จักรพรรดิมังกร – ตอนที่ 707 หยุดงานประท้วง

เมื่อใกล้ถึงเวลาเลิกงาน คางเหวินซิงก็เดินอย่างแข็งขันเข้ามาในออฟฟิศ แล้วพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า “อาจารย์ครับ มีร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งใหม่ชื่อเรือนจิ่วเถิง ผมจะขอเชิญพวกคุณไปลองชิมดูซักหน่อยนะครับ”

หลี่โม่รู้สึกว่ายังไงก็ได้ สายตาปรายมองไปทางกู้หยุนหลัน ตัดสินใจฟังความคิดเห็นของเธอ

กู้หยุนหลันหรี่ตาแล้วพูดขึ้นว่า “งั้นก็ไปชิมดูหน่อยแล้วกัน ไม่ได้กินอาหารญี่ปุ่นนานเหมือนกันแล้วล่ะ”

“ได้ยินมาว่าเชฟที่เชิญมา ต่างก็เป็นเชฟจากตงหยาง มาตรฐานแต่ละคนคือยอดเยี่ยมชั้นหนึ่งทั้งนั้นเลย พวกเราเตรียมตัวออกเดินทางกันเถอะครับ” คางเหวินซิงพูดอย่างตื่นเต้น

ไม่นานทั้งกลุ่มก็ออกจากออฟฟิศ แล้วขับรถตรงไปที่เรือนจิ่วเถิง

เรือนจิ่วเถิงตั้งอยู่ในเขตชานเมือง สร้างเป็นรูปแบบคฤหาสน์ที่เต็มไปด้วยสไตล์ตงหยาง ทั้งเรือนไม้และศาลากลางน้ำ ล้วนถูกสร้างและดีไซน์ตามสไตล์ตงหยางทั้งสิ้น

หลังจากจอดรถดีแล้ว พนักงานสองคนก็ก้าวเข้ามาข้างหน้า เอ่ยถามด้วยท่าทางเคารพนอบน้อมว่าได้จองที่นั่งไว้แล้วหรือไม่

คางเหวินซิงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แจ้งหมายเลขชุดหนึ่งออกไป พนักงานที่เดิมทีมีท่าทางเคารพนอบน้อมอยู่แล้ว ก็ยิ่งมีท่าทางเคารพนอบน้อมมากขึ้นไปอีก

“ขอเชิญลูกค้าทั้งสี่ท่านที่ด้านในค่ะ”

พนักงานโค้งคำนับ แล้วนำทางพวกหลี่โม่เข้าไปที่โถงล็อบบี้

ในล็อบบี้มีผู้ชายสองสามคนที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนชาวตงหยางยืนอยู่ พวกผู้ชายชาวตงหยางในขณะนั้น กำลังยืนล้อมพนักงานหญิงคนหนึ่ง พลางส่งเสียงตะโกนโวยวายดังลั่นร้าน

“ทำไมพวกเราไม่มีที่นั่ง? โต๊ะที่ใหญ่ที่สุดนั่นก็ว่างอยู่นี่! ทำไมไม่ให้พวกเราใช้ ? เรือนจิ่วเทิงของพวกแกก็จำลองมาจากบ้านเกิดของพวกเราแท้ ๆ พวกเราควรได้รับการต้อนรับที่ดีกว่าไม่ใช่รึไง? พวกแกต้องต้อนรับพวกเราเหมือนเป็นพ่อบังเกิดเกล้าสิวะ!”

พนักงานพยายามอธิบายด้วยรอยยิ้มอันฝืดฝืนว่า: “ตรงนั้นเป็นโต๊ะที่ถูกจองไว้แล้วค่ะ อีกทั้งพวกเราที่นี่ก็มีระบบการจองล่วงหน้า ถ้าไม่มีการจองไว้ก็จะไม่มีที่นั่ง ตอนนี้พวกคุณสามารถจองที่สำหรับวันพรุ่งนี้ได้นะคะ”

“งี่เง่า! ไม่ได้โว้ย! นี่เป็นงานเลี้ยงอาหารค่ำที่พวกเราจัดขึ้นเพื่อคาวาบาตะซัง จองไว้แล้วคือวันนี้ โต๊ะตัวนั้นพวกเราจะใช้แน่นอนแล้ว ไป!”

ผู้ชายพวกนั้นเพิกเฉยต่อการห้ามปรามของพนักงานสาว แล้วเดินตรงไปที่โต๊ะตัวที่ว่างอยู่

พนักงานที่นำทางกลุ่มของหลี่โม่มา ก็มีท่าทีวิตกกังวลแล้วเหมือนกัน รีบวิ่งเหยาะๆ ขึ้นมาข้างหน้าแล้วไปขวางที่หน้าโต๊ะนั้นทันที

“คุณผู้ชายทุกท่านคะ พวกคุณทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ ลูกค้าที่จองโต๊ะนี้มาถึงแล้ว พวกคุณต้องนัดหมายก่อน แล้วค่อยมารับประทานวันพรุ่งนี้เถอะค่ะ” พนักงานพูดอย่างสุภาพ

“บัดซบ ฉันจะดูซิว่าไอ้หน้าไหนมันกล้ามาแย่งที่นั่งกับฉัน!”

ชายชาวตงหยางหันไปมองทางหลี่โม่ ไล่สายตามองจากใบหน้าของหลี่โม่ แล้วผ่านไปที่กู้หยุนหลันกับเฉินเสี่ยวถงที่จับมือกันอยู่

“โย่วซ่า! ช่างเป็นสาวสวยที่เหมือนดอกไม้แรกแย้มซะจริง ๆ เลยโว้ย เป็นคนสวยที่หาไม่ได้ง่าย ๆ เลยนะเนี่ย! ฮะๆๆ ดูเหมือนว่าพวกเรามีจะเพื่อนดื่มเหล้าแล้วว่ะ นี่มันสวรรค์ชัด ๆ !”

ชายชาวตงหยางหลายคนต่างแสดงสายตากรุ้มกริ่มขณะที่มอง แล้วพากันเดินไปทางกู้หยุนหลันกับเฉินเสี่ยวถง

หลี่โม่ก้าวขึ้นมาขวางหน้าก้าวหนึ่ง บังอยู่ตรงหน้าของกู้หยุนหลันกับเฉินเสี่ยงถง มองพวกผู้ชายที่มีท่าทางคล้ายว่าจะเป็นชาวตงหยางด้วยสายตาเย็นชา

“ไอ้จรจัดเอ๊ย! ไปให้พ้น! ทิ้งสาวสวยสองคนนี้ไว้ ส่วนแกกับไอ้เพื่อนหน้าอืดนั่นไสหัวออกไปได้แล้ว ไม่งั้นพวกแกได้เจอดีแน่”

“ฮิคาวะซัง จะมัวพูดจาไร้สาระกับพวกมันทำไม ? วิธีจัดการกับไอ้พวกต่ำต้อยพรรค์นี้ ก็แค่ใช้เงินฟาดหัวพวกมันไปซะก็จบเรื่องแล้ว ฮ่า ๆ ๆ” ผู้ชายคนที่พูดหยิบเงินออกมาแล้วโปรยไปทางหลี่โม่

“ เก็บเงินเสร็จก็ออกไปซะ พวกเราคือคนของบริษัทฮิชิโตะ ถ้าแกไม่ไสหัวออกไป แค่ฉันขยับปากซักสองสามคำ พวกแกก็มีหวังได้บ้านแตกสาแหรกขาดแน่! ”

“โย่วซ่า ยามาโมโตะซังเข้าใจอะไรที่นี่ดีจริง ๆ ความรู้สึกที่ได้ใช้เงินฟาดหัวคนนี่มันฟินสุดๆ ไปเลยว่ะ ให้ฉันลองฟาดซักทีซิ”

ฮิคาวะหยิบกระเป๋าออกมา หยิบเหรียญเงินดีบุกผสมตะกั่วออกมาหนึ่งกำมือ แสยะยิ้มแล้วขว้างไปทางหลี่โม่

หลี่โม่ลงมือรวดเร็วปานสายฟ้า หมัดตรงหมัดหนึ่งซัดเปรี้ยงเข้าไปที่หน้าของฮิคาวะจัง ๆ เลือดกำเดาสีแดงสดไหลลงมาจากจมูกของเขาพลั่ก ๆ

ฮิคาวะค่อยๆ ยกมือขึ้นแตะเลือดกำเดาที่ไหลจากรูจมูกของเขา แล้วเอามามองตรงหน้าชัด ๆ

เมื่อมองเห็นคราบเลือดสีแดงสด ฮิคาวะรู้สึกเหมือนว่าท้องฟ้ากำลังหมุนติ้ว แข้งขาอ่อนทรุดตัวล้มฮวบลงไปกองกับพื้น

ยามาโมโตะและคนอื่นๆ รีบเข้าไปพยุงตัวฮิคาวะขึ้นมา แล้วมองหลี่โม่ด้วยสายตาโกรธจัด

“แก ไอ้จรจัดต่ำช้าน่ารังเกียจ นี่แกทำอะไรกับฮิคาวะซังวะ”

คางเหวินซิงโผล่หน้าออกมาจากด้านหลังของหลี่โม่ แล้วพูดพึมพำว่า: “ไอ้ป๊อดนี่คงไม่ใช่ว่ากลัวเลือดจนเป็นลมไปหรอกนะ? กระจอกขนาดนี้ยังกล้าออกมาทำตัวกร่างระรานคนไปทั่วอีก”

“พวกแกรอก่อนเถอะ ให้พวกเราไปส่งฮิคาวะซังที่โรงพยาบาลก่อน! ถ้าฮิคาวะซังเป็นอะไรขึ้นมา พวกแกไม่รอดซักคนแน่!”

ยามาโมโตะพูดจาข่มขู่ไปประโยคหนึ่ง ตัดสินใจพาฮิคาวะไปส่งโรงพยาบาลก่อน แต่ยังไงก็ตาม ฐานะของฮิกาวะนั้นก็ไม่ใช่ธรรมดา หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นแม้แต่นิดเดียว ยามาโมโตะเองก็ไม่สามารถรับผิดชอบได้ไหวแน่ ๆ

“ถุย!” คางเหวินซิงถ่มน้ำลายอย่างดุดัน: “ไอ้พวกกิ๊กก๊อกนั่นมันอะไรกัน? ฉันว่าเรือนจิ่วเถิงนี่สมควรเพิ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยซะหน่อยกันพลาดดีกว่านะ? พวกกริยาต่ำสถุลแบบนี้ก็ยังปล่อยให้เข้ามาได้!”

พนักงานยิ้มเป็นการขอโทษแล้วพูดว่า: “นี่เป็นครั้งแรกที่เราเจอเรื่องแบบนี้น่ะค่ะ ทางเราก็คิดไม่ถึงมาก่อนเหมือนกัน”

หลี่โม่พากู้หยุนหลันกับเฉินเสี่ยวถงไปที่ที่นั่ง พูดกับคางเหวินซิงว่า: “นายรีบสั่งให้เตรียมอาหารมาเร็ว ๆ เถอะ พวกตงหยางนั่นน่าจะโกรธกันจนลมโมโหเต็มท้องแล้วมั้ง เห็นหยิ่งกันซะขนาดนั้นเลยนี่ ?”

“อาหารเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วครับ คิดว่าน่าจะเสิร์ฟขึ้นโต๊ะได้ในเร็ว ๆ นี้แน่นอน”

คางเหวินซิงสั่งพนักงานไปสองสามประโยค จากนั้นก็มานั่งลงที่หน้าโต๊ะ

ผู้คนรอบๆ ต่างมองมาที่โต๊ะของหลี่โม่ ความขัดแย้งเมื่อครู่ได้ปลุกเร้าความสนใจของทุกคน การที่หลี่โม่กล้าแข็งข้อใส่พฤติกรรมอันหยาบคายของพวกฮิคาวะ ยามาโมโตะพวกนั้น ทำให้บรรดาลูกค้าที่มาทานอาหารที่นั่งอยู่รอบ ๆ รู้สึกได้ระบายความโกรธออกไปได้มากจริง ๆ

“ พวกคุณเจ๋งมากเลย ไม่ทำให้เจ้าบ้านอย่างพวกเราเสียหน้า ”

“มันต้องอย่างนี้สิ กล้ามาทำกร่างอวดดีในถิ่นของเรา ฉันล่ะอยากไปตีบ้านย่าของพวกมันให้เละซะจริง ๆ เลย”

บรรดาลูกค้าที่อยู่รอบๆ ต่างก็ยกย่องหลี่โม่กันเสียยกใหญ่ ในเวลาเดียวกันก็ยกนิ้วโป้งให้เป็นการชื่นชมไปด้วย

คางเหวินซิงยิ้มจนตาหยีแทบมองไม่เห็น มือสองข้างกำเป็นหมัดแน่นแล้วโบกไปมา: “แหะๆ ขอบคุณทุกท่านสำหรับคำชม พวกเราไม่เคยทำให้คนบ้านเราต้องเสียหน้าอยู่แล้ว ถ้าพวกมันกล้ามาอีก พวกเราก็กล้าจัดการพวกมันให้เละเหมือนกัน”

“ดี ! ต้องอย่างนี้สิถึงจะเป็นลูกผู้ชายตัวจริง ผมขอเชิญพวกคุณดื่มสักแก้ว พนักงาน เพิ่มสาเกให้โต๊ะของพวกเขาเหยือกหนึ่ง ลงบัญชีของผมได้เลย ” ผู้ชายท่าทางร่าเริงคนหนึ่งพูดขึ้น

“ ขอบคุณครับ อีกเดี๋ยวผมจะขอดื่มเป็นการให้เกียรติพวกพี่ชายซักแก้วนะครับ ได้พบกันนับว่าเป็นโชคชะตาจริง ๆ ” คางเหวินซิงสื่อสารกับลูกค้าที่อยู่รอบ ๆ แบบเข้ากันได้ดีกับทุกคนมาก

บรรดาอาหารเลิศรส ซูชิ ถูกเสิร์ฟขึ้นโต๊ะอย่างรวดเร็ว

กู้หยุนหลันกับเฉินเสี่ยวถงต่างตื่นเต้น รีบถ่ายรูปอาหารเก็บไว้ก่อน เพราะยังไงอาหารเหล่านี้ก็ดูดีมากจริง ๆ

ไม่ถึงสองนาที ผู้จัดการที่ดูแลในส่วนห้องอาหารก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าลำบากใจ แล้วกระซิบพูดว่า “ต้องขออภัยอย่างสูง เผอิญว่ามีปัญหาบางอย่างกับซาซิมิปลาปักเป้าที่พวกคุณสั่ง พ่อครัวซาซิมิจากตงหยางประท้วงหยุดงานกันเพราะ…เพราะ เรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ค่ะ”

ดวงตาของคางเหวินซิงเบิกโตจนเกือบเท่าไข่ห่าน พับแขนเสื้อขึ้นแล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า: “เล่นขายของอะไรกันไม่ทราบ! ยังจะกล้าหยุดงานประท้วงอีกเหรอ? หรือเพราะเห็นว่าเมื่อกี้พวกเราจัดการซัดพวกนั้นเข้าไปแล้วยังไม่สะใจ ? เลยอยากให้เราซัดเขาไปด้วยอีกคน?”

“ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ค่ะ ทางเราก็ไม่สามารถไปบังคับเขาได้ หรือไม่ ให้เราเปลี่ยนอาหารอื่นให้คุณดีไหมคะ?” ผู้จัดการพูดด้วยสีหน้าขมขื่น

หลี่โม่พูดอย่างไม่พอใจว่า: “เรามาที่นี่เพื่อมากินซาซิมิปลาปักเป้า ถ้ากินซาซิมิปลาปักเป้าไม่ได้ ใครจะอยากมาหาพวกคุณถึงที่นี่ไม่ทราบ? ยังไงวันนี้ฉันต้องได้กินซาซิมิปลาปักเป้า ให้เชฟชาวตงหยางคนนั้นออกมาเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset