ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] – ตอนที่ 10 อรากษส

บทที่ 10 อรากษส

ฟึ่บ….ทะเลเส้นผมสีดำค่อย ๆ ปกคลุมไปทั่วทั้งสะพานไน่เหอ จนเหมือนกับงูพิษหลายล้านตัวที่พุ่งตรงมาหาฉินเย่

“นี่มัน….” ฉินเย่สุดหายใจเข้าจนเต็มปอดก่อนที่จะตะโกนออกมา “เร็วเข้า!!”

เขารู้อยู่เต็มอกว่าก้นเหวนี้ได้ซ่อนสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวเอาไว้ และมันก็เห็นชัดเลยว่ายายเมิ่งเองก็รู้ดีว่าสิ่งมีชีวิตที่ว่านี้คือใคร ไม่สิ หากจะพูดกันตามตรง มันจะมีผีตนไหนในนรกที่ยายเมิ่งไม่รู้จักด้วยหรือไง?

หนอนวิญญาณที่เขาเคยเจอก่อนหน้านี้ก็พยายามหลบซ่อนตัวจากเส้นผมพวกนั้น ในขณะที่ผีอีกหลายพันตนต่างกระจายตัวไปทั่วทุกทิศทาง เห็นได้ชัดเลยว่ามีใครบางคนไปปลุกเสือที่หลับอยู่ให้ตื่นขึ้น!

น่าเสียดายที่ยายเมิ่งไม่ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของฉินเย่ หญิงชราคงจะเดินทางไปยังสถานที่เดียวกันกับที่ผู้กรรเชียงเรือและจู้หรงอยู่แล้ว และผีเสื้อสีดำก็ยังคงทะยานขึ้นไปด้วยความเร็วเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ความเร็วของมันจะไปสู้กับทะเลเส้นผมได้ยังไง?! บางที แม้แต่ยายเมิ่งเองก็คงไม่คิดว่าสิ่งมีชีวิตในเหวลึกจะกล้าทำกับนางแบบนี้

มันน่าจะตามเราไม่ทันแล้วนะ….หัวของฉินเย่ตื้อไปหมดเมื่อมองไปยังกลุ่มเส้นผมที่ปกคลุมไปทั่วสะพานไท่เหอ จากนั้นขณะที่ความหวาดกลัวกำลังกัดกินหัวใจ กลุ่มผมด้านล่างก็เริ่มขดเป็นม้วนเข้าหากันก่อนจะพุ่งขึ้นฟ้า! มันแทบจะเหมือนกับเถาวัลย์ปีศาจในตำนานโบราณอย่างไงอย่างงั้น

“เวรเอ๊ย!” ฉินเย่กัดฟันแน่น ทันใดนั้นหางตาของเขาก็เห็นจุดสีแดงบางอย่างกำลังขึ้นมาจากส่วนลึกของเหว

มันเล็กมากจนน่าเหลือเชื่อ แต่เมื่ออยู่ในทะเลสีดำ..มันก็สะดุดตาน่าเหลือเชื่อเช่นกัน จุดสีแดงที่ว่านั้นแดงราวกับสีเลือด แทบจะเหมือนกับลูกตาของปีศาจเลยด้วยซ้ำ

แกร็ก….แกร็ก….เสียงเศษหินกระทบพื้นดังก้องทั่วพื้นที่อย่างน่าขนลุก วินาทีต่อมา ร่มกระดาษสีแดงก็โผล่ขึ้นมาจากส่วนลึกสุดของหุบเหว

มันบดบังร่างของผู้เป็นเจ้าของจนเกือบทั้งหมด ผมเส้นเล็กสามเส้นถูกปล่อยห้อยอยู่ใต้ร่ม เจ้าของร่างนั้นสวมชุดเครื่องแบบผ้าไหมของราชวงศ์ที่ประกอบไปด้วยสีเขียว แดง ขาว และเหลือง มันค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปอย่างระมัดระวังไปตามพรมที่ทำมาจากเส้นผมสีดำของมันเอง ทุกย่างก้าวที่มีก้าวเดิน ดอกไม้สีแดงที่มีกลีบบางสามชั้นจะเบ่งบานขึ้นมาจากรองเท้านั้น มันแทบจะเหมือนกับเลือดที่ไหลไปตามทาง

ดอกพลับพลึงสีแดง

นรกถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิด ด้านหน้าที่เป็นที่เคยเป็นตำแหน่งของสะพานโครงกระดูกคือที่ที่พระพุทธรูปของตี้จ้างหวังผู่ซาตั้งอยู่ ส่วนด้านล่างของสะพานไน่เหอ และสภาพแวดล้อมทั้งหมดล้วนถูกปกคลุมไปด้วยหมอกดำ ภาพหญิงสาวถือร่มเดินทอดน่องไปบนพรมสีดำสนิทที่ประดับด้วยดอกพลับพลึงสีแดง ทำให้ผู้เห็นรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่ไล่ลงไปตามกระดูกสันหลัง

“ท่านคือ…” ร่างของหญิงตรงนั้นดูเหมือนแค่เดินช้า ๆ แต่ที่จริงแล้วมันกลับรวดเร็วจนน่ากลัว ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที นางก็ตามฉินเย่ทัน และหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มเพียงไม่กี่สิบเมตรเท่านั้น

“อรากษส…[1]” น้ำเสียงแบบใสชัดเจนดังออกมาจากปากของหญิงสาว เป็นเหมือนเสียงของกระดิ่งลมที่ส่งเสียงดังเมื่อมีสายลมพัดผ่าน คล้ายกับมีหางเสียงที่ทำให้มันเพราะยิ่งขึ้น โดยที่ไม่เผยหน้าภายใต้ร่มกระดาษออกมา นางเอ่ยต่อเสียงนุ่ม “ไม่ต้องกลัว…ข้าเองก็เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ของนรกเช่นกัน อันที่จริง ข้าเคยเป็นตุลาการนรกด้วย…”

ฉินเย่ไม่ได้ลดการป้องกันของตัวเองลง กลับกันเขาก้าวถอยหลังห่างจากอีกฝ่ายด้วยซ้ำ

เพราะว่าเขายังไม่ได้อ่านรายละเอียดที่ยายเมิ่งเตรียมไว้ให้ใต้หมอน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถไว้ใจเจ้าหน้าที่ที่อยู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นได้ จะว่าไป…ทำไมคนที่เคยเป็นตุลาการนรกถึงถูกผลักไสให้ไปอยู่ในเหวลึกแบบนี้กัน?

ยิ่งกว่านั้น เรารู้สึกเหมือนว่าตัวเองเคยได้ยินชื่ออรากษสมาก่อน

มันคือชื่อที่ชาวอินเดียใช้ หากอ่านอย่างถูกต้องมันจะเป็นชื่อ…รากษส!

มีแค่ดวงวิญญาณที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในนรกเท่านั้นถึงจะถูกเรียกว่ารากษส โหดเหี้ยมและดุร้าย แถมยังกระหายเลือดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ และตอนนี้สิ่งมีชีวิตที่ว่านั่นกำลังยืนอยู่ตรงหน้าของเขา!

“เจ้ารู้หรือไม่…” อรากษสลดร่มลงเล็กน้อย ร่างของนางสั่นระริก “ดวงวิญญาณหยินปกติจะไม่สามารถเดินผ่านส่วนแรกของทางหวงเฉวียน หรือสะพานโครงกระดูกได้ มีดวงวิญญาณเพียงสามประเภทเท่านั้นที่จะมีคุณสมบัติพอที่จะสามารถสัญจรไปมาบนเส้นทางนี้ได้”

“ประเภทที่หนึ่ง พวกยมทูต”

“ประเภทที่สอง พวกที่ได้รับการยินยอมจากนรก หรือพวกที่ถูกนรกเชิญมาในฐานะแขก”

“และประเภทที่สาม…” ร่างของนางสั่นมากกว่าเดิม ราวกับว่าร่มที่ถืออยู่มีน้ำหนักหลายพันกิโลกรัม

“พวกที่ได้สัมผัสกับเศษชิ้นส่วนของสมบัตินรก”

ฟ่อ!!…เส้นผมที่ซ่อนอยู่ภายใต้ร่มเริ่มส่งเสียงแปลกประหลาดออกมาขณะที่หญิงสาวเริ่มค้อมกายลงเล็กน้อย ฟ่อ!!… “ข้า…” ฟ่อ!!… “กับเจ้า…เรามาทำข้อตกลงกันเป็นไง?”

“ข้อตกลงอะไร?” ฉินเย่ยังคงจ้องมองอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง ไม่ว่าเขามองยังไง..สิ่งมีชีวิตตรงหน้าก็ดูไม่ปกติ

อรากษสจึงรีบเอ่ยทันที “ส่งวิญญาณดวงนั้นมาให้ข้า”

สายตาของฉินเย่เปลี่ยนไปเล็กน้อย “ในเมื่อท่านบอกว่าข้อตกลง มันก็ต้องมีอะไรแลกเปลี่ยนน่ะสิ แล้วข้าจะได้อะไรล่ะ?”

ฟ่อ!!…ฟ่อ!!… เวลานี้…ร่างของอรากษสสั่นแรงกว่าเดิม “ข้า…จะ…ปล่อยให้เจ้า…ไปจากที่นี่…โดยที่ยังมีชีวิต…”

เสียงน้ำลายหยดดังออกมาจากใต้ร่ม “ฟ่ออ…ข้าแทบจะทนไม่ไหวอีกแล้ว หลังจากที่ไม่ได้ดื่มเลือดหรือกินอาหารมาหลายศตวรรษ เจ้ารู้หรือไม่ว่าการมีอยู่ของเจ้านั้นดึงดูดข้าแค่ไหน?”

ร่างของนางสั่นเทาขณะที่ค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ฉินเย่ “เจ้าเข้าใจถึงความสำคัญของดวงวิญญาณดวงนี้จริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”

“ฟ่อ!!….เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่ายายแก่นั่นจะยอมเสียเวลารอกว่า 100 ปี แม้กระทั่งยอมแลกคุณงามความดีของตัวเองเพียงเพื่อยืดอายุของตัวเองให้ยาวขึ้นอีกนิด เพียงเพื่อที่เจ้าจะได้หาเศษตราจ้าวนรกเพียงแค่ชิ้นเดียวเจอ?”

“ในเมื่อเจ้าไม่ได้พอใจและไม่เข้าใจเลยสักนิด…ฟ่อ!!…เจ้าก็ควรส่งมันให้ข้า!!”

ทันทีที่พูดจบ ร่มสีแดงก็ถูกฉีกกระชาก! เสื้อคลุมที่นางสวมอยู่ถูกฉีกขาดด้วยพลังที่มองไม่เห็น และในที่สุด..รูปร่างที่ชวนขนลุกก็เผยออกมาให้เห็น

มันคือหัว

มันมีแค่ส่วนหัวเท่านั้น!

ไม่มีร่างกาย เส้นผมยาวเหยียดยื่นออกมาจากจุดที่ควรจะเป็นดวงตา จมูก และปาก แทบจะเหมือนกับงูหลายพันตัวที่เลื้อยออกจากกรง ใต้ผิวหนังของนางมีบางอย่างดิ้นอยู่ ขณะที่เส้นผมยังคงไหลออกมาเรื่อยๆ ราวกับดอกไม้สีดำที่น่าสะพรึงกลัว เสียงครวญครางที่น่ากลัวก็ดังขึ้นให้ได้ยินจากทั่วทุกมุมของนรก เสียใจ โกรธแค้น ดีใจ อารมณ์ที่รุนแรงแผ่ออกมาจากเสียงกรีดร้องนับไม่ถ้วนทำให้ฉินเย่รู้สึกราวกับตัวเองได้ลงไปยังส่วนลึกของนรกขุมที่ 18

“ยอมมอบมันให้ข้า หรือไม่ก็ตายซะ!!”

เสียงคำรามของอรากษสดังขึ้น พร้อมกับเสียงร้องโหยหวนของเหล่าวิญญาณจำนวนมาก ความยิ่งใหญ่ของมันนั้นคล้ายกับการเห็นภาพของทิวเขาบนเทือกเขา แต่ความวุ่นวายของมันนั้นคล้ายกับคลื่นสึนามิที่ทรงพลัง ปะทะเข้ากับคลื่นที่แปรปรวนท่ามกลางพายุที่ปรวนแปร ตอนนี้ฉินเย่รู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังยืนอยู่กลางพายุ เสื้อคลุมสีดำของเขาสะบัดพลิ้วอย่างรุนแรง

ช่างเป็นพลังหยินที่น่ากลัวอะไรขนาดนี้…

ขณะที่ยกมือข้างหนึ่งเพื่อบังสายตาของตัวเองจากพายุ ประสาทสัมผัสของฉินเย่จึงทำงานได้อย่างจำกัด เขาพยายามข่มจังหวะการเต้นที่รุนแรงของหัวใจตัวเองพร้อมกับพูดกับอีกฝ่าย “แต่นี่คือสิ่งที่ยายเมิ่งที่น่าเคารพมอบให้ข้า”

“หึหึ…ฟ่อ…” หัวของมนุษย์ที่อยู่ตรงกลางกลุ่มเส้นผมดูเหมือนจะยิ้มออกมาอย่างติดตลก ก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดัง “ฮ่า ๆๆๆ!!!”

“ทุกผู้ทุกตนในนรก รวมทั้งเหล่ายมทูตเคยทำพลาดมาหลายพันครั้งในชีวิตของพวกเขา เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่ามันจะมีเรื่องของอารมณ์และความรู้สึกระหว่างยายเมิ่งกับข้า?”

“หึหึหึ…อย่ามาตลกน่า ถ้านางยังอยู่ที่นี่ ข้าก็อาจจะกลัวนางอยู่บ้าง…ฟ่อ…เจ้ามนุษย์ เจ้าไม่เข้าใจเลยสินะว่า ‘กุญแจ’ ที่เจ้ากำลังถืออยู่จะนำพาอะไรมาสู่เจ้าบ้าง เจ้าไม่มีค่าพอที่จะใช้ของแบบนั้น…ส่งมันมาให้ข้า!! เร็วสิ!!!”

ตู้ม! ทันทีที่สิ่งมีชีวิตตรงหน้าเอ่ยจบ ฉินเย่ก็รู้สึกราวกับว่าเขาถูกโจมตีด้วยมือมีมองไม่เห็น และกระเด็นไปด้านหลังหลายสิบเมตรทันที

“ให้ตายเถอะ!….” ชายหนุ่มเช็ดเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปากของตน มันมีเสียงดังขึ้นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น! เห็นได้ชัดเลยว่าเขาถูกคลื่นเสียงซัดกระเด็น! ตอนนี้อวัยวะภายในของเขารู้สึกเจ็บไปหมด ในขณะที่เสื้อคลุมยมทูตของเขาถูกเผา มุมเสื้อข้างหนึ่งของเขาไหม้เกรียมและยังมีร่องรอยของการเผาไหม้ปรากฏอยู่

หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ เสื้อคลุมยมทูตที่มีคุณสมบัติในการป้องกันของเขาได้รับความเสียหาย แค่จากคลื่นเสียงธรรมดา!

นี่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เขาสามารถเผชิญหน้าได้!!

ฟึ่บ!! เพียงแค่ความคิดของเขาเริ่มหมุน เส้นผมจำนวนมากก็ขดรวมเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นมือขนาดใหญ่ที่พุ่งตรงไปที่จุดตายของฉินเย่ รูปม่านตาของชายหนุ่มหดลงขณะที่ตะโกนออกมา “ก็ได้!!”

มันไม่มีอะไรให้เขาต้องลังเลเลยสักนิด

กึก…กลุ่มเส้นผมหยุดลงห่างจากฉินเย่ไปแค่ 3 เมตรเท่านั้น มันใช้ระยะเวลาไม่ถึงสิบวินาทีด้วยซ้ำในการพุ่งมาจากระยะห่างสิบเมตร

เม็ดเหงื่อเย็นเริ่มผุดขึ้นมาบนหน้าผากของฉินเย่ แถมเขายังเริ่มได้กลิ่นน้ำมันจากหนังศีรษะของตัวเองแล้วด้วย!

เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นในอากาศ จับจ้องสายตาไปยังสิ่งมีชีวิตดุร้ายที่อยู่ห่างออกไปสิบเมตรก่อนจะค่อย ๆ ย่อตัวลง เพื่อแสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขาไม่ได้มีเจตนาซ่อนไม่ดีอะไรเอาไว้ ตอนนี้ฉินเย่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ มืออีกข้างหนึ่งของเขาล้วงเข้าไปในเสื้อคลุมและสัมผัสได้ถึงบางอย่าง

“อย่ามาเล่นอุบายกับข้า เจ้ามนุษย์” อรากษสเอ่ยเตือนเสียงนิ่ง “การที่เจ้าจะหลอกคนได้มันก็ต่อเมื่อเจ้ามีความสามารถมากพอ ซึ่งความสามารถของเรามันห่างชั้นกันมาก ดังนั้นไม่มีทางที่เจ้าจะ….”

ทันใดนั้นนางก็ชะงักไป

ฉินเย่ยิ้ม

ทำไมคนตรงหน้าถึงยิ้ม? อรากษสก้าวถอยหลังไป

นี่คือสีหน้าของคนที่ใกล้จะตายงั้นเหรอ? นี่อีกฝ่ายคิด จริง ๆ เหรอว่านางจะยอมปล่อยตัวไปหลังจากที่มอบดวงวิญญาณดวงสำคัญให้นางแล้ว? เขาคิดว่าตัวเองโชคดีขนาดนั้นเลยหรือไง? หรือว่าเขาแค่กำลังกลัวจนเสียสติกันแน่?

ทันใดนั้นเสื้อคลุมยมทูตของฉินเย่ก็เริ่มสะบัดอย่างรุนแรง ในขณะที่โซ่วิญญาณที่เอวของเขาเริ่มส่งเสียง จากนั้นเสื้อคลุมของเขาก็ระเบิดออกจนเผยให้เห็นเสื้อผ้าของมนุษย์ที่สวมอยู่ด้านใน แต่ที่อกของฉินเย่ คัมภีร์สีทองเริ่มคลี่ตัวออกช้า ๆ

ปลายนิ้วของเขาเกี่ยวเข้ากับเชือกสีแดง

“นั่นมัน…” หัวใจของอรากษสรู้สึกถึงลางไม่ดีทันที แต่นางกลับไม่ได้มีเวลาได้ทำอะไรเลยสักนิด หลังจากที่เกิดเสียงดังสนั่น คลื่นพลังหยินที่หนาแน่นก็เปลี่ยนร่างเป็นกระแสน้ำที่ไหลข้ามสะพานไน่เหอมาทันที!

สง่างามและโอ่อ่า บริสุทธิ์และไร้ขอบเขต!

ถ้าหากพลังหยินของอรากษสเป็นเหมือนกับน้ำพุเหลือง คลื่นพลังหยินที่เพิ่งปรากฏขึ้นก็สามารถเปรียบได้กับมหาสมุทรกันกว้างใหญ่! เมื่อพลังหยินพวกนั้นพัดมา เส้นผมของอรากษสที่อยู่บนพื้นก็เริ่มคลายตัวและถูกเผาไปจนหมด แต่สิ่งที่ดึงความสนใจของนางในตอนนี้ก็คือกระแสน้ำวนสีดำสนิทขนาดใหญ่ สูงประมาณสิบเมตร ที่กำลังมุนวนอย่างทรงพลัง ห้อมล้อมร่างของฉินเย่เอาไว้

“นี่มัน…” อรากษสมองกระแสน้ำวนอย่างเหลือเชื่อ วินาทีต่อมา ร่างของนางก็เริ่มสั่นด้วยความกลัว ก่อนจะรีบหนีกลับไปยังหุบเหวที่ตนจากมาอย่างหวาดกลัว

“ราชันย์วิญญาณทั้งหก…มันคือร่างของราชันย์วิญญาณทั้งหก!!”

“ฟ่อ…ยายแก่นั่นถึงขนาดมอบของแบบนั้นให้กับมนุษย์ผู้นี้เลยอย่างนั้นหรือ?!!”

เส้นผมสีดำที่เหลือบนพื้นต่างร่นถอยกลับไปราวกับคลื่นที่ลดลง วินาทีนั้นเสียงระเบิดก็ดังสนั่นของมาจากกระแสน้ำวนที่รุนแรง ร่างของบุคคลที่มีออร่าสีดำทำลายล้างแผ่ออกมาก็ควบม้าศึกสีขาวกระโจนออกมาจากกลางกระแสน้ำวนนั้น!!!

เขาสวมชุดเกราะสีเงินบริสุทธิ์ แต่ชุดเกราะที่ว่ากลับถูกย้อมไปด้วยเลือดของศัตรู กางเกงของคนตรงหน้าฉีกขาดและรุ่งริ่ง เห็นได้ชัดเลยว่ามันเป็นเครื่องแต่งกายสมัยโบราณ อย่างไรก็ตามชายตรงหน้ายังคงมีรูปร่างหน้าตาของฉินเย่อยู่เช่นเดิม เขาจับหอกสีขาวในมือของตัวเองแน่น และปลายหอกก็ชี้ตรงไปที่ร่างของอรากษสที่กำลังหลบหนี

ฟึ่บ…ม้าขาวยกกีบเท้าขึ้นเล็กน้อยก่อนจะพุ่งตรงไปข้างหน้า และภายในพริบตา มันก็พุ่งออกไปหลายร้อยเมตร การทำลายล้างใกล้เข้ามาแล้ว!

ม้าสีขาวพร้อมกับอานม้าสีเงินนั้นช่างดูเจิดจ้าราวกับดาวตกในท้องฟ้ายามค่ำคืน

กึก! กึก! กึก!

เมื่อออร่าที่น่าสะพรึงกลัวพุ่งตรงมาที่ตน ฟันของ อรากษสก็เริ่มส่งเสียงกึกกักไม่หยุดขณะที่นางร้องออกมาเสียงหลง “ไม่!!… อย่า!!…กลัวแล้ว…เมตตาด้วย!!!”

ฉึ่ก!

ก่อนที่นางจะพูดจบ หอกขาวตรงหน้าก็ทะลุเข้าหน้าผากของนางเสียแล้ว เสียงความโกลาหลทั้งหมดหยุดลงทันที วินาทีนั้น…มันมีเพียงแค่ความเงียบที่ปกคลุมไปทั่ว

เร็ว…

เร็วมาก!

ไม่ใช่รูปแบบการต่อสู้ที่ดีเลิศ สิ่งเดียวที่สุดยอดมีเพียงแค่ความเร็ว!

มันไม่ได้ใช้ทักษะล่อลวงหรือกลอุบายอะไรเลยสักนิด อันที่จริงไม่มีใครเห็นเลยว่าหอกเล่มนี้ถูกปาออกมาตอนไหน แต่ทันทีที่มันปรากฏขึ้นอีกครั้ง เป้าหมายก็เสียชีวิตไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมีแค่การโจมตีง่าย ๆ เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

ราวกับเวลาหยุดไปครู่หนึ่ง วินาทีต่อมาอรากษสก็กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บใจ เส้นผมสีดำของนางเริ่มพุ่งไปที่กระแสน้ำวนอย่างรุนแรง แต่ด้วยปลายหอกเป็นศูนย์กลาง…ทันใดนั้นสภาพแวดล้อมโดยรอบก็กลายเป็นหลุมดำขนาดใหญ่!

“อั่ก…อ๊ากกกก!!”

“ไม่นะ….มันจะเป็นแบบนี้ไม่ได้!! เจ้า!!…เจ้าเป็นแค่มนุษย์แท้ ๆ…แต่กล้าดียังไง!!….”

วูบ!!

หลุมดำปิดลง และลูกบอลที่ถูกปิดผนึกด้วยยันต์ร่วงลงบนพื้น

การสังหารในพริบตา!

[1] ในพุทธศาสนาถือว่า รากษสคือกุมภัณฑ์ ที่มีหน้าที่รักษาสมบัติ หากใครล่วงล้ำเข้ามาขโมย จะจับผู้นั้นกินเสีย อีกพวกหนึ่งอยู่รักษานรกภูมิ มักจำแลงกายเป็นยมบาล กา สุนัข แร้ง คอยลงโทษและจับสัตว์นรกมากิน

Ref: (https://th.wikipedia.org/wiki/รากษส)

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

ฉินเย่เด็กหนุ่มมัธยมปลายที่ไม่มีวันแก่ เพราะกิน “เห็ดเทียนสุ่ย” เข้าไปทำให้มีชีวิตอยู่ระหว่างสองโลก เป้าหมายในชีวิตของเขาเพียงต้องการมีชีวิตเล่นเกมอยู่ไปวัน ๆ เท่านั้น แต่ดูเหมือนนรกจะไม่ได้ยินเสียงเรียกร้องของเขา เมื่อนรกถึงกาลอวสาน ผีร้ายออกอาละวาดบนโลกมนุษย์ ทำให้ฉินเย่ที่เป็นยมทูตคนสุดท้ายต้องรับหน้าที่จ้าวนรกเพื่อพิทักษ์โลกใบนี้!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset