จักรพรรดิมังกร – ตอนที่ 105 หน้าใหญ่ใจโต

บทที่ 105 หน้าใหญ่ใจโต 

ตื่นตระหนก!

หวังฟางตื่นตระหนกตกใจมาก รีบร้อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ถ่ายรูปไว้หนึ่งใบ

เธอจะเก็บไว้เป็นหลักฐาน กลับไปบ้านแล้วจะได้ถามหลี่โม่

ตอนนี้ในใจของหวังฟางรู้สึกสงสัยฐานะของหลี่โม่

ไอ้คนไร้ประโยชน์

ทำไมถึงสามารถนั่งรถหรูกับมหาเศรษฐีของฉู่โจวได้

หวังฟางคิดไม่ออก รีบหันหลังแล้วเดินจากไป

เมื่อกลับถึงบ้าน เธอก็ได้บอกเรื่องนี้ให้กู้เจี้ยนหมิน “เหล่ากู้ คุณรีบมาดูนี่ ใช่หลี่โม่หรือไม่?”

กู้เจี้ยนหมินที่กำลังเลี้ยงนก วางกรงนกลง แล้วใส่แว่นสายตามองดูแล้วกล่าวว่า “คุณจะถ่ายรูปเขาทำไม คุณยังแอบสะกดรอยตามหลี่โม่อยู่ใช่ไหม?”

กู้เจี้ยนหมินประหลาดใจ เมียของเขากำลังทำอะไรอยู่

ใช้วิธีการสะกดรอยตามที่ต่ำทรามแบบนี้เลยเหรอ?

หวังฟางจ้องมอง แล้วใช้มือตบไปที่ไหล่ของเขา แล้วกล่าวว่า “คุณดูดี ๆ ว่าคนที่อยู่ข้าง ๆ เขาคือใคร!”

กู้เจี้ยนหมินรู้สึกสงสัย หลังจากดูอย่างละเอียด เขาก็ประหลาดใจ “นี่ ……นี่คือเฉียนฝู?”

หวังฟางพยักหน้า นั่งอยู่บนโซฟา เอามือกอดอก เธอครุ่นคิดและรู้สึกไม่พอใจ แล้วกล่าวว่า “ไอ้เจ้าหลี่โม่ จะต้องมีเรื่องปิดบังพวกเราอยู่อย่างแน่นอน เหล่ากู้ รีบโทรศัพท์หาหลี่โม่ บอกให้เขากลับมา ฉันจะถามเขาว่า ระหว่างเขากับเฉียนฝูมีความสัมพันธ์อะไรกัน ไม่รู้ว่าเขาเม้มเงินไว้อีกเท่าไหร่!”

ใช่ ในสายตาของหวังฟางคิดแต่เรื่องเงินเท่านั้น

เธอเชื่อว่า หลี่โม่ยังแอบเม้มเงินไว้อีกมาก

ไม่แน่ อาจจะมากกว่าสองแสน!

กู้เจี้ยนหมินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กล่าวว่า “หวังฟาง คุณรู้สึกไหมว่าช่วงนี้หลี่โม่ไม่เหมือนเมื่อก่อน?”

หวังฟางไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ตบโต๊ะแล้วกล่าวว่า “มีอะไรไม่เหมือนเดิม ก็ยังเป็นคนไร้ประโยชน์ ถ้าหากเขาไม่เหมือนเดิม แม่ยายอย่างฉันจะคุกเข่าเชิญเขาเข้าบ้านเลย? ”

กู้เจี้ยนหมินถอนหายใจอย่างจำใจ แล้วกล่าวว่า “คุณทำแบบนี้ทำไม ยังไงหลี่โม่ก็เป็นลูกเขยของเรา คุณจะต่อต้านเขาเช่นนี้ทำไม?”

ถึงแม้ว่ากู้เจี้ยนหมินไม่อยากยอมรับคนไร้ประโยชน์อย่างหลี่โม่ ถึงยังไงเขาก็ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกเขย ยังเป็นความอัปยศของครอบครัวอีก

หวังฟางจ้องมองเขาแวบหนึ่ง และกล่าวว่า “จะพูดมากทำไม รีบโทรศัพท์! ”

เมื่อเห็นว่ากู้เจี้ยนหมินไม่ขยับ หวังฟางก็เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเอง กล่าวด้วยความโกรธว่า “คุณไม่โทร ฉันโทรเอง! ”

เมื่อโทรออก หวังฟางรอสาย เมื่อฝั่งโน้นรับสาย เธอพูดด้วยน้ำเสียงหยิ่งผยอง “หลี่โม่ นายอยู่ที่ไหน รีบกลับบ้าน แม่กับพ่อมีธุระกับนาย”

เฉียนฝูเพิ่งส่งหลี่โม่ถึงโรงพยาบาล เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากหวังฟาง ด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรและมีความสงสัย

เขายิ้มแล้วกล่าวว่า “แม่ ผมอยู่ที่โรงพยาบาล อีกสักครู่ผมก็จะกลับไป”

“ไม่ได้! กลับมาตอนนี้!” หวังฟางกล่าวอย่างหยิ่งผยอง

ตึ๊ด!

โทรศัพท์ถูกวางสาย หลี่โม่ถอนหายใจอย่างจำใจ หันหลังแล้วไปโบกรถแท็กซี่กลับไป

เมื่อก้าวเข้ามาในบ้าน หลี่โม่รู้สึกถึงบรรยากาศหนาวเย็นในห้อง

หวังฟางนั่งอยู่บนโซฟา เธอจ้องมองมาที่เขา แล้วกล่าวอย่างเย็นชา “มาแล้วเหรอ นั่งก่อน”

หลี่โม่พยักหน้า กล่าวทักทายสวัสดีทั้งสอง เขานั่งบนเก้าอี้โซฟาเดี่ยวในแนวทแยงมุมตรงข้ามหวังฟาง แล้วถามว่า “แม่ มีธุระด่วนอะไรถึงได้เรียกผมกลับมา?”

หวังฟางก็ไม่อ้อมค้อม ถามตรง ๆว่า “หลี่โม่ นายกับเฉียนฝูมีความสัมพันธ์อะไรกัน ไม่ใช่แค่นายชี้บอกทางเขาเท่านั้นใช่ไหม?”

หลี่โม่ตกใจ หรือว่าหวังฟางรู้อะไร?

คงไม่มั้ง เพราะตนเองปกปิดอย่างดี

“แม่ เรื่องนี้เคยพูดแล้วนี่ครับ ไม่งั้นผมจะให้เฉียนฝูมาอธิบายอีกรอบหนึ่ง?” หลี่โม่กล่าว

แต่ว่า หวังฟางหัวเราะฮ่า ๆ อย่างเยือกเย็น แล้วก็เปิดรูปในโทรศัพท์ วางไว้ที่หน้าหลี่โม่ ชี้แล้วกล่าวว่า “นี่ใช่นายหรือไม่? ”

ยังมาโกหกตนเองอีก หลี่โม่ช่างกล้านัก!

หลี่โม่ดูรูปแล้ว ในใจกระตุกเล็กน้อย หวังฟางกำลังสะกดรอยตามตัวเอง?

หลี่โม่เลิกคิ้ว ใบหน้าเคร่งขรึมลง เขาแสดงความรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “ใช่ผมเอง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามีอะไร ผมก็แค่ไปขอบคุณเรื่องเมื่อวัน ประธานเฉียนสุภาพกับผมมาก แล้วยังไปส่งผมที่โรงพยาบาลด้วยตนเอง”

“แค่นี้เหรอ?” หวังฟางถามอย่างสงสัย แต่เธอก็ไม่สามารถหาเหตุผลอะไรมายืนยันว่าหลี่โม่พูดโกหก

หลี่โม่หัวเราะฮ่า ๆ แล้วกล่าวว่า “หากผมบอกว่าห้านซินกรุ๊ปเป็นของผม ประธานเฉียนเป็นลูกจ้างผม พวกคุณจะเชื่อไหม? ”

ไม่เชื่อแน่นอน!

หวังฟางไม่เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์

นิสัยและพฤติกรรมของลูกเขยตนเอง เธอรู้ชัดเจนที่สุด

ถ้าหากเป็นดั่งที่เขาพูด ทำไมเขาต้องทนกับความเฉยเมยและดูหมิ่นของตนเองในช่วงหลายปีที่ผ่านมา?

หลี่โม่ก็รู้ว่าพวกเขาไม่เชื่อ จึงเจตนาพูดเช่นนี้

บางครั้ง ความจริง ก็ไม่มีใครเชื่อ

หวังฟางนิ่งไป ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ จากนั้นเธอพูดออกคำสั่งว่า “โอเค ฉันรู้แล้วว่านายไปโรงพยาบาล ใช่แล้ว มะรืนนี้เป็นวันเกิดของพ่อนาย นายไม่ต้องไปงานวันเกิด อยู่บ้านก็แล้วกัน”

งานวันเกิดของกู้เจี้ยนหมิน หวังฟางไม่ต้องการให้ลูกเขยไร้ประโยชน์คนนี้ไปให้อับอาย

เพราะว่า คนที่จะมางานวันเกิดเป็นเพื่อนของตระกูลกู้ แล้วก็ยังมีเพื่อนของหวังฟาง

หลี่โม่หัวเราะฮ่า ๆ พยักหน้ารับ “รู้แล้วครับ”

พูดจบ เขาก็หันหลังแล้วเดินจากไป เขายืนสูบบุหรี่อยู่ที่ประตู กำลังใช้ความคิด

ตรงหน้า คุณผู้หญิงข้างบ้านขับรถยนต์กลับมา พร้อมลูกสาวสองคนและสามีที่ดูรักใคร่กลมเกลียว

หลี่โม่มองภาพนี้แล้วรู้สึกอิจฉา เขาคิดว่าตอนนี้ควรจะซื้อรถยนต์ให้กู้หยุนหลัน

ซื้อรถยนต์ให้กู้หยุนหลันสักคัน เพราะต่อจากนี้ เธอต้องยุ่งแน่นอน ไปกลับจะได้สะดวกขึ้น

คิดแล้ว เขาก็โทรศัพท์ไปหาฉินลั่วลั่ว

ในไม่ช้า ฉินลั่วลั่วก็ขับรถพาหลี่โม่ไปที่ 4S ออโต้ซิตี้

ถนนสายนี้ เป็นโชว์รูมขายรถยนต์ 4S ทั้งหมด

หลี่โม่ลงจากรถ เดินเข้าไปที่โชว์รูมเมอร์เซเดส-เบนซ์ก่อน ส่วนฉินลั่วลั่วไปเติมน้ำมันที่ปั๊มใกล้ ๆแถวนี้

เมื่อเข้าไปในโชว์รูม มีพนักงานต้อนรับด้วยเสียงไพเราะอ่อนหวาน

“สวัสดีค่ะ คุณผู้ชาย ต้องการมาดูรถยนต์ใช่ไหม สนใจรุ่นไหน ฉันสามารถให้คำแนะนำได้ค่ะ”

พนักงานขายสาวสวย ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส หุ่นดีเซ็กซี่ หน้าอกใหญ่ตูม ผิวขาวเหมือนดังหิมะ สวมแว่นตาขอบดำ ได้เดินมาอยู่ตรงหน้าหลี่โม่แล้ว

“อึม มีรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส ไหม?” หลี่โม่ถาม

“มีค่ะ ตอนนี้กำลังมีโปรโมชั่นอยู่ ราคาจะอยู่ที่สี่แสนค่ะ”

ใบหน้าพนักงานขายสาวเต็มไปด้วยรอยยิ้ม พาหลี่โม่ไปดูรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส

หลังจากมองไม่กี่ครั้ง หลี่โม่ก็กล่าวตรง ๆ “คันนี้แหละ จะขับรถออกไปวันนี้เลย”

จะขับรถออกไปวันนี้เลย?

เห็นได้ชัดว่าพนักงานขายสาวถึงกับผงะ มองไปที่หลี่โม่อย่างสงสัย และยืนยันว่า “คุณผู้ชาย คุณแน่ใจหรือว่าต้องการซื้อคันนี้ คันนี้เป็นตัวท็อป ราคาไม่ใช่สี่แสน แต่เป็นหกแสนค่ะ”

หลี่โม่พยักหน้า “อึม คันนี้แหละ ราคาเท่าไหร่มันไม่สำคัญ”

ประโยคนี้ ทำให้พนักงานขายสาวตกใจ

เธอไม่เคยเห็นลูกค้าที่สปอร์ตแบบนี้มาก่อน เลยแอบสงสัยในใจนิดหน่อย

และในขณะนี้เอง มีพนักงานขายสาวอีกคนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ เธอสังเกตพวกเขามาสักพักแล้ว กล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันเย็นชาว่า “เสี่ยวหลิง คุณนี่ก็ คนแบบนี้แค่พูดล้อเล่นไปเรื่อย คุณยังเชื่อเหรอ คุณเพิ่งมาทำงานได้แค่3วัน มีหลายอย่างที่คุณยังไม่รู้ ต้องสังเกตจากสีหน้าและคำพูดด้วย”

พนักงานขายสาวคนนั้นเดินเข้ามา มองไปที่หลี่โม่อย่างหงุดหงิด แล้วกล่าวกับเสี่ยวหลิงที่อยู่ข้าง ๆว่า “คุณดู คนที่แต่งตัวมอซอเช่นเขา แค่ดูแวบเดียวก็รู้ว่าเขาเข้ามาแค่ดูรถเฉย ๆ ไม่ได้มาซื้อรถ คนแบบนี้ ส่วนใหญ่ก็เพื่อตอบสนองความหลงใหลของตนเอง สิ่งที่คุณต้องเรียนรู้ยังมีอีกมาก”

“พี่ม่านม่าน ฉันรู้แล้วค่ะ”

พนักงานสาวที่ชื่อเสี่ยวหลิง พูดด้วยเสียงเบา ๆ

หลี่โม่ขมวดคิ้ว รู้สึกไม่พอใจนิดหน่อยเขามองไปที่พนักงานขายสาวคนนั้นที่อยู่ ๆก็โผล่ออกมา เธอแต่งตัวสวยและแต่งหน้าเข้ม สวมใส่กระโปรงค่อนข้างสั้น คอเสื้อเว้าลึก สไตร์การแต่งตัวเหมือนโสเภณีก็ไม่ปาน

“แต่งตัวมอซอคือไม่สามารถมาซื้อรถเหรอ”? หลี่โม่กล่าว

หวางม่านม่านเอามือกอดอก สูดลมหายใจแล้วหัวเราะเยาะทันที “ฮ่า ๆ ทำไม ทำเป็นหน้าใหญ่ใจโต คนอย่างนาย จะมีเงินซื้อรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส ตัวท็อป ราคาหกแสนคันนี้ได้เหรอ? ดูชัด ๆ มันคือรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ไม่ใช่รถหมาแมวเหมือนรถอู่หลิงหรือรถโฟล์คสวาเกน”

หลี่โม่สีหน้าไม่ดี ในใจของเขารู้สึกโมโหมาก ผู้หญิงคนนี้ใช้อำนาจบาตรใหญ่เกินไปแล้วมั้ง

คนเช่นนี้ ยังมาเป็นพนักงานขาย?

ขณะนี้ ฉินลั่วลั่วเดินเข้ามาจากประตู และถามว่า “คุณหลี่ มีอะไรเหรอค่ะ? ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset