จักรพรรดิมังกร – ตอนที่ 301 ฝีมือของนายใช่ไหม?

“บัดซบ! ตอนนี้เขาได้กลายเป็นนักโทษของหัวหน้าเราแล้ว ต่อไปพวกเราควรเรียกพี่หยางว่าท่านหยางแล้ว”

“ใช่ ท่านหยางของพวกเรายึด​ครองเมืองจินไห่และเมืองฮ่านได้ อีกไม่นานพวกเราก็สามารถเข้าเมืองได้ ถึงเวลานั้นพวกเราก็จะได้ดิบได้ดีเหมือนท่านหยางเช่นกัน”

“ตาแก่ ท่านก็ได้เชิดหน้าชูตามานับสิบปีแล้ว ยังไม่รีบคลานมาคุกเข่าไหว้ท่านหยางของพวกเราอีก ไม่แน่ท่านหยางอาจอารมณ์​ดี แล้วจะไว้ชีวิตท่านก็เป็นได้”​

ชายฉกรรจ์​พูดเหน็บแนม​ฉู่จงเทียน และลากฉู่จงเทียนเดินไปด้านหลัง แล้วผลัก​ฉู่จงเทียนเข้าไปในห้อง

จางจงหยางเห็นฉู่จงเทียนโดนลากตัวเข้ามา หัวเราะอย่างได้ใจแล้วพูดว่า“ฮ่าๆๆๆ ท่านพี่ใหญ่ คิดไม่ถึงว่าท่านก็มีวันนี้เหมือนกัน ท่านว่าท่านแก่จนเป็นอัลไซเมอร์​แล้วหรือไม่ บอกให้ท่านมาคนเดียว ท่านก็มาคนเดียวจริงๆด้วย”​

“ฮึ่ม! นายจะไปรู้อะไร!”​

ฉู่จงเทียนชักสีหน้าใส่​จางจงหยาง หันตัวแล้วโค้งคำนับ​ทักทายหลี่โม่:“ท่านหลี่ กระผมมาแล้ว”​

“นายทำได้ดีมาก”​ หลี่โม่กล่าวเบาๆ

ฉู่จงเทียนอมยิ้ม เพียงประโยค​เดียวของหลี่โม่ ทำให้​เขามีความสุข​จากหัวใจ

“ บ้าเอ้ย! ไม่ต้องมาเสแสร้ง​ต่อหน้าฉัน พวกนายไม่รู้เหรอว่าความตายกำลังจะมาถึง! นายนี่บ้าไปแล้วใช่ไหม หรือว่าไอ้ไร้ประโยชน์​นี้เป็นมันพ่อของนาย!”​

จางจงหยางรู้สึกว่า​กระวนกระวายใจ ใบหน้าของฉู่จงเทียนกับหลี่โม่สงบนิ่งมาก ทำให้​จางจงหยางคิดไม่ตก

ตอนนี้ฉู่จงเทียนนิ่งและสงบมากจริงๆ เพราะความใจเย็นของหลี่โม่ ทำให้เขารู้ว่าสบายใจได้

หากจางจงหยางสามารถ​ทำให้นายน้อย​ของสำนักหลงเหมินได้รับบาดเจ็บ หลงเหมินก็คงไม่ใช่หลงเหมินที่สูงศักดิ์​ของโลกหรอก

“ถ้าผมมีพ่อแบบนี้ แม้แต่ตอนฝันผมก็คงยิ้มหวาน”

คำพูดของฉู่จงเทียนนั้นช่างประจบสอพลอ​หลี่โม่ยิ่งนัก

กู้เจี้ยนหมินกับหวังฟางยังคงหวาดกลัวอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่จงเทียนแล้ว สีหน้าที่เย็นชากลับกลายเป็นมึนงง

หารู้หรือไม่ว่าฉู่จงเทียนนั้นเป็นบุคคล​ที่มีชื่อเสียงในเมืองฮ่าน แต่ทำไมเขาถึงสามารถพูดจาประจบได้ถึงเพียงนี้ เขาไม่รู้สึกเขินอาย​บ้างรึ​

เหตุผล​คืออะไร?

หรือว่าเขาเข้าใจความสัมพันธ์​ระหว่างหลี่โม่กับเฉียนฝูผิดไป?

เมื่อนึกถึงฐานะ​ของเฉียนฝู กู้เจี้ยนหมินกับหวังฟาง​คิดเองเออ​เอง​ไปว่า เขาว่ากันว่าฝ่ายอัครเสนาบดีเป็นขุนนางสูงถึงขั้นที่เจ็ด หากหลี่โม่สามารถทำให้หลานชายของเฉียนฝูนั้นมีความสุข มันก็เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์​เหมือนกัน และถ้าสร้างความปรองดองกันไว้ให้ดี ก็คงได้รับการสนับสนุน​จากเฉียนฝูแน่นอน

เมื่อคิดได้แบบนี้กู้เจี้ยนหมินกับหวังฟางเข้าใจถึงการกระทำของฉู่จงเทียน เข้าใจแล้วก็รู้สึกว่าหลี่โม่นั้นช่างโง่เขลา​นัก ทำไมไม่ถือคว้าโอกาสดีๆแบบนี้ไว้เพื่อสาน​ความสัมพันธ์​ ทำไมปล่อยให้โอกาสดีๆเช่นนี้เป็นเพียงอากาศ ช่างโง่เขลา​ที่สุด!

หลังจากที่ซีเหมินจื้อเผิงนิ่งสงบมาชั่วครู่แล้ว เขาเฝ้ามองและคอยสังเกต​​จึงรู้สึกได้ว่าสถานการณ์​แปลกๆ รู้สึกว่าเรื่องราวนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด แค่กิริยาอาการที่นิ่งเฉยของหลี่โม่ ก็ทำให้ซีเหมินจื้อเผิงรับรู้ได้ว่า ทุกอย่างต้องเป็นแผนจัดฉากของหลี่โม่แน่นอน

ใช่ มันต้องเป็นแค่ฉากการแสดงแน่นอน!

หลี่โม่เป็นคนจัดการทุกอย่าง คอยดูเดียวหลี่โม่ต้องไล่ล่าทั้งสี่ทิศ​แน่ และเขาก็จะกลายเป็นวีรบุรุษ​ในการแสดงครั้งนี้!

และนี่คือการแสดงที่เขาจะแสดงให้ตัวเองและกู้​หยุนหลันดู ประเดี๋ยว​ จะต้องเปิดโปงเขาให้ได้!

หลี่โม่เฝ้าดูการแสดงของจางจงหยางอยู่เงียบๆ โดยที่ไม่รู้ว่าภายในใจของพ่อตาแม่ยายและซีเหมินจื้อเผิงนั้นได้ระเบิดแตกไปแล้ว

“หากไอ้ไร้ประโยชน์​นี่เป็นพ่อนายสามารถทำให้นายหลับฝันหวาน ตกลงเขาเป็นใครมาจากไหนกันแน่!”

จางจงหยางถามอย่างสงสัย

“นายไม่รู้นายยังกล้าลงมือ ฉันละชื่นชมในความกล้าของนายจริงเชียว ดูเหมือนว่าคำเตือนที่ฉันเตือนนายไป นายไม่ได้รับฟังมันเลย นายอยากรนหาที่ตาย ห้ามยังไงก็ห้ามไม่หยุด”​

ฉู่จงเทียนส่ายหัวพร้อมถอนหายใจ ดูเหมือนว่ายังจางจงหยางต้องตายอย่างแน่นอน

จางจงหยางควักปืนออกมา แล้วเล็งไปที่ฉู่จงเทียน “บอกมา! เขาเป็นใคร!”​

“บอกไป นายก็ไม่เข้าใจหรอก”​

ฉู่จงเทียนมองจางจงหยางอย่างเย้ยหยัน​

จางจงหยางหลับตาเผื่อระงับอารมณ์​โกรธ​ในใจ และยิ้มอย่างชั่วร้ายพร้อมพูดว่า:“ตอนนี้จะพูดหรือไม่พูดก็ไม่เป็นไร

รอ​ฉันยึดครองเมืองของนายได้เมื่อไหร่ ถึงเวลานั้นค่อยๆถามนายก็ได้!”​

“อาเมิ่ง บอกพี่น้องที่บ้านทุกคน ให้​พวกเขาเตรียมตัวให้พร้อม คืนนี้จะบุกเข้าเมืองฮ่าน”​

จางจงหยางสั่งกับลูกน้อง

“ได้ครับ”​

อาเมิ่งขานรับพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือ​ออกมาแล้วเริ่มโทรเลย หลังจากโทรออก​ไปแล้วหลายสายหลายเบอร์ต่างก็โทรไม่ติด หน้าผากอาเมิ่งก็เริ่มมีเหงื่อไหลออกมา

“พี่หยาง โทร โทรไม่ติด ผมโทรไปหาพี่น้องทุกคนแล้ว แต่พวกเขาไม่มีใครรับสายเลย”​

อาเมิ่งพูดอย่างหวาดกลัว

“เกิดอะไรขึ้น?”​

เปลือกตาจางจงหยางกระตุก​ พร้อมกับควักโทรศัพท์มือถือ​ของตัวเองออกมา

สไลด์​หน้าจอไปมาช่วงกำลังจะกดปุ่มโทรออก โทรศัพท์​มือถือของ​จางจงหยางได้ดังขึ้น

จางจงหยางมองเบอร์ของเฝิงจื่อฉายที่ขึ้นเรียงรายบนหน้าจอ มือนั้นสั่นรัว

จางจงหยางชั่งใจไปสามวินาที แล้วกัดฟันกดปุ่มรับสาย

“ฮัลโหล เกิดอะไรขึ้นกับเมืองจินไห่?”

“พี่หยาง เมืองจินไห่เกิดเรื่องแล้ว เมื่อครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ได้บุกเข้ามาจับลูกน้องของพี่ไป ทั้งเมืองจินไห่และจุดต่างๆถูกกวาดล้างหมด รวมทั้งสมุนหลักของพี่ทั้งองค์กร ​ลูกน้องที่เหลือก็หนีไปหมดแล้ว ฉันก็กำลังหนีอยู่!”

คิ้วของจางจงหยางขมวด​เข้าหากันจนเป็นก้อน สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือกลัวหลังบ้านไฟไหม้ กลัวอะไรก็มักจะเจอสิ่งนั้น

“ทำไมถึงเป็นอย่างนี้! ใครเป็นคนบงการ มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้!”

จางจงหยางคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว​

“ตามที่ผมได้เบาะแสมา ว่าเป็นคนที่ลึกลับ​สั่งการมา พี่หยางพี่ไปทำคนใหญ่คนโตไม่พอใจไว้ที่ไหนหรือเปล่า​ เขาถึงได้ใช้วิธี​การที่โหดร้าย และกวาดล้างทั้งองค์กร​เช่นนี้!”

ขณะที่เฝิงจื่อฉายพูดไปพลันเงยหน้าขึ้นก็เห็นด่านตรวจอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก ใจของเฝิงจื่อฉายเย็นวาบขึ้นมาทันที

“พี่หยาง ผมไม่คุยกับพี่แล้วนะ ผมเจอด่านตรวจ ผมเกรงว่าครั้งนี้ผมคงไม่รอดแน่ หากพี่โชคดี​รอดชีวิตไปได้ พี่อย่าลืมมาช่วยผมด้วยนะ!”​

สมองของจางจงหยางหมุนคิดอย่างรวดเร็ว และคำนวณว่าใครกันแน่ที่เป็นคนกวาดล้างลูกน้องของเขาทั้งองค์กร​เช่นนี้ แต่คิดไปคิดมา จางจงหยางก็คิดไม่ตก

คนที่จางจงหยางกล้าทำให้​ไม่พอใจนั้น แล้วแต่เป็นคนที่ฐานะเทียบเท่าหรือต่อยตํ่า​กว่าจางจงหยางทั้งนั้น หากใครที่มีฐานะสูงส่ง​กว่าจางจงหยาง จางจงหยางจะไม่กล้าเข้าไปพัวพัน​ด้วยเด็ดขาด

ระมัดระวังถึงเช่นนี้แล้ว แล้วทำไมเรือมันยังพลิกควํ่าในคูนํ้าได้อีก?

ขณะที่​คิดจนปวดหัว จางจงหยางก็กวาดตามองไปที่หลี่โม่

เมื่อเห็นรอยยิ้มเยาะบนใบหน้าของหลี่โม่ สมองของจางจงหยางก็ระเบิดคิดได้ว่า

หรือจะเป็นหลี่โม่ไอ้คนไร้ประโยชน์​นี้เป็นคนบงการ!

เมื่อกี้กิริยาท่าทางที่ฉู่จงเทียนปฏิบัติ​ต่อเขา ช่างประจบสอพลอ​ยิ่งนัก

และฉู่จงเทียนก็เคยกล่าวไว้ว่า เบื้องหลังของหลี่โม่นั้นไม่ธรรมดา!

จางจงหยางจ้องมองหลี่โม่ด้วยแววตาที่งุนงง นํ้าเสียงแหบแห้งแล้วถามว่า“ฝีมือของนายใช่ไหม!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset