จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) – ตอนที่ 275 พ่อหนูเก่งที่สุดในโลก

บทที่ 275 พ่อหนูเก่งที่สุดในโลก

จิ่วโยวถือปืนยาวสีเงินอยู่ในมือ ปืนยาวสีเงินส่งแสงเป็นประกายสว่างไสว โดดเด่นสะดุดตาผู้คน

เด็กหญิงผู้ร้ายกาจคนนี้ก็มีอาวุธลึกลับอยู่เช่นกัน บรรดาจอมยุทธ์ที่ยืนอยู่ด้านล่างเวทีได้แต่เบิกตาโตด้วยความตกตะลึงแล้ว

แน่นอนว่าหลินฉิงเฟิงและผู้อาวุโสแซ่มู่ก็หวาดกลัวอยู่ไม่น้อย

ควับ!

พลังลมปราณพุ่งออกมาจากตัวปืนยาว ในขณะที่ปืนยาวถูกแทงออกมา ปลายปืนยาวมีความแหลมคมเป็นอย่างยิ่ง

หลินฉิงเฟิงรู้สึกเหมือนคนกำลังจมน้ำ พูดอะไรไม่ออกอีกแล้วได้แต่โคจรพลังลมปราณลงไปที่ดาบในมือ ก่อนที่จะตวัดดาบเพื่อป้องกันปืนยาวที่กำลังพุ่งแทงเข้ามาอย่างรุนแรง

เคล้ง!

ดาบและปืนยาวปะทะกัน คลื่นพลังกระจัดกระจาย

ปืนยาวในมือของจิ่วโยวราวกับมังกรตัวหนึ่ง มีความเยือกเย็นและสว่างไสว คมกริบ รวดเร็ว ดุดัน สามารถโจมตีใส่จุดตายของหลินฉิงเฟิงได้ภายในพริบตา

หลินฉิงเฟิงใช้ดาบปัดป้องพัลวัน ระเบิดลมปราณออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า

เปรี้ยง!

สะเก็ดไฟสาดกระจาย พลังลมปราณปะทะกันอีกครั้งและอีกครั้ง

จิ่วโยวแทงปืนยาวเข้ามาตัวปืนยาวแหวกอากาศจ้วงแทงด้วยความน่ากลัว

หลินฉิงเฟิงตวัดดาบขึ้นปัดป้อง

เคล้ง!

แรงระเบิดแผ่กระจาย ลำตัวของหลินฉิงเฟิงลอยกระเด็นไปกระแทกเข้าใส่แผงกั้นของเวทีประลอง

แผงกั้นของเวทีประลองทำมาจากไม้เนื้อแข็ง มีความแข็งแกร่งทนทานเป็นอย่างยิ่ง

จิ่วโยวแทงปืนยาวตามติด หลินฉิงเฟิงตั้งดาบขึ้นป้องกันลำตัว ปลายปืนยาวพุ่งเข้ามาปะทะกับตัวดาบ แรงกระแทกส่งให้หลินฉิงเฟิงลอยกระเด็นทะลุแผงกั้นออกไปแล้ว

ในขณะนี้ แผงกั้นของเวทีประลองจึงเกิดช่องว่างขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นจุดที่หลินฉิงเฟิงลอยทะลุออกไปนั่นเอง

หลินฉิงเฟิงตกลงไปอยู่ข้างล่างเวที ดวงตาเป็นประกายเคียดแค้น เหมือนเขาไม่อยากเชื่อเลยว่าตนเองจะพ่ายแพ้เช่นนี้ได้

“มีใครอีกไหมคะ?” จิ่วโยวถือปืนยาวในแนวขวาง กวาดตามองรอบกาย

ดวงตาของผู้อาวุโสมู่เป็นประกายแวววาวเหมือนมองเห็นอัญมณีล้ำค่า

จิ่วโยวมีฝีมือที่น่ามหัศจรรย์จริง ๆ นอกจากจะมีรูปลักษณ์ที่งดงามแล้ว ฝีมือในการต่อสู้ยังแข็งแกร่งอีกด้วย ถึงจะมีอายุเพียงแค่ 8 หรือ 9 ขวบเท่านั้น แต่เธอก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ระดับจักรพรรดิได้อย่างหน้าตาเฉย

จิ่วโยวเดินเข้ามารับสมุนไพรเจ็ดดาราไปจากมือของชายชรา

“หนูน้อย” ผู้อาวุโสมู่เดินออกมาข้างหน้าด้วยหน้าตาใจดี

จิ่วโยวหันกลับไปจ้องมองเขา แล้วพูดว่า “คุณก็อยากจะสู้กับหนูเหมือนกันเหรอ?”

ชายชราตกตะลึงไปเล็กน้อย แต่ดูเหมือนนี่ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจดีเหมือนกัน “ถ้าหนูไม่ว่าอะไรนะ ฉันก็อยากขอรับคำชี้แนะนำสัก 2-3 กระบวนท่า”

“ได้เลยค่ะ” จิ่วโยวตอบรับอย่างนึกสนุก “แต่คุณยังมีสมุนไพรวิญญาณเหลืออยู่อีกไหม?”

ชายชราผมขาวหัวเราะเสียงดัง ในขณะที่ล้วงหยิบขวดหยกออกมาจากด้านในอกเสื้ออีกครั้ง เมื่อเปิดขวดออก ก็พบว่าสิ่งที่อยู่ด้านในคือเห็ดหลินจือโลหิต

เห็ดหลินจือโลหิตมีคุณประโยชน์ในการช่วยเพิ่มพลังลมปราณได้อย่างมากมายมหาศาล แต่ที่สำคัญก็คือ เห็ดหลินจือสายพันธุ์นี้จะสามารถพบเห็นได้แค่ในรอบพันปีเท่านั้น

จิ่วโยวกลืนน้ำลายลงคออย่างหิวโหย หากให้พูดตามความจริง เธออยากจะลองกินเห็ดหลินจือโลหิตมาตลอด

“หนูน้อย อยากได้ไหมจ๊ะ?” ชายชราเริ่มหลอกล่อ

จิ่วโยวพยักหน้า พูดว่า “แต่คุณแก่จนเป็นปู่หนูได้แล้วนะ อยากมาสู้กับหนูจริงเหรอ? งั้นเอาเป็นว่าคุณมาสู้กับพ่อหนูดีกว่า ถ้าพ่อหนูชนะ

เห็ดหลินจือโลหิตต้องเป็นของหนู แต่ถ้าพ่อหนูแพ้ หนูจะคืนสมุนไพรวิญญาณที่ได้มาก่อนหน้านี้ให้คุณหมดเลย”

“พ่อของหนูเนี่ยนะ?” ชายชราผมขาวหันมามองหน้าฉู่ชวิ๋น ก่อนจะส่ายศีรษะด้วยความผิดหวัง เนื่องจากสัมผัสได้ว่าไม่มีพลังลมปราณลอยออกมาจากตัวชายหนุ่มผู้นั้นเลย เขาเป็นเพียงแค่คนธรรมดาเท่านั้น

“หนูน้อย พ่อของหนูไม่ใช่คู่ต่อสู้ฉันหรอก”

“ใครบอกกันล่ะ พ่อหนูนี่แหละเก่งที่สุดในโลกแล้ว” จิ่วโยวพูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ

ไม่ใช่แค่เพียงชายชราผมขาวเท่านั้น แม้แต่คนอื่นก็กำลังส่ายศีรษะก็จะให้พวกเขาเข้าใจเป็นอื่นได้อย่างไร? นอกจากวาสนาดีมีลูกน่ารักแล้ว ฉู่ชวิ๋นก็ไม่เก่งอะไรอีกเลยในสายตาของทุกคน คำพูดของจิ่วโยวก็เป็นเพียงคำเยินยอที่ลูกสาวมีต่อบิดาเท่านั้นเอง

“ต้องถามว่า พ่อของเธอกล้าขึ้นไปสู้หรือเปล่าเถอะ” หนึ่งในกลุ่มคนดูส่งเสียงขึ้นด้วยความดูถูก

จิ่วโยวยิ้มอย่างชั่วร้ายแล้วหันกลับมามองหน้าฉู่ชวิ๋น “พ่อคะ พ่อกล้าหรือเปล่า?”

ฉู่ชวิ๋นไม่มีทางเลือก เขาอยากจะเตะตูดจิ่วโยวนัก ลูกที่เป็นเคราะห์กรรมของพ่อแม่ คงจะเป็นเช่นนี้นี่เอง

“พ่อไม่กล้าหรอกลูก” ฉู่ชวิ๋นรีบตอบออกไปทันที

กลุ่มคนดูส่งเสียงหัวเราะก๊ากใหญ่

จิ่วโยวทำปากยื่นและกระโดดลงจากเวทีมากระซิบบอกฉู่ชวิ๋นว่า เธออยากได้เห็ดหลินจือโลหิตจริง ๆ ถ้าเธอได้กินเห็ดชนิดนี้เธอจะสามารถเลื่อนระดับขึ้นไปเป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 2 อย่างแน่นอน

“พ่อคะ ขึ้นไปสู้เถอะนะ…” จิ่วโยวจับมือฉู่ชวิ๋น พูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน

ฉู่ชวิ๋นทำปากเบี้ยว “ถ้าเธอพูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว ฉันจะจับเธอให้หมาป่าในภูเขากิน”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ กลุ่มคนที่ตอนแรกก็ยังส่งเสียงหัวเราะ ตอนนี้กลับหันมาสอบถามเขาแทนว่า

“พ่อหนุ่ม ลูกของคุณไปเรียนวิชามาจากที่ไหน?” ชายชราคนหนึ่งเดินเข้ามา เมื่อเห็นจักรพรรดิเหยาและแม่หม้ายสาวที่ยืนอยู่ด้านหลัง ก็พูดต่อว่า

“คุณทั้งสองเป็นอาจารย์ของเด็กน้อยคนนี้สินะ ร้ายกาจ ๆ?”

จักรพรรดิเหยาและแม่หม้ายสาวรีบปฏิเสธ พวกเขาจะถือดีเอาอะไรไปสอนจิ่วโยวได้?

“ถ้าอย่างนั้น แม่หนูคนนี้ไปเรียนวิชามาจากที่ไหนล่ะ?” ตาแก่ยังคงสงสัยไม่หาย

“พ่อหนูเป็นคนสอนหนูเอง” จิ่วโยวยังคงพูดด้วยความภูมิใจ

ชายชราและพรรคพวกถึงกับพูดอะไรไม่ออก พวกเขาอดหัวเราะออกมาไม่ได้ แต่บางคนก็ลอบถอนหายใจออกมาด้วยความสงสาร ดูเหมือนเด็กหญิงคนนี้จะพยายามรักษาหน้าให้บิดาของตัวเองเสียเหลือเกิน

ชายชราผมขาวบนเวทีประลองกล่าวขึ้นว่า “หนูน้อย หนูอยากมาเป็นลูกศิษย์ฉันไหม?”

“ไม่” จิ่วโยวปฏิเสธทันควัน เธอรู้สึกว่ามันตลกมากในเมื่อมีฉู่ชวิ๋นอยู่ทั้งคนจะต้องการอะไรอีก? ตาแก่หงำเหงือกแบบนี้จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ จะเอาอะไรมาสอนเธอ

ชายชราผมขาวไม่ได้โกรธ ด้วยเข้าใจว่าจิ่วโยวคงไม่รู้พลังแท้จริงของเขา จึงพูดว่า “หนูน้อย ฉันนี่แหละเก่งกว่าพ่อหนูหลายเท่าเลยนะ”

“คุณไม่รู้หรอกว่าพ่อหนูเก่งแค่ไหน” จิ่วโยวพูดอย่างจริงจัง

“ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกัน แต่พ่อหนูไม่กล้าขึ้นมาสู้กับฉันนี่สิ” ชายชราพูดด้วยความเสียดาย

ฉู่ชวิ๋นหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ เขาหันไปพูดใส่หน้าจิ่วโยวว่า “ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นนะ ถ้าเธอกล้าทำเรื่องอะไรแบบนี้อีก ฉันจะส่งกลับไปอยู่กับจักรพรรดิอ๋าวหวง แล้วไม่ต้องกลับออกมาอีกเลย”

จิ่วโยวไม่ได้หวาดกลัวแม้แต่น้อย เธอกลับส่งเสียงหัวเราะชอบใจ

ฉู่ชวิ๋นกระโดดขึ้นไปบนเวที จ้องมองชายชราผมขาว พูดว่า “เชิญ”

ชายชราตกตะลึงไปไม่น้อย ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะไม่มีพลังลมปราณ แต่อย่างน้อยฉู่ชวิ๋นก็ถือได้ว่ากล้าหาญไม่ใช่เล่น

“ได้เลย !” ชายชราตัดสินใจว่าจะไว้หน้าชายหนุ่มบ้าง เขาเดินเข้าไปหา

ฉู่ชวิ๋นที่อีกฝั่งหนึ่งของเวทีและหยุดอยู่กับที่ “เธอเข้ามาโจมตีฉันสิ ถ้าฉันโต้ตอบ ถือว่าฉันแพ้ได้เลย”

กลุ่มจอมยุทธ์ที่อยู่ด้านล่างเวทีจ้องมองฉู่ชวิ๋น ทุกคนต่างทราบดีว่าชายชราที่เป็นคู่ต่อสู้ของเขา เป็นถึงผู้อาวุโสของปราสาทจตุรเทพ มีนามว่า

มู่เทียน เป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 4 ยังไม่ต้องพูดถึงว่าฉู่ชวิ๋นไม่มีฝีมือติดตัว ต่อให้เป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิด้วยกัน ก็ยังยากจะรับมือมู่เทียนได้

จักรพรรดิเหยาและแม่หม้ายสาวได้แต่ยืนดูด้วยความสนใจ

จิ่วโยวยิ้มออกมาอย่างร้ายกาจ

“ถ้าผมชนะ ผู้อาวุโสสัญญาไหมว่า จะยอมให้ผมขออะไรก็ได้หนึ่งอย่าง?” ฉู่ชวิ๋นถาม

มู่เทียนไม่อยากเชื่อหูตัวเอง นี่เจ้าหนุ่มคนนี้คิดว่ากำลังฝันอยู่หรือไง? ชนะเหรอ? ใครจะเป็นผู้ชนะ? หลังจากนั้น ชายชราก็พูดว่า “ตกลง ถ้าเธอชนะ ฉันจะยอมให้เธอขออะไรก็ได้”

นี่คือน้ำเสียงที่พูดด้วยความจริงจัง

“ถ้าอย่างนั้นผมก็จะลงมือแล้ว ผู้อาวุโสพร้อมหรือยังครับ?” ฉู่ชวิ๋นถาม

มู่เทียนพยักหน้าอย่างรำคาญใจ

ฟึบ!

ฉู่ชวิ๋นหายตัวไปจากจุดที่ยืนอยู่ และกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งอยู่ตรงหน้า

มู่เทียนในวินาทีต่อมา มือของเขาขยับวูบ ฝ่ามือกระแทกเข้าไปเต็มท้องของชายชรา พร้อมกันนั้น ฉู่ชวิ๋นก็ปล่อยพลังลมปราณออกไป

โครม!

มู่เทียนถูกกระแทกจนร่างลอยกระเด็นไปไกลหลายร้อยเมตร ขวดเห็ดหลินจือโลหิตลอยกระเด็นขึ้นไปบนอากาศ ฉู่ชวิ๋นกระโดดคว้ามันเอาไว้ แล้วโยนไปให้จิ่วโยว

บรรดาจอมยุทธ์ที่อยู่ด้านล่างเวที ได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อเหมือนเป็นรูปปั้นหิน

“ผู้อาวุโสมู่…”

ชายชราคนแรกและหลินฉิงเฟิงต่างก็รีบวิ่งเข้าไปดูอาการมู่เทียนด้วยความตื่นตกใจ

หลังจากที่สองเท้าแตะลงบนพื้นแล้ว มู่เทียนก็เซถอยหลังไปอีกหลายก้าวกว่าจะตั้งหลักได้ เขาโบกมือส่งสัญญาณบอกคนทั้งสองที่กำลังจะวิ่งเข้ามาว่าตนเองไม่เป็นไร ก่อนที่ชายชราผมขาวจะหันกลับไปมองฉู่ชวิ๋นที่ยืนอยู่บนเวทีด้วยความเหลือเชื่อ

“เธอเป็นใครกันแน่?” น่าเหลือเชื่อจริง ๆ ที่แม้แต่จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 4 อย่างเขา จะถูกซัดลอยกระเด็นมาโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัวแบบนี้

ฉู่ชวิ๋นกำลังจะตอบ แต่จิ่วโยวกลับชิงตอบตัดหน้าไปเสียก่อนว่า

“พ่อของหนูชื่อว่าฉู่ชวิ๋น”

“จอมมารฉู่…”

บรรดาจอมยุทธ์ที่ยืนอยู่ด้านล่างเวที ผงะถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว

มู่เทียนและหลินฉิงเฟิง รวมถึงชายชราคนแรก มีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก

ประเด็นก็คือฉู่ชวิ๋นมีภาพลักษณ์เลวร้าย ไม่ว่าไปที่ไหน ก็จะต้องเกิดเหตุการณ์นองเลือดขึ้นที่นั่น

มู่เทียนรีบรวบรวมสติ ขยับออกไปข้างหน้าและพูดว่า “ที่แท้ก็นายท่านฉู่ชวิ๋นนี่เอง ขออภัยที่ผู้อาวุโสทำตัวหยาบคาย”

ความจริงแล้ว มู่เทียนกำลังโมโหสุดขีด เขาอยากตะโกนด่าอีกฝ่ายด้วยถ้อยคำไม่น่าฟัง แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นถึงจอมมารฉู่ เขาจะทำอะไรได้อีก?

ฉู่ชวิ๋นลดกำปั้นของตัวเองลง ตอบว่า “ผมต่างหากครับต้องขอโทษที่ทำตัวหยาบคาย”

บรรดาจอมยุทธ์ที่ยืนอยู่โดยรอบกำลังตื่นกลัวสุดขีด โดยเฉพาะคนที่ตะโกนด่าฉู่ชวิ๋นเอาไว้ก่อนหน้านี้

จอมมารฉู่ชวิ๋นเดินทางมาที่เมืองหลันโจว ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ทุกสำนักที่อยู่ในเมืองนี้จะรับมือเขาไหวหรือไม่?

“ผู้อาวุโสขอสอบถามได้ไหมครับว่า นายท่านฉู่ชวิ๋นมาที่นี่ด้วยเหตุอันใด?” เมื่อเผชิญหน้าฉู่ชวิ๋น มู่เทียนก็ไม่กล้าพูดอ้อมค้อม

ฉู่ชวิ๋นตอบว่า “ผมมีเรื่องอยากมาขอความช่วยเหลือจากปราสาทจตุรเทพสักหน่อย”

มู่เทียนพึมพำกับตัวเองว่า “ใครกันมาขอความช่วยเหลือด้วยวิธีนี้”

ฉู่ชวิ๋นไม่มีทางเลือกนอกจากหันไปมองหน้าจิ่วโยว หลังจากนั้น เขาก็ล้วงหยิบสมุนไพรวิญญาณออกมา รวมเข้ากับสมุนไพรอีกสองชนิดที่จิ่วโยวได้มาก่อนหน้า ทุกชนิดจัดได้ว่าเป็นสมุนไพรชั้นเยี่ยมและหายากทั้งสิ้น

“อย่าไปถือสาหาความเด็กเลยนะครับ” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ

มู่เทียนคิดว่าฉู่ชวิ๋นก็ไม่ใช่ปีศาจร้ายเลือดเย็นตามคำเล่าลือสักหน่อย ชายชราโบกมือไม่ขอรับสมุนไพรคืน พร้อมกับพูดว่า “แพ้ก็คือแพ้ ถ้าฉันรับสมุนไพรคืนมา จะเสียชื่อปราสาทจตุรเทพเปล่า ๆ ”

ฉู่ชวิ๋นไม่พูดอะไรอีกเช่นกัน เขานำสมุนไพรวิญญาณเหล่านั้นใส่ไว้ในแหวนเก็บสมบัติ

“ผู้อาวุโสครับ ผมอยากเจอผู้ปกครองปราสาทจตุรเทพ คุณช่วยพาผมเข้าไปหน่อยได้ไหม?” ฉู่ชวิ๋นเริ่มต้นเข้าเรื่องทันที

มู่เทียนมีดวงตาเป็นประกายตอนที่ตอบว่า “โชคร้ายจริง ๆ ตอนนี้ท่านผู้นำของเรากำลังเก็บตัวฝึกวิชา ฉันเกรงว่านายท่านฉู่ชวิ๋นคงมาเสียเที่ยวเปล่าแล้ว”

“นี่ ตาแก่ คุณก็ลองเข้าไปบอกประมุขของคุณก่อนดูก่อนสักหน่อยสิ”

จิ่วโยวขึงตามองชายชราผมขาวด้วยความไม่พอใจ “ทำตัวงอแงเป็นเด็กน้อยไปได้”

“ไม่ว่าฉันเข้าไปคุยหรือไม่เข้าไปคุย มันก็ค่าเท่ากัน เวลาที่ท่านผู้นำของเราเก็บตัวฝึกวิชา จะไม่อนุญาตให้ใครเข้าพบทั้งสิ้น” มู่เทียนหัวเราะในลำคอ ในที่นี้เขาเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด ถ้าเขาไม่ใช่คนพาเข้าไป พวกของฉู่ชวิ๋นก็อย่าหวังเลยว่าจะได้เห็นตัวปราสาทด้วยซ้ำ

ฉู่ชวิ๋นจ้องมองตอบกลับมาด้วยแววตาเย็นชา พูดว่า “ในเมื่อผู้อาวุโสไม่ยอมพาพวกผมเข้าไป ถ้าอย่างนั้น ผมก็คงต้องเข้าไปด้วยตัวเองแล้ว”

“นายท่านฉู่ชวิ๋น ที่นี่คือดินแดนพายัพ แน่ใจนะว่าท่านจะกล้าอาละวาด?” มู่เทียนพูดด้วยสีหน้าเย็นชาไม่แพ้กัน

ฉู่ชวิ๋นกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ปราสาทจตุรเทพมีวิธีต้อนรับแขกแบบนี้เองเหรอ?”

มู่เทียนพูดด้วยความฉุนเฉียวว่า “ฉู่ชวิ๋น คนอื่นอาจจะกลัวท่าน แต่พวกเราปราสาทจตุรเทพไม่กลัว ไม่ว่าท่านจะมีฉายาน่ากลัวมากแค่ไหน แต่ถ้าท่านคิดจะมาอาละวาดที่นี่ ฉันก็อยากให้ท่านลองทบทวนให้ดีเสียก่อน”

“ตาแก่ อยากตายนักหรือไง?” เสียงเด็กน้อยของจิ่วโยวพูดออกมาด้วยความโกรธ เธอเปิดขวดเห็ดหลินจือโลหิตแล้วกลืนสิ่งที่อยู่ด้านในขวดลงคอ หลังจากนั้น ก็ชี้ปืนยาวเงินในมือตรงไปที่มู่เทียน

ไม่ต้องพูดถึงจอมยุทธ์ที่ยืนอยู่โดยรอบเลย แม้แต่มู่เทียนเองก็สะดุ้งโหยงด้วยความตกใจกลัวแล้ว แน่นอนว่าบริวารของฉู่ชวิ๋นย่อมมีความโหดร้ายอำมหิตผิดปกติไม่แพ้เจ้านาย แต่สิ่งที่เด็กหญิงกินเข้าไปนั้นคือเห็ดหลินจือโลหิต มันไม่ใช่ผลไม้หรืออาหารทั่วไป มีใครบ้างที่สามารถกินดิบ ๆ ได้แบบนั้น? เด็กหญิงไม่กลัวหรือไงว่าพลังของมัน อาจจะมากเกินไปจนร่างกายรับไม่ไหว?

ใบหน้าของจิ่วโยวกลายเป็นสีแดงก่ำ สว่างไสวเหมือนกับลูกมะเขือเทศ ลมหายใจของเธอพวยพุ่งออกมาจากรูจมูก แต่เดิมทีเด็กหญิงเป็นสัตว์ร้ายที่มีร่างกายแข็งแกร่งอยู่แล้ว เห็ดหลินจือโลหิตช่วยมอบพลังงานจำนวนมหาศาลให้แก่ร่างกาย จิ่วโยวจำเป็นต้องปลดปล่อยพลัง เพื่อสร้างรากฐานพลังในร่างกายให้มั่นคงอีกครั้ง

“นั่งลงแล้วตั้งสตินะ” ฉู่ชวิ๋นพูดเขายกมือขึ้นกดหัวไหล่จิ่วโยว เด็กหญิงไม่ได้ขัดขืน เธอนั่งลงอย่างเชื่อฟัง

ฉู่ชวิ๋นช่วยโคจรพลังลมปราณให้เธอ หลังจากนั้น จึงสร้างม่านพลังขึ้นมาห่อหุ้มตัวเด็กหญิงเอาไว้

หลังจากนั้น ฉู่ชวิ๋นจึงได้หันกลับมามองหน้ามู่เทียนด้วยความดุร้าย

“ผมอุตส่าห์เดินทางมาที่นี่ มีเจตนามาขอความช่วยเหลือดี ๆ ไม่ได้อยากจะมาต่อสู้กับใคร แต่ในเมื่อพวกคุณต้อนรับผมแบบนี้ อย่าหาว่าผมลงมือโหดร้ายเลยนะ”

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)
Status: Ongoing
อ่านจักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) เรื่องย่อ จักรพรรดิ์เซียนหวนคืน เมื่อความแค้นทำให้เขาต้องกลับมา.. ฉู่ชวิ๋น เด็กหนุ่มผู้ใสซื่อถูกจับเข้าคุกในข้อหาที่เขาเองก็ยังสงสัยมามันคืออะไร อีกทั้งชีวิตในคุกของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด จนกระทั้งเขาถูกกระทืบตาย หลังจากที่เขาตายแล้ววิญญาญได้ข้ามไปยังโลกแห่งผู้ฝึกตน คนอื่นใช้เวลาหมื่นปีเป็นจักรพรรดิ์เซียน แต่สำหรับเขานั้น ใช่เวลาเพียง 3000 ปีก็อยู่บนจุดสูงสุดของจักพรรดิ์เซียน แต่ในเวลานั้นจิตใจของเขายังคงสับสนเพราะต้องการรู้ความจริงที่เกิดขึ้นในภพชาติก่อน เขาจึงใช้พลังเซียนทั้งหมดเพื่อเปิดประตูมิติ ส่งวิญญาณของเขากลับมาที่ร่างเก่าที่อยู่ในคุก ก่อนวันที่เขาจะตายเพียงหนึ่งวัน……….. นี้คือการกลับมาล้างแค้นและค้นหาความจริงแต่เขานั้นไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปเขาคือ จักรพรรดิเซียน!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset