จอมมารแค่อยากเป็นคนดี – ตอนที่ 69 ดาร์ก เดม่อน…กลางวันแสก ๆ

บทที่ 69 ดาร์ก เดม่อน…กลางวันแสก ๆ

มี [ราคะ] สะสมอยู่ในรูปปั้นเทพธิดานี้เยอะมาก หากแยกออกมาได้ อย่าว่าแต่ [ราคะ I] และ [ราคะ II] เลย แม้แต่ [ราคะ III] และ [ ราคะ IV] ก็สร้างได้!

ปัญหาเดียวคือดูเหมือนมันจะยังขาด ‘กลิ่นอาย’ ไปอยู่บ้าง

ดาร์กได้สัมผัสกับ [ราคะ] ในรูปปั้นเทพธิดานี้ไปบ้างแล้วโดยผ่านการเชื่อมต่อ แต่มันกลับมีบางอย่างที่ขาดหายไปในนั้น ซึ่งเขาไม่สามารถสัมผัสได้

บางทีอาจเป็นเรื่องความแตกต่างด้านคุณภาพ หรือมีอะไรบางอย่างที่ขาดเกินไป

สรุปแล้ว มันแตกต่างจาก [ราคะ] ของดาร์กเล็กน้อย

นี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไม [ราคะ] ของเทพธิดาถึงสามารถนำมาใช้ทำการ์ดดอกไม้ได้

“และอีกปัญหาคือ ฉันมีความรู้ไม่พอ!”

ดาร์กอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

ความรู้ไม่สามารถหาได้ในชั่วข้ามคืน และมันต้องใช้เวลาอย่างมากในการเพิ่มพูนสะสม

เขาไม่ควรรีบร้อน

“ดูเหมือนพรุ่งนี้ฉันควรมาอีกครั้ง”

หลังจากตัดสินใจแล้ว ดาร์กก็ไม่อยู่ในวิหารนี้อีกต่อไป เขารู้สึกว่าตัวเองต้องไปพบศาสตราจารย์เคเซอร์และขอยืมขวดแห่งความคิดมาใช้

ขากลับนั้นสั้นกว่ามาก

เหตุผลหลักคือ ดาร์กเจอเวอร์เธอร์กำลังเดินกะเผลก พลางใช้มือลูบก้นป้อย ๆ ตัวเองอยู่ เมื่อเห็นแบบนั้น ดาร์กจึงเดินตามอีกฝ่ายไปยังทางลัด

เมื่อออกจากทางลับได้ เวลาก็ย่ำใกล้เที่ยงคืนแล้ว

ดาร์กรีบแยกทางกับเวอร์เธอร์ แล้วกลับไปที่หอคอยของบ้านขุนนางก่อนเคอร์ฟิว

สรุปได้ว่า การเดินเล่นในค่ำคืนนี้ผ่านไปได้อย่างราบรื่น

แม้จะสูญเสียการ์ดดอกไม้และการ์ด [ราคะ I] ไป แต่อย่างน้อย ยังมีการ์ดเมจิกหมวดราคะที่รอเขาอยู่อีกมากมายในอนาคต

คืนนี้ดาร์กหลับสบายพอสมควร

ตรงกันข้าม เวอร์เธอร์กำลังนอนพลิกตัวไปมา

เขาต้องรีบกลับมาหอพัก ก่อนที่ประตูหอคอยของบ้านอัศวินจะปิดห้ามไม่ให้เข้า นั่นทำให้ก้นของเขายิ่งระบมมากขึ้นเพราะออกแรงวิ่ง

แต่เมื่อเด็กชายนึกถึงชายชุดดำที่เขาพบในทางเดินลับ ความเจ็บปวดก็รุนแรงน้อยลง

“เขาไม่ใช่สมาชิกของภาคี แต่น่าจะเข้ามาด้วยเหตุผลอื่นเหมือนกับฉัน”

“บ้าจริง เขาเป็นใครกัน?”

“ฉันเกือบจะจับเขาได้แล้ว! โอ๊ย!”

คืนนั้น เวอร์เธอร์นอนคว่ำทั้งคืน

สายลมอุ่นพัดผ่านประตูเข้ามา

เมื่อแสงแดดลอดผ่านช่องผ้าม่าน หญ้าแมวซึ่งไวต่อแสงเป็นพิเศษก็ลืมตาขึ้นต่อหน้าดาร์ก

พอดาร์กตื่นขึ้นก็พบว่าหน้าเขาเปียก…

เด็กชายวางหญ้าแมวกลับเข้าไปในตะกร้านอนเล็ก ๆ บนโต๊ะข้างเตียงอย่างไม่เต็มใจแล้วลุกขึ้นไปล้างหน้า

“ดูดีมาก”

ดาร์กมองเข้าไปในกระจก แล้วอัญเชิญ [สไลม์ขยะ] ออกมามาสก์หน้า จากนั้นเขาก็รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที

‘เดลี่เสจ’ ของวันนี้แตกต่างออกไปเล็กน้อย

ดาร์กกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ตามลำพังในห้องนั่งเล่นส่วนกลาง วันนี้พาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์เป็นสี พร้อมด้วยรูปถ่ายของเจ้าหญิงทั้งสาม

เจ้าหญิงคนโตนั้นดูอ่อนโยนและมีคุณธรรม ส่วนเจ้าหญิงฝาแฝดทั้งสองก็น่ารักและน่าเอ็นดู

‘เดลี่เสจ’ ประกาศว่า เจ้าหญิงทั้งสามมีกำหนดการมาเยือนสถาบันเซนต์แมเรียนในวันฮาโลวีน และพวกเธอจะเข้าร่วมงานฮาโลวีนของสถาบันในฐานะตัวแทนของราชวงศ์

ในทางการเมือง นี่นับเป็นการแสดงความปรารถนาดีที่ชัดเจนมาก

และเนื่องจากอาจารย์ใหญ่อาร์เต้ยอมรับ จึงถือได้ว่าเป็นการแสดงจุดยืนที่ชัดเจน

ในหน้าเดียวกัน เลยด้านล่างพาดหัวข่าวไปเล็กน้อย มีการเผยแพร่ภาพถ่ายของเจ้าชายด้วย

ในส่วนของเจ้าชายนั้น พระองค์จะเสด็จไปที่สถาบันโฮลี มิสเทอรีเพื่อเข้าร่วมงานฮาโลวีนในคืนวันฮาโลวีน

“นี่ทั้งสองฝ่ายประกาศจุดยืนชัดเจนแล้วเหรอ?”

ดาร์กขมวดคิ้วเล็กน้อย

ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ภายนอกหรือภายใน เขาก็ไม่อยากเห็นมันเกิดขึ้นทั้งนั้น

แต่มนุษย์…เป็นสิ่งมีชีวิตแบบนั้นมาตั้งแต่สมัยโบราณ

ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ พวกเขาย่อมไม่หยุดต่อสู้แน่นอน

ขณะที่จิบชาดำ ดาร์กก็วางหนังสือพิมพ์ลง

ถึงแม้เขาจะเป็นนกพิราบ แต่ตนก็หาได้คัดค้านการตัดสินใจบางอย่างของเหยี่ยว

แต่เพราะวัลคีรีเป็นถึงผู้นำของพรรคนกพิราบ แน่นอนว่าเขาในฐานะบุตรแห่งดัชเชส ย่อมต้องยืนหยัดอยู่ข้างหลังเธออย่างมั่นคง

อย่างไรก็ตาม ดาร์กเพิ่งอายุเพียงสิบสองปี และนับจากนี้ไปอีกหกปีข้างหน้า เวลาส่วนใหญ่ของเขา แน่นอนว่าต้องถูกใช้ไปในสถาบันเซนต์แมเรียน เพราะอย่างนั้น สิ่งต่าง ๆ ภายนอกย่อมไม่เกี่ยวข้องกับเขาสักเท่าไหร่

แทนที่จะสนใจเรื่องพวกนั้น เขาควรคิดถึงความจริงที่ว่าเจ้าหญิงทั้งสามกำลังเสด็จมาเข้าร่วมงานวันฮาโลวีนดีกว่า เชื่อเลยว่ามันต้องสร้างความตื่นเต้นให้กับทุกคนได้อย่างแน่นอน!

“เอลิซา แอนนา และแองจี้ ฉันจำได้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขากับฉันนั้นไม่ดีเท่าไหร่”

“…หวังว่านั่นจะช่วยให้ฉันไม่ต้องรับมือกับพวกเธออย่างลำบากนะ”

คาบแรกของวันพุธคือ คาบวิชาปรุงยา

ดาร์กมาที่ห้องเรียนแต่เช้า และมองดูเวอร์เธอร์ที่เดินเข้ามาทางประตูหลังโดยมีโรเบิร์ตประคองอยู่

‘ถ้ามันเจ็บขนาดนั้นทำไมไม่ไปห้องพยาบาลเล่า? ซิสเตอร์คาไลด์น่าจะยินดีช่วยเขาบรรเทาอาการปวดที่ก้นนะ’

ดาร์กระงับความอยากที่จะหัวเราะและครุ่นคิดในหัว

เนื่องจากเวอร์เธอร์และโรเบิร์ตได้รับบาดเจ็บภายในวันเดียว ทั้งสองจึงเดินเข้ามาในห้องเรียนด้วยใบหน้าขมขื่น

“โอ๊ย!”

เวอร์เธอร์นั่งลงอย่างระมัดระวัง แต่ยังคงกัดฟันด้วยความเจ็บปวด

โรเบิร์ตพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “ทำไมนายไม่ไปห้องพยาบาลล่ะ? จริง ๆ แล้วซิสเตอร์คาไลด์เป็นคนดีนะ เธอไม่น่ากลัวอย่างที่ข่าวลือบอกหรอก”

“ฉันสบายดี” เวอร์เธอร์รีบพูด “ถ้าฉันชินกับมัน ฉันก็ไม่เจ็บแล้ว”

เป็นผลให้ทันทีที่ชั้นเรียนเริ่ม ศาสตราจารย์ทอมป์สันเห็นว่าเวอร์เธอร์ยิ้มในขณะที่เขากำลังสอน อาจารย์จึงเรียกเขาขึ้นมาบนแท่นโพเดียม

เวอร์เธอร์อดทนต่อความเจ็บปวด และทำแบบฝึกหัดจนเสร็จ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียวเมื่อเดินลงจากแท่นโพเดียม

คาบที่สองคือ คาบวิชาอัญเชิญ

ศาสตราจารย์ซิลเวอร์นำ [การ์ดอัญเชิญ] ออกมาสอน ซึ่งมันสามารถตอบสนองต่อเทคนิคการอัญเชิญ และสามารถใช้ฝึกฝนการอัญเชิญบูชายัญได้

จอมเวทฝึกหัดร่ายคาถาอัญเชิญอย่างตื่นเต้น พวกเขาเรียกลูกบอลแสงขนาดใหญ่ออกมาลูกแล้วลูกเล่า

ก่อนที่คาบเรียนจะจบลง ศาสตราจารย์ซิลเวอร์บอกกับนักเรียนว่าพวกเขาสามารถซื้อ [การ์ดอัญเชิญ] จากเธอเพื่อฝึกฝนได้ ด้วยราคาเพียงร้อยคะแนน แต่สุดท้ายก็มีนักเรียนไม่เกินหนึ่งในสามที่ซื้อมัน

แน่นอนว่าดาร์กซื้อมันมา

คะแนนของเขาเพิ่มขึ้นด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ไม่ว่าจะเป็นการช่วยโรเบิร์ต หรือ ‘ตารางสูตรคูณ’ พวกมันทำคะแนนให้แก่เขามากมาย

สิ่งสำคัญคือ ชุดการ์ดอัญเชิญนี้ใช้งานง่ายมาก เขาพบว่าคาถาอัญเชิญปกติของเขา สามารถลดระยะเวลาให้สั้นลงจนเหลือน้อยกว่าหกวินาทีได้ แม้ว่าเขาจะเพิ่งเริ่มเรียนรู้การอัญเชิญด้วยวิธีบูชายัญ แต่เขาก็เรียนรู้มันได้รวดเร็ว

การต่อสู้กับเวอร์เธอร์เมื่อคืนนี้ ทำให้ดาร์กตระหนักถึงความสำคัญของการอัญเชิญ

เพราะในการต่อสู้ระหว่างจอมเวท ทุกวินาทีมีความสำคัญ มีแค่การบีบอัดเวลาร่ายและคูลดาวน์ของคาถาอัญเชิญให้ถึงขีดจำกัดเท่านั้น เราถึงจะไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบในระหว่างการต่อสู้

หลังเลิกเรียนดาร์กสูดหายใจเข้าลึก ๆ และมุ่งหน้าไปยังห้องทำงานของศาสตราจารย์เคเซอร์อีกครั้ง

เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ แต่ขอยืมขวดแห่งความคิดจากศาสตราจารย์เท่านั้น

เมื่ออาจารย์ถามอย่างเป็นกันเอง เขาก็ยิ้มและบอกว่าการทดลองของเขาก้าวหน้าไปอีกขั้นแล้ว และหากใช้ขวดแห่งความคิดก็จะทำให้สะดวกมากขึ้น

ศาสตราจารย์เคเซอร์เพียงให้กำลังใจเขาด้วยคำพูดสองสามคำ จากนั้นจึงตรวจการบ้านของนักเรียนต่อไป

ทั้งสองไม่ได้พูดถึงการ์ดดอกไม้ตั้งแต่ต้นจนจบ

หลังจากที่ดาร์กออกจากห้องทำงาน เขาก็ไปที่โรงอาหารเพื่อทานอาหาร แล้วจึงกลับไปที่หอพัก หยิบเอาเครื่องหยดสมองวิเศษพร้อมกับเครื่องมือต่าง ๆ ออกมา จากนั้นก็ตรงไปยังทางเดินลับอีกครั้งในระหว่างกลางวัน!

จอมมารแค่อยากเป็นคนดี

จอมมารแค่อยากเป็นคนดี

จอมมารแค่อยากเป็นคนดี
Status: Ongoing Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง จอมมารแค่อยากเป็นคนดีระหว่างทำพิธีคัดสรรเลือกบ้าน ในที่สุด 'ดาร์ก เดม่อน' ก็ได้รับความทรงจำของชีวิตก่อนกลับคืนมา ปรากฏว่าเขามาเกิดใหม่โลกของเกม ทั้งยังเป็นเกมที่ลอกเลียนแบบธีมภาพยนตร์และอนิเมะชื่อดังอีกด้วย! แต่เหมือนพระเจ้ายังไม่พอใจ เพราะบทบาทของ 'เขา' ในเกมนี้คือว่าที่ 'จอมวายร้าย' ที่ร้ายสุดในเกมนี้! ด้วยค่ามหาบาปทั้งเจ็ด [เกียจคร้าน ริษยา ราคะ ตะกละ โลภะ โทสะ และอัตตา] เมื่อค่าหนึ่งในเจ็ดบาปพวกนี้พุ่งทะลุหลอดตัวชี้วัด ดาร์กก็จะกลายร่างเป็น 'จอมมาร' ตลอดไป! หากเป็นยุคแห่งความโกลาหลก็คงไม่เป็นอะไรหรอก แต่ตอนนี้มันใช่ยุคนั้นเสียที่ไหนเล่า! ในยุคสมัยของเซนต์แมเรียนที่สงบสุขเช่นนี้ และจอมมารก็ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ไปนานแล้ว เขาที่กำลังโดนระบบจอมมารปั่นหัวให้กลายวายร้ายจะต้องทำเช่นไรล่ะทีนี้!?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset