จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) – บทที่ 19 เพื่อนร่วมห้องในมหาลัย

บทที่ 19 เพื่อนร่วมห้องในมหาลัย

บทที่ 19 เพื่อนร่วมห้องในมหาลัย

“ขอให้แกสนุกก็แล้วกัน”

อยู่ ๆ ก็มีเสียงที่แผ่วเบาดังขึ้นมาและต่อมาประตูห้องก็เปิดออกมีแสงสว่างทะลุเข้ามา หลังจากนั้นแสงสว่างก็ดับลงอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้นฉู่ชวิ๋นก็ปรากฏตัวขึ้น ทำให้ถางโร้วและเฉินฮั่นหลงที่กำลังรออย่างวิตกกังวลตกใจขึ้นมา

“พี่ฉู่ชวิ๋น พี่ไม่เป็นไรใช่ไหม?” ถางโร้วถามด้วยความเป็นห่วง

ฉู่ชวิ๋นส่ายหน้าและพูดขึ้นว่า “พวกเราไปกันเถอะ!”

“นายท่าน ข้างในเป็นยังไงบ้าง……” เฉินฮั่นหลงถามด้วยความอยากรู้

“ข้างในก็เป็นสถานที่ ที่สนุกดี” ฉู่ชวิ๋นแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย เขาจัดเตรียมเขตแดนลวงตาเล็ก ๆ เอาไว้เพียงแค่นี้ก็จะทำให้ชายชราจดจำไปทั้งชีวิตแล้ว

เมื่อประตูเปิดออก ผู้อาวุโสก็รู้ว่าฉู่ชวิ๋นกำลังจะจากไป เขาตะโกนว่า ‘ปล่อยฉันไป’ และกระโดดไปที่ประตู แต่เมื่อเขาเพิ่งก้าวไปหนึ่งก้าว สถานที่ตรงหน้าเขาก็เปลี่ยนไปทันที

“ที่นี่คือที่ไหน?”

ดวงตาทั้งสองข้างของผู้อาวุโสเบิกตากว้าง ทั่วทุกทิศล้วนเป็นต้นไม้หินแปลก ๆ เสียงลมมืดที่พัดปลิว บริเวณบรรยากาศรอบ ๆ มืดครึ้มไปหมด

“ที่นี่ไม่น่าจะมีสัตว์ประหลาดได้นี่น่า?” ผู้อาวุโสคิดในใจ

“โฮ่!” เสียงสัตว์คำราม เสียงคำรามที่ดังสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วปฐพีทำให้ผู้อาวุโสตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวทันที

เขาหันกลับไปดูด้วยร่างกายที่แข็งทื่อ ทันใดนั้นเขาก็ตกใจจนสติหลุด สัตว์ประหลาดหินอยู่ด้านหลังของเขา เขี้ยวแหลมคมที่ยื่นออกมาจากปากคล้ายสิงโตและเสือ สัตว์ประหลาดตัวนี้กำลังจ้องมองไปยังเขา ร่างกายที่ขนาดเท่าภูเขาลูกเล็ก ๆ ดวงตาทั้งสองข้างที่แดงฉาน ในปากเต็มไปด้วยน้ำลายเหนียวไหลฟูมปาก

สัตว์ประหลาดร้องคำรามออกมาและพุ่งเข้าหาเขาทันทีด้วยร่างกายที่ใหญ่มหึมา ขาทั้งสองข้างของผู้อาวุโสก็อ่อนลงทันที แม้จะอยากวิ่งหนีก็ทำไม่ได้ ทำได้แค่เป็นอัมพาตนั่งอยู่ที่พื้น

“แย่แล้ว!” ผู้อาวุโสรีบหลับตาลงทันที เขารู้สึกว่าครั้งนี้ตัวเองต้องตายแน่ ๆ

หนึ่งวิ!

สองวิ!

หลังจากที่ผ่านไป สามวิ ผู้อาวุโสก็ไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดและค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างระมัดระวัง

ปรากฏว่าดวงตาทั้งสองข้างเบิกโพลงขึ้นทันที สายตามองไปยังหิมะที่ตกหนักลอยร่วงลงมา ก่อนที่จะมองหิมะที่ลอยร่วงลงมาด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึกบริเวณรอบ ๆ ก็ขาวโพลน

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ผู้อาวุโสรู้สึกจิตตก “ที่นี่มันเป็นสถานที่แปลกประหลาดอะไรกันแน่? บนท้องฟ้าจะมีมีดตกลงมาแทนฝนไหมแบบนี้?”

“ซิว ซิว…!” เสียงของแหลมคมที่แตกในอากาศทะลุท้องฟ้ามา

ผู้อาวุโสเงยหน้าขึ้นมองและเขาก็ตกใจจนหัวใจเกือบหยุดเต้น เห็นแค่แสงสะท้อนของคมมีดและดาบที่ลอยทั่วเต็มท้องฟ้าที่อยู่ ๆ ก็ปรากฏมากมายเต็มไปทั่วมืดฟ้ามัวดิน!

หญิงสาวที่อยู่ห้องชั้นบนสุดกำลังมองวิดีโอที่ปรากฏภาพฉู่ชวิ๋นเดินออกไปและเธอก็ลุกขึ้นยืนทันทีและรีบเดินออกไป

“พวกนายมากับฉัน” บอดี้การ์ดทั้งสองคนที่ยืนอยู่หน้าประตูก็รีบเดินตามเธอไป ทั้งสามคนมาถึงประตูห้องที่ผู้อาวุโสอยู่และหญิงสาวก็ใช้มือกดปุ่มประตูทันที

“ปัง!”

ห้องที่มืดมิดก็สว่างขึ้นมาราวกับช่วงกลางวัน พอผลักประตูเข้าไป ทั้งสามคนก็นิ่งชะงักอยู่ตรงที่เดิม

เห็นเพียงแค่ผู้อาวุโสที่มีสีหน้าซีดเผือด เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งดูราวกับขอทานและนอนซักอยู่บนพื้นและที่ชัดเจนคือนอนหมดอาลัยตายอยากตรงมุมห้อง

“ยังยืนงงอะไรกันอยู่? รีบไปช่วยเขาเร็ว!” หญิงสาวพูดสั่งการ

คิดไม่ถึงว่าเสียงหญิงสาวนี้จะสามารถดึงผู้อาวุโสให้กลับมาสู่โลกความเป็นจริง และความรู้สึกค่อย ๆ เริ่มฟื้นคืนกลับมาสภาพเดิมแล้ว

เดิมที่ต้องพาเขาไปส่งโรงพยาบาลแต่ผู้อาวุโสบอกใบ้ให้ขึ้นไปชั้นบนสุดของตึกก็พอ ผู้อาวุโสถูกแบกไปที่ชั้นบนสุดของตึกและหญิงสาวก็ไล่บอดี้การ์ดทั้งสองคนให้ออกไป เธอรู้ว่าผู้อาวุโสมีเรื่องจะคุยกับเธอแน่นอน

“ผู้อาวุโส มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” หญิงสาวถามอย่างตื่นตระหนก ผู้อาวุโสคือที่พึ่งพาที่ดีที่สุดของเธอในตอนนี้

ผู้อาวุโสดื่มน้ำไม่กี่แก้ว จิตใจก็ฟื้นฟูคืนมาอีกครั้งและเขาก็นึกถึงชีวิตที่ขมขื่นของเขาร่างกายก็อดไม่ได้ที่จะสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว

“คุณหนู ไม่ควรเป็นศัตรูกับคนนี้เด็ดขาด!”

“เขาเก่งมากเหรอ?” หญิงสาวถาม

“ไม่เพียงแค่เก่งมากเท่านั้นเขามันไร้มนุษยธรรมด้วย” ผู้อาวุโสพูดด้วยความรู้สึกที่ยังหวาดผวาอยู่

หญิงสาวรู้สึกตกใจและพูดอย่างไม่อยากเชื่อ“ไร้มนุษยธรรมและยังเก่งมาก หรือว่าเขาจะเป็นเทพเซียน?”

คิดไม่ถึงว่าผู้อาวุโสจะพยักหน้าโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยและพูดขึ้นมาว่า “ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เทพเซียนแต่ก็ไม่ได้ต่างกันมาก”

หญิงสาวตกใจทันที แววตากระตุกวูบ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่? เวลาผ่านไปนานมากถึงจะพูดขึ้นมา “ตามที่ผู้อาวุโสเห็น คุ้มค่าพอที่พวกเราจะพึ่งพาไหม?”

“อย่างน้อยที่สุดในตอนนี้ก็คุ้มค่าพอที่พวกเราจะพึ่งพา” ผู้อาวุโสพูดอย่างมั่นใจ หญิงสาวเงียบไม่พูดไม่จาแต่สายตากลับเริ่มเด็ดเดี่ยวแน่วแน่

ผู้อาวุโสถอนหายใจเบา ๆ สีหน้าเริ่มจำใจยอมอย่างจนปัญญา พวกเขาไม่มีเวลาให้รอแล้ว

ฉู่ชวิ๋น ถางโร้วและเฉินฮั่นหลง ทั้งสามคนก็พาไป๋เซ่าออกมาแล้ว ครั้งนี้ไม่มีคนมาขัดขวางแล้ว

หลังจากที่ออกมาจากภัตตาคารจื่อจู่หลิน เดิมทีฉู่ชวิ๋นวางแผนให้เฉินฮั่นหลงพาไป๋เซ่าไปที่กลุ่มเหยี่ยวมังกร และเขาจะไปบ้านถางโร้วเพื่อเยี่ยมเยือนพ่อแม่ของเธอ

แต่เมื่อได้รับสายของซุนหยิง คนที่ฉู่ชวิ๋นให้ซุนหยิงตามหาตอนนี้หาเจอแล้ว เฉินฮั่นหลงขับรถไปส่งถางโร้วที่บ้านก่อน หลังจากนั้นถึงขับไปส่งฉู่ชวิ๋นที่สำนักงานใหญ่ของกลุ่มเหยี่ยวมังกร ซุนหยิงและไท้ถานยืนรออยู่หน้าประตูสำนักงานใหญ่กลุ่มเหยี่ยวมังกรตั้งนานแล้ว

สักพักรถของเฉิ่นฮั่นหลงก็มาถึง ไท้ถานวิ่งผ่านซุนหยิงมาเปิดประตูรถให้ฉู่ชวิ๋น ซุนหยิงดวงตาเบิกโพลง และจ้องมองไท้ถานอย่างไม่พอใจ

“คนล่ะ?”ฉู่ชวิ๋นถาม

“คนอยู่ข้างใน นายท่านเชิญครับ!” ห้องใต้ดินของบ้านพักตากอากาศถูกสร้างให้กลายเป็นคุกส่วนตัว

เมื่อทุกคนมาถึงห้องใต้ดิน

“นายท่าน พวกเขาอยู่ที่นี่แล้ว” ซุนหยิงพูดขึ้นและชี้ไปยังห้องห้องหนึ่ง ฉู่ชวิ๋นเดินไปเปิดหน้าต่างเล็ก ๆ ตรงประตูห้องและมองเข้าไปข้างใน

เห็นเพียงแค่ผู้ชายสามคนที่หดตัวกันอยู่ตรงมุมห้อง สีหน้าแสดงถึงความหวาดกลัว พวกเขาคือเพื่อนร่วมสถาบันสมัยก่อนของเขา เจิ้งเหลียง จ้าวเย้โป หลี่อีหมิง

พวกเขาทั้งสามคนกำลังเดินไปประชุมเริ่มทำงานและทันใดนั้นก็ถูกพามาที่นี่ทำให้พวกเขาตกใจกลัวไม่น้อย

ฉู่ชวิ๋นเปิดประตูและเดินเข้าไป ในเวลาเดียวกันสายตาของพวกเขาทั้งสามคนก็มองมายังฉู่ชวิ๋น

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ!” ฉู่ชวิ๋นพูดเสียงเบา ทั้งสามคนมีสีหน้าที่งงงวย พวกเขากลับไม่รู้จักฉู่ชวิ๋นที่ปรากฏตัวอยู่ในตอนนี้

“ช่วงสามปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าทุกคนจะลืมไปหมดแล้วสินะ ฉันฉู่ชวิ๋น” พอฉู่ชวิ๋นพูดขึ้น ทั้งสามคนก็เกือบจะกระโดดหนี

“แกคือฉู่ชวิ๋นเหรอ?” เจิ้งเหลียงขยับแว่นตาแล้วพูดเสียงแหลม จ้าวเย้โปมองไปที่ฉู่ชวิ๋นด้วยสีหน้าที่ตกใจ

“แกยังมีชีวิตอยู่เหรอ?” หลี่อีหมิงพูดโพล่งออกมา ฉู่ชวิ๋นยิ้มตาหยีนิด ๆ เขามองไปยังสีหน้าที่ตกใจจนเกินไปของหลี่อีหมิงเลยถามขึ้นว่า

“ดูเหมือนว่าพวกแกจะตกใจมากที่ฉันยังมีชีวิตอยู่สินะ?” หลี่อีหมิงตัวสั่นเล็กน้อย เขาฝืนยิ้มและตอบกลับว่า “ใช่ ตกใจ ก็แกหายไปตั้งสามปีแล้ว”

“ที่แกถามฉันเมื่อกี้คือทำไมฉันถึงยังมีชีวิตอยู่ ในใจแกคิดว่าฉันตายไปแล้วใช่หรือเปล่า?” ฉู่ชวิ๋นพูดอย่างเยือกเย็น

“ไม่ใช่ ๆ ฉันเพียงแค่ตกใจที่ได้เจอแกอีกครั้ง” หลี่อีหมิงหลบสายตาและรีบพูดขึ้นมา ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเยาะ!

“ตอนนั้นที่ฉันถูกจับไป พวกแกทั้งสามคนก็เห็นทุกอย่าง ฉันอยากถาม เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมพวกแกไม่ช่วยบอกต่อถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น?”

ตามที่เขาเข้าใจ หลังจากที่เขาถูกจับไปตอนนั้นดูเหมือนว่าทุกคนจะไม่รู้ว่าเขาหายไป ถึงแม้ว่าคนอื่นจะไม่รู้แต่สามคนนี้ที่เห็นเขาถูกจับไปทำไมถึงปิดปากเงียบไม่พูดไม่จาแถมยังไม่เปิดเผยข่าวที่เขาถูกจับไปอีก?

“พวกเรา……” จ้าวเย้โปอ้าปากพูดแต่กลับไม่ได้พูดจบประโยค

“พูดสิ! คิดถึงช่วงเวลาที่พวกเราเคยเป็นเพื่อนกัน ฉันจะไม่ทำให้พวกแกรู้สึกลำบากใจและก็หวังว่าพวกแกจะไม่ทำให้ฉันรู้สึกลำบากใจเหมือนกัน” ฉู่ชวิ๋นปริปากพูดด้วยน้ำเสียงปกติ

ทั้งสามคนก้มหน้าไม่พูดไม่จา!

ฉู่ชวิ๋นถอนหายใจเบา ๆ!

แม้ว่าทั้งสามคนจะไม่พูด เขาก็มีหลายวิธีที่จะทำให้ตัวเองรู้คำตอบ เช่นวิชาดูดจิตวิญญาณ แต่เขาไม่เห็นด้วยที่จะทำถึงขนาดนี้ พวกเขาเป็นแค่คนธรรมดา เส้นประสาทเปราะบางถ้าหากว่าใช้วิชาดูดจิตวิญญาณจะทำให้เส้นประสาทสมองของพวกเขาได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถชดเชยส่วนที่ขาดหายไปได้

“พวกแกจะไม่พูดกันจริง ๆ ใช่ไหม?” สีหน้าฉู่ชวิ๋นเศร้าลงเล็กน้อย ทั้งสามคนนี้เคยเป็นเพื่อนของเขา เป็นเพื่อนที่รู้จักตั้งแต่แรกตอนอยู่มหาลัย

“ฉู่ชวิ๋น ฉัน…” นิสัยเจิ้งเหลียงที่ชอบทำประจำคือขยับแว่นตา เมื่อกี้ที่เขาปริปากพูดกลับถูกหลี่อีหมิงพูดเสียงแหลมขัดขึ้นมา

“ฉู่ชวิ๋น แกมีสิทธิ์อะไรมาขังพวกเรา แกรู้ไหมว่าทำแบบนี้มันผิดกฎหมาย?” แววตาของฉู่ชวิ๋นเริ่มเปลี่ยนไปกลายเป็นแววตาที่เย็นชาและจ้องมองไปยังหลี่อีหมิงแล้วพูดว่า “หวังว่าแกจะไม่ใช่แบบที่ฉันคิดนะ”

หลี่อีหมิงหลบสายตาและแกล้งตะโกนเสียงดังอย่างไม่ยอมแพ้ “แกคิดจะทำอะไร? แกสามารถทำอะได้? มันเป็นสังคมที่ปกครองโดยกฎหมาย ฉันจะฟ้องแกเมื่อฉันออกไปได้”

แววตาของฉู่ชวิ๋นเย็นชาขึ้นมาอย่างชัดเจน เขาได้วินิจฉัยแล้ว ตอนนั้นที่ตำรวจตรวจเจอยาเสพติดบนเตียงของเขา เรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับหลี่อีหมิง

“ในเมื่อพวกแกไม่พูดก็อย่ามาโทษฉันแล้วกัน” น้ำเสียงที่พูดออกมา เดิมที่เขาไม่ยอมต่อต้านหลี่อีหมิง ฉู่ชวิ๋นแค่จับแขนของหลี่อีหมิงแล้วดึงออกมา มืออีกข้างวางไว้บนหัวของหลี่อีหมิงและพลังลมปราณบนฝ่ามือก็หลั่งไหลออกมา ร่างกายของหลี่อีหมิงสั่นเทาขึ้นทันที แววตาเริ่มเฉื่อยชาไร้ความรู้สึก!

วิชาดูดจิตวิญญาณ

พลังของเขาในตอนนี้ ใช้วิชาดูดจิตวิญญาณได้ก็จริงแต่มันเปลืองแรงมาก โชคดีที่หลี่อีหมิงมีจิตใจที่เปราะบาง ข้อมูลจำนวนมากไหลผ่านเข้ามายังสมองของฉู่ชวิ๋น สีหน้าของฉู่ชวิ๋นก็น่าตาน่าเกลียดมากยิ่งขึ้น

หลังจากที่ผ่านไปไม่กี่นาที

“กร๊อป!” เสียงของที่แตกหักดักขึ้น

เสียงนี้คือเสียงคอของหลี่อีหมิงที่หักนั้นเอง พอฉู่ชวิ๋นที่ได้รับข้อมูลเขาก็ไม่ลังเลที่จะบีบคอของหลี่อีหมิงให้แหลกละเอียดเลยแม้แต่น้อย

เจิ้งเหลียงและจ้าวเย้โปตกใจจนแทบจะหยุดหายใจ เพื่อนรักพวกเขาตอนนี้กลายเป็นศพไปแล้ว ฉู่ชวิ๋นแบกศพหลี่อีหมิงไปทิ้งอยู่ตรงมุมห้อง

ศพล่วงลงพื้นดัง “ปัง” สักพักศพก็กลายเป็นฝุ่นละออง

ขาทั้งสองข้างของทั้งสองคนก็อ่อนลงราวกับเป็นอัมพาต ฉู่ชวิ๋นมองไปยังทั้งสองคนอย่างเงียบ ๆ แววตาของฉู่ชวิ๋นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด มีปัญหาเยอะมากที่ยังหาคำตอบไม่ได้แต่ตอนนี้มีคำตอบให้เขาแล้ว

ตอนนั้นที่ตำรวจมาตรวจค้นเจอยาเสพติดบนเตียงของเขา เป็นฝีมือของหลี่อีหมิงที่เป็นคนเอายาเสพติดไปวางไว้

หลังจากผ่านเรื่องนั้นไป หลี่อีหมิงก็ได้รับเงินรางวัล ห้าแสนหยวน ส่วนเจิ้งเหลียงและจ้าวเย้โป หลังจากที่พวกเขาได้รับเงินจากหลี่อีหมิงคนละหนึ่งแสนก็เลือกที่จะเงียบไม่พูดไม่จาใด ๆ

ฉู่ชวิ๋นหันหลังกลับและเดินออกมาจากประตู เมื่อซุนหยิงและเฉินฮั่นหลงเห็นฉู่ชวิ๋นเดินออกมาก็รีบเข้าไปต้อนรับเขาทันที

“ปล่อยพวกเขาทั้งสองคนไปเถอะ” ฉู่ชวิ๋นพูดกับซุนหยิง สองคน? ไม่ใช่ว่ามีสามคนเหรอ? ซุยอิงรู้สึกสงสัยสักพักก็ยื่นหน้าเข้าไปดูข้างในและสักพักสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันทีแล้วเขาก็รีบพูดขึ้นมาว่า“นายท่านไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะจัดการให้” ฉู่ชวิ๋นพยักหน้าเบา ๆ!

เจิ้งเหลียงและจ้าวเย้โปความผิดของพวกเขาไม่ถึงกับตาย ส่วนจะปิดปากคนพวกนี้ยังไง ฉู่ชวิ๋นเชื่อว่าซุนหยิงจะมีวิธี

“อันนี้ให้นาย” ฉู่ชวิ๋นไม่ชอบติดหนี้น้ำใจคน เขาหยิบหยกออกมาและมอบให้ซุนหยิง

“หยกช่วยชีวิต” เฉินฮั่นหลงดวงตาเบิกโพลง หยกที่ฉู่ชวิ๋นให้ก็คือหยกที่สร้างความอบอุ่นและสามารถปกป้องชีวิตได้ ตอนที่เขาช่วยไท้ถานเขาก็เคยใช้มันไปแล้วครั้งหนึ่ง

ซุนหยิงเคยเห็นสิ่งมหัศจรรย์ของหยกจากเฉินฮั่นหลง มือทั้งสองข้างก็ยื่นไปรีบด้วยความสั่นเทาและสีหน้าท่าทางดีใจจนแทบบ้า

“ซุนหยิงแกโชคดีจริง ๆ” เฉินฮั่นหลงพูดขึ้น

“ใช่ ๆ!” ซุนหยิงพยักหน้าทันที หลังจากนั้นก็เก็บหยกไว้ที่ตัวอย่างระมัดระวัง เฉินฮั่นหลงไม่ใช่ว่าแบะปากอิจฉาตาร้อนและพูดขึ้นมาว่า “ถึงกับเก็บหยกไว้อย่างดี ไม่มีใครแย่งแกหรอก”

ซุนหยิงหัวเราะและแกล้งยิ้มแบบคนโง่ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เห็นแววตาความกระหายอยากได้ของเฉินฮั่นหลง เมื่อตอนที่ฉู่ชวิ๋นกำลังเตรียมตัวจะออกไป ห้องที่อยู่ข้าง ๆ ก็ส่งเสียงร้องดังขึ้นมาอย่างน่าเวทนา! ไป๋เซ่า ฉู่ชวิ๋นได้ยินเสียงนี้ก็รู้แล้วว่าเป็นใคร ซุนหยิงและเฉินฮั่นหลงที่จ้องมองกัน สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที

พวกเขาเข้าใจเหตุผลที่ฉู่ชวิ๋นจับไป๋เซ่าแล้ว ฉู่ชวิ๋นจะใช้ไป๋เซ่าเพื่อแลกกับหวังซง ก่อนหน้านี้ซุนหยิงยังมอบหมายหน้าที่ให้ไท้ถานคุมตัวไป๋เซ่าดี ๆ ไม่ให้ทารุณใด ๆ

แต่เสียงร้องของไป๋เซ่าที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ ไม่ได้อยู่ในคำสั่งที่ฉู่ชวิ๋นมอบหมายให้ทำฉู่ชวิ๋นไม่อยากให้เรื่องนี้ไปกระทบกับเรื่องที่จะแลกตัวกันเลยบอกให้ไม่ต้องทำอันตรายใด ๆ กับไป๋เซ่า พอคิดถึงตรงนี้ ในใจก็ซุนหยิงเริ่มรู้สึกกระวนกระวายใจ

จักรพรรดิเซียนหวนคืน

จักรพรรดิเซียนหวนคืน

เรื่องย่อ จักรพรรดิ์เซียนหวนคืน เมื่อความแค้นทำให้เขาต้องกลับมา.. ฉู่ชวิ๋น เด็กหนุ่มผู้ใสซื่อถูกจับเข้าคุกในข้อหาที่เขาเองก็ยังสงสัยมามันคืออะไร อีกทั้งชีวิตในคุกของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด จนกระทั้งเขาถูกกระทืบตาย หลังจากที่เขาตายแล้ววิญญาญได้ข้ามไปยังโลกแห่งผู้ฝึกตน คนอื่นใช้เวลาหมื่นปีเป็นจักรพรรดิ์เซียน แต่สำหรับเขานั้น ใช่เวลาเพียง 3000 ปีก็อยู่บนจุดสูงสุดของจักพรรดิ์เซียน แต่ในเวลานั้นจิตใจของเขายังคงสับสนเพราะต้องการรู้ความจริงที่เกิดขึ้นในภพชาติก่อน เขาจึงใช้พลังเซียนทั้งหมดเพื่อเปิดประตูมิติ ส่งวิญญาณของเขากลับมาที่ร่างเก่าที่อยู่ในคุก ก่อนวันที่เขาจะตายเพียงหนึ่งวัน……….. นี้คือการกลับมาล้างแค้นและค้นหาความจริงแต่เขานั้นไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปเขาคือ จักรพรรดิเซียน!

Options

not work with dark mode
Reset