จักรพรรดิมังกร – ตอนที่ 536 ใช้วิธีสกปรก

“ฉันกับคางเหวินซิงจะร่วมหุ้นทำสโมสรแข่งรถ ถ้านายสนใจ มาเข้าร่วมได้”

หลี่โม่ตัดสินใจให้โอกาสคางหย่งเฉียน

ถ้าคางหย่งเฉียนสามารถกลับตัวกลับใจได้จริงๆ หลี่โม่จะสนับสนุนเขาให้ก้าวหน้า อีกอย่างตอนนี้หลี่โม่ก็ขาดแคลนลูกน้องด้วย

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะบริหารสำนักหลงเหมิน ตอนนี้หลี่โม่ต้องการสร้างอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน เขาต้องการคนที่ไว้ใจได้

คางหย่งเฉียนพยักหน้าอย่างไม่ลังเล “ผมตกลงครับ ผมเข้าร่วมด้วย งานยากลำบากอะไร ให้ผมทำได้เลย คุณกับเหวินซิงสั่งมาได้เลย ผมทำได้ทุกอย่าง!”

“เหอะๆ นายตกลงก็ดี ส่วนเรื่องหลักๆ ก็คุยกับคางเหวินซิงเลย ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว นายกลับไปได้”

“ครับ ผมจะกลับเลย ผมออกมานานแล้วเหมือนกัน ไม่อยากให้พวกเขาสงสัย งั้นผมกลับก่อนนะครับ ถ้ามีเรื่องอะไรผมจะติดต่อผ่านเหวินซิงนะครับ”

หลี่โม่พยักหน้าเบาๆ คางหย่งเฉียนเปิดประตูลงจากรถ เขากลับไปที่รถของตัวเอง และขับออกไปอย่างรวดเร็ว

คางเหวินซิงถามอย่างสงสัยว่า “ทำไมอาจารย์ให้อาเล็กมาร่วมโครงการของเราล่ะครับ”

“เห็นแก่นายไง เลยให้โอกาสเขาได้กลับตัว”

หลี่โม่ยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น

คางเหวินซิงคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะสำคัญขนาดนี้ แถมหลี่โม่ยังเห็นแก่เขาขนาดนี้ คางเหวินซิงไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรดี

“ผมขอบคุณแทนอาเล็กด้วยนะครับ ตระกูลคางของเราจะไม่ลืมบุญคุณของคุณ”

หลี่โม่โบกมือไปมา จากนั้นจึงพูดว่า “ไม่ใช่เรื่องที่เหลือบ่ากว่าแรง”

เมื่อพูดจบหลี่โม่จึงหยิบมือถือออกมา ส่งข้อความหากู้หยุนหลันว่าถึงวัดหลิงซานหรือยัง ที่วัดเป็นอย่างไรบ้าง

หลี่โม่เป็นห่วงความปลอดภัยของกู้หยุนหลัน แต่เขาไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้าไปในวัด เพราะกู้หยุนหลันตั้งใจไม่พาเขามาด้วย

ไม่นาน กู้หยุนหลันส่งข้อความเสียงกลับมา

“เราถึงแล้ว เพิ่งไหว้เจ้าแม่กวนอิมเสร็จ อีกเดี๋ยวจะไปฟังเทศน์ นายรอพวกเรากลับไปที่บ้านนะ”

หลี่โม่ไม่ได้ยินสิ่งผิดปกติจากน้ำเสียงของกู้หยุนหลัน เขาจึงเบาใจลงเล็กน้อย

“ฉันเห็นในแผนที่ตรงไหล่เขามีทางแยกไปสวนผลไม้ เราไปรอที่สวนผลไม้กันเถอะ”

“โอเคครับอาจารย์ ทำไมเราไม่เข้าไปในวัดล่ะครับ หรือว่าอาจารย์หญิงไม่พาคุณมาด้วย”

หลี่โม่หน้ากระตุก เขาพูดด้วยสีหน้าเศร้า “อาจารย์หญิงของนาย โดนไอ้หัวล้านหลอกน่ะสิ รอให้ฉันว่างก่อนเถอะ ฉันจะมาสั่งสอนไอ้พวกหัวล้านนี่”

คางเหวินซิงหัวเราะแหะๆ จากนั้นจึงขับรถไปที่สวนผลไม้

……

ในห้องเจ้าอาวาสที่วัดหลิงซาน

เจ้าอาวาสฝ่าจื้ออยู่ในชุดจีวร เขายืนยิ้มให้ราชินีของสำนักหลงเหมิน

ราชินีของสำนักหลงเหมินนั่งบนเก้าอี้กลมที่มีพนักพิง เธอพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ “เชิญนั่งค่ะท่านเจ้าอาวาส ไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้ นี่เป็นวัดของคุณ”

“อมิตาพุทธ โยมดูสูงส่งจนเหลือเชื่อ อาตมาไม่กล้านั่งกับโยม วัดหลิงซานไม่ใช่วัดของอาตมา แต่เป็นวัดของพระพุทธเจ้า”

“เป็นพระที่พูดเก่งจริงๆ เต๋ออู่ บริจาคเงินให้วัดเพิ่มอีกห้าล้าน” ราชินีของสำนักหลงเหมินพูดอย่างชอบใจ

คำว่าสูงส่งจนเหลือเชื่อ ถูกใจราชินีของสำนักหลงเหมินมาก

ในใจของเจ้าอาวาสฝ่าจื้อเบิกบาน “ขอบใจโยมที่ใจบุญ พระพุทธเจ้าต้องคุ้มครองโยม ช่วยให้โยมได้สิ่งที่ปรารถนาเอาไว้”

“เหรอ จะเป็นอย่างนี้จริงเหรอ ถ้าฉันได้สิ่งที่ปรารถนาเอาไว้จริงๆ ฉันจะพลิกโฉมวัดหลิงซาน สร้างพระพุทธรูปทองคำถวายพระพุทธเจ้า”

เจ้าอาวาสฝ่าจื้อกลอกตาไปมา เขาครุ่นคิดในใจ รู้สึกว่าราชินีของสำนักหลงเหมินต้องเป็นคุณนายร่ำรวย แถมยังเดาว่าอยู่กินกับตาเฒ่าแก่ๆ ตอนนี้ตาเฒ่าคงจะไม่ไหวแล้ว เลยวางแผนจะฮุบสมบัติ

เจ้าอาวาสฝ่าจื้อไม่ได้ศึกษาธรรมะลึกขนาดนั้น แต่เรื่องการเดาใจคน เขาเก่งมาก

แค่ไม่นานก็สามารถ เดาสถานการณ์ของราชินีของสำนักหลงเหมินได้จนเกือบหมด

นี่เป็นเพราะประสบการณ์ที่เจ้าอาวาสฝ่าจื้อสั่งสมมา เขาเจอบุญคุณความแค้นของพวกคนรวยมาเยอะ ก่อนหน้านี้เขาช่วยคลายปมในใจของพวกเศรษฐี คุณนายและพวกกิ๊กมาไม่น้อยแล้ว

เพราะว่าการคลายปมในใจไม่ธรรมดา แถมบางครั้งยังมีความคิดที่ไม่เข้าท่าแต่น่าเชื่อถือออกมาได้ เลยทำให้ชื่อเสียงของเจ้าอาวาสฝ่าจื้อดังขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้คนมากราบไหว้และรายรับของวัดหลิงซานดีขึ้นทุกปี

“อาตมาเห็นสีหน้าของโยมดูกังวลเล็กน้อย ดูจากโหงวเฮ้งแล้ว โยมกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของชีวิต ถ้าสามารถผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ ต่อไปโยมจะมีหน้ามีตาและร่ำรวย แต่ถ้าผ่านไปไม่ได้…..”

เจ้าอาวาสฝ่าจื้อพูดเป็นนัย จากนั้นจึงส่ายหน้าเบาๆ และไม่พูดอะไรออกมา

จิตใจราชินีของสำนักหลงเหมินคล้อยตามเจ้าอาวาสฝ่าจื้อ เธอพูดอย่างไม่พอใจว่า “ถ้าผ่านไปไม่ได้ จะเป็นยังไง”

“อาตมาไม่กล้าพูด”

“ทำไมถึงไม่กล้า ถ้าไม่พูด ฉันจะให้คนมาทำลายวัดนี้ จนไม่ให้คนมากราบไหว้ได้อีก!”

ราชินีของสำนักหลงเหมินพูดอย่างน่ากลัว

เจ้าอาวาสฝ่าจื้อตกใจ เพิ่งเคยเห็นคนใช้วิธีสกปรกแบบนี้เป็นครั้งแรก

เขาแค่ต้องการต่อรองราคากับอีกฝ่ายเท่านั้น ถึงกับต้องทำลายวัดเลยเหรอ นี่มันตัดเส้นทางทำมาหากินของเขาชัดๆ

เจ้าอาวาสฝ่าจื้อบ่นในใจ เขายิ้มแห้งและพูดว่า “ผลก็จะไม่ดีเป็นอย่างมาก ชื่อเสียง เงินทอง เกียรติยศจะหายไปหมด ราวกับเป็นความฝันเลยล่ะครับ”

ใจของราชินีสำนักหลงเหมินหล่นวูบ เธอคิดว่าถ้าหลี่โม่ได้ขึ้นครองตำแหน่ง ได้เป็นผู้นำของสำนักหลงเหมิน สุดท้ายเธอก็คงไม่เหลืออะไรสักอย่าง!

สีหน้าราชินีของสำนักหลงเหมินเคร่งขรึมขึ้น เธอพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าอาวาสมีความสามารถแค่ไหน พูดออกมา ฉันต้องทำยังไง ถึงจะไม่เสียอะไร”

“เรื่องนี้ ขอให้อาตมาได้หาวิธีก่อน เรื่องของโยมเป็นเรื่องยากมาก อาตมาเกรงว่าอาจจะไม่มีวิธีที่ดี”

เจ้าอาวาสฝ่าจื้อรู้สึกกลัว แค่พูดไม่เข้าหูก็จะทำลายวัด เจ้าอาวาสตกใจมาก เขาครุ่นคิดในใจว่าจะทำอย่างไรดี

ถ้าขืนเข้าไปพัวพัน แล้วเกิดอะไรไม่ดีขึ้นมา กลัวว่าวัดหลิงซานจะซวยไปด้วย

“หึ ฉันให้เวลาสิบนาที ถ้าหาวิธีไม่ได้ ฉันจะทำให้รู้ว่าเงินที่ฉันบริจาค คงไม่ได้ไปง่ายๆ”

เจ้าอาวาสฝ่าจื้อตื่นตระหนก เสียใจที่เมื่อครู่หน้ามืดตามัว เพียงเพราะอยากได้เงินเพิ่ม เลยพูดออกไปแบบนั้น

เพราะคำพูดนั้นแท้ๆ จึงทำให้เขาเจอความวุ่นวายที่สลัดออกไปไม่ได้

เขาใช้สมองคิดอย่างหนัก เจ้าอาวาสฝ่าจื้อคิดจนมีเม็ดเหงื่อผุดออกมาบนหัวที่ไร้ผม แต่ก็ยังคิดอะไรไม่ออก

สิ่งสำคัญไปกว่านั้น เจ้าอาวาสฝ่าจื้อไม่ได้คุยอะไรกันมาก่อน จึงไม่รู้ว่าตอนนี้ราชินีของสำนักหลงเหมินเผชิญกับอะไรอยู่ ที่พูดหลอกไปเมื่อกี้ เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น!

เขาไม่รู้เรื่องอะไรที่ชัดเจน ถึงเจ้าอาวาสฝ่าจื้อจะมีไอคิวถึง 150 ก็ยังไม่รู้ว่าจะพูดยังไง

“สิบนาทีแล้ว ท่านเจ้าอาวาส”

จางเต๋ออู่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset