้รางวัลใหญ่กับนาย”

หลังจากวางสายโทรศัพท์ลง เซียวไห่ปิงยิ่งส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาดังอีก

“ฮ่าๆๆ ที่แท้ไม่เกินไปจากที่ฉันคาดไว้ ได้เจ้าฟางเหยียน เดิมแกเป็นคนของตระกูลฟางแห่งเจียงตูจริงๆ ด้วย”

หลังจากได้รับข่าวที่เป็นประโยชน์เรื่องนี้มา เขาย่อมชัดเจนทุกอย่างเป็นธรรมดา เรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลเซียวพวกนี้ ล้วนหนีไม่พ้นตระกูลฟางแห่งเจียงตู และย่อมเกี่ยวข้องกับฟางเหยียนเป็นธรรมดาเช่นกัน

เหมือนกับที่เขาคาดเดาเอาไว้ไม่มีผิด เป็นฟางเหยียนที่แอบทำร้ายพวกเขาตระกูลเซียว ทุกอย่างนี้ล้วนเป็นฟางเหยียนทำทั้งนั้น

ถ้าฟางเหยียนมีเพียงสถานะธรรมดา เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะมีชีวิตรอดมาถึงปัจจุบันนี้ มีเพียงตระกูลฟางคุ้มครองเขา ถึงสามารถทำให้เขารอดมาถึงตอนนี้ได้

เรื่องนี้ เขาจำเป็นต้องรีบบอกบิดาของตนเอง พวกเขาจะไม่ปล่อยเจ้าหมอนี่ไปแบบนี้หรอก

ครั้งนี้จำเป็นต้องคิดแผนการที่สมบูรณ์แบบสักอย่างฆ่าเขาแล้วล่ะ

นึกถึงตรงนี้ เขาจึงต่อสายโทรศัพท์ไปหาบิดา ไม่นานในสายนั้นก็รับสาย

“ฮัลโหล! พ่อครับ ผมได้รับข่าวที่น่าตกใจมาเรื่องหนึ่ง ฟางเหยียนคนนี้มีปัญหาจริงๆ ด้วย”

เซียวเจิ้นเที่ยนในสายนั้นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ถามว่า “ปัญหาอะไร?”

“พ่อครับ เดี๋ยวผมกลับไปเล่าให้พ่อฟัง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อย่างไรพ่อก็คิดไม่ถึงแน่”

พูดมาถึงตรงนี้ เขาวางสายโทรศัพท์ไปแล้ว จากนั้นรีบลุกขึ้น เตรียมกลับบ้านโดยตรง แล้วบอกข่าวนี้กับเซียวเจิ้นเที่ยน

แต่ทว่าเพิ่งลุกขึ้นยืน กลับรู้สึกถึงเย็นวาบที่ด้านหลัง เหมือนมีภูเขาน้ำแข็งลูกหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลังของตนเอง ก่อนจะค่อยๆ ทับเข้ามาบนตัวเขา เขาหันหน้ามองเข้าไปทันใด เห็นเพียงผู้ชายล่ำสันหน้าตาไร้ความรู้สึกยืนอยู่ด้านหลังเขา

ชั่วขณะนั้นเขาถลึงตาโต ชี้ถามไปยังชายล่ำสันด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด “นาย นายๆๆ เป็นใครกัน? มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน?”

ประตูห้องทำงานของเขาไม่เคยเปิดออกตั้งแต่ต้นจนจบ ที่นี่คือชั้นยี่สิบหก มีคนคนหนึ่งเข้ามาแบบไร้เสียง เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรกัน

ลูกตาของเขาพินิจพิเคราะห์บนตัวของผู้ชายล่ำสันรอบหนึ่ง จากนั้นเบิกตาโตพลันพูดว่า “ฉันรู้ว่านายเป็นใคร นายคือรองผู้นำของเขตซีหนาน เทียนขุย!”

พูดคำนี้จบ เขาก็มองไปด้านล่างตึกโดยจิตใต้สำนึก หรือว่าเขามาถึงห้องทำงานของตนจากด้านล่างตึกเหรอ?

ที่นี่คือชั้นยี่สิบหก นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?

เทียนขุยจ้องเซียวไห่ปิงอยู่พลางพูดว่า “รู้ก็ดี ผู้นำของพวกเราอยากเชิญนายไปสักหน่อย!”

“ผู้นำ?” เซียวไห่ปิงเบิกดวงตาโตในชั่วขณะนั้น

ทำไมพัวพันไปถึงตัวของผู้นำคนหนึ่งได้กัน

“ไปที่ไหน? ผู้นำของพวกนายคือใคร?” เซียวไห่ปิงถามอย่างระมัดระวัง

เทียนขุยก้าวมาด้านหน้าก้าวหนึ่ง ราวกับภูเขาลูกนั้นลาดเอียงเข้ามา เขาถอยหลังไปหลายก้าวติดๆ กันอย่างอดไม่ได้ รู้สึกตื่นตกใจ

“นายไปกับฉันแล้วก็รู้เอง”

มองเทียนขุยที่เดินมาทางตนเองทีละก้าว ถึงแม้ในใจเซียวไห่ปิงจะหวาดกลัว แต่เขาจะไม่นั่งงอมืองอเท้ารอความตายแบบนี้เป็นแน่ การปรากฏตัวที่ลึกลับขนาดนั้น และยังปรากฏตัวในเวลานี้ด้วย จะเป็นเรื่องดีได้ที่ไหนกัน?

บนหน้าผากของเซียวไห่ปิงมีเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดออกมาแล้ว เขากุมมือที่เหงื่อออกมาไว้แน่น ทันใดนั้นเขาควักปืนออกมากระบอกหนึ่ง จ่อไปยังเทียนขุยฉับพลันตะโกนว่า “หยุดนะ!”

ชั่วขณะที่เทียนขุยมองเห็นปืน เขาแค่ตะลึงเล็กน้อย เท้าหลังหยุดยืนค้างโดยอัตโนมัติแบบอดไม่ได้

เขาไม่ได้เกรงกลัวการขู่ขวัญที่มาจากปืนเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะปืนแบบนี้ใช้การไม่ได้ในสนามรบด้วยซ้ำ จะว่าไปแล้วเทียนขุยก็คือคนที่เดินออกมาจากในวงห่ากระสุนปืน การใช้ปืนที่กระจอกกระบอกหนึ่ง นี่คือกำลังข่มขู่เขาอยู่งั้นเหรอ?

นึกถึงจุดนี้ เขาอดถามไปไม่ได้ “นายหมายความว่าอะไร? รู้รึเปล่าว่าตัวเองใช้ปืนจ่อใครอยู่?”

เสียงของเทียนขุยให้ความรู้สึกกดดันแบบพูดไม่ถูก อาจเป็นเพราะน้ำเสียงเวลาพูดจาของเขานั้นดุดัน

“ฉันไม่สนว่านายเป็นใคร ขอให้นายออกไปซะ! ที่นี่เป็นอาณาเขตของฉัน ถ้านายไม่ไป ฉันจะลั่นไกแล้ว!” เขาขยับไกปืน จ้องเทียนขุยด้วยหน้าตาหวาดกลัว มือกำลังสั่น หัวใจก็สั่นไปด้วย

เทียนขุยเพียงแค่ขมวดคิ้วนิดหน่อย พูดจาโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง “ตั้งแต่ช่วงเวลาที่นายเอาปืนจ่อฉัน นายก็ฝ่าฝืนโทษประหารชีวิตของประเทศหวาแล้ว นายน่าจะเข้าใจนะ?”

“แก! ถึงแม้จะตาย ฉันก็ต้องฆ่าแกให้ได้ก่อน” พูดจบเขาก็ลั่นไกปืน ในชั่วขณะความเป็นความตายนี้ ทันใดนั้นเทียนขุยสาวเท้ายาวก้าวฆ่าเข้าไปแล้ว เสียงตุบดังขึ้น ปืนในมือเซียวไห่ปิงร่วงลงบนพื้น ที่ศีรษะเหมือนโดนของอะไรทุบเข้าให้แล้ว เสี้ยววินาทีเดียวก็สลบลงไปเลย

เซียวไห่ปิงเหมือนกำลังหลับฝันยาวนานมาก และไม่รู้ว่าฝันถึงเรื่องยุ่งเหยิงอะไรบ้าง รอเมื่อเขาฟื้นขึ้นมากะทันหัน ถึงพบว่าตนเองถูกลักพาตัวมายังสถานที่แปลกหน้าโดยสิ้นเชิง

ที่นี่มีแสงแดดรอบด้าน อากาศดีมาก ทั้งยังมีลมโชยมาไม่ขาดสาย เพียงแต่สรุปเป็นใครลักพาตัวเขามาที่นี่กัน?

เขาอยากจะพูดจา ทว่ากลับทำได้เพียงส่งเสียงที่งึมงำออกมา เหมือนถูกของอะไรอุดปากไว้ แต่ปากของตนเองไม่ได้มีของอะไรอยู่ ทำไมถึงส่งเสียงออกมาไม่ได้ล่ะ?

หรือว่าจะกลายเป็นใบ้ไปแล้วเหรอ?

ภายในของเขาตื่นตกใจอย่างยิ่ง รีบดิ้นรน ทว่าพอขยับตัว เขาถึงพบว่าเหมือนทั้งตัวถูกมัดเอาไว้แล้ว ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้โดยสิ้นเชิง เขามองร่างกายโดยจิตใต้สำนึก ไม่ได้มีเชือกมัดร่างตนเองไว้ แต่ทำไมถึงไม่สามารถขยับได้ทั้งตัว?

เป็นอัมพาตแล้ว!

พวกมันทำอะไรกับเขาเนี่ย?

รองผู้นำเทียนขุยคนนั้น ทำอะไรกันแล้ว?

“ตื่นแล้วเหรอ?” ทันใดนั้น เสียงที่หนาวเย็นเสียงหนึ่งลอยออกมา

จอมนักรบทรงเกียรติยศ

จอมนักรบทรงเกียรติยศ

เทพแห่งสงครามกลับเยือนบ้าน เห็นภรรยาตกที่นั่งลำบากถูกคนเย้ยหยัน ความโกรธแผ่ซ่านไปทั่วเมือง! คนที่คิดจะกระตุกหนวดเสือ มันต้องไม่ตายดีแน่! กล้าทำให้เทพแห่งสงครามมีน้ำโห เตรียมเผชิญกับสงครามนองเลือดไว้ได้เลย!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset