จักรพรรดิมังกร – ตอนที่ 292 ก่อนพายุฝน

เมืองจินไห่ ในห้องผู้ป่วยพิเศษของโรงพยาบาล

เฝิงจื่อฉายและคนอื่นๆ กลับถึงจินไห่ก็ถูกนำตัวส่งไปห้องผู้ป่วยพิเศษในโรงพยาบาลทันที

จางจงหยางนั่งอยู่บนรถเข็น ให้ลูกน้องเข็นรถเข็นเข้าไปในห้องผู้ป่วยพิเศษ

มองดูสภาพที่ย่ำแย่ของเฝิงจื่อฉายและคนอื่นๆ สายตาของจางจงหยางมองตรงไป นึกไม่ออกว่าเฝิงจื่อฉายและคนอื่นๆ ถูกจัดการจนตกอยู่ในสภาพน่าอนาถเช่นนี้ได้อย่างไรกัน

“พวกคุณเป็นอย่างไรบ้าง ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ได้”

หยาดน้ำตาของเฝิงจื่อฉายไหลพรากออกมา เมื่อพบกับจางจงหยางเหมือนดังพบกับญาติสนิทคนหนึ่ง

“ฮื่อฮื่อฮื่อ”

เสียงร้องของเฝิงจื่อฉาย เป็นเวลานานจึงจะทำให้อารมณ์ความรู้สึกตื่นเต้นสงบลงได้: “เฮียหยาง พวกเราล้มเหลว ถูกทุบตีกลับมาอย่างอนาถ”

“ฉันดูออกแล้ว พวกคุณทำไมจึงถูกทุบตีในสภาพอย่างนี้ หรือว่าเป็นฉู่จงเทียนเป็นคนทำ?”

จางจงหยางขมวดคิ้วด้วยความฉงน

รู้สึกผิดหวัง ทำให้ภายในใจของจางจงหยางโกรธแค้นเยี่ยงสัตว์ป่า อยากจะไปที่เมืองฮ่านเพื่อลบล้างความอับอาย

“ไม่ใช่ พวกเรายังไม่ทันได้เจอฉู่จงเทียนสุนัขเฒ่าตัวนั้น เดิมทีทุกอย่างก็เรียบร้อยดี แต่ว่าแต่หลังจากนั้น……”

ตอนที่คิดถึงซูเม่าเหวิน ฝิงจื่อฉายก็รู้สึกตื่นเต้น ตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่ออก

“จากนั้นเกิดอะไรขึ้น!”

จางจงหยางถามด้วยความร้อนรน

“หลังจากเจ้าบ้านตระกูลซูเมืองเอกก็มาถึง เจ้าบ้านตระกูลซูยอมรับผิดต่อหลี่โม่ไอ้สวะคนนั้น ไอ้สวะคนนั้นให้เจ้าบ้านตระกูลซูกลิ้งเข้าไป เจ้าบ้านตระกูลซูก็กลิ้งเข้าไปจริง ๆด้วย!”

“หา?”

จางจงหยางเปล่งเสียงออกมาด้วยความสงสัย แม้จะเป็นเพียงแค่พยางค์เดียว แต่จางจงหยางเปล่งเสียงได้ถึงสิบแปดเสียงเลยทีเดียวเชียว

จางจงหยางเปล่งเสียงในใจออกมาได้ขนาดนี้ เป็นเพราะเจ้าบ้านตระกูลซูกลิ้งเข้าไปพบกับหลี่โม่ และกลิ้งเข้าไปสิบแปดรอบ

หลี่โม่และ เจ้าบ้านตระกูลซูทั้งสองคนนี้ไม่ได้มีชีวิตที่เกี่ยวข้องกันเลย!

ไอ้สวะคนนั้นทำไมถึงให้เจ้าบ้านตระกูลซูกลิ้งไปพบ!

คงไม่ใช่เป็นเจ้าบ้านตระกูลซูไปเหยียบเท้าไอ้สวะคนนั้นนะ!

จางจงหยางยังมึนงงอยู่บ้าง ใช้เวลาพักใหญ่ถึงจะเรียกสติกลับมา พูดด้วยสีหน้าที่ถมึงทึงว่า: “เล่าต่อไป เล่าให้ละเอียด”

“จากนั้นเจ้าบ้านตระกูลซูก็เป็นคนจัดการกับพวกเราเอง พวกเราถูกบังคับให้คุกเข่าและก้มหัวคำนับ จากนั้นหลี่โม่ให้พวกเรากลิ้ง ก็คือการกลิ้งแบบม้วนลงไปแบบนั้น พวกเรากลิ้งจากชั้นบนลงมาข้างล่าง ตอนที่กลิ้งลงจากบันได อีกนิดเดียวฉันก็ถูกกระแทกเกือบจะตาย”

เฝิงจื่อฉายยิ่งพูดก็ยิ่งเจ็บใจ อดไม่ได้ที่จะร้องไห้โฮออกมาอยู่พักใหญ่

จางจงหยางไม่ได้สนใจเฝิงจื่อฉายที่กำลังร้องไห้ ใช้เอานิ้วมือเคาะไปตรงที่วางแขนรถเข็น ครุ่นคิดถึงความสัมพันธ์ของหลี่โม่และเจ้าบ้านตระกูลซู

การครุ่นคิดนั้นยังไม่มีผลใด ๆ ในที่สุดจางจงหยางก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา โทรออกไปยังโทรศัพท์มือถือของฉู่ฉาวฟา

“เฮียฟา ฉันมีเรื่องที่อยากจะขอคำแนะนำจากท่าน”

น้ำเสียงของจางจงหยางแสดงถึงความเคารพนับถืออย่างมาก

ฉู่ฉาวฟากำลังเล่นเกมทายมือที่โอบล้อมไปด้วยสาวสวย ได้ยินเสียงของจางจงหยาง สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นขึงขังขึ้นในทันที

เฮียหลงล้มเหลว ก็ทำให้ฉู่ฉาวฟาได้รับความสูญเสีย หากไม่ใช่เพราะการร่วมมือกับจางจงหยางเพื่อขยายอิทธิพล และเพิ่มสิทธิในการออกเสียงระหว่างลูกพี่ใหญ่ของเมืองเอก ฉู่ฉาวฟาในใจอยากจะฆ่าจางจงหยางมาโดยตลอดอยู่แล้ว

“มีอะไรก็พูดออกมา อย่าพูดเจี๊ยวจ๊าวราวกับพวกผู้หญิง”

ฉู่ฉาวฟาพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน

“ฉันอยากซักถาม เกี่ยวกับตระกูลซูแห่งเมืองเอก รู้สึกว่าตระกูลซูมีอะไรผิดปกติ”

“ตระกูลซูเหรอ?”

ฉู่ฉาวฟากรอกตาไปมาครู่หนึ่ง ปล่อยพวกหญิงสาวจากอ้อมกอด โบกมือให้หญิงสาว ส่งสัญญาณให้หญิงสาวออกไป

หลังจากรอจนหญิงสาวออกไปจนหมด ฉู่ฉาวฟานั่งด้วยท่าทีผ่อนคลาย ตั้งท่าสบาย ๆเหมือนจะพูดคุยกันเป็นเวลานาน

“ตระกูลซูถูกลูกพี่ใหญ่ลึกลับควบคุม กลัวว่าจะยืนหยัดอยู่ได้ไม่นานคงจะตายเป็นศพขึ้นอืด ผู้มีอิทธิพลของเมืองเอกกำลังจ้องเนื้อชิ้นมันชิ้นนั้นอย่างตระกูลซูอยู่ คุณ เฮียฟา ฉัน ต่างก็เป็นหนึ่งที่เตรียมจะคาบเนื้อชิ้นมันอย่างตระกูลซู”

จางจงหยางฟังอย่างด้วยความระมัดระวัง หลังจากฟังจบภายในใจก็ยิ่งเกิดความสงสัยเพิ่มขึ้น ตระกูลซูกำลังจะล่มสลายแล้ว เหตุใดซูเม่าเหวินยังจะไปที่เมืองฮ่านเพื่อหาไอ้สวะคนนั้นเพื่อขอโทษอีก เป็นไปได้ว่าซูเม่าเหวินอาจเป็นโรคสมองเสื่อมไปแล้ว หรือว่าซูเม่าเหวินจะบ้าไปแล้ว

จางจงหยางที่ครุ่นคิดเงื่อนงำภายในไม่ตก ซักถามเพิ่มเติมอีกว่า: “ฉันได้ยินมาว่าซูเม่าเหวินได้ทำให้คนที่ชื่อหลี่โม่คนนั้นไม่พอใจ นี่เป็นเรื่องจริงใช่หรือไม่”

“หลี่โม่ไอ้หมาบ้านั้น มีคนสกุลหลี่จริง ๆซะที่ไหนกัน ต่างก็ลือกันว่าตระกูลซูไปทำผิดต่อทายาทรุ่นที่สองของตระกูลใหญ่ระดับสูงสุด คุณลองใช้สมองของตัวเองคิดดู ตระกูลระดับสูงมีตระกูลไหนบ้างที่แซ่หลี่ล่ะ”

ฉู่ฉาวฟาก็ไม่ได้บอกตรง ๆว่าตระกูลซูทำผิดต่อใคร เกี่ยวกับเรื่องตระกูลซูแต่ละคนคาดการณ์ไปต่าง ๆนา ๆ ที่จริงแล้วไม่มีความใกล้เคียงกับข้อเท็จจริงเลย

“แต่ฉันได้ยินคนพูดกันว่า วันนี้ซูเม่าเหวินไปที่เมืองฮ่านเพื่อตามหาหลี่โม่คนนั้นเพื่อแสดงความขอโทษแล้ว”

“ไอ้หมาบ้า”

ฉู่ฉาวฟาหัวเราะอย่างเหยียดหยาม พูดด้วยน้ำเสียงดูถูกอีกว่า: “วันนี้ซูเม่าเหวินนั่งเครื่องบินออกจากประเทศไปแล้ว ยังเช่าเหมาลำเครื่องบินไว้เป็นพิเศษ บินตรงไปแอฟริกา ลูกพี่ใหญ่สองสามคนของพวกเราต่างก็คุยกัน รู้สึกว่าซูเม่าเหวินไปเพื่อต้องการหลีกเลี่ยงภัยพิบัติ”

จางจงหยางฟังแล้วยิ่งสับสนมากขึ้น

มองดูเฝิงจื่อฉายที่กำลังเช็ดคราบน้ำมูกน้ำตาอยู่นั้น จางจงหยางตกลงปลงใจที่จะเชื่อในคำพูดของฉู่ฉาวฟา

“คุณเองก็รีบไปทำลายฉู่จงเทียน เพื่อยึดเมืองฮ่านมาดูแลให้ได้ ทางนี้ฉันจะให้อาโห่พาพรรคพวกตามไปช่วยเหลือคุณ ครั้งนี้หากคุณยังทำไม่สำเร็จแล้วละก็ ฉันก็จะตัดหัวของคุณ เอามาทำเป็นลูกบอลไว้เตะเล่น!”

หลังจากฉู่ฉาวฟาคิดวางแผนจัดการฉู่จงเทียนแล้ว ยังให้อาโห่ใช้โอกาสนี้ทำลายจางจงหยาง อย่างนั้นก็รวบรวมเขตอิทธิพลเมืองฮ่านและจินไห่ได้ด้วยมือเปล่า

มีเขตอิทธิพลอย่างเมืองฮ่านและจินไห่แล้ว จากนั้นค่อยรอกินเนื้อชิ้นใหญ่อย่างตระกูลซูที่ใกล้จะล่มสลาย ฉู่ฉาวฟาก็จะกลายเป็นลูกพี่ใหญ่ที่มีอิทธิพลเข้มแข็งที่สุดในเมืองเอกแล้ว อาจจะสามารถรวบรวมเขตอิทธิพลของเมืองเอกเป็นหนึ่งเดียวได้สำเร็จ

“เข้าใจแล้ว เฮียฟาคุณก็คอยดูเอาเองก็แล้วกัน ทางนี้ฉันก็ใช้กำลังที่แข็งแกร่งที่สุด เตรียมจู่โจมแหล่งกบดานของฉู่จงเทียน”

จางจงหยางพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“จะรอดูผลงานของคุณ อย่าทำให้ฉันผิดหวังก็แล้วกัน” ฉู่ฉาวฟาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาไปประโยคหนึ่ง

ได้ยินเสียงในโทรศัพท์มือถือเป็นเสียงวางสาย จางจงหยางจึงค่อย ๆวางโทรศัพท์ลง

เฝิงจื่อฉายมองไปที่จางจงหยางด้วยสายตาที่น่าสงสาร ถอนหายใจแล้วพูดว่า: “เฮียหยาง จะต้องชำระความแค้นนี้ให้กับพวกเรา”

“ความแค้นนี้ ต้องชำระอย่างแน่นอน แต่ว่าสถานการณ์ทางเฮียฟานั้น กับสถานการณ์ที่คุณพูดมามันไม่เหมือนกันเอาเสียเลยเฮียฟาพูดว่าที่จริงแล้วซูเม่าเหวินยังไม่ได้ไปจากเมืองเอก แต่นั่งเครื่องบินออกนอกประเทศไปแล้ว”

จางจงหยางจ้องมองไปที่เฝิงจื่อฉายแล้วพูดว่า “คำพูดของฉันนั้นเป็นความจริงแน่นอน หากมีประโยคใดประโยคหนึ่งไม่เป็นความจริง ก็ขอให้ฟ้าผ่าลงมา”

เฝิงจื่อฉายสาบานต่อสวรรค์ด้วยท่าทีลนลาน

“ช่างเถอะ ไม่ว่าเรื่องจะเป็นอย่างไร จับตัวหลี่โม่มาก็รู้เรื่องแล้ว จิ้งจอกเถ้าฉู่จงเทียนคนนั้น ยังไม่รู้ว่าไปกบดานอยู่ที่ไหน ทางเฮียฟานั้นก็กดดันอย่างหนัก พรุ่งนี้ฉันจะพาคนตรงไปจับตัวหลี่โม่ ดูว่าจะสามารถบีบให้ฉู่จงเทียนออกมาได้หรือไม่”

จางจงหยางได้ตัดสินใจไว้แล้ว เรื่องราวก็มาถึงจุดนี้ ตอนนี้ไม่สามารถจะลังเลได้อีกแล้ว ต้องเดินไปข้างหน้าอย่างเดียวเท่านั้น

“เฮียหยาง ความแค้นของพวกเราต้องฝากไว้กับคุณแล้ว”

“รักษาอาการบาดเจ็บให้สบายใจ ตอนที่ฉันไปเมืองฮ่าน คุณช่วยฉันดูแลสถานการณ์ของจินไห่ให้ด้วย อย่าให้เกิดการขัดแย้งกันในถิ่นของฉัน”

จางจงหยางกำชับประโยคหนึ่ง ให้ลูกน้องเข็นรถของตัวเองออกไป ในสมองครุ่นคิดวางแผนพรุ่งนี้ควรจะดำเนินการอย่างไร บุกเข้าไปที่บริษัทตระกูลกู้เพื่อจับตัวหลี่โม่ หรือจะไปจับที่บ้านของหลี่โม่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset