จักรพรรดิมังกร – ตอนที่ 642 ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบทุกอย่าง

กงซุนจุนอยากรู้ว่าพัดนี้เป็นของจริงหรือเท็จจนอดใจไม่ไหว เพราะมันเกี่ยวข้องกับศักดิ์ศรีของกงซุนจุน

หลี่โม่เชิดหน้าชูคอและพูดอย่างได้ใจว่า: “ถ้าคุณมองดูเขาหินที่อยู่มุมล่างขวาของพัดด้วยแว่นขยายหกสิบเท่า คุณจะสามารถมองเห็นชื่อหลี่โม่ได้ พัดโบราณนี้เป็นสิ่งล้อเลียนแบบที่ฉันสร้างขึ้นมาในวัยหนุ่มที่ยังคงโง่เขลาอยู่ ฉันไม่รู้ว่ามันแพร่หลายออกไปได้อย่างไร มันเป็นความผิดพลาดของฉันเอง”

เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้วทุกคนก็ตกอยู่ในความวุ่นวายอย่างสิ้นเชิง ได้ยินหลี่โม่บอกว่าพัดใบนี้เป็นของปลอมก็น่าตกใจพอสมควรแล้ว ณ เวลานี้ เขากลับบอกว่าพัดนี้เป็นผลงานวาดในวัยหนุ่มของเขาเอง ซึ่งทำลายมุมมองทั้งสามของทุกคนอย่างสิ้นเชิง

มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

หากเป็นอย่างที่หลี่โม่กล่าวจริงๆ งั้นหลี่โม่ก็คือ…นักวาดอัจฉริยะร่วมสมัยนะสิ!

หลังจากที่กู้เจี้ยนหมินตัวแข็งไปชั่วขณะ เขาก็เร่งเร้าอย่างรวดเร็วว่า: “ที่รัก คุณรีบไปเอาแว่นขยายในห้องของฉันมา ฉันจะดูดีๆ และดูอย่างละเอียด!”

“โอเค.”

หวังฟางวิ่งกลับไปที่ห้องนอนเพื่อหาแว่นขยาย ตอนนี้เธอไม่มีเวลาไปสงสัยในตัวหลี่โม่เลยด้วยซ้ำ

กงซุนจุนมองไปที่ด้ามพัดพับในมือของกู้เจี้ยนหมินด้วยความตกตะลึง และความรู้สึกวิตกกังวลอย่างรุนแรงก็ผุดขึ้นในใจเขา สัมผัสที่หกบอกกงซุนจุนว่าสิ่งที่หลี่โม่พูดนั้นเป็นความจริง!

กู้หยุนหลันเข้าไปกระซิบข้างหูหลี่โม่: “คุณพูดจริงหรือพูดเล่นกันแน่?”

“แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องจริง คุณไม่เชื่อสิ่งที่ผมบอกคุณครั้งก่อนเหรอ? อันที่จริง ผมเป็นอัจฉริยะผู้มากฝีมือนะครับ” หลี่โม่พูดอย่างมั่นอกมั่นใจ

กู้หยุนหลันกลอกตาใส่หลี่โม่ แต่ก็อดที่จะรู้สึกทึ่งไม่ได้

หรือว่าสิ่งที่หลี่โม่พูดในครั้งที่แล้วจะเป็นความจริง?

เขามีความสามารถในการเล่นเครื่องดนตรีหลายชนิดจริงๆ นอกจากนี้เขายังมีความสามารถในการวาดภาพ ดำน้ำ ว่ายน้ำ แล่นเรือ… ถ้าอย่างนั้นเขาก็คือผู้ชายที่สมบูรณ์แบบทุกอย่างในตำนานนะสิ!

หลี่โม่กอดกู้หยุนหลันที่กำลังตกอยู่ในความอึ้งไว้ในอ้อมแขน และกระซิบที่หูของกู้หยุนหลัน: “ผมเป็นหนุ่มมากความสามารถในตำนานเลยนะ ผมยังมีจุดประกายมากมายรอให้คุณค้นพบอยู่นะ”

“น่าเกลียด อย่านอกลู่นอกทางสิๆ ยืนดีๆ ”

กู้หยุนหลันกล่าวอย่างเขินอาย และดิ้นรนอย่างนุ่มนวล

แต่การดิ้นรนอย่างนุ่มนวลของกู้หยุนหลันจะหลุดพ้นจากแขนอันทรงพลังของหลี่โม่ได้อย่างไร กู้หยุนหลันรู้สึกร้อนไปทั้งตัวราวกับว่าพลังของเธอถูกพรากไปจนหมด สุดท้ายก็ได้แต่เอนกายลงในอ้อมแขนของหลี่โม่อย่างอ่อนแรง

เฉินเสี่ยวถงมองไปทางหลี่โม่กับกู้หยุนหลันอย่างหึงหวง และแอบรู้สึกสงสารตัวเองอยู่พักใหญ่

หวังฟางพบแว่นขยายแล้วก็รีบวิ่งออกไปพร้อมกับแว่นขยายจากนั้นก็ยื่นแว่นขยายให้กับกู้เจี้ยนหมินทันที

“เจี้ยนหมินตรวจดูให้ละเอียดนะ ห้ามผิดพลาดเด็ดขาด”

“รู้แล้วๆ ฉันไม่มีทางผิดพลาดหรอกน่ะ”

กู้เจี้ยนหมินบ่นพึมพำแล้วหยิบแว่นขยายขึ้นมาส่องดูพัดโบราณอย่างระมัดระวัง

หลี่โม่เหยียดมือออกและชี้ไปที่มุมพัดโดยตรง: “มันอยู่ตรงมุมนี้แหละ”

แว่นขยายส่องไปยังตำแหน่งนิ้วของหลี่โม่ กู้เจี้ยนหมินส่องดูอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง และเห็นชื่อย่อของหลี่โม่อยู่บนนั้นจริงๆ

จริงด้วย มันคือชื่อของหลี่โม่จริงด้วย! นี่…นี่มันน่าทึ่งจริงๆ !”

มือของกู้เจี้ยนหมินสั่นไหวอย่างรุนแรงด้วยความตื่นเต้น แว่นขยายที่อยู่ในมือของเขาแทบจะปลิวออกไปอยู่แล้ว

สีหน้าของกงซุนจุนซีดเซียวด้วยความหมดหวัง เขารู้สึกอับอายขายหน้าอย่างไม่เคยมีมาก่อน

“ขอ…ขอผมดูหน่อยครับ ผมอยากตรวจดูอย่างละเอียดอีกทีครับ”

กงซุนจุนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

กู้เจี้ยนหมินส่งพัดและแว่นขยายให้กับเขา และเมื่อมองเห็นใบหน้าซีดเซียวของเขาแล้ว กู้เจี้ยนหมินก็ปลอบโยนว่า: “คุณกงซุนครับ คุณอย่าหนักใจกับเรื่องนี้มากนักเลยครับ แม้ว่าพัดโบราณนี้จะเป็นของปลอม แต่ข้ากู้เจี้ยนหมินยังคงชอบมันดั่งเช่นเคย และฉันก็รู้สึกซาบซึ้งกับขวัญที่คุณมอบให้ฉันอย่างมากด้วย”

แก้มของกงซุนจุนกระตุกเล็กน้อย จากนั้นเขาก็แสดงรอยยิ้มที่น่าเกลียดยิ่งกว่าการร้องไห้ออกมา

“คุณลุงครับ ได้โปรดอย่าปลอบใจผมเลยครับ มันเป็นเพราะความไร้วิสัยทัศน์ และทักษะการเรียนรู้ที่ย่ำแย่บวกกับความอ่อนต่อโลกของผมเอง จึงไม่รู้ว่าพัดโบราณนี้เป็นของปลอมน่ะครับ”

หลังจากที่หาข้ออ้างให้กับตัวเองแล้ว กงซุนจุนก็หยิบแว่นขยายขึ้นมาส่องดูอย่างระมัดระวัง

เมื่อเห็นคำว่าหลี่โม่ตัวเล็กๆ ที่อยู่บนภาพวาดแล้ว ร่างกายของกงซุนจุนก็สั่นระริก และอาการวิงเวียนศีรษะก็พุ่งขึ้นมาในทันที

มีไอ้เหี้ยจำนวนนับไม่ถ้วนวิ่งเตลิดในใจของกงซุนจุน เขาอยากให้ไอ้เหี้ยเหล่านี้กลายเป็นรูปธรรมจะได้เหยียบย่ำหลี่โม่ให้เละเทะไปเลยก็คงจะดีมาก

น่าเสียดายที่กงซุนจุนทำได้แค่คิดเท่านั้น ในขณะนี้กงซุนจุนรู้สึกอับอายขายหน้ามากและไม่อยากจะอยู่ต่อแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว

“ผม…ผมผิดจริงๆ ด้วย และผมก็ไม่มีหน้าอยู่นี่อีกต่อไปแล้ว เดี๋ยวคนของผมจะนำผักสดและพ่อครัวมาส่งที่นี่ เชิญคุณลุงกับคุณป้ารับประทานให้อร่อยนะครับ

และผักผลไม้ต่างๆ และเนื้อสัตว์ทั้งหมดสำหรับแขกที่มาในวันงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ผมจะเป็นคนรับผิดชอบเองครับ นอกจากนี้แล้ว กระผมกงซุนจุนจะมีของขวัญชิ้นใหญ่มอบให้ในเวลานั้น ถือเป็นการชดเชยความผิดพลาดของวันนี้ครับ ยังไงวันนี้ผมขอตัวก่อนนะครับ”

กงซุนจุนยกมือคารวะและกำลังจะหันหลังเดินจากไป

หลี่โม่ยิ้มตาหยีแล้วพูดว่า: “เมื่อกี้นี้คุณบอกว่าหากฉันสามารถพิสูจน์ได้ว่านี่เป็นภาพวาดของฉันแล้วคุณจะเรียกฉันว่าอะไรนะ”

ฝีเท้าหยุดลงชั่วขณะ และเจตนาฆ่าก็ฉายแววในดวงตาของกงซุนจุน

กูอุตส่าห์ยอมรับความพ่ายแพ้และกำลังจะจากไปอยู่แล้ว แกยังจะมาจองล้างจองขวานกูอีก ทำแบบนี้หมายความว่าไง!

“อิอิ ก็ฉันเคยบอกคุณแล้วว่าอย่าให้คำสาบานรุนแรงแบบนั้น ไม่งั้นคุณจะเสียหน้าทีหลัง ข้าหลี่โม่เป็นคนใจกว้าง ดังนั้นฉันจะไม่ถือสาคุณในครั้งนี้ แต่จำไว้อย่าให้มีครั้งต่อไปก็แล้วกัน!”

หลี่โม่ต้องการที่จะวางอำนาจกับกงซุนจุน เพื่อที่กงซุนจุนจะได้ไม่อวดดีอีก

กงซุนจุนพูดด้วยสีหน้าที่มืดมน: “ฉันได้รับบทเรียนแล้ว ไว้มีโอกาสฉันจะตอบแทนบุญคุณในวันนี้อย่างแน่นอน ข้าพเจ้ากงซุนจุนจะตอบแทนความเมตตาของคุณแน่นอนครับ!”

หลังจากที่จบคำพูดที่แฝงสองประเด็นแล้ว กงซุนจุนก็รีบเดินออกไปด้วยก้าวใหญ่อย่างรวดเร็ว

กู้เจี้ยนหมินเขย่าพัดในมือสองสามทีจากนั้นก็จ้องไปที่หลี่โม่และกล่าวว่า: “หลี่โม่ทักษะการวาดภาพของคุณยอดเยี่ยมมาก แล้วทำไมหลายปีที่ผ่านมานี้คุณถึง… “

กู้เจี้ยนหมินไม่รู้ว่าควรบรรยายอย่างไรต่อดี

กู้เจี้ยนหมินคิดว่า หลี่โม่มีทักษะการวาดภาพที่ดีเช่นนี้ เขาสามารถหาเลี้ยงชีพได้โดยอาศัยทักษะการวาดภาพได้เลย แล้วทำไมตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้เขาถึงยอมเป็นไอ้เศษสวะที่ดีแต่เกาะกินผู้อื่นไปวันๆ ละ?

หลี่โม่ยิ้มและส่ายหัว: “คุณพ่อครับ มีคนมากมายที่มีทักษะการวาดภาพที่ยอดเยี่ยม แต่เลี้ยงดูครอบครัวด้วยทักษะการวาดภาพที่ยอดเยี่ยมนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย

หากต้องการเป็นจิตรกรที่สามารถขายภาพวาดได้ในราคาสูง ทักษะการวาดภาพเป็นเพียงพื้นฐาน ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด การมีเงินทุนพร้อมที่จะส่งเสริมและโปรโมตนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

แต่ผมไม่มีทรัพยากรทางเส้นสายในตอนนั้น หากผมต้องการหาเงินด้วยการวาดภาพจริงๆ โดยทั่วไปแล้ว ผมก็คงต้องทำสิ่งที่นักวาดทั่วไปเขาทำการซึ่งไม่ต่างอะไรจากการส่งไปรษณีย์และส่งอาหารเลย”

คำพูดของหลี่โม่ทำให้กู้เจี้ยนหมินพูดอะไรไม่ออก เขาทำได้เพียงถอนหายใจอย่างไร้กำลัง

“นายพูดถูก แต่ในเมื่อนายมีพรสวรรค์ในด้านนี้ นายควรทุ่มเทความสามารถนี้อย่างเต็มที่ และมุ่งมั่นกับการเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงในอนาคต และสร้างความรุ่งโรจน์ให้กับครอบครัวของเราด้วย”

กู้เจี้ยนหมินตบไหล่หลี่โม่ราวกับว่ากำลังให้กำลังหลี่โม่

หวังฟางเบ้ปาก เดิมทีเธอตั้งใจจะพูดประชดประชันหลี่โม่สักหน่อย แต่เมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในเมื่อสักครู่นี้แล้ว เธอจึงเปลี่ยนใจไม่พูดดีกว่า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset