จักรพรรดิมังกร – ตอนที่ 129 พวกเราไม่หลีก

บทที่ 129 พวกเราไม่หลีก

หวงฝูชิงเผยให้เห็นถึงท่าทีไม่พอใจ ฮั่วเจี้ยนเฟิงก็ร้อนรนทันที

ในสายตาของหวงเหวินจิ่นที่ด้านข้าง ได้เผยแววตาดุร้ายออกมาแล้ว เหมือนกับเสือร้ายที่เตรียมล่าสัตว์เช่นนั้น ราวกับว่าขอเพียงแค่หวงฝูชิงสั่งลงมาคำหนึ่ง ก็จะทำลายทุกคนในห้องนี้

กู้เจี้ยนหมินและคนอื่นๆ ยิ่งร้อนรนจนตัวสั่นระริก คล้ายกับว่าฝูงแกะพบเจอสิงโตเช่นนั้น ถูกทำให้ตกใจจนมือไม้ลิ้นฟันอ่อนไปหมด คำขอร้องไห้ยกโทษให้ก็ไม่รู้จะพูดออกมายังไง

ความต่างของลำดับขั้นของทุกคนใหญ่เกินไปจริงๆ!

หวงฝูชิงเพียงแค่ส่งเสียงขึ้นจมูกเสียงหนึ่ง ก็ทำให้ทุกคนในที่นี้กลัวจนปัสสาวะรดกางเกงแล้ว

ฮั่วเจี้ยนเฟิงโค้งเอวลงจนถึงหนึ่งร้อยยี่สิบองศาแล้ว ก็โค้งลงต่ำไปอีกเล็กน้อย พูดอย่างหวาดกลัว “ประธานหวง ฉันไม่รู้จริงๆ ว่านี่คือห้องชั้นพิเศษที่คุณต้องการ ถ้าทราบละก็ แน่นอนว่าฉันจะยกให้โดยไม่ถามอะไรสักคำ พวกเราจะยกให้เดี๋ยวนี้ คุณว่าดีหรือไม่? “

“เหอะๆ เมื่อครู่นายเพิ่งจะคุยโวโอ้อวดไม่ใช่หรือ ตอนนี้ก็ปอดแหกแล้ว? ความมีศักดิ์ศรีเมื่อครู่ของนายไปไหนแล้วล่ะ ตอนด่าฉันไม่ใช่ด่าได้อย่างสนุกมากหรือ? “

หวงเหวินจิ่นเลิกคิ้วเอ่ยขึ้น

เมื่อครู่ถูกญาติมิตรของตระกูลกู้กลุ่มนั้นเยาะหยัน ทำให้ในใจของหวงเหวินจิ่นโกรธแทบบ้าแล้ว!

พยัคฆ์แห่งเมืองฮ่านแต่ไหนแต่ไรไม่เคยได้รับการข่มเหงเช่นนี้ เพียงแค่กลุ่มคนที่กล้าเยาะหยันหวงเหวินจิ่น ก็ได้กลับบ้านเก่าไปนานแล้ว

หวงฝูชิงกวาดสายตามองทุกคนในห้องชั้นพิเศษรอบหนึ่ง หลี่โม่ก้มหัวหันหลังให้หวงฝูชิง ดังนั้นหวงฝูชิงก็จำหลี่โม่ไม่ได้

เห็นว่าทุกคนในห้องชั้นพิเศษต่างก็ไม่ใช่คนที่มีเบื้องหลังอะไร หวงฝูชิงก็โบกมือให้หวงเหวินจิ่นเล็กน้อย

“ล้วนเป็นครอบครัวพื้นเพเล็กๆ สั่งสอนสักหน่อยก็พอแล้ว เอาพวกเขาออกไปเถอะ”

เพียงแค่เห็นท่าทางของหวงเหวินจิ่นเมื่อครู่นี้ หวงฝูชิงก็รู้แล้วว่าในใจของหวงเหวินจิ่นมีความโกรธ

มีความโกรธเป็นธรรมดาว่าต้องปลดปล่อยออกมา ยิ่งไปกว่านั้นหวงเหวินจิ่นยังเป็นคนสนิทสายตรง หวงฝูชิงแน่นอนว่าก็ต้องลำเอียงไปทางคนของตัวเองอยู่แล้ว ไม่ได้ให้หวงเหวินจิ่นลงมือโหดร้าย หวงฝูชิงก็รู้สึกว่าเป็นความเมตตาของตนเองมากแล้ว

หวงเหวินจิ่นแสยะยิ้มขึ้นมา สามารถทำงานถวายชีวิตเช่นนี้ให้หวงฝูชิงได้ ไม่ใช่เพราะว่าหวงฝูชิงให้ท้ายลูกตัวเองหรือ

“แหะๆ ทราบแล้ว ประธานวางใจเถอะ ฉันจะต้องสั่งสอนพวกเขาให้ดีแน่นอน”

หวงเหวินจิ่นหัวเราะอย่างเหี้ยมโหดกล่าวขึ้น

กู้เจี้ยนหมินในใจร้องโหยหวนไม่หยุด คิดว่านี่มันเป็นการเอางานเลี้ยงวันเกิดมาจัดเป็นงานศพแล้ว

แต่ว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว คนที่อยู่ที่นี่ไม่มีความกล้าที่จะดื้อรั้น ถึงอย่างไรถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป ก็ไม่ใช่สั่งสอนเล็กน้อยแล้ว เกรงว่าจะกลายเป็นการหายไปจากโลกมนุษย์แน่แล้ว

ฮั่วเจี้ยนเฟิงสายตาเต็มไปด้วยความทุกข์ มองไปที่ใบหน้าซีดขาวของกู้ซิงเว๋ยและคนอื่นๆ ในใจก็เคียดแค้นจนไม่รู้ว่าจะระบายออกมายังไงแล้ว ตอนนี้นับว่าเป็นการถูกเพื่อนร่วมทีมโง่ๆ ขุดหลุมฝังอย่างน่าสมเพช

“คุณลุงหวง เจี้ยนเฟิงรู้ความผิดแล้ว ฉันจะพาพวกเขาย้ายห้องเดี๋ยวนี้ ขอให้คุณลุงหวงสั่งสอนพวกเราสักเล็กน้อย”

ฮั่วเจี้ยนเฟิงที่เศร้าโศกกลัดกลุ้มไร้ใดเปรียบเอ่ยขึ้นมา

หวงเหวินจิ่นยิ้มแย้มยื่นมือออกมา ตบลงบนแก้มของฮั่วเจี้ยนเฟิงอย่างรุนแรงครั้งหนึ่ง พลันแก้มของฮั่วเจี้ยนเฟิงก็บวมแดงขึ้นมาทันใด

ฮั่วเจี้ยนเฟิงครางเสียงหนึ่ง มือขวายกขึ้นกุมแก้ม จากนั้นรีบเอามือลงอย่างรวดเร็ว ใบหน้าแต้มรอยยิ้มเอ่ยว่า “คุณลุงหวงตีได้ดี”

กู้ซิงเว๋ยและคนอื่นๆ ต่างสูดลมหายใจเย็น ใจคิดว่าพยัคฆ์แห่งเมืองฮ่านนี้ป่าเถื่อนจริงๆ ฮั่วเจี้ยนเฟิงก็ไม่นับว่าเป็นบุคคลเล็กๆ แล้ว หวงเหวินจิ่นถึงกับตบไปที่หน้าเขาตรงๆ

หวังฟางเคร่งเครียดจนสมองมึนงง รู้สึกว่าจะหายใจไม่ออกแล้ว มือทั้งคู่จับแขนของกู้เจี้ยนหมินไว้แน่น พูดเสียงต่ำ “โหดร้ายขนาดนี้ ทำไมโหดร้ายขนาดนี้ พวกเราจะทำยังไงดี? “

“นี่ก็เกรงใจแล้วรู้ไหม ล้วนโทษพวกเธอที่เมื่อครู่พูดจาเรื่อยเปื่อย ตอนนี้เตะถูกแผ่นเหล็ก พวกเราทั้งครอบครัวต่างต้องจบเห่แล้ว! “

กู้เจี้ยนหมินกดเสียงต่ำกล่าวโทษ ถ้ามีโอกาสกลับมาใหม่อีกครั้ง กู้เจี้ยนหมินจะต้องมอบห้องรับรองออกไปทันทีแน่

กู้ซิงเว๋ยก้มศีรษะลง บ่นพึมพำว่า “ยังไม่ใช่ว่าฮั่วเจี้ยนเฟิงเสแสร้ง รู้ว่านั่นคือพยัคฆ์แห่งเมืองฮ่านก็ไม่พูดสักคำ ถ้าได้รู้แล้ว เมื่อครู่ใครจะกล้าพูดเช่นนั้นเล่า”

จุดแข็งของกู้ซิงเว๋ยก็คือโยนความผิดไปให้ผู้อื่น ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ความผิดนี้ มองอย่างไรก็อยู่บนตัวของฮั่วเจี้ยนเฟิง

หลังของกู้ชิงหลินพิงอยู่ที่มุมผนังอย่างหวาดกลัว โค้งเอวให้ตัวเองหดเป็นก้อน ไม่มีแล้วซึ่งท่าทางยโสโอหังแบบเมื่อครู่

หลี่โม่กำลังสำรวจท่าทางของทุกคน ในใจแอบขบขันไม่หยุด

คนพวกนี้ก็รู้จักไล่ตามคนที่มีสถานะสูงเหยียบย่ำคนที่มีฐานะต่ำ เจอกับคนใหญ่คนโตเข้าจริงๆ ก็ทำได้เพียงอดทนยอมโดนตีแล้ว

ดึงมือของกู้หยุนหลันเบาๆ หลี่โม่เอ่ยเสียงต่ำ “ไม่ต้องกลัว ไม่มีทางเกิดเรื่องหรอก”

คิ้วงดงามของกู้หยุนหลันขมวดคิ้วแน่นเข้าด้วยกัน เพราะว่ากังวลใจและหวาดกลัว สีหน้าซีดเซียวเล็กน้อย

“นายดูแลตัวเองให้ดีเถอะ อย่าได้พูดอะไรส่งเดชอีก”

กู้หยุนหลันส่ายหน้ากล่าว ใจคิดว่าเรื่องใหญ่ถึงขนาดนี้แล้ว จะไม่มีเรื่องอะไรได้ยังไง!

หลี่โม่ไม่ได้พูดให้มากความอีก อย่างไรเสียเรื่องราวต้องอาศัยการกระทำออกมา ไม่เช่นนั้นพูดมากอีกก็ไม่มีประโยชน์

เพี๊ยะ!

หวงเหวินจิ่นตบหน้าของฮั่วเจี้ยนเฟิงอีกหนึ่งฝ่ามือ แก้มของฮั่วเจี้ยนเฟิงซ้ายขวาเท่าเทียม แก้มทั้งสองข้างบวมเป่งขึ้นมา

“คุณลุงหวงตีได้ถูกต้อง ฉันรู้ความผิดแล้ว”

ฮั่วเจี้ยนเฟิงกัดฟันเอ่ยตอบ ใจหลั่งเลือดไม่หยุด ภาพลักษณ์ที่ตั้งใจแสดงออกมาอย่างดีที่สุด พังทลายโดยสมบูรณ์แล้ว

กู้เจี้ยนหมินหนังตากระตุกสองครั้ง ใจคิดว่าเป็นเช่นนี้ต่อไปก็ไม่ใช่เรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตนเองยังเป็นเจ้าของวันเกิด นี่ถ้าถูกฝ่ามือตบ เช่นนั้นครึ่งชีวิตที่เหลือก็จะต้องตกเป็นตัวตลกให้คนล้อเลียนแล้ว

“สวัสดี ท่านประธานหวง ฉันคือกู้เจี้ยนหมินแห่งตระกูลกู้ วันนี้เป็นวันเกิดของฉัน เมื่อครู่เจี้ยนเฟิงไม่ได้ทำเรื่องให้กระจ่างแจ้ง ดังนั้นจึงเกิดปัญญาเล็กน้อยขึ้น พวกเรายินดียกห้องชั้นพิเศษให้ และก็ยินดีมอบของขวัญขออภัยให้กับคุณหวงเหวินจิ่น”

พอกู้เจี้ยนหมินเปิดปาก กู้ซิงเว๋ยและคนอื่นๆ ล้วนแจ่มแจ้งขึ้นมา

คิดว่าในเวลานี้ต้องเป็นฝ่ายพยายามสิ

คำโบราณว่าไว้อย่าตีคนยิ้ม หลังจากเป็นฝ่ายมอบของขวัญขออภัยก่อน ไม่แน่ว่าจะสามารถรอดพ้นจากการได้รับความทรมานทางร่างกายแล้ว

“ฉันขออภัย เมื่อครู่เป็นฉันที่ปากไม่ดี จำการมาของคุณหวงเหวินจิ่นไม่ได้ ดังนั้นจึงพูดคำไม่น่าฟังไปเล็กน้อย ขอให้คุณหวงเหวินจิ่นให้อภัยด้วย”

“คุณหวงเหวินจิ่น คุณเป็นคนใหญ่โตมีจิตใจกว้างขวาง ท้องของมหาเสนาบดีสามารถบรรจุเรือ พวกเรามันก็พวกคนปากไม่ดี ขอให้คุณเห็นพวกเราเป็นผายลมที่ปล่อยออกมาเถอะ”

“พวกเราล้วนรู้ความผิด นั่นใช่ว่าไม่รู้ว่าคุณเป็นพยัคฆ์แห่งเมืองฮ่านหรอกหรือ ถ้ารู้ว่าเป็นคุณ ให้พวกเรามีความกล้ากินดีหมีหัวใจเสือมาพวกเราก็ไม่กล้าพูดจาส่งเดชหรอก”

กู้ซิงเว๋ยและคนอื่นๆ พากันโค้งตัวขออภัย ท่าทางเช่นนั้นไม่ต้องพูดถึงว่ามีความเคารพนอบน้อมแค่ไหน

หลี่โม่มองท่าทางขออภัยของคนพวกนั้น รู้สึกว่าคนพวกนั้นน่าขำจริงๆ

หวงเหวินจิ่นขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่าคนพวกนี้จะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ ถึงกับขออภัยอย่างนอบน้อมด้วยกัน นี่ถ้ายังจะสั่งสอนพวกเขาต่อไปอีกละก็ เหมือนกับว่าจะไม่ค่อยดีแล้ว

หวงเหวินจิ่นส่งสายตาขอคำสั่งไปที่หวงฝูชิง “ประธานท่านว่า? “

หวงฝูชิงพยักหน้าเล็กน้อย “ก็พอเท่านี้แล้วกัน ให้พวกเขาออกไปทั้งหมดเถอะ ฉันยังต้องต้อนรับแขกผู้มีเกียรติอีก”

กู้เจี้ยนหมินและคนอื่นๆ ในใจยินดีทันที ตอนกำลังจะเปิดปากขอบคุณ……

ทันใดนั้น!

หลี่โม่เอ่ยเบาๆ ว่า “ขอโทษที พวกเราไม่หลีก”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset