ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] – ตอนที่ 144: ผลตอบแทน

บทที่ 144: ผลตอบแทน

ฉินเย่เดินทางกลับมาที่โลกมนุษย์เมื่อพักผ่อนหลังจากที่รับมือกับเรื่องต่าง ๆ ในยมโลก

อาร์ทิสเองก็กลับมาที่เมืองเป่าอันเช่นกัน ขากลับมา นางบอกฉินว่านางเอากระจกส่องกรรมติดตัวมาด้วย และฉินเย่ก็ไม่สามารถโต้แย้งหรือมีปฏิกิริยาอะไรได้

ในวันรุ่งขึ้น เด็กหนุ่มได้ขอวันหยุดจากโจวเซียนหลงเขียนสามวัน แม้ว่าจะเขาจะรู้สึกเสียดายคะแนนการสอนสามคะแนนที่ต้องเสียไป แต่สุดท้ายเขาก็มุ่งหน้าไปที่เมืองใหญ่ของมณฑลอันฮุ่ยทันที

เมืองกู่โม่ เมืองเหิงชวน เมืองโจวอัน…ทีละเมือง เขาเดินทางไปยังแต่ละเมืองตามที่หวงเลี่ยงชวนและคนอื่นบอก เขาใช้เวลาเกือบสองวันเต็ม ๆ กว่าที่เขาจะสามารถทำทั้งหมดนี้สำเร็จ

แม้ว่าจะเคยเผชิญหน้ากับมันมาแล้ว แต่เขาก็ยังต้องตกตะลึงกับความมั่งคั่งและฟุ่มเฟือยของเหล่านักธุรกิจในขณะที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่

โดยเฉพาะอย่างยิ่งคฤหาสน์ของหวงเลี่ยงชวนที่ตั้งอยู่ติดกับวัดซานชิงกวนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเมือง นอกจากนี้ หวงเลี่ยงชวนยังสร้างถนนส่วนตัวสุดหรูที่ทอดยาวออกมาจากเชิงเขาไปจนถึงกลางเขาอีกต่างหาก!

สระว่ายน้ำ ลานอเนกประสงค์ การตกแต่งภายในที่กว้างขวางงดงามตามสไตล์จีนโบราณ โคมไฟพระราชวังที่สว่างไสวไปทั่ว…บรรยากาศของสถานที่แห่งนี้ให้ความรู้สึกเหมือนกับที่พักอาศัยอันแสนหรูหราของเจ้าชายในสมัยโบราณไม่มีผิด

ที่อยู่อาศัยของวิญญาณเศรษฐีคนอื่น ๆ เองก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ฉินเย่พยายามอย่างหนักในการระงับความคิดที่จะปล้นคฤหาสน์เหล่านี้และมุ่งหน้าไปยังจุดหมายอื่น ๆ สองวันต่อมา เขาก็กลับมาที่มหาวิทยาลัยอันฮุ่ยอีกครั้ง

ไม่มีใครสนใจการกลับมาของเขาเลยสักนิด เพราะอย่างไรแล้ว จำนวนของนักศึกษาที่เดินเข้าออกมหาวิทยาลัยไปพร้อมกับกระเป๋าเดินทางนั้นไม่ใช่น้อย ๆ เลย หลังจากเขาซ่อนกระเป๋าเดินทางไว้ใต้เตียงแล้ว ฉินเย่จึงสามารถถอนหายใจออกมาได้อย่างโล่งอก

มีสมบัติมูลค่า 60 ล้านหยวนถูกซ่อนไว้ใต้เตียงของเขา…แม้ว่าเขาจะรู้ว่ามันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนมาปล้นเขา แต่เขาก็ยังรู้สึกกังวลใจอยู่ดี

“อีกไม่นาน…อีกแค่เจ็ดวันเราก็จะกลับไปที่เมืองเป่าอัน กลับไปยังถิ่นฐานของตัวเอง เมื่อถึงตอนนั้นเราก็จะไม่ต้องกังวลอีกต่อไป”

สองสามวันผ่านไป และอาจารย์หลายคนต่างก็กำลังพยายามเฮือกสุดท้าย ตอนนี้ กลุ่มแชทของเหล่าอาจารย์ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆเลยสักนิด…และมันจะเป็นเช่นนี้ไปจนการเรียนสองเดือนจะสิ้นสุดลง

ในคืนนั้นเองโจวเซียนหลงได้ทำลายความเงียบสงบกว่าเดือนครึ่งของกลุ่มแชทด้วยข้อความเสียงที่ยาวเหยียด ข้อความแชททั้งหมดถูกระงับชั่วคราว “เรียนเหล่าอาจารย์ผู้สอนทุกท่าน การฝึกอบรมของเหล่าอาจารย์ตลอดระยะเวลาสองเดือนของเราจะจบลงในวันพรุ่งนี้”

“ผมรู้สึกขอบคุณที่ทุกคนขยันศึกษาหาความรู้กันอย่างหนัก แต่น่าเสียดายที่บางอย่างต่อให้ขยันมากแค่ไหน พวกคุณก็ไม่อาจทำสำเร็จได้อยู่ดี”

“เหล่าอาจารย์คือกลุ่มคนพิเศษ นอกเหนือจากการปัดเป่าดวงวิญญาณตามปกติอย่างที่พวกเราเชี่ยวชาญ ผู้เป็นอาจารย์จะต้องสอนและถ่ายทอดประสบการณ์ของตัวเอง ซึ่งการสอนนั้นแตกต่างจากการกำจัดวิญญาณอย่างสิ้นเชิง ระยะเวลาสองเดือนที่ผ่านมาสมควรที่จะเป็นช่วงวันหยุดฤดูหนาว แต่เหล่าศาสตราจารย์และอาจารย์ของมหาวิทยาลัยอันฮุ่ยก็ยังคงอยู่ต่อเพื่อทำการสอนตามคำร้องขอของสำนัก ดังนั้นผมจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกคุณทุกคนจะยังได้อยู่ที่นี่ในวันพรุ่งนี้”

ฉินเย่ฟังอีกฝ่ายอย่างเงียบ ๆ นี่คือการต่อสู้อย่างเงียบ ๆ ระหว่างผู้ฝึกตนเพื่อทรัพยากรและสถานะ ตัวเองเพื่อตัวเอง เมื่อมีบางคนเป็นผู้นำ ใครบางคนย่อมถูกทิ้งไว้ด้านหลังเป็นธรรมดา

ความเห็นอกเห็นใจนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีความหมาย หลี่เทาได้บอกคำใบ้เกี่ยวกับการแข่งขันที่ดุเดือดนี้ทันทีที่รถบัสขับมาถึงเมืองไดซาน ทุกคนล้วนมีโอกาสในการเข้าถึงเท่ากัน ทว่าในขณะที่คนบางกลุ่มพยายามขวนขวายหามัน คนอีกกลุ่มหนึ่งกลับวางใจและปล่อยปละละเลย

“พรุ่งนี้ เวลา 9 โมงตรง ทางเราจะประกาศรายชื่อของอาจารย์ทั้งหมดอย่างเป็นทางการ รวมถึงผู้ที่อยู่ในการแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งอาจารย์ดีเด่นที่ห้องบรรยายของสาขาวิทยาศาสตร์และการทำวิจัย นอกจากนี้พวกเราก็จะประกาศจำนวนนักเรียนที่สมัครเข้ามาในแต่ละสาขา คุณสมบัติของพวกเรา ตลอดจนองค์กร นิกาย หรือตระกูลของพวกเขาด้วย นี่ก็คือประการแรก”

“ประการที่สอง เราจะประกาศอัตราส่วนของผลประโยชน์ที่อาจารย์และอาจารย์ดีเด่นจะได้รับ รวมถึงจำนวนคะแนนการสอนและเงื่อนไขอื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับการเลื่อนตำแหน่ง”

“ประการที่สาม เราจะประกาศข้อกำหนดในขั้นตอนที่สองสำหรับการประเมินอาจารย์”

“พิธีการมอบรางวัลครั้งแรกจะถูกจัดขึ้น เป็นใครไม่ได้นอกจากผู้อำนวยการสวี่อันกั๋ว กรุณานำเรื่องนี้ไปบอกคนอื่น ๆ ผู้ที่ไม่มาแสดงตนพรุ่งนี้หรือว่ามาสายจะถือว่าหมดสิทธิ์ในการสมัครเป็นอาจารย์โดยอัตโนมัติ”

การฝึกอบรมเป็นเวลากว่าสองเดือนกำลังจะจบลงในที่สุด

ฉินเย่กำลังจะออกจากแอปโม่โม่ ทว่าทันใดนั้นเขาก็เห็นการแจ้งเตือนปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอ

คุณได้รับคำขอเป็นเพื่อนจาก ‘แข็งแกร่งและมีศักยภาพ’

ปฏิเสธทันที

คุณได้รับคำขอเป็นเพื่อนอีกครั้งจาก ‘แข็งแกร่งและมีศักยภาพ’

ปฏิเสธอีกครั้ง

นี่เรามี ID ที่น่ารังเกียจแบบนี้อยู่ในรายชื่อเพื่อนเขาได้อย่างไรกัน?

ทันใดนั้นเอง กลุ่มของเจ้าหน้าที่ระดับ S ก็เด้งขึ้นมา ฉินเย่ได้ปรับการตั้งค่าแอปเป็นยอมรับข้อความ แต่ไม่แจ้งเตือนแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าใครกันที่เกิดปิ๊งเขามา

“ผมเอง อันธพาลท้องถิ่น! คุณปฏิเสธคำขอเป็นเพื่อนของผมทำไม?!” –แข็งแกร่งและมีศักยภาพ ส่งข้อความมาหาเขา

ให้ตายเถอะ…ฉินเย่กลอกตาจนแทบจะเห็นแต่ตาขาว จากนั้นเขาเพียงตอบกลับไปอย่างเกลียดชังไม่แพ้กัน — เจ้าโง่เอ๊ยยย!!

คุณได้รับคำขอเป็นเพื่อนเป็นครั้งที่สามจาก ‘แข็งแกร่งและมีศักยภาพ’

ฉินเย่ระงับความต้องการที่จะพักโทรศัพท์ตัวเองขณะที่กดไปที่ปุ่มรับ

“ว่ายังไง? คุณมั่นใจเกี่ยวกับวันพรุ่งนี้หรือเปล่า?” หลินฮั่นส่งข้อความเสียงมาทันทีที่เขาได้รับการเพิ่มเพื่อน

“เฉย ๆ นะ…ผมหยุดเรียนไปสามวัน โดนหักคะแนนอีกเล็กน้อยเพราะจดบันทึกไม่ดีพอ แถมยังโดนหักเพราะคุณอีก! ไม่อย่างนั้น ผมก็คงไม่ลังเลที่จะบอกว่าตัวเองน่าจะได้อยู่ในระดับต้น ๆ ของชั้นอย่างแน่นอน!” — หนุ่มเนื้อแน่นสุดน่ารัก ตอบ

มันมีบางอย่างแปลกประหลาดและคลุมเครือเกี่ยวกับบทสนทนาระหว่าง หนุ่มเนื้อแน่นสุดน่ารักและแข็งแกร่งและมีศักยภาพ….หางตาของฉินเย่กระตุกอย่างไม่สามารถควบคุมได้ขณะที่เปลี่ยนนามแฝงเป็นหลินฮั่นตามปกติ จากนั้นจึงถามอีกฝ่ายไปว่า “คุณล่ะ?”

“อย่าพูดถึงมัน” หลินฮั่นตอบอย่างโกรธเคือง “ผมเพิ่งทำภารกิจระดับ D สำเร็จเอง ดังนั้นผมไม่มีโอกาสได้เป็นอาจารย์ดีเด่นแน่ ด้วยคะแนนเท่านี้ผมคงถูกผลักไสให้ไปเป็นอาจารย์ธรรมดาแหง ๆ ….คุณพอจะมีวิธีอะไรไหม? ที่จะทำให้ผมได้คะแนนเพิ่มสักสิบหรือ 20 คะแนนภายในข้ามคืนนี้?”

ฉินเย่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงส่งรูปของตนที่ใช้ฟิลเตอร์สามแบบไปให้อีกฝ่าย

แข็งแกร่งและมีศักยภาพ – ????

ฉินเย่จึงอธิบายว่า “แค่ส่งรูปผู้ชายกล้ามโตคนนี้ไป แล้วคุณก็จะสอบผ่านด้วยคะแนนที่ลอยละลิ่ว”

ขณะนี้แข็งแกร่งและมีศักยภาพได้บล็อกคุณแล้ว

คนสมัยนี้ไม่รู้จักอารมณ์ขันเอาเสียเลย…ฉินเย่แสยะยิ้มและโยนโทรศัพท์ไปไว้บนเตียง ก่อนจะเอนหลังนอนและจมสู่ห้วงแห่งนิทรา

เมื่อฉินเย่มาถึงที่ห้องบรรยายของสาขาวิทยาศาสตร์และการทำวิจัยในวันต่อมาเวลา 08.30 น. ทั่วทั้งห้องก็เต็มไปด้วยเหล่าอาจารย์ฝึกหัดนั่งอยู่เป็นจำนวนมากเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทุกอย่างได้รับการตกแต่งอย่างดี และป้ายที่เขียนว่า ‘พิธีมอบรางวัลของสำนักฝึกตนแห่งแรก’ แขวนอยู่ที่ด้านหน้าของห้องบรรยาย โดยมีธงประจำชาติสองผืนถูกแขวนขนาบอยู่ทั้งสองข้าง ตัวเวทีถูกตกแต่งด้วยกระถางต้นไม้จำนวนหนึ่ง ทุกอย่างดูเรียบง่ายและธรรมดามาก

แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น กลับไม่มีอาจารย์คนใดมีท่าทีผ่อนคลายเลยสักนิด พวกเขาต่างนั่งอยู่กับที่อย่างเงียบเชียบ

ครั้งนี้ทุกคนไม่ได้จับกลุ่มนั่งด้วยกัน ฉินเย่คิดว่าเป็นเพราะว่าไม่มีใครอยากให้คนอื่นเห็นสีหน้าผิดหวังของตนเอง และแม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าตำแหน่งของตัวเองปลอดภัย แต่พวกเขาก็ไม่อยากจะผิดหวังพวกเขาอาจจะต้องสูญเสียเพื่อนที่ใช้ชีวิตและทานข้าวด้วยกันมาตลอดสองเดือนไป ดังนั้นคนทั้งหมดจึงนั่งห่างกันสามที่ไปโดยปริยาย แม้แต่หลินฮั่นเองก็นั่งห่างจากฉินเย่เช่นกัน

บรรยากาศภายในห้องบรรยายค่อนข้างตึงเครียดและกดดันเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นไม่นาน เสียงหัวเราะของใครบางคนก็ดังขึ้น “รุ่นใหม่ฉายแสงแทนรุ่นเก่า…ผมไม่คิดว่าตัวเองจะได้อยู่ต่อ ดังนั้นผมขอให้พวกคุณทุกคนมีอนาคตที่สดใสในสำนักฝึกตนแห่งแรกนี้”

“ผู้เฒ่าหลี่พูดเกินไปแล้ว…” เสียงตอบรับดังขึ้นทั่วทั้งห้อง ฉินเย่เลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย ชายผู้ซึ่งพูดขึ้นเมื่อครู่หนึ่งคือชายวัยกลางคนคนหนึ่ง แต่เขาไม่จำไม่ได้ว่าอีกฝ่ายมีนามว่าอะไร

“ผมเองก็คิดว่าตัวเองคงไม่ผ่านเช่นกัน” เสียงหนึ่งดังขึ้น ครั้งนี้เป็นเสียงของชายชราผมขาวคนหนึ่ง

“ผู้ที่สามารถผ่านการประเมินได้จะต้องมีความอดทนและอดกลั้น เพราะสุดท้ายแล้ว การได้มาที่สำนักฝึกตนแห่งแรกเป็นระยะเวลาหนึ่งก็นับว่าเป็นผลงานที่น่าประทับใจมาก พวกเราทุกคนที่นี่ต่างรู้ดีว่าความมั่นคงไม่ได้เกิดขึ้นจากทรัพยากรเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกิดจากนโยบายที่ดีด้วย ด้วยนโยบายใด ๆ ก็ตามที่สนับสนุนสำนักฝึกตน รวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่าตัวสำนักถูกก่อตั้งขึ้นบริเวณใจกลางเมือง พวกเราสามารถมั่นใจได้เลยว่าที่แห่งนี้จะกลายเป็นสถาบันดาวรุ่งแห่งต่อไปของประเทศ!”

หลังจากเสียงตอบรับเล็กน้อย ทุกอย่างก็เงียบลงอย่างรวดเร็ว บรรยากาศโดยรอบผ่อนคลายลงเล็กน้อย และไม่นาน เข็มนาฬิกาก็ตีบอกเวลา 9 โมงตรง พร้อมกับเสียงเพลงอันไพเราะที่ดังผ่านลำโพง คนกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นด้านข้างและค่อย ๆ เดินไปที่เวที เหล่าอาจารย์ทั้งหมดพากันนั่งตัวตรงในทันที

เริ่มขึ้นแล้ว…

พวกเขาทั้งหมดคือกลุ่มหัวกะทิที่มีฝีมือระดับ A เป็นอย่างต่ำ ผลของการตรากตรำฝึกฝนอย่างหนักเป็นเวลาสองเดือนกำลังจะถูกเปิดเผย!

ผู้ที่เดินนำหน้าสุดของกลุ่มคือสวี่อันกั๋ว ตามมาติด ๆ ด้วยเหล่าศาสตราจารย์จำนวนหนึ่งและพวกหัวหน้าสาขา หลังจากโค้งให้กับเหล่าอาจารย์ทั้งหมด ศาสตราจารย์และหัวหน้าสาขาก็นั่งลงที่แถวหน้าของห้อง มีเพียงสวี่อันกั๋วคนเดียวเท่านั้นที่ยังยืนอยู่บนเวที

ด้วยรอยยิ้มบางที่ประดับอยู่บนใบหน้า เขากวาดสายตาไปมองผู้ชมทั้งหมดอย่างสงบนิ่งก่อนจะโค้งให้กับทุกคน “สหายและพี่น้องทุกท่าน สำนักฝึกตนแห่งแรกจะต้องกลายเป็นดินแดนแห่งพันธสัญญาสำหรับเหล่าผู้ฝึกตนทุกคนอย่างไม่ต้องสงสัย ผมเชิญพวกคุณทั้งหมดมาจากทั่วทั้งประเทศ แต่ช่างน่าเศร้าที่ผมไม่สามารถเก็บพวกคุณทุกคนไว้ที่นี่ได้”

จากนั้นเขาก็ยืนตัวตรงและถอนหายใจออกมา “พวกคุณทุกคนต่างเป็นหัวกะทิจากทั่วทุกมุมโลก และก็เป็นหนึ่งในผู้ที่มีฝีมือมากที่สุดในเรื่องของการกำจัดวิญญาณร้าย แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีใครบางกลุ่มที่ถนัดลงมือทำ ในขณะที่คนบางกลุ่มถนัดด้านการพูด และในสำนักฝึกตนแห่งนี้ ปากนั้นเป็นเรื่องสำคัญ แต่การปฏิบัตินั้นสำคัญยิ่งกว่า ดังนั้น…พวกเราจึงต้องตัดสินใจอย่างเด็ดขาด โปรดเข้าใจด้วย”

ทั่วทั้งห้องบรรยายถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ สวี่อันกั๋วหยิบซองสีน้ำตาลที่ถูกผูกเชือกอยู่ออกมาและค่อย ๆ ดึงเชือกนั้นออก จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ หยิบกระดาษแผ่นสีขาวออกมาด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

“หลังจากการสังเกตและตรวจสอบอย่างเข้มงวดเป็นเวลาสองเดือน รายชื่อของบุคลากรของสำนักฝึกตนแห่งแรกมีดังนี้”

เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่งในขณะที่ผู้ฟังต่างรอลุ้นจนแทบลืมหายใจ แม้แต่ฉินเย่เองก็ไม่มีข้อยกเว้น

“อันดับหนึ่งรหัส S9527 90 คะแนนการสอน”

เห้อ… ฉินเย่ถอนหายใจออกมายาวเหยียดอย่างโล่งอก

ในที่สุดฮัสกี้ตัวน้อยก็สามารถเดินเข้าไปในขุมสมบัติอันยิ่งใหญ่

“ข้อสังเกตการณ์: กล้าหาญแต่รอบคอบ แข็งแกร่ง ปรมาจารย์คนแรกในรอบหนึ่งร้อยปีที่มีระดับฝึกฝนขั้นนักล่าวิญญาณในวัยที่น้อยกว่า 20 ปีเพียงคนเดียว ทักษะการสังเกตที่พิถีพิถัน และสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของสถานการณ์ได้อย่างชำนาญ อาจารย์เพียงคนเดียวที่ทำภารกิจระดับ C สำเร็จ….”

หลังจากอ่านข้อสังเกตการณ์ทั้งหมดเป็นเวลากว่าหนึ่งนาทีเต็ม ๆ เขาก็หยุดพูดและมองไปยังทิศทางที่ฉินเย่นั่ง “รหัสS9527 ได้รับการเลื่อนขั้นจากอาจารย์ทั่วไปเป็นอาจารย์ดีเด่นอย่างเป็นทางการ ด้วยเหตุนี้เขาจะสามารถเข้าถึงทรัพยากรและฐานข้อมูลบางส่วนที่มีเพียงระดับผู้ช่วยศาสตราจารย์ขึ้นไปเท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงได้”

สายตาหลายคู่ต้องจับจ้องไปที่ร่างของฉินเย่ มีทั้งอิจฉา ชื่นชม ในขณะที่มีบางส่วนไม่พอใจ แต่ฉินเย่ก็ตอบรับสายตาของคนทั้งหมดด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“อันดับสอง S2328 80 คะแนนการสอน”

ฉินเย่หันไปมองทางซู่เฟิงอย่างประหลาดใจเป็นอย่างมาก แต่ก็พบว่าอีกฝ่ายเพียงปรับระดับแว่นตาของตนนิ่ง ๆ เท่านั้น ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเขาก็สั่นเบา ๆ เด็กหนุ่มรีบเปิดแอปโม่โม่อย่างแอบ ๆ และก็ได้เห็นข้อความที่ดูโกรธเคืองเจือเศร้าจากผู้ที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพที่ส่งมาว่า “เขาได้อันดับสองได้ยังไง?!”

นี่คือข้อความที่ถูกส่งเข้ามาในกลุ่มแชทของระดับ S และผู้ดูแลยิ้มกว้างเหมือนมหาสมุทรก็ตอบกลับทันทีว่า “ก็เพราะว่าคุณมัวแต่ทำตัวโง่ในขณะที่เขาพยายามอย่างหนักยังไงล่ะ”

ฉินเย่ปิดหน้าจอโทรศัพท์ของตนเองและนั่งฟังรายงานต่อ

รายชื่อที่สวี่อันกั๋วเอ่ยออกมานั้นคือรายชื่อของผู้ที่จะได้ต่อไป ซึ่งมันตีความหมายได้เพียงอย่างเดียวก็คือผู้ที่ไม่สามารถรักษาตำแหน่งอาจารย์นั้นมีจำนวนมากกว่า

ราวกับยืนยันข้อสันนิษฐานของเขา สวี่อันกั๋วอ่านรายชื่อของคนทั้งหมดในแผ่นกระดาษหลังจากเวลาผ่านไปเพียง 35 นาที

นอกเหนือจากสามอันดับแรก ชายสูงวัยไม่ได้อ่านข้อสังเกตการณ์ของอาจารย์คนที่เหลือ สิ่งเดียวที่เขาอ่านออกมามีเพียงเลขประจำตัวของพวกเขาเท่านั้น

สายตาของเหล่าอาจารย์คนอื่น ๆ ที่อยู่โดยรอบนั้นอยู่ระหว่างการจ้องมองอย่างคาดหวังเมื่อหมายเลขประจำตัวกำลังจะถูกประกาศออกมาและเหม่อลอยอย่างโศกเศร้าทันทีที่หมายเลขประจำตัวถูกประกาศ

“หมายเลขประจำตัวหมายเลขต่อไปที่ผมจะประกาศคืออาจารย์คนสุดท้ายและท้ายสุดของรายการ” สวี่อันกั๋วเงยหน้าขึ้นและยิ้มให้กับทุกคน “พวกคุณทั้งหมดคือผู้มีความโดดเด่นในสายงานของตนเอง และไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกคุณทำให้การตัดสินใจของพวกเรานั้นเป็นเรื่องยากอย่างไม่น่าเชื่อ จากผู้ที่ตอบรับการสอนกว่าสองร้อยคน พวกเราเหลืออยู่เพียง 65 คนเท่านั้น สิ่งนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณ แต่มันขึ้นอยู่กับทางเรา ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านที่ต้องเดินทางกลับไปในวันนี้จะยังประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องเมื่อกลับไปยังถิ่นฐานเดิมของพวกคุณ และคนสุดท้าย…”

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

ฉินเย่เด็กหนุ่มมัธยมปลายที่ไม่มีวันแก่ เพราะกิน “เห็ดเทียนสุ่ย” เข้าไปทำให้มีชีวิตอยู่ระหว่างสองโลก เป้าหมายในชีวิตของเขาเพียงต้องการมีชีวิตเล่นเกมอยู่ไปวัน ๆ เท่านั้น แต่ดูเหมือนนรกจะไม่ได้ยินเสียงเรียกร้องของเขา เมื่อนรกถึงกาลอวสาน ผีร้ายออกอาละวาดบนโลกมนุษย์ ทำให้ฉินเย่ที่เป็นยมทูตคนสุดท้ายต้องรับหน้าที่จ้าวนรกเพื่อพิทักษ์โลกใบนี้!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset