จักรพรรดิมังกร – ตอนที่ 460 แงแงแง

หลังจากที่เฉินเสี่ยวถงพูดจบก็เห็นหลี่โม่วางแขนลง และเธอก็รีบพุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของหลี่โม่อย่างรวดเร็วฉับไว

“แงแงแง อ้อมกอดอบอุ่นจัง”

บนใบหน้าของเฉินเสี่ยวถงเต็มไปด้วยความสุข และเธออดไม่ได้ที่จะเอาใบหน้าของเธอไปถูบนหน้าอกของหลี่โม่

หลี่โม่ก้มหน้ามองไปที่เฉินเสี่ยวถง และอยากจะผลักเฉินเสี่ยวถงออกไปโดยตรง แต่มองไปที่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขของเฉินเสี่ยวถง หลี่โม่ก็ทำไม่ลง

ถ้าหากในขณะนี้ผลักเฉินเสี่ยวถงออก เกรงว่าจะทำให้หญิงสาวที่ราวกับเอลฟ์คนนี้เสียใจ ถ้าอย่างนั้นก็ถือซะว่าให้ความเอาใจใส่จากความรักของพ่อละกัน

หลี่โม่เงยหน้าขึ้น และพยายามจินตนาการว่าเฉินเสี่ยวถงเป็นลูกสาวซีซีของตัวเอง

“สบายจังเลย อยากจะกอดพี่หลี่โม่ไว้แบบนี้ตลอดไม่ปล่อยจังเลย ความรู้สึกแบบนี้มันมันมัน มันมีความสุขที่สุดเลย”

เฉินเสี่ยวถงปล่อยหลี่โม่อย่างไม่เต็มใจ อยากจะกอดเขาแบบนั้นไว้ตลอดจริงๆ ถ้าหากว่าสามารถกอดเขาได้จนถึงทะเลเหือดแห้ง หินผุกร่อนพังทะลายลงก็คงจะดีมาก

หลี่โม่ลูบหัวของเฉินเสี่ยวถง และทำให้ผมที่นุ่มนวลของเฉินเสี่ยวถงกลายเป็นปุย เมื่อมองดูแล้วก็ยิ่งรู้สึกน่ารักมากขึ้นเล็กน้อย

“พอแล้ว การกอดเพื่อแสดงความยินดีก็กอดเสร็จละ คุณควรพูดมาว่าคุณมาที่นี้ได้อย่างไร”

พี่หยุนหลันได้ไปที่ไซต์ก่อสร้าง ฉันอยู่ในสำนักงานคนเดียวรู้สึกเบื่อก็เลยคิดอยากจะออกไปเล่น แต่ทันทีที่ฉันออกจากประตูก็เจอลูกศิษย์ราคาถูกนั้นของนาย และเขาก็ขับรถพาฉันมา แต่เมื่อกี้เขากลัวจนร้องไห้ ดูท่าทีแล้วไม่ได้เรื่องจริงๆเลย”

หลี่โม่หมดคำพูดและมองไปที่คางเหวินซิงที่ปาดน้ำตาแล้วกำลังเดินมา ไม่คาดคิดเลยว่านายคนนี้จะขี้ขลาดขนาดนี้ ความโหดร้ายของนู่หลั่งสามารถทำให้เขากลัวจนร้องไห้ได้

คางเหวินซิงเดินมาตรงหน้าหลี่โม่พร้อมกับสีหน้าที่หน้าบูดหน้าบึ้ง ก้มหน้าลงแล้วพูดว่า “เมื่อกี้ผมไม่ได้ร้องไห้ นั้นเป็นเพราะว่าทรายเข้าตา ผมขยี้ตามันเลยเจ็บ”

“ชิ นายไม่ต้องเสแสร้งแล้ว จะให้ฉันเลียนแบบนายเมื่อกี้ไหม”

เฉินเสี่ยวถงเงยหน้าและพูด

“อย่า อาจารย์หญิงน้อยคุณอย่าเลียนแบบเลย ไว้หน้าผมหน่อยเถอะ”

เฉินเสี่ยวถงจ้องมองไปที่คางเหวินซิงด้วยสายตาที่ดุร้าย เพื่อที่จะห้ามเขาไม่ให้พูดอาจารย์หญิงน้อยสามคำนี้ออกมา แต่ในที่สุดก็ห้ามไว้ไม่ได้

หลี่โม่หันไปมองที่เฉินเสี่ยวถง เฉินเสี่ยวถงพูดด้วยความเขินอาย “เขาจะเรียกแบบนี้เอง ไม่เกี่ยวกับฉันนะ”

ขณะที่หลี่โม่กำลังจะพูดคุยกับเฉินเสี่ยวถง และฉู่จงเทียนก็เดินก้าวใกล้เข้ามาหา

“คุณหลี่ การแข่งขันของคุณในวันนี้ถือว่าได้จบลงก่อนแล้ว ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้วก็รีบไปเถอะ”

ฉู่จงเทียนส่งสายตาให้หลี่โม่ในขณะที่พูด

นู่หลั่งนั่นเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่ได้รับการฝึกซ้อมเตรียมพร้อมในงานแข่งมวยดำสากล แต่ออกไปรบตัวตายก่อนจะรบชนะ และยังไม่ได้เข้าถึงรอบชิงเลย ก็ถูกหลี่โม่ทุบตีโดยตรงและดูเหมือนว่าไม่น่าจะมีชีวิตอยู่รอดได้

หากผู้คนในงานแข่งมวยดำสากลไม่พอใจ และต้องการหาเรื่องขึ้นมา ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉู่จงเทียนอยากจะเห็น

สามารถให้หลี่โม่จบการแข่งขันมวยดำอย่างปลอดภัยโดยไม่เกิดเรื่องขึ้น ซึ่งนั่นเป็นความใฝ่ฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฉู่จงเทียนแล้ว

หลี่โม่พยักหน้าเล็กน้อย ตึงเฉินเสี่ยวถงและคางเหวินซิงแล้วเดินออกไป ออกไปจากสนามมวยก่อนแล้วค่อยว่ากัน

หลังจากส่งหลี่โม่ออกไปจากหอฝึกฝน แล้วมองดูหลี่โม่และคนอื่นๆขับรถจากไป จากนั้นฉู่จงเทียนถึงหันกลับมาที่หอฝึกฝน

พวกนักมวยที่ฝึกซ้อมก็ได้ไปกันหมดแล้ว และนู่หลั่งก็ถูกยกไปแล้วเช่นกัน ชายร่างกำยำสองสามคนได้กำลังทำความสะอาดคราบเลือดบนพื้น

ทอมป์สันกำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่บนเก้าอี้ ดวงตาของเขาว่างเปล่าและพร่าเบลอเล็กน้อย ราวกับว่าได้ปล่อยวางทั้งหัวสมอง

ฉู่จงเทียนเดินเข้าไปและนั่งลงข้างๆทอมป์สัน และก็ได้หยิบบุหรี่ออกมามวนหนึ่งกัดไว้ในปากของเขา

“ฉู่ กังฟูของพวกนายมีอยู่จริง เมื่อกี้กังฟูของหลี่โม่น่าทึ่งและยอดเยี่ยมจริงๆ นั่นก็คือ 18 ฝ่ามือพิชิตมังกรเหรอ มองดูแล้วทรงพลังจริงๆ”

ทอมป์สันพูดเบาๆ และใช้มือซ้ายที่ว่างเปล่าของเขาทำท่าทางอีกด้วย

ฉู่จงเทียนหมดคำที่จะพูด และเขาไม่รู้ว่าจะสนทนากับทอมป์สันต่อไปอย่างไรดี

“น่าจะมีอยู่จริง เนื่องจากเรามีฤาษียอดฝีมือมากมายที่นี้ ว่ากันว่ามีฤาษี8พันคนที่กำลังฝึกฝนอยู่ในทางลัดจงหนาน พวกเขาแต่ละคนมีพลังที่ทรงพลังมาก และผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดจะถูกเรียกว่าเทวดาดิน เทวดาดาบต่างๆ นั่นมีพลังอันมหาศาลซึ่งสามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างได้

ฉู่จงเทียนก็เริ่มพูดไม่ได้ความขึ้นมา เขาเรียนรู้วิธีที่หลี่โม่พูดนวนิยายศิลปะการต่อสู้ให้กับทอมป์สัน และเขาก็โม้นิยายแนวเทพเซียนให้กับทอมป์สันฟัง

“ว้าว มีคนที่ทรงพลังขนาดนั้นจริงๆเหรอ? ถ้าอย่างนั้นหลี่โม่ล่ะเป็นอะไร? เขาสามารถเรียกว่าเป็นเทพหรือเปล่า?”

“เป็นไปไม่ได้แน่นอน ถึงแม้ว่าคุณหลี่จะทรงพลังมาก แต่เขาไม่เคยได้รับการฝึกฝน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นเทพอย่างแน่นอน”

หลังจากที่ฉู่งจงเทียนพูดจบ และเขาก็สำนึกผิดในส่วนลึกของจิตวิญญาณ โดยหวังว่าเทวดาที่ผ่านไปผ่านมาจะยกโทษให้เขาที่พูดมั่วซั่ว

แก้มของทอมป์สันกระตุกไปครั้งหนึ่ง เดิมทีเขาคิดว่าหลี่โม่มีทรงพลังมากขนาดนี้ เขาน่าจะเป็นฤาษีที่โดดเด่นที่สุดในบรรดา8พันคนที่ฉู่จงเทียนพูด แต่เขาไม่คาดคิดว่าหลี่โม่ไม่นับว่าเป็นมือใหม่ในบรรดาฤาษี8พันคนด้วยซ้ำ

หรือว่าทิศตะวันออกที่ลึกลับนั่นเจ๋งขนาดนี้แล้วเหรอ?

ถ้านับด้วยวิธีนี้ ถ้าอย่างนั้นมีปรมาจารย์อย่างน้อย8พันคนที่เกินกำลังหลี่โม่ดำรงอยู่

ครั้งแรกที่ทอมป์สันสัมผัสถึงความอันตราย และเขาเกิดความคิดในใจที่อยากจะกลับไปอีกฟากหนึ่งของมหาสมุทรโดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นอาจเป็นเพราะความไม่ตั้งใจของเขา ก็อาจทำให้เขาตายในที่นี้ได้

ส่วนภารกิจต่างๆก็ให้คนอื่นจัดการเถอะ เนื่องจากชีวิตของตัวเองมีค่าที่สุด

แต่ความคิดนี้ก็หายไปในพริบตา ซึ่งทอมป์สันรู้ดีอยู่แล้วว่าถ้าหากตัวเองทำภารกิจไม่สำเร็จผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร มันคงจะไม่สบายกว่าการตายแน่นอน”

“แบบนี้นี่เอง เป็นทิศตะวันออกที่น่าอัศจรรย์จริงๆ ถ้าอย่างนั้นนายให้คนมาซ่อมเวทีประลองหน่อย ฉันไปทำธุระก่อน”

ทอมป์สันทิ้งฉู่จงเทียนไว้ และเขาก็รีบเดินไปที่สำนักงานที่อยู่ไม่ไกล

เมื่อเห็นทอมป์สันเข้ามาในสำนักงาน แคลตี้ก็รีบลุกยืนขึ้นทันที “ควรทำอย่างไรต่อไป? เรื่องของนู่หลั่งมัน……”

“ไม่ต้องพูดถึงไอ้ห่านั้นแล้ว เตรียมวิดีโอที่เมื่อกี้พวกเขาสองคนต่อสู้กันให้ดี และเอาให้นักมวยที่ทรงพลังที่สุดดู และให้พวกเขาไตร่ตรองกังฟูของหลี่โม่อย่างถี่ถ้วน

“ผมได้จัดการเรียบร้อยแล้ว พวกเขาและทีมโค้ชกำลังวิเคราะห์ทักษะการต่อสู้ของหลี่โม่ และมองหาจุดอ่อนของเขาเพื่อเข้าสู่การฝึกฝนโดยเฉพาะ

แคลตี้ได้จัดการไว้ล่วงหน้าแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเป็นหนึ่งในวิธีการจัดการกับงานแข่งขันมวยดำ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาไม่ค่อยได้ใช้สักเท่าไหร่

เนื่องจากงานแข่งขันมวยดำได้ฝึกฝนนักมวยที่โดดเด่น แต่ตอนนี้เนื่องจากการปรากฏตัวของหลี่โม่ และวิธีการวิเคราะห์แบบดั้งเดิมนี้จึงถูกนำมาใช้อีกครั้ง

“ดีมาก เมื่อกี้ฉู่จงเทียนบอกว่าหลี่โม่ไม่ใช่ผู้ที่ทรงพลังที่สุด และเขายังบอกว่าในทางลัดจงหนานยังมีฤาษี8พันคนต่างๆนาๆ ซึ่งไม่รู้ว่าเรื่องที่เขาพูดนั่นจริงหรือเท็จ นายส่งคนไปตรวจสอบอย่างละเอียดดู สถานที่บ้าอะไรนี่ทำไมมันอันตรายอย่างนี้”

แคลตี้ชะงักไปครู่หนึ่ง ก้มหน้าลงและพูดว่า “นายท่าน ผมมีคำพูดหนึ่งอยากจะบอกคุณ ในบรรดาพวกเขามีคำพูดหนึ่งที่เล่าสืบต่อกันมาเรียกว่าความเชื่องมงายล้าสมัย และสถานการณ์ที่เมื่อกี้ฉู่จงเทียนเล่าให้คุณฟัง ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ความเชื่องมงายล้าสมัยอย่างหนึ่ง แต่โปรดคุณอย่าไปหลงเชื่อมัน”

“แม่-เอ๊ย! นายคิดว่าฉันโง่หรือไง! แต่นายจะอธิบายที่หลี่โม่สามารถเอาชนะนู่หลั่งได้อย่างไร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset