ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] – ตอนที่ 133: แผนกออกแบบ (2)

บทที่ 133: แผนกออกแบบ (2)

ฉินเย่คิดคำนวณต้นทุนและกำไรของข้อเสนอแนะดังกล่าวอย่างรวดเร็ว เมื่อแหล่งที่อยู่อาศัยถูกสร้างเสร็จ มันจะต้องกลายเป็นสถานที่เที่ยวที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในยมโลกเป็นแน่ และข้อเท็จจริงที่ว่ามันไม่สามารถรองรับวิญญาณทั้งหมดได้ก็หมายความว่ามีเฉพาะผู้ที่มีความสำคัญเท่านั้นที่จะได้เข้าอยู่ก่อน ซึ่งมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดีเสมอไป เพราะมันจะเป็นแรงกระตุ้นให้เหล่าวิญญาณดวงอื่น ๆ ตั้งใจทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดเพราะสุดท้ายแล้ว สิ่งที่คนเราหวาดกลัวมากที่สุดไม่ใช่ความขาดแคลน แต่เป็นความไม่แน่นอน

นรกแห่งใหม่…จะต้องถูกเปลี่ยนให้เป็นสถานที่ก่อสร้างขนาดใหญ่ในอีกไม่ช้านี้!

มันคือหัวใจหลักของความพยายามในการขยายอาณาจักรของเขา และที่มันมีความสำคัญเป็นพิเศษก็เพราะ…ตี้ทิงยังคงจมอยู่ในห้วงนิทราที่อยู่ต่ำกว่านรกลงไปแค่นิดเดียวเท่านั้น

แต่ปัญหาเพียงอย่างเดียวในตอนนี้ก็คือเหล่าประชากรวิญญาณจะไม่ยอมทำตาม ทำไมพวกเขาถึงต้องเสียแรงสร้างอาคารที่พวกเขาไม่ได้มีส่วนร่วมในการเข้าอยู่ด้วย?

นับว่าโชคดีที่เขายังมีพลังที่จะสามารถกดขี่วิญญาณพวกนั้นได้ นอกจากนี้เขาก็เป็นคนที่มีจิตใจแข็งกระด้างมาก และเขาก็ได้เตรียมการที่จะมอบอำนาจให้กับหัวหน้าแผนกทั้ง 7 คนของบริษัทก่อสร้างแห่งยมโลกในการจัดการกับเหล่าวิญญาณที่แข็งข้อตามที่พวกเขาเห็นสมควร

ด้วยกำลังคน เขาสามารถเพิ่มจำนวนของแหล่งที่อยู่อาศัยโดยรอบได้อย่างช้า ๆ จากนั้นหลังจากที่ทำให้เหล่าประชากรวิญญาณที่ร้อนใจสงบลง ในที่สุดเขาก็จะสามารถก้าวไปสู่ขั้นตอนการขยายในส่วนต่อไปได้ ซึ่งนั่นก็จะเป็นเวลาที่จะเริ่มวางแผนการก่อสร้างสำหรับอาคารและสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีลักษณะเฉพาะตัวของนรก

ดูเหมือนว่าเราคงจะต้องเดินทางไปยังนรก เพื่อหารือเรื่องพวกนี้กับพวกหัวหน้าแผนกเสียแล้ว โครงการที่จะเกิดขึ้นของบริษัทก่อสร้างแห่งยมโลกจะต้องเป็นย่านที่อยู่อาศัยสุดหรู แล้วมันควรจะต้องถูกสร้างในรูปแบบไหนล่ะ? แล้วใครที่จะสามารถเข้าอยู่ที่นั่นได้?

ให้ตายเถอะ…นี่เรากำลังสร้างดินแดนแห่งใหม่ขึ้น แต่แหล่งที่อยู่อาศัยแห่งแรกกลับไม่ได้เป็นถ้ำ แถมเรายังถูกบังคับให้ต้องเข้าสู่เส้นทางการก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์อย่างไม่มีทางเลือกอีกด้วย!….เฮ้อ….ฉินเย่ถอนหายใจออกมาก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “โอเค ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องขอฝากเรื่องแบบวาดไว้กับคุณด้วย เรื่องต่อไป…ผมอยากจะถามว่า ถ้าผมอยากจะสร้างศูนย์ราชการในเมืองใกล้ ๆ กับย่านที่อยู่อาศัยล่ะ?”

“ว่าไงนะ?!” ครั้งนี้ ผู้ที่เอ่ยขึ้นไม่ใช่ผู้เฒ่าหลี่แต่เป็นซุนคังเหลียงที่เด้งตัวขึ้นจากที่นั่งก่อนที่ฉินเย่จะเอ่ยคำถามจนจบ “ศูนย์ราชการ? ด้วยความเคารพนะครับคุณฉิน แต่คุณต้องการจะสร้างสถานที่แบบไหนกันแน่? ศูนย์ราชการ….แบบนั้นมันจะไม่ผิดกฎข้อบังคับหรือครับ?”

“คุณอยากรู้จริง ๆ หรือ?” ฉินเย่ถามพร้อมมองซุนคังเหลียงอย่างคาดหวัง

พูดสิ แล้วผมจะส่งคุณลงไปด้านล่างเพื่อใช้ชีวิตอย่างมีความสุขชั่วนิรันดร์….

ดูเหมือนว่าสายตาของเขาจะตรงไปตรงมาเกินไป ซุนคังเหลียงจึงยอมแพ้และกลืนคำพูดในใจของตัวเองลงไปขณะที่หัวเราะแห้ง ๆ “ผมแค่ถามเฉย ๆ น่ะครับ…แค่ถามเฉย ๆ”

โกหก!

ฉินเย่ค่อนข้างอารมณ์เสีย ผู้มีฝีมือ…นรกในตอนนี้ไม่ได้ขาดในเรื่องของกำลังคน แต่สิ่งที่ขาดก็คือผู้ที่มีความสามารถ…ถูกต้อง แหล่งที่อยู่อาศัยที่กำลังจะถูกสร้างขึ้นสามารถสร้างขึ้นมาด้วยการวางแผนของผู้ที่มีความสามารถเท่านั้น….เอ~? หลังจากที่เรื่องของอุตสาหกรรมก่อสร้างจบลง เราก็จะเริ่มจัดการในส่วนของระบบการเงินต่อ และก็อาจจะหาสินค้ามาวางขาย….

เราจะคิดมากเกินไปแล้ว…ฉินเย่กระแอมออกมาอีกครั้ง “คุณไม่จำเป็นจะต้องสนใจหรอกว่าผมจะทำอะไร ที่จริงคุณสามารถถือได้ว่าพื้นที่ 5 ตารางกิโลเมตรเป็นเขตที่ยังไม่พัฒนาเขตหนึ่งเลยก็ได้ ผมจำเป็นจะต้องจัดตั้งรัฐบาลและหน่วยงานต่างขึ้น และเหตุผลว่าทำไมผมถึงต้องการแบบวาดนี้ก็เพราะว่ามันคือจุดคอขวดสำหรับแผนการทุกอย่างของผม”

ผู้เฒ่าหลี่รู้สึกเหมือนริมฝีปากของเขาแห้งผาก จึงเอื้อมมือไปหยิบแก้วขึ้นมาดื่มและอ้าปากอยู่หลายครั้ง แต่กลับไม่สามารถหาคำพูดได้ เขาเหลือบสายตาไปมองซุนคังเหลียง หวังว่าจะถูกดึงตัวออกจากสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ ในอีกด้านหนึ่ง แม้ว่าซุนคังเหลียงจะได้เตรียมใจสำหรับสิ่งเหล่านี้ไปแล้ว แต่เขาก็ยังพบว่าตัวเองตกใจกับสิ่งที่ได้ยินเป็นอย่างมาก

ทั้งสองมองหน้ากันอย่างสื่อความหมาย และพวกเขาก็มีเพียงความคิดเดียวในหัว – นี่ผู้ชายคนนี้บ้าไปแล้วหรือ?

“ผะ ผมขอถามให้แน่ใจสักหน่อยนะครับ…” ผู้เฒ่าหลี่สูดหายใจเข้าจนเต็มปอดและตั้งสติ “คุณกำลังบอกว่า กรมที่ดิน กรมแรงงาน กรมจัดหางาน กรมโยธาธิการ สำนักหอจดหมายเหตุ…”

ฉินเย่พยักหน้าอย่างจริงจัง “ผมต้องการให้มีมันทั้งหมด”

“อึก….” ผู้เฒ่าหลี่กลืนน้ำลายลงคออย่างลำบากใจและสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเอ่ยว่า “กระทรวงการพัฒนาสังคม กระทรวงคมนาคม กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย….”

“พวกนั้นด้วย”

เสียงของผู้เฒ่าหลี่เริ่มสั่นเทา “สมาคมคนพิการ สมาคมวิทยาศาสตร์ สหภาพแรงงาน ห้องสมุด โรงพยาบาล….”

“ผมไม่ต้องการสมาคมคนพิการ ส่วนสมาคมวิทยาศาสตร์…ผมคิดว่าคุณสามารถกันที่ดินบางส่วนไว้สำหรับมันได้” ฉินเย่ยิ้มและแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นข้อเท็จจริงที่ว่าชายทั้งสองได้ลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างตกตะลึงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“พระเจ้าช่วย!!!” ซุนคังเหลียงวิ่งไปที่ทางเข้าและเปิดประตูออก เขาพบว่ามีคนจำนวนมากที่กำลังจ้องมาที่ตน จากนั้นเขาจึงรีบปิดประตูและล็อกมันทันที เขาพูดขึ้นเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาว่า “คุณฉิน…นี่คุณ….”

นี่คุณกำลังก่อกบฏอย่างนั้นหรือ?

คุณคิดจะสร้างสิ่งเหล่านี้ในจีนอย่างนั้นเหรอ?

แล้วแหล่งที่อยู่อาศัยที่พวกเขาพูดถึงกันเมื่อครู่เป็นสิ่งที่ต้องสร้างขึ้นจริง ๆ หรือว่าแค่ทดสอบความสามารถของพวกเรากันแน่?

“นี่พวกคุณกำลังคิดอะไรกัน?” ฉินเย่หัวเราะ “ผมก็แค่มีเกาะอยู่เกาะหนึ่ง ไม่ใช่ว่าเกาะควรถูกออกแบบตามความต้องการเหมือนมณฑลสักแห่งหนึ่งหรือ? หรือว่าผมควรจะปล่อยให้มันกลายเป็นเกาะร้าง?”

มันเป็นเกาะนี่เอง….ซุนคังเหลียงยังคงมีคำถามมากมายอยู่ในหัว ยกตัวอย่างเช่น เกาะที่ว่านี้ตั้งอยู่ที่ส่วนไหนของประเทศจีน? แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การได้รับรู้ว่ามันคือเกาะนั้นช่วยลดความตึงเครียดภายในหัวใจที่วิตกกังวลของเขาได้เป็นอย่างดี

“ขอโทษด้วยครับคุณฉิน แต่ผมไม่สามารถทำตามความต้องการของคุณได้” ผู้เฒ่าหลี่ยิ้มให้กับฉินเย่อย่างขมขื่น “คุณฉินครับ ผมเกรงว่าคุณอาจจะต้องมองหาผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทรับเหมาก่อสร้างแห่งประเทศจีนแทนเสียแล้ว”

“พวกเราไม่เชี่ยวชาญพอที่จะมีส่วนร่วมในการออกแบบและวางผังเมืองได้ นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ที่มีความเชี่ยวชาญในการวางแผนผัง ต่างก็มีความสามารถในด้านนี้ส่วนในโครงการเส้นทางสายไหม [1] และกำลังทำงานอยู่ที่แอฟริกา จะมีที่ไหนอีกที่ต้องการใช้ความสามารถของพวกเขาได้ หากดูจากสถานการณ์ของจีนในตอนนี้?”

เขาโบกมือ “ผมสามารถช่วยในเรื่องเกี่ยวกับย่านที่อยู่อาศัย หรืออาจจะสถานที่สำคัญต่าง ๆ แต่เรื่องการวางแผนผังเมืองทั้งเมืองแบบนี้…มันเกินความสามารถของผมแล้วจริง ๆ ครับ”

ฉินเย่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจนัก “คุณช่วยขยายขนาดของมันสักพันเท่าไม่ได้หรือ?”

ครั้งนี้ เป็นซุนคังเหลียงที่หัวเราะออกมา “คุณฉินครับ ผมคิดว่าคุณกำลังมองอุตสาหกรรมการก่อสร้างง่ายเกินไปแล้ว ปล่อยเรื่องอื่นไปก่อนเถอะครับ คุณพอจะมีแผนที่ภาพรวมของเกาะที่คุณพูดถึงบ้างหรือเปล่าครับ? คุณได้ให้คนวัดพื้นที่มันจริง ๆ หรือยัง?”

แผนที่ภาพรวม?

ฉินเย่กะพริบตาปริบ ๆ “มันคืออะไร?”

ซุนคังเหลียงไม่รู้ว่าตนควรจะหัวเราะหรือว่าร้องไห้ดีกับคำตอบของเด็กหนุ่มตรงหน้า “แม้ว่าคุณจะสร้างเมืองขึ้นจากการนึกสนุกของตัวเอง แต่อย่างน้อยคุณก็จำเป็นจะต้องมีแผนที่ภาพรวมอยู่แล้วใช่ไหมครับ? ขนาดของพื้นที่ที่จะใช้ในการวางผังที่ดินคือเท่าไหร่? ตั้งอยู่ที่ไหน? ส่วนไหนจะต้องรักษาเอาไว้? ส่วนไหนจะต้องถูกใช้เป็นพื้นที่อยู่อาศัยและส่วนไหนที่จะต้องกำหนดให้เป็นพื้นที่ของสำนักงาน? หากไม่มีแผนที่ภาพรวม คุณก็ไม่สามารถทำอะไรได้”

“ผมจำเป็นต้องมีมันไหม?”

“แน่นอนสิครับ!” ทั้งสองเอ่ยออกมาพร้อมกัน “แผนที่ภาพรวมนั้นเป็นจุดเชื่อมต่อแรกในโครงการพัฒนาใหญ่ ๆ ทุกโครงการ หากปราศจากมัน ก็อาจจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ และมันคงจะไม่เป็นการกล่าวเกินจริงหากพูดว่าคุณอาจจะต้องรื้อถอนทุกอย่างและสร้างมันใหม่ทั้งหมด!”

ผู้เฒ่าหลี่เอ่ยต่อ “และดูจากน้ำเสียงของคุณแล้ว….ดูเหมือนว่าคุณตั้งใจที่จะสร้างเมืองสินะครับ? โอเค…ตอนนี้ผมจะคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกก่อนก็แล้วกัน แต่สมมติว่าคุณจะสร้างเมืองจริง ๆ มันก็ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่คุณจะต้องคำนึงถึง”

“ไฟฟ้า” เขาชูนิ้วขึ้นนิ้วหนึ่ง จากนั้นก็ชูนิ้วที่สองขึ้นมา “สายไฟเบอร์ออฟติก”

จากนั้นก็นิ้วที่สาม “ถนน”

ฉินเย่อยากจะบอกคนทั้งคู่เป็นอย่างมากว่า พวกเขาไม่ต้องการอะไรแบบนั้น พวกเขาแค่ใช้ตะเกียงน้ำมันและสร้างกระแสไฟฟ้าในอากาศผ่านความรักที่อยู่ในหัวใจของพวกเขา

แต่ทันใดนั้น เขาก็ต้องห้ามตัวเองเอาไว้

เราไม่ต้องการอะไรพวกนั้นจริง ๆ น่ะหรือ?

เขาไม่อาจมั่นใจได้เลย เขาไม่เคยถามอาร์ทิสด้วยว่าในอดีตมีการจัดการกับเรื่องของความสว่าง การขนส่ง และการติดต่อสื่อสารอย่างไร

การเริ่มต้นคือจุดที่ยากที่สุดเสมอ ประชากรวิญญาณของเขากำลังอดอยาก และพวกเขาก็ไม่มีแม้แต่หลังคาคลุมศีรษะ โชคดีที่วิญญาณไม่จำเป็นจะต้องกินอาหารเพื่อยังชีพ ไม่เช่นนั้นนรกคงระเบิดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“และมันยังต้องคำนึงถึงระบบระบายน้ำ ทรัพยากรรอบ ๆ จะสามารถใช้ภูมิประเทศในการป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างไร? แล้วจะสามารถจู่โจมผู้บุกรุกได้จากจุดไหนและอย่างไร? เมืองจะถูกปิดกั้นระหว่างการโจมตีหรือไม่? วิธีหลบหนีออกจากเมืองที่เร็วที่สุดคืออะไร?…ทั้งหมดนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับการสร้างเมืองทั้งสิ้น แต่น่าเสียดายที่เหล่าผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของการวางผังเมืองต่างถูกย้ายไปทำงานที่ต่างประเทศ ผมเกรงว่าคุณอาจจะไม่มีความหวังมากนัก ต่อให้ตามหาไปทั่วทั้งแผ่นดินจีนก็ตาม”

“เข้าใจแล้ว” ฉินเย่ลุกขึ้นยืน “ขอบคุณมากครับ แต่ระหว่างนี้ผมขอรบกวนคุณในการออกแบบแหล่งที่อยู่อาศัยไปก่อนได้หรือเปล่า? แล้วเราค่อยคุยรายละเอียดที่เหลือค่อยเก็บไว้หลังจากที่ผมได้จัดการทุกอย่างแล้ว”

ทันทีที่เอ่ยจบ เด็กหนุ่มก็พยักหน้าให้กับซุนคังเหลียง และทั้งสองก็เดินออกมาจากแผนกออกแบบด้วยกัน

พวกเขาไม่ได้ลงไปด้านล่าง แต่กลับกดไปที่ชั้นบนสุดและขึ้นไปยังชั้นดาดฟ้าของอาคาร

มันมีร้านคาเฟ่อยู่ที่นี่

จากจุดนี้ เขาได้เห็นทัศนียภาพอันงดงามของตึกสูงทั้งหมดในเมืองไดซาน มันคือหนึ่งในสถานที่ที่ทันสมัยที่สุด และ 99% ของอาคารทั้งหมดที่อยู่ใกล้เคียงนั้นเป็นตึกสูงทั้งสิ้น นอกจากนี้ การก่อสร้างตึกสูงพวกนี้ก็จำเป็นจะต้องทำลายอาคารหลังเก่าลงและสร้างมันขึ้นมาใหม่ตั้งแต่ต้น และงานรื้อถอนพวกนี้ก็อาจจะนับว่าท้าทายเกินไปสำหรับเมืองอื่น ๆ

อาคารแต่ละหลังสะท้อนแสงของดวงอาทิตย์จนเกิดเป็นเงาบนตัวอาคาร คาเฟ่ชั้นดาดฟ้านั้นสามารถเข้าถึงได้เฉพาะผู้บริหารระดับกลางของบริษัทขึ้นไปเท่านั้น ทันทีที่พวกเขาเห็นซุนคังเหลียง พนักงานทั้งหมดก็ส่งยิ้มและพยักหน้าให้เขาทันที

ทั้งสองเดินไปนั่งที่โต๊ะที่อยู่มุมหนึ่งของคาเฟ่ ผู้ดูแลรีบนำเค้ก ขนมอบและกาแฟ ทุกอย่างที่อยู่ในตัวร้าน มาให้ทั้งคู่อย่างรวดเร็ว ฉินเย่ใช้ช้อนคนกาแฟของตนขณะถามว่า “คุณสามารถสนับสนุนด้านวัสดุก่อสร้างให้ผมได้มากเท่าไหร่?”

มือของซุนคังเหลียงสั่นระริกทันที เขาเอ่ยด้วยเสียงที่สั่นเทา “คุณฉินครับ…คุณ…ตั้งใจจะใช้มันสำหรับอะไร?“

เมื่อครู่นี้คุณพูดถึงเกาะอะไร? ประเทศจีนอนุญาตให้คนธรรมดาเป็นเจ้าของที่ดินได้ตั้งแต่เมื่อไหร่? คุณกำลังล้อผมเล่นแน่ ๆ!

ฉินเย่ยิ้มและจับมือของอีกฝ่ายพร้อมกับเอ่ยว่า “ก่อ….จลาจล”

เพล้ง!

ช้อนกาแฟในมือของซุนคังเหลียงสั่นอย่างรุนแรง มือปล่อยแก้วกาแฟที่ถืออยู่อย่างไม่รู้ตัว กาแฟหกเต็มโต๊ะ และลูกค้าหลายคนต่างหันมามองที่โต๊ะของพวกเขาเป็นตาเดียว ซุนคังเหลียงหน้าแดงก่ำด้วยความอับอายและรีบโบกมือให้คนทั้งหมด “ไม่มีอะไรครับ ไม่มีอะไร….”

หลังจากนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง เขาก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อควบคุมอารมณ์ของตนเองก่อนจะเอ่ยอย่างขมขื่น “คุณฉินครับ…โปรดอย่าล้อเล่นกับผมแบบนั้น…”

ฉินเย่ย่นคิ้วเข้าหากันอย่างไม่พอใจนักและคิดในใจ ผู้ชายคนนี้ใช้ไม่ได้ เขาไม่รับมุกเอาเสียเลย

“อย่าคิดมาก ผมแค่ทำหน้าที่ของตัวเองเท่านั้น” เขาปรับสีหน้าของคนเอง “ที่ผมปรึกษาเรื่องแบบวาดและซื้ออุปกรณ์จากคุณก็เพราะมิตรภาพของเรา ไม่เช่นนั้นผมคงถามคนอื่นไปนานแล้ว”

ถ้าอย่างนั้นก็ไปถามคนอื่นซะสิ!

แล้วใครเป็นเพื่อนของคุณกัน?! อย่างมากที่สุดพวกเราก็แค่เคยทานข้าวด้วยกันเท่านั้น!

“โอเคครับ…” ซุนคังเหลียงเริ่มรู้สึกเสียใจที่เขาติดต่อใจติดต่อกับฉินเย่ในวันนั้น เขาเอ่ยขึ้นอย่างไร้ชีวิตชีวาว่า “คุณต้องการอะไร? ส่งรายการทั้งหมดมาให้ผมทางวีแชท แล้วเดี๋ยวผมจะเตรียมทุกอย่างให้ภายในหนึ่งสัปดาห์ แต่คุณจะต้องมารับทุกอย่างภายในวันเดียว….”

ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าวัสดุก่อสร้างพวกนี้เป็นเหมือนกับระเบิดเวลาที่รอระเบิดใส่เขากัน?

“ได้ อ้อ!…แล้วผมของยืมเตาเผาขยะด้วยนะ”

นี่คุณเปลี่ยนแผนมารบกวนผมแล้วสินะ?

สมองของซุนคังเหลียงกำลังประมวลผลอย่างไม่หยุดหย่อน ต้องการที่จะหาความเชื่อมโยงของการก่อจลาจล เตาเผาขยะ และวัสดุก่อสร้าง ใบหน้าของเขากระตุกอย่างไม่สามารถควบคุมได้ขณะที่เอ่ยว่า “ได้ครับ…”

หลังจากที่จัดการทุกอย่างตามแผนการที่วางเอาไว้ ในที่สุดฉินเย่ก็กลับไปที่ห้องของตัวเองและปิดประตูลง จากนั้นจึงหยิบปึกยันต์สีแดงออกมาเพื่อที่จะติดต่อกับอาร์ทิส และเผามันแผ่นหนึ่ง

ตอนนี้ปัญหาที่เหลืออยู่มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

หลังจากนั้น ทั้งหมดที่เขาต้องทำก็มีเพียงรอแบบวาดจากแผนกออกแบบอย่างอดทน แล้วจึงกลับไปที่นรกและจัดเรียงกำหนดการทุกอย่างอย่างละเอียดตามระยะเวลาที่กำหนด และบริษัทก่อสร้างหยินก็จะสามารถเริ่มงานของพวกเขาได้ทันที

ในที่สุดทุกอย่างก็รวมเข้าด้วยกัน และความพยายามในการสร้างนรกแห่งใหม่ก็เริ่มเห็นผลแล้ว

พรึ่บ….ยันต์สีแดงตรงหน้าถูกเผาด้วยเปลวไฟสีเขียว แต่มันไม่ได้ส่งกลิ่นเผาไหม้ออกมาเหมือนกับกระดาษธรรมดาทั่วไปเลยสักนิด และเปลวไฟสีเขียวก็สลายไปอย่างรวดเร็ว

เด็กหนุ่มเฝ้ารออย่างอดทน แต่หลังจากผ่านไปสามนาที….

ไร้การตอบรับ

“ของปลอมเหรอเนี่ย?” เขากะพริบตาปริบและเผายันต์อีกแผ่นหนึ่ง

ยังคงไร้การตอบรับ

ยังคงเผายันต์ต่ออีกแผ่น

แต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบรับใด ๆ!

“ให้ตายเถอะ…นี่นางให้ยันต์ปลอม ๆ พวกนี้มาเพื่อเป็นของรับประกันทางจิตใจหรือไง? นางบอกเองไม่ใช่หรือว่าให้เผายันต์หนึ่งแผ่นเมื่อต้องการติดต่อนางน่ะ?” ครั้งนี้ ฉินเย่หยิบยันต์ขึ้นมาสามแผ่นและเผามันพร้อมกัน และในที่สุด น้ำเสียงที่เจือไปด้วยความโกรธเคืองก็ดังก้องไปทั่วห้อง “เจ้าเรียกข้ามากพอหรือยัง?!”

“ข้า…”

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร ‘ข้า’?! เจ้าคิดว่าข้าไม่สังเกตเห็นตอนที่เจ้าเผายันต์แผ่นแรกมาหรือ? ทำไมถึงต้องเผาแผ่นที่สอง และสามตามมา?! เจ้าจะรีบอะไรนักหนา?! นี่เจ้าอยากจะไปเกิดใหม่หรือว่าต้องการจะไว้อาลัยให้ใครบางคนอย่างนั้นหรือ?”

“… ท่านบอกเองไม่ใช่หรือ…”

“ใช่ ข้าบอกว่าเจ้าสามารถติดต่อข้าได้ แต่เจ้าไม่เห็นหรือว่าเวลานี้คือเวลาที่ข้าแบ่งเอาไว้สำหรับดูละครดูหนัง? มันกำลังถึงฉากสำคัญและน้ำตาของข้าก็ไหลออกมาแล้วแท้ ๆ! แต่การรบกวนของเจ้ากลับทำลายอารมณ์พวกนั้นไปจนหมด!”

อย่างนี้นี่เอง….

แสดงว่ามันก็ขึ้นอยู่กับว่านางจะตอบรับคำเรียกหรือไม่ด้วยสินะ?

แล้วมันจะไปมีประโยชน์อะไรกัน?! ท่านเป็นแค่ตุ๊กตายางโง่ ๆ ที่ขึ้นอืดนอนตายอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตัวหนึ่งแท้ ๆ!

[1] โครงการเส้นทางสายไหมคือยุทธศาสตร์การพัฒนาหลักที่ทางรัฐบาลจีนคิดขึ้นจากการรวบรวมผู้เชี่ยวชาญในด้านของการเงินและวิศวกรรมเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในด้านต่างที่อยู่ทั่วยูเรเซียและแอฟริกาตะวันออกเฉียงเหนือ ถูกประกาศเปิดตัวครั้งแรกในปีค.ศ.2013

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

ฉินเย่เด็กหนุ่มมัธยมปลายที่ไม่มีวันแก่ เพราะกิน “เห็ดเทียนสุ่ย” เข้าไปทำให้มีชีวิตอยู่ระหว่างสองโลก เป้าหมายในชีวิตของเขาเพียงต้องการมีชีวิตเล่นเกมอยู่ไปวัน ๆ เท่านั้น แต่ดูเหมือนนรกจะไม่ได้ยินเสียงเรียกร้องของเขา เมื่อนรกถึงกาลอวสาน ผีร้ายออกอาละวาดบนโลกมนุษย์ ทำให้ฉินเย่ที่เป็นยมทูตคนสุดท้ายต้องรับหน้าที่จ้าวนรกเพื่อพิทักษ์โลกใบนี้!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset