จอมใจจ้าวพิษ – ตอนที่ 374 ชิงช้า / ตอนที่ 375 แผนร้าย

ตอนที่ 374 ชิงช้า  

 

 

หลายวันนี้ฉู่จิ่งเหยาเสด็จมาหาบ่อยครั้ง ทุกวันทรงขลุกอยู่ที่ตำหนักของถังเฉียน ระยะนี้นางจึงกลายเป็นคนโปรดที่ไม่มีใครเทียบ  

 

 

วันก่อนหรูอี้พาถังเฉียนออกไป เจอฝ่าพระบาทโดยบังเอิญวันนี้อากาศแปรปรวน หรูอี้จึงไม่กล้าพานางออกมาเที่ยวเล่น  

 

 

บัดนี้ในตำหนักไม่ขาดแคลนอะไร ทุกวันมีคนมาเยี่ยมจนรับแทบไม่ไหว ทำให้แทบไม่มีโอกาสไปยืมข้าวของจากหนิงกุ้ยเฟยมาอวดบ้าง  

 

 

วันนี้นางว่างมาก จึงเรียกหรูอี้มานั่งชิงช้ากับนาง  

 

 

หรูอี้เรียกคนมา ชั่วประเดี๋ยวก็ติดตั้งชิงช้าผูกด้วยเชือกสีในลานตำหนัก ชิงช้าทำขึ้นอย่างประณีต ที่นั่งมีเบาะนุ่ม  

 

 

ถังเฉียนโยกชิงช้าไปมาช้าๆ ลมเย็นปะทะบนใบหน้า กำแพงวังสีแดงเคลื่อนไหวขึ้นลงในสายตา ถ้าโยกขึ้นสูงยังสามารถมองเห็นท้องฟ้าผืนเล็กนอกวังได้  

 

 

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความรู้สึกหลอนหรือไม่ นางเห็นท้องฟ้านอกวังเหมือนจะสีฟ้าเข้มกว่าในวัง  

 

 

นางหยุดโยกครู่หนึ่ง แล้วรู้สึกอ่อนล้า ท่านั่งตรงค่อยๆ อ่อนยวบลง สุดท้ายเอนฟุบลงบนชิงช้า  

 

 

นี่เป็นความฝันที่ทั้งยาวนานและมืดดำ ในนั้นเต็มไปด้วยความอึมครึมที่ชวนให้หายใจไม่ออก ราวกับสัตว์ร้ายขนาดมหึมาพุ่งเข้าใส่ แล้วลากนางจมดิ่งลงไปในเหวลึกที่ไม่ที่สิ้นสุด  

 

 

ถังเฉียนสะดุ้งตื่นเพราะน้ำเย็นเฉียบที่หยดลงบนแก้ม นางลืมตาขึ้นทันที ใบหน้าคมสันที่ใกล้จนขนตาแทบจะชนกันเข้าสู่ม่านตานาง  

 

 

นางอยากถอยไปข้างหลัง แต่ได้ยินเสียงทุ้มต่ำแกมบังคับ ตะคอกเบาๆ “อย่าขยับตัว!”  

 

 

ถังเฉียนฟังออกว่าเป็นเสียงฉู่จิ่งเหยา นางจึงหยุดนิ่งทันที แล้วจึงรู้ตัวว่าถูกฉู่จิ่งเหยาอุ้มขึ้นมาแล้ว ที่หยดลงบนหน้าทำให้นางตื่นก็คือน้ำฝนหยดหนึ่ง  

 

 

“ฝ่าพระบาท…?”  

 

 

“หุบปาก นอนอยู่ในอ้อมกอดเจิ้นดีๆ”  

 

 

พระสุรเสียงของฉู่จิ่งเหยาตัดคำพูดนาง ไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกหลอนหรือไม่ ถังเฉียนรู้สึกเสมอว่าเสียงนี้ดูเหมือนจะหงุดหงิดจนกลายเป็นโมโห  

 

 

พอถังเฉียนมองไปข้างหลัง หรูอี้ยืนก้มหน้าอยู่ด้านข้าง นางรู้สึกแปลก ตามเหตุผลแล้วหรูอี้ย่อมไม่ปล่อยให้นางอยู่บนชิงช้าตากฝนเด็ดขาด อีกอย่าง…ครั้งนี้ฉู่จิ่งเหยาไม่ทรงกริ้ว  

 

 

นางอยากจะถาม แต่พอมองผ่านไหล่ฉู่จิ่งเหยาก็เห็นใบหูแดงเรื่อ  

 

 

ความแปลกใจยับยั้งไม่ให้นางเอ่ยถาม  

 

 

ถังเฉียนซุกศีรษะแนบพระอุระฉู่จิ่งเหยา ปล่อยให้พระองค์อุ้มตนเองเข้าไปในตำหนัก จากนั้นก็นั่งลงบนเตียงนุ่ม มองดูฉู่จิ่งเหยาตรัสสั่งอย่างรวดเร็ว แล้วทรงเสด็จนำราชองครักษ์และนางกำนัลออกไปจากตำหนัก  

 

 

มองตามหลังไปดูท่าทางเหมือนเสด็จผละไปอย่างลุกลี้ลุกลน  

 

 

ถังเฉียนกวาดตามองหรูอี้แวบหนึ่ง ถ้านางไม่ได้ตาฝาด ขณะที่พระองค์เสด็จออกไปเหมือนจะมองนางด้วยสายพระเนตรที่เตือนให้ระวังตัว  

 

 

หรูอี้รอจนฉู่จิ่งเหยาเสด็จไปแล้วจึงเงยหน้าขึ้น สีหน้าปลาบปลื้มดีใจ นางอมยิ้ม พูดจาอ่อนหวานกว่าก่อน  

 

 

“พระสนม ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว พระสนมอยากกินอะไร บ่าวจะไปห้องครัวหลวงทำให้เพคะ”  

 

 

ถังเฉียนมองอย่างพิเคราะห์ ไม่เห็นความผิดปกติบนสีหน้าหรูอี้ จึงตอบว่า   

 

 

“กับข้าวอะไรก็ได้สักสองสามอย่าง…เมื่อครู่ฝ่าพระบาททรงทำอะไรบ้าง”  

 

 

หรูอี้ยิ้มแล้วขานรับ แต่ไม่ตอบประโยคสุดท้าย เพียงแต่ยิ้มแล้วพูดว่า  

 

 

“พระสนม ฝ่าพระบาททรงดีต่อพระสนมมากจริงๆ เพคะ”  

 

 

แต่ครึ่งฟ้าสว่างครึ่งฟ้าฝนตก ขณะที่ตำหนักถังเฉียนกำลังเบิกบานแจ่มใส ที่ตำหนักของอันกุ้ยเฟย ไม่สิ บัดนี้ควรเรียกว่าอันไท่เฟย ของล้ำค่านับไม่ถ้วนเผชิญกับภัยพิบัติ  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 375 แผนร้าย  

 

 

ไม่รู้ว่าแจกันถูกทุ่มแตกเป็นใบที่เท่าไหร่แล้ว ทุกครั้งที่ทุ่มแตกหนึ่งใบ เสี่ยวเต๋อจื่อก็ตัวสั่นทีเพราะนึกเสียดาย อยากห้ามแต่ก็ไม่กล้า  

 

 

“เพล้ง!”  เป็นเครื่องกระเบื้องล้ำค่าอีกชิ้น อันกุ้ยเฟยสะบัดชายแขนเสื้อ ทุ่มมันลงพื้นอย่างสุดแรง นางทุ่มเทสุดชีวิตแล้วไม่ได้ก็เป็นสตรีที่ฝ่าบาทรัก เหมือนร่างกายจะสามารถแหลกเหลวเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเหมือนดั่งแจกันใบนี้  

 

 

ดวงตานางแดงก่ำ ไม่มีความสง่างามอย่างที่องค์ไท่เฟยพึงมีแม้แต่น้อย อสรพิษแห่งความริษยาคืบคลานเข้าไปในหัวใจนางแล้ว กัดกินจนกลายเป็นโพรงคดเคี้ยว  

 

 

“กล้าดีอย่างไร ผู้หญิงคนนั้นกล้าดีอย่างไร หึ ก็แค่บังเอิญเคยช่วยชีวิตฝ่าพระบาท แม้แต่ความจำของตนเองก็ไม่มีแล้ว แต่ก็ยังเป็นที่โปรดปรานของฝ่าพระบาทเช่นนี้!”  

 

 

“ที่ข้าเทียบนางไม่ได้ตรงไหนทั้งๆ ที่เป็นช่วงพระราชพิธีพระศพ ยังให้นางค้างคืนในตำหนัก นางจิ้งจอกแปลงร่างเป็นคนชัดๆ ใช้ทุกวิธีเพื่อยั่วยวนฝ่าพระบาท!”  

 

 

คนในตำหนักได้แต่มองหน้ากันไปมา ยืนก้มหน้านิ่ง  

 

 

ที่อันไท่เฟยมีอาการคลุ้มคลั่งเยี่ยงนี้ เริ่มขึ้นตั้งแต่นางได้รับแจ้งจากสายสืบจนถึงเดี๋ยวนี้ นางได้รับรายงานว่าฝ่าพระบาททรงทอดพระเนตรถังเฉียนอย่างลุ่มหลงเกือบครึ่งชั่วยาม สุดท้ายพระองค์ทรงอุ้มนางเข้าไปในตำหนัก  

 

 

ทั่วทั้งตำหนักปกคลุมด้วยบรรยากาศที่อึมครึม  

 

 

อันไท่เฟยหายใจหอบ รอจนพระนางสงบลงแล้ว นางกำนัลคนสนิทจึงเดินตัวสั่นมาใกล้ แล้วทูลว่า  

 

 

“ไท่เฟยเพคะ พระองค์ไม่จำเป็นต้องโกรธเกรี้ยวขนาดนี้ คราวก่อนผู้หญิงคนนั้นโชคดี ไม่ตกหลุมพรางที่เราดักไว้ นางสารเลวนั่นมองออกว่าในเต้าหู้มีเนื้อปนอยู่ แต่ที่นางกลายเป็นที่โปรดปรานเป็นเพียงชั่วคราว จะเลื่อนขั้นอย่างไรก็เป็นแค่พระสนม ท่านเป็นถึงไท่เฟย จะไปถือสานางทำไม”  

 

 

อันไท่เฟยยิ้มหยัน แล้วว่า  

 

 

“นางเป็นแค่นางสนมก็จริงหรอก แต่ฝ่าบาททรงลุ่มหลงนางจนขาดสติไปแล้ว จนได้ชื่อว่าผิดข้อห้ามในพระราชพิธีพระศพ ให้นางค้างคืนในตำหนัก เวลานี้ไม่มีอะไรก็จริง แต่ถ้านางปีกกล้าขึ้นเมื่อไหร่ ถ้าข้าอยากทำอะไรก็คงสายไปแล้ว!”  

 

 

ฉางหงฝืนยื้มแล้วทูลว่า  

 

 

“ไท่เฟยพูดอะไรเช่นนั้นเพคะ ใครๆ ก็รู้ว่าคืนนั้นฝ่าพระบาทประทับนั่งในห้องทรงพระอักษรทั้งคืน ผู้หญิงคนนั้นก็แค่อยู่คอยรับใช้ ถ้าจะมีอะไรก็แค่อยากลองของแปลกใหม่ คิดดูสิ ถ้าฝ่าพระบาททรงโปรดนางจริงๆ จะให้นางคอยรับใช้งานทรงพระอักษรหรือเพคะ”  

 

 

อันไท่เฟยเหลือบมองนางแวบหนึ่ง แล้วใช้เล็บที่ตัดแต่งจนแหลมวาดเป็นวงที่หน้าอก ทิ้งรังสีอำมหิตไว้เป็นสาย  

 

 

“หึ หรือเจ้าจะบอกว่า เรื่องบ่ายวันนั้นก็แค่ทรงนึกตื่นเต้น พอทรงตื่นเต้นก็เลยประทับยืนทอดพระเนตรอยู่ครึ่งวัน”  

 

 

ฉางหงฟังน้ำเสียงที่แข็งกร้าวของไทเฟยถึงกับเหงื่อแตก นางก้มหน้านิ่ง คอหอยนางขยับอย่างฉับไว แล้วมีเสียงพูดออกมา  

 

 

“”ไทเฟย พระองค์อย่าทำอย่างนี้อีกเลย ตอนนี้นางยังห่างไกลจากท่านมาก ฉวยโอกาสที่นางจำอะไรไม่ได้ ชิงลงมือก่อน”  

 

 

“หือ?”  

 

 

อันไท่เฟยหรี่ตาลง ท่าทางเหมือนครุ่นคิด แล้วกวาดสายตาผ่านร่างฉางหง หยุดอยู่ที่อกเสื้อที่ชุ่มเหงื่อ แล้วพูดช้าๆ ว่า  

 

 

“ไม่ต้องก้มหน้าต่ำขนาดนั้น เงยหน้าขึ้น ไหนบอกสิมีวิธีอะไร”  

 

 

มีอีกาบินผ่านนอกกำแพงวัง เป็นเงาร่างที่ดูประหลาดในยามพลบค่ำ เสียงร้องกาๆ แหบแห้งซ้ำๆ ดังผ่านขอบฟ้า  

 

 

ความมืดยามค่ำคืนราวกับหมึกเข้ม เหมือนพู่กันใหญ่วาดผ่านไป ปกคลุมวังหลวงเงียบสงัดที่กำลังหลับใหล  

จอมใจจ้าวพิษ

จอมใจจ้าวพิษ

จอมใจจ้าวพิษ
Status: Ongoing
อ่านนิยายจอมใจจ้าวพิษถังเฉียน บุตรสาวของอดีตหมอหลวง บิดาต้องโทษข้อหาทำร้ายพระโอรสในครรภ์พระสนมสี่ มารดาป่วยจนตรอมใจตาย เหลือเพียงน้องสาวสองคนที่ต้องดูแล ด้วยความพิเศษติดกายแต่กำเนิด เลือดของนางมีคุณสมบัติรักษาอาการบาดเจ็บ ทำให้ถังเฉียนจำต้องแฝงกายเป็นหมอผีช่วยชีวิตจินซิวอ๋อง พระโอรสองค์ใหญ่ของแคว้นเซวียนกั๋วที่ได้รับบาดเจ็บจากการกรำศึก เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยและตามหาน้องสาวทั้งสองที่พรากกัน ทว่าการเป็นหมอผีโดยที่ไม่มีวิชาเวทย์ใดๆ ติดกายเลยนั้น ทำให้ถังเฉียนต้องใช้ชีวิตด้วยความหวาดหวั่น มีเพียงเถิงเฝิงเด็กหนุ่มจากเผ่าพีส่าที่บังเอิญได้ล่วงรู้ฐานะที่แท้จริงของนางที่คอยอยู่เคียงข้างและช่วยเหลือนางให้มีชีวิตอยู่รอดในฐานะหมอผีต่อไป แต่นับวัน ‘ความพิเศษ’ ของนางกลับได้ผูกโยงเรื่องราวที่ไม่คาดฝันเข้ามาหามากมาย นางที่ได้รับเลือกให้เป็น ‘ลูกศิษย์คนที่สิบเจ็ด’ ของหมอผีศักดิ์สิทธิ์จะทำเช่นไร หากความพิเศษนั้นกลับกลายเป็นภัยที่เข้าหาตัว

Comment

Options

not work with dark mode
Reset