จักรพรรดิมังกร – ตอนที่ 265 จัดการอย่างสิ้นซาก

“พวกคุณคือใคร?”

กู้หยุนหลันถามด้วยความตื่นตระหนก

หลี่โม่ยืนอยู่ด้านข้างกู้หยุนหลันและมองไปที่เฝิงจื่อฉาย

ส่วนเฝิงจื่อฉายมองไปที่กู้หยุนหลันด้วยความตื่นเต้นและน้ำลายแทบไหลออกจากปาก

“สวยจริงๆ ไม่แปลกใจเลย”

เฝิงจื่อฉายเข้าใจในสิ่งที่ฮั่วเจี้ยนเฟิงคลั่งไคล้ทันที เมื่อเผชิญกับความงามของกู้หยุนหลันแล้วไม่มีชายคนไหนที่ไม่ต้องการเธออย่างแน่นอน

ฮั่วเจี้ยนเฟิงคนนี้เป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ อุตส่าห์แนะนำสาวสวยคนนี้ให้เขา ในเมื่อมาถึงจุดนี้แล้วเฝิงจื่อฉายก็จะไม่เกรงใจอีก เขาจะเอาสุดสวยคนนี้ไปให้จางจงหยาง ถ้าจางจงหยางได้เธอคนนี้เขาต้องดีใจอย่างแน่นอน และเฝิงจื่อฉายก็เชื่อว่าของขวัญชิ้นนี้จะทำให้การงานของเขาราบรื่นมากขึ้นอย่างแน่นอน!

“คนสวย ไม่ต้องตกใจหรอกนะ พี่เป็นคนดี แต่เพื่อนพี่ฝากพี่มาจัดการกับไอ้กระจอกคนนี้ ดังนั้นเธอมายืนหลังพี่นะ พี่รับปากว่าจะไม่แตะต้องเธอเลย”

เฝิงจื่อฉายเหมือนคุณยายหมาป่าที่เกลี้ยกล่อมหนูน้อยหมวกแดง

“คนแค่นี้ไม่พอให้ผมกระทืบหรอก”

หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา

กู้หยุนหลันไม่ได้ตื่นตระหนกมากนัก เพราะเธอเคยเห็นหลี่โม่จัดการกับคนมากกว่าสิบคนมาแล้ว ซึ่งคนหกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้กู้หยุนหลันเชื่อว่าหลี่โม่จะจัดการได้อย่างง่ายดาย

“ไอ้กระจอกพูดจาอวดดีจริงๆ เลยนะ ทำไมนายถึงมั่นใจขนาดนี้ ฝีมือของลูกน้องพี่มันหนึ่งต่อสิบอยู่แล้ว แล้วนายคิดว่านายเป็นใคร”

เฝิงจื่อฉายรู้สึกว่าหลี่โม่ไม่เพียงแต่ไร้ค่าและเขายังเชื่อว่าหลี่โม่มีปัญหาทางสมองอีกด้วย เพราะถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นๆ เขาต้องคุกเข่าอ้อนวอนขอความเมตตาไปแล้ว

ลูกน้องทั้งหกคนของเฝิงจื่อฉายเมื่อได้ยินคำดูถูกของหลี่โม่ก็โกรธจนลุกเป็นไฟ

“ไอ้เศษสวะอย่างนายยังกล้าหาว่าพวกเราไม่พอกระทืบงั้นเหรอ นายรู้จักพวกเราแล้วหรือยัง? พวกเราเป็นชูราทั้งหกแห่งจินไห่เชียวนะ บอกได้เลยว่าในเมืองจินไห่นี้ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อเสียงของพวกเราหรอก”

“ไอ้กระจอกคนนี้มันตาบอดไปแล้วแน่เลย ยังกล้าพูดจาเย่อหยิ่งขนาดนี้ คนสวย คุณรีบหลบไปอยู่หลังเฮียฉายก่อน ถ้าคุณทำให้เฮียฉายชอบใจ รับรองว่าคุณจะมีชีวิตที่ดีในอนาคตอย่างแน่นอน”

“คนสวย รีบไปหาเฮียฉายของเราซะ เดี๋ยวจะถูกลูกหลงเอานะ พวกเราจะอัดไอ้กระจอกคนนี้ให้มันตาสว่างสักที!”

เฝิงจื่อฉายยกนิ้วก้อยขึ้นแล้วแคะจมูกของเขา จากนั้นดีดขี้มูกใส่หลี่โม่ “เราจะให้โอกาสกับนายครั้งสุดท้ายนะ รีบคุกเข่าขอร้องแล้วคลานมาเลียรองเท้าของพี่ให้สะอาดซะ แล้วนายจะได้ไม่ต้องเจ็บตัว”

“ฝันไปเถอะ”

หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา

“ให้ตายเถอะ! ไอ้หมอนี่มันดื้อด้านจริงๆ อยากตายมากนักใช่ไหม! ในเมืองจินไห่ยังไม่เคยมีใครกล้าพูดจาแบบนี้กับพี่เลย พวกนายรีบจัดการมันซะ วันนี้มันจะต้องเลียรองเท้าของพี่!”

เฝิงจื่อฉายที่รู้สึกหงุดหงิดก็โบกมือด้วยความโกรธและสั่งให้ลูกน้องของเขาลงมือจัดการกับหลี่โม่

ลูกน้องทั้งหกที่เห็นหลี่โม่ยืนติดกับกู้หยุนหลันก็รู้สึกลังเลใจ

ถ้ากู้หยุนหลันอยู่ไกลออกไปจากนี้พวกเขาก็จะจัดการกับหลี่โม่ได้สบายกว่านี้ แต่ตอนนี้ทั้งสองยืนใกล้กันเกินไป พวกเขาจึงกลัวกู้หยุนหลันจะถูกลูกหลงไปด้วย

หลี่โม่ที่เห็นลูกน้องของเขารู้สึกลังเล เขาจึงยิ้มแล้วกวักมือเรียกพวกเขาทั้งหมด

“เข้ามาสิ อยากรู้ว่าชูราทั้งหกของพวกคุณจะเก่งแค่ไหนกัน”

หลี่โม่พูดไปด้วยแล้วเดินหน้าไปด้วย เขาตั้งใจจะยืนห่างจากกู้หยุนหลัน แต่ยังให้เธอยืนอยู่ในวิสัยทัศน์ของเขา

ซึ่งระยะของหลี่โม่ที่ยืนห่างจากกู้หยุนหลันเพียงพอสำหรับการปกป้องเธอจากการโจมตีอย่างกะทันหันของศัตรู

ลูกน้องทั้งหกเริ่มได้ใจและคิดว่าหลี่โม่นั้นโง่เขลาจริงๆ ที่เดินเข้ามาให้จัดการถึงที่

“ไอ้โง่ ดิ้นหาที่ตายชัดๆ เดี๋ยวเราจะสั่งสอนนายเอง”

“กล้าพูดจายั่วยุเฮียฉาย แล้วนายจะเสียใจภายหลัง นายรอเลียรองเท้าให้เฮียฉายได้เลย!”

ลูกน้องทั้งหกบ่นพึมพำแล้วกำหมัดและกระโจนเข้าหาหลี่โม่

“ระวังด้วย”

กู้หยุนหลันอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยความเป็นห่วงหลี่โม่

แม้กู้หยุนหลันจะรู้ว่าหลี่โม่มีฝีมือ แต่เธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงเขา

เฝิงจื่อฉายเหลือบมองไปที่หลี่โม่แล้วเดินเข้าไปหากู้หยุนหลัน

“คนสวย ผัวกระจอกของคุณมีดีอะไรนักหนา คุณมาอยู่กับผมดีกว่า ผมจะซื้อทุกอย่างให้คุณ คุณจะได้มีเสื้อผ้าของใช้แบรนด์เนม คุณจะมีรถจะมีบ้าน และคุณจะได้มีชีวิตที่ดีกว่าคนปกติทั่วไป”

เฝิงจื่อฉายพูดจาฉะฉานอย่างไม่หยุด ในอดีตเขาเคยใช้สิ่งของนอกกายในการล่อ

ลวงผู้หญิง และมันก็ได้ผลเป็นอย่างมาก ซึ่งเขาก็เชื่อว่าเงื่อนไขที่ดีของเขาในครั้งนี้ก็เพียงพอที่จะมัดใจกู้หยุนหลันได้

กู้หยุนหลันค่อยๆ เดินถอยหลังและมองดูเฝิงจื่อฉายอย่างประหม่า

“อ้าว คนสวยทำไมไม่พูดอะไรเลยล่ะ ผมบอกแล้วไงผัวกระจอกของคุณมันไร้อนาคต แต่ถ้าคุณไปกับผมมันก็จะต่างกันราวฟ้ากับเหว ผมจะบอกให้ว่าผมเป็นคนดังในเมืองจินไห่เลยนะ แค่ผมเอ่ยปากพูดคนใหญ่คนโตในเมืองนี้ก็จะให้เกียรติผมเป็นอย่างดี”

เฝิงจื่อฉายยังคงพูดจาโอ้อวดและยังคงมั่นใจว่ากู้หยุนหลันจะเชื่อในคำพูดของเขา

กู้หยุนหลันได้แต่แสดงสีหน้าเย็นชาและไม่สนใจเฝิงจื่อฉายเลยแม้แต่นิด

เฝิงจื่อฉายที่เห็นสีหน้าของเธอก็เริ่มหัวเสียแล้วพูดต่อ “คนสวยไม่ให้เกียรติผมเอาซะเลยนะ? ถ้าคุณไม่ให้เกียรติผม ผมก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ แต่เชื่อสิเดี๋ยวคุณก็จะใจอ่อนให้ผมเอง ฮ่า ๆ ๆ”

ผั๊วะ!

ลูกน้องคนหนึ่งของเฝิงจื่อฉายถูกหลี่โม่อัดจนกระเด็นล้มลงต่อหน้าเขา

เฝิงจื่อฉายหยุดลงและมองไปที่ลูกน้องของเขาที่สลบคาพื้นแล้วเริ่มรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที

“แมร้ง! พวกมึงมันจะอ่อนไปแล้ว หกรุมหนึ่งยังไม่ไหวอีกเหรอ! รีบจัดการไอ้กระจอกคนนี้ให้เสร็จๆ ไป! อย่าปล่อยให้มันมารบกวนเวลาอันมีค่าของกูกับคนสวย!”

เฝิงจื่อฉายที่กำลังอารมณ์เสียเพราะการไม่สนใจของกู้หยุนหลันก็ระเบิดอารมณ์ใส่ลูกน้องของเขาทันที

ลูกน้องอีกห้าคนที่เหลือได้แต่แอบบ่นในใจ เมื่อกี้หกรุมหนึ่งยังเอาหลี่โม่ไม่ลงเลย แล้วตอนนี้ห้าต่อหนึ่งพวกเขาจะสู้หลี่โม่ไหวได้อย่างไร

ในขณะนี้พวกเขาเริ่มสงสัยกับฝีมือการต่อสู้ของหลี่โม่แล้ว พวกเขารู้สึกว่านักสู้ที่มีฝีมือยอดเยี่ยมที่สุดของจางจงหยางก็ไม่อาจเทียบเท่ากับฝีมือของหลี่โม่ได้

“ผมบอกแล้วไงว่าพวกคุณมาน้อยเกินไป”

หลี่โม่ที่ยังไม่ได้เปิดโหมดจริงจังแต่จู่ๆ เขาก็ระเบิดพลังและอัดคอมโบใส่อีกห้าคนที่เหลือจนล้มลงในพริบตา

ลูกน้องอีกห้าคนของเฝิงจื่อฉายล้มลงต่อหน้าเขาอีกครั้ง

เฝิงจื่อฉายจ้องมองไปที่ลูกน้องทั้งหกคนที่นอนขดตัวอยู่บนพื้น ในทันใดนั้นหัวใจของเขาก็เต้นเร็วขึ้นและเหงื่อก็เริ่มแตกไปทั้งตัว

“ไอ้พวกขยะ พวกขยะทั้งนั้น!”

เฝิงจื่อฉายดึงคอเสื้อของลูกน้องที่หมดสติแล้วตะโกนอย่างหงุดหงิด “ลุกขึ้นสิ ลุกขึ้นจัดการมันต่อสิวะ!”

“นี่ก็คือชูราทั้งหกเหรอ? ฝีมือก็ไม่เท่าไหร่นะ!”

หลี่โม่พูดเยาะเย้ยไปด้วยแล้วเดินเข้าไปหากู้หยุนหลันไปด้วย จากนั้นเขาจับมือของเธอแล้วพูดอย่างนุ่มนวล “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset