จอมมารแค่อยากเป็นคนดี – ตอนที่ 42 ดาร์ก เดม่อนไม่สนุกกับการประลอง

บทที่ 42 ดาร์ก เดม่อนไม่สนุกกับการประลอง

หลังจากพูดถึงกฎเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ต้องให้ความสนใจระหว่างการประลอง ศาสตราจารย์โจนส์ก็หยิบขวดโหลที่มีแผ่นตัวเลขออกมา และขอให้นักเรียนหยิบไปทีละคน

เหล่าจอมเวทฝึกหัดก้าวออกมาทีละคน สอดมือเข้าไปในขวดโหลและจั่วแผ่นตัวเลขออกมา

น่าแปลกที่มีนักเรียนเพียงแค่เจ็ดสิบแปดคนจากทั้งสี่บ้านที่สร้าง [สัตว์อสูรมายา] ได้สำเร็จภายในสัปดาห์นี้

เฉลี่ยแล้วแต่ละบ้านมีไม่ถึงยี่สิบคนที่ทำได้!

นักเรียนที่เหลือส่วนใหญ่ยังคงล้มเหลว และต้องเริ่มสะสมคะแนนเพื่อซื้อชุดวัตถุดิบใหม่

ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่านี่เป็นกับดักที่ศาสตราจารย์จงใจวางไว้อย่างเจตนา เพื่อสั่งสอนนักเรียนปีหนึ่งที่ใช้คะแนนของพวกเขาไปกับถนนนักเดินทางจนหมด ก่อนที่จะสามารถสร้าง [สัตว์อสูรมายา] ขึ้นมาได้

พูดสั้น ๆ คือ ดาร์กไม่รู้ว่ามีใครได้รับบทเรียนนี้หรือไม่ แต่เวอร์เธอร์และโรเบิร์ตได้รับบทเรียนแล้วอย่างแน่นอน…

ส่วนเรื่องจะเปลี่ยนไปหลังจากที่ได้รับบทเรียนหรือไม่แล้วนั้น มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ดาร์กเดินไปที่โหลแล้วหยิบป้ายที่มีหมายเลขเจ็ดขึ้นมา

“เอ่อ ฉันต้องชะตากับเลขเจ็ดหรือเปล่าเนี่ย?”

ไดแอนนาเดินเข้ามาหาเขาตามปกติ “ดาร์ก นายได้เลขอะไร?”

ดาร์กตอบ “เลขเจ็ด แล้วเธอล่ะ?”

ไดแอนนาตอบ “เจ็ดสิบเจ็ด ฮิฮิ!”

โรส “ห้าสิบห้า…”

“บรรดาผู้ที่ได้หมายเลขแล้ว ก็ใส่พลังเวทมนตร์เข้าไป แยกแผ่นหมายเลขออกจากกัน แล้วส่งด้านสีน้ำเงินมาให้ฉัน”

ศาสตราจารย์โจนส์หยิบขวดเปล่าออกมาอีกครั้ง แล้วใส่แผ่นหมายเลขสีน้ำเงินจากนักเรียน

จากนั้น ดาร์กจึงสังเกตเห็นว่าแผ่นหมายเลขในมือของเขามีสองด้านคือ สีแดงและสีน้ำเงิน ด้วยร่องรอยของพลังงานเวทมนตร์ที่ถ่ายเทเข้าไป แผ่นสีแดงและสีน้ำเงินจะสูญเสียพลังงานแม่เหล็กและทำให้แยกออกได้โดยง่าย

หลังจากมอบแผ่นสีน้ำเงินตามคำสั่งของศาสตราจารย์โจนส์ ดาร์กก็ถือแผ่นสีแดงไว้และรออย่างเงียบ ๆ

สนามที่อยู่ตรงกลางสนามถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วนเท่า ๆ กัน และศาสตราจารย์โจนส์ก็วางลูกบอลเวทมนตร์สองลูกในแต่ละส่วน

นักเรียนที่ไม่มี [สัตว์อสูรมายา] มีหน้าที่แค่ใส่พลังเวทมนตร์ลงไปในลูกบอลเวทมนตร์ และเรียนรู้วิธีเปิดใช้งานบาเรียพลังชีวิตเท่านั้น

จากนั้น อาจารย์ก็เลือกคนอีกสี่คนมาเป็นผู้ตัดสิน

“เกมนี้ใช้ระบบแพ้คัดออก”

ศาสตราจารย์โจนส์หยิบแผ่นหมายเลขสี่คู่ออกจากโหลแล้ววางไว้ที่ด้านข้าง

เธอพลิกแผ่นหมายเลขและพูดว่า “ผู้เล่นในรอบแรกของการแข่งขันรอบแพ้คัดออกคือ หมายเลขหกกับแปด หมายเลขสามกับยี่สิบแปด หมายเลขหกสิบหกกับเจ็ด และหมายเลขสี่สิบเก้ากับห้า เตรียมตัวให้พร้อม”

ดาร์กเหลือบมองแผ่นหมายเลขเจ็ดสีแดงในมือ แต่เขาก็ไม่ได้กังวลอะไรมาก

ตรงกันข้าม ไดแอนนาและโรสที่อยู่ข้าง ๆ เขาดูประหม่ามากกว่าเจ้าของหมายเลขเสียอีก

“ดาร์ก นายทำได้! เราจะเป็นกำลังใจให้นายอยู่ข้าง ๆ!”

“นายทำมันได้แน่!”

‘ทำไมพวกเขาถึงทำเหมือนกับฉันกำลังเข้าร่วมรายการแสดงความสามารถพิเศษ X เลย?’

ดาร์กเดินไปที่สนามหมายเลขสามด้วยใบหน้ามืดมน

มีทั้งหมดแปดคนที่จะประลองในเวลาเดียวกัน บ้างก็สงบ บ้างก็ประหม่า

ดาร์กเหลือบมองไปที่คู่ต่อสู้ของเขา ผู้เล่นหมายเลขหกสิบหกที่เดินมาอยู่สนามเดียวกันกับเขา เธอเป็นเด็กผู้หญิงจากบ้านนักปราชญ์ ผมเปีย ตาโต และใบหน้าซีดขาว

เขาปลอบเด็กตรงหน้าอย่างสบาย ๆ “อย่ากังวลไปเลย มันเป็นแค่การฝึกซ้อม”

“โอเค อืม” เด็กหญิงกัดฟันและกำมือแน่น

ทั้งสองคนมาถึงตำแหน่งผู้เล่นที่ปลายสนามทั้งสองฝั่ง

เกมอย่างเป็นทางการจะมีแท่นผู้เล่น ซึ่งทำให้ผู้เล่นมองเกมจากที่สูงได้ แต่ที่นี่ แน่นอนว่ามีเพียงตำแหน่งยืนของผู้เล่นธรรมดาที่วาดด้วยเส้นสีขาวเท่านั้น

ดาร์กยืนอยู่ในตำแหน่งผู้เล่นและมองไปที่สนาม

สนามสำหรับการแข่งขันในครั้งนี้ยืมกฎของสนามจริงมา โดยแบ่งเป็นหนึ่งส่วนหกของสนามที่ใกล้กับตำแหน่งของผู้เล่นออกเป็นเขตอัญเชิญ

นี่หมายความว่า พื้นที่อัญเชิญของสปิริตนั้นถูกจำกัดไว้ และไม่สามารถอัญเชิญสปิริตมาบนสนามของคู่ต่อสู้ได้โดยตรง นั่นคือ การอัญเชิญแบบขวางหน้า!

ว่ากันว่าการประลองแบบเก่าไม่มีกฎนี้ และจอมเวทมักใช้ ‘ยุทธวิธีอัญเชิญ’ นี้ ซึ่งทำให้การแข่งขันวุ่นวายมาก

จอมเวทบางคนถึงกับใช้ ‘ยุทธวิธีขัดขวางการมองเห็น’ โดยการอัญเชิญสปิริตขนาดใหญ่มาบังหน้าคู่ต่อสู้เพื่อปิดกั้นการมองเห็น…

ต่อมากฎก็ค่อย ๆ ดีขึ้นและเรื่องน่าขบขันนี้ก็น้อยลงมาก

แต่จินตนาการของมนุษย์ไม่เคยมีขีดจำกัด มันยังมีกลอุบายมากมายที่ยังเล็ดลอดกฎนี้ได้

ผู้ตัดสินสนามหมายเลขสามคือ เรินต์เกนจากบ้านขุนนาง

“สวัสดี”

เรินต์เกนโบกมือให้ดาร์ก เขาดูสิ้นหวังมาก

ท้ายที่สุดแล้ว การได้ทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินก็เท่ากับการทำตัวอับอายขายหน้าประชาชี

แต่พวกเขาทำได้เพียงโทษตัวเอง เพราะพวกเขาล้มเหลวในการสร้าง [สัตว์อสูรมายา] ภายในหนึ่งสัปดาห์

ดาร์กจำเพื่อนร่วมชั้นคนนี้ที่ไปซื้อของตั้งแต่เช้าวันเสาร์ได้อย่างแน่นอน

ดูเหมือนว่าเรินต์เกนจะใช้คะแนนทั้งหมดไปกับถนนนักเดินทาง ซึ่งท้ายที่สุดก็ทำให้คะแนนไม่เพียงพอจนไม่สามารถซื้อชุดวัตถุดิบเพิ่มเติมสำหรับทำการทดลองได้

และเพื่อนของเขา ซิกวาร์ดก็ดูเหมือนจะเป็นผู้ตัดสินอยู่ที่สนามข้าง ๆ…

ดาร์กยิ้มเล็กน้อย

สำหรับการประลองที่เป็นทางการ สำรับการ์ดจะต้องวางบน ‘โต๊ะการ์ด’ ในสนามของผู้เล่น และการ์ดเวทมนตร์จะถูกขยายโดยกลไกการฉายภาพเวทมนตร์เพื่อให้ผู้ชมรับชมได้ง่ายขึ้น

ในขณะเดียวกันก็มีกฎเช่น ‘การสับการ์ดในสนาม’ ‘เริ่มต้นด้วยการ์ดห้าใบ’ ‘มีเวลาสามสิบวินาทีต่อหนึ่งรอบ’ ‘จั่วการ์ดสองใบในแต่ละรอบ’ และอื่น ๆ อีกมากมาย

กระบวนการประลองแบ่งออกเป็นสามขั้นตอนเท่านั้น

1. ระยะเตรียมการ: สับการ์ด สื่อสาร (ยั่วยุ) เริ่มเกม

2. ช่วงการต่อสู้: จั่วการ์ด อัญเชิญ ต่อสู้ (โจมตี)

3.ช่วงจบ: สื่อสาร (ยั่วยุ) เก็บการ์ด ปิดจบ

แน่นอนว่าการประลองวันนี้ไม่มีกฎเกณฑ์มากมายนัก

เด็กหญิงผมเปียจากบ้านนักปราชญ์ที่อยู่อีกด้านหนึ่งบีบการ์ด [สัตว์อสูรมายา] เพียงใบเดียวในมือของเธออย่างประหม่าเพื่อรอผู้ตัดสินเป่านกหวีด

จู่ ๆ ดาร์กก็กังวลว่าเธออาจจะทำลายมันด้วยแรงบีบนั่น

ลูกบอลเวทมนตร์ของทั้งสองฝ่ายได้ปรับใช้บาเรียพลังชีวิตที่มีค่าพลังงานเวทห้าร้อยหน่วย และตอนนี้ก็ลอยอยู่ต่อหน้าทั้งสองฝ่าย

การใช้พลังเวทมนตร์เพื่อควบคุมลูกบอลเวทมนตร์ในอากาศเป็นเทคนิคขั้นสูง ซึ่งไม่ได้อยู่ในหลักสูตรการสอนของนักเรียนชั้นปีหนึ่ง

ดังนั้น หากพวกเขาต้องการขยับลูกบอลเวทมนตร์ พวกเขาต้องผลักมันด้วยร่างกายเท่านั้น

เรินต์เกนให้สัญญาณ “ปี๊ด! เริ่มเตรียมตัว”

ดาร์กดึง [สัตว์อสูรมายา: อีบุย] ออกจากซองการ์ด จับมันไว้ระหว่างนิ้วชี้และนิ้วกลาง และเข้าสู่ขั้นตอนเตรียมการ

เรินต์เกนให้สัญญาณต่อ “เริ่มนับถอยหลังสู่การประลองสามสิบวินาที!”

เรินต์เกนนับ “…3 2 1 เริ่มได้!”

ช่วงเวลาการประลองเริ่มต้นขึ้น

“ถึงตาฉันแล้ว! อีบุย จงออกมา!”

ดาร์กยกการ์ดเวทมนตร์ขึ้นมาทันที และในวินาทีที่แปดของช่วงการประลอง เขาก็อัญเชิญสัตว์อสูรมายาได้สำเร็จ!

อีบุยหล่นลงกับพื้นเบา ๆ แล้วออกวิ่งดุจลมกระโชกแรง

แค่วินาทีที่สิบสองนับตั้งแต่เริ่มประลอง มันก็วิ่งข้ามสนามต่อสู้ที่มีความกว้างเพียงสิบเมตร และใช้อุ้งเท้าของมันตบลูกบอลเวทมนตร์ที่ลอยอยู่บนพื้น!

“วี้?”

อีบุยเอียงคอและมองไปที่เด็กหญิงซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม จากนั้นอีบุยก็แสดงท่าทางน่ารักออกมา

แล้วมันก็ตีลูกบอลสี่ครั้งติดต่อกัน

เด็กสาวผมเปียนิ่งอึ้งกับความน่ารักของมัน และพลังเวทมนตร์ของเธอก็ถูกขัดจังหวะ เมื่อรู้ตัว เธอก็รีบเริ่มอัญเชิญสัตว์อสูรมายาของตัวเองเป็นครั้งที่สอง

อีบุยรอเธออัญเชิญสัตว์อสูรมายาอย่างอดทน จากนั้นก็โจมตีลูกบอลเวทมนตร์ครั้งสุดท้าย

“การประลองจบลงแล้ว!”

“ผู้ชนะคือ ดาร์ก เดม่อน”

ดาร์กถอนหายใจ เก็บการ์ดแล้วหันหลังกลับ

‘ง่ายจัง’

‘น่าเบื่อแฮะ’

จอมมารแค่อยากเป็นคนดี

จอมมารแค่อยากเป็นคนดี

จอมมารแค่อยากเป็นคนดี
Status: Ongoing Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง จอมมารแค่อยากเป็นคนดีระหว่างทำพิธีคัดสรรเลือกบ้าน ในที่สุด 'ดาร์ก เดม่อน' ก็ได้รับความทรงจำของชีวิตก่อนกลับคืนมา ปรากฏว่าเขามาเกิดใหม่โลกของเกม ทั้งยังเป็นเกมที่ลอกเลียนแบบธีมภาพยนตร์และอนิเมะชื่อดังอีกด้วย! แต่เหมือนพระเจ้ายังไม่พอใจ เพราะบทบาทของ 'เขา' ในเกมนี้คือว่าที่ 'จอมวายร้าย' ที่ร้ายสุดในเกมนี้! ด้วยค่ามหาบาปทั้งเจ็ด [เกียจคร้าน ริษยา ราคะ ตะกละ โลภะ โทสะ และอัตตา] เมื่อค่าหนึ่งในเจ็ดบาปพวกนี้พุ่งทะลุหลอดตัวชี้วัด ดาร์กก็จะกลายร่างเป็น 'จอมมาร' ตลอดไป! หากเป็นยุคแห่งความโกลาหลก็คงไม่เป็นอะไรหรอก แต่ตอนนี้มันใช่ยุคนั้นเสียที่ไหนเล่า! ในยุคสมัยของเซนต์แมเรียนที่สงบสุขเช่นนี้ และจอมมารก็ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ไปนานแล้ว เขาที่กำลังโดนระบบจอมมารปั่นหัวให้กลายวายร้ายจะต้องทำเช่นไรล่ะทีนี้!?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset