ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] – ตอนที่ 161: ระเบียบการส่วนที่สองของการประเมินอาจารย์

บทที่ 161: ระเบียบการส่วนที่สองของการประเมินอาจารย์

“เดี๋ยวก่อน…นี่ท่านไปเรียนรู้สิ่งที่เรียกว่าสตรีมมิ่งมาจากที่ไหนกัน? ท่านเป็นถึงอดีตตุลาการนรกที่สูงส่ง ท่านไม่จำเป็นจะต้องลดสถานะของตัวเองไปทำอะไรแบบนั้น…”

มันเป็นเรื่องยากที่จะเกลี้ยกล่อมให้อาร์ทิสยอมแพ้ แต่เขาก็สามารถทำได้ในที่สุด หัวใจของฉินเย่เต้นไม่เป็นจังหวะจากหายนะที่เขาเพิ่งหลีกเลี่ยงมาได้ และเขาก็ไม่กล้าคิดเลยว่าตุ๊กตายางตรงหน้าจะมีความคิดประหลาดอะไรขึ้นมาอีก

นี่เขาคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ที่ช่วยเปิดโลกกว้างให้กับอีกฝ่าย?

เขาไม่กล้าที่จะคิดอะไรไปมากกว่านี้ หน้าเว็บไซต์ที่เขาเข้าอยู่ได้ทำการรีเฟรชตัวเองอีกครั้ง และเด็กหนุ่มก็รีบหันไปสนใจหน้าจอของตนทันที

ในช่วงเช้ามีอาจารย์ทั้งหมดห้าคนที่ได้ทำการเปิดบรรยาย ชื่อของเขายังคงได้อยู่อันดับสูงสุด พร้อมด้วยคะแนน 90 คะแนนที่ปรากฏอยู่ข้าง ๆ

“ศาสตราจารย์ยวีเข้าฟังการบรรยายของข้าด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นการที่ข้าสามารถคว้าตำแหน่งสูงสุดได้ด้วยคะแนน 90 คะแนนจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจอะไร” เขาหยิบกุญแจและปิดประตู “ข้าจะออกไปทานข้าวเที่ยวข้างนอก แล้วก็ว่าจะหลับสักงีบ จากนั้นค่อยไปนั่งฟังการบรรยายของอาจารย์คนอื่น ๆ อีกสักหน่อย ท่านต้องการอะไรหรือไม่?”

ฮัสกี้มีประสาทสัมผัสที่ดีเฉียบคม ในฐานะของฮัสกี้ที่อาศัยอยู่ในฝูงหมาป่า เขาก็จำเป็นจะต้องรวบรวมความรู้เกี่ยวกับเรื่องของฝ่ายตรงข้ามให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แอปโม่โม่ก็ดี แต่มันยังไม่พอ ตอนนี้เขากำลังได้รับโอกาสในการแฝงตัวไปกับพวกฝูงลูกหมาป่าและนั่งฟังการสอนของอาจารย์คนอื่น ๆ มิหนำซ้ำเขายังสามารถแย้มยิ้มอย่างเหนือชั้นออกมาเป็นครั้งคราวเพื่อรบกวนอาจารย์คนอื่น ๆ และทำให้หางตาของพวกเขากระตุกอย่างไม่สามารถควบคุมได้ด้วย….

สวยงาม สวยงามมาก…

อาร์ทิสกำลังเพลิดเพลินอยู่กับชัยชนะของตัวเองขณะที่ฉินเย่ตั้งท่าจะเดินออกจากห้อง ทันใดนั้นนางก็ตะโกนออกไป “เดี๋ยวก่อน”

“?”

“เมื่อสองวันก่อนข้าเพิ่งเอากระเพาะของตัวเองออกมาล้าง เจ้าช่วยทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีและเก็บมันมาให้ข้าตอนที่เจ้าเดินผ่านร้านซักแห้งทางประตูตะวันออกทีนะ”

“…ข้าอาจจะได้ยินผิดไป ท่านช่วยพูดมันออกมาอีกทีได้หรือเปล่า?”

ล้างกระเพาะ?! ข้าบอกให้ท่านกินน้อย ๆ ไง นี่ข้าหวังดีต่อท่านนะ ใครใช้ให้ท่านกินอาหารวันละสามมื้อเหมือนคนปกติกัน! ตอนนี้ท่านเลยต้องมาล้างกระเพาะตัวเองแบบนี้ไง! นี่ท่านรู้ตัวบ้างหรือเปล่าว่าตัวเองเป็นแค่ตุ๊กตายางน่ะ?!

อาร์ทิสมองอีกฝ่ายอย่างทนไม่ไหว “ไม่ใช่ว่ามันเป็นเรื่องปกติหรือที่ต้องล้างท้องหลังจากที่เจ้าทานอาหารมากเกินไปรึไง?! ข้าไม่มีระบบย่อยอาหาร ดังนั้นนี่จะไม่ต่างอะไรจากการย่อยอาหารจากบรรจุภัณฑ์ที่มาใส่ไว้ในท้องของข้า และข้าก็เพิ่งอดอาหารไป…สายตาแบบนั้นมันหมายความว่าอย่างไรกัน?”

“เปล่า…ไม่มีอะไร…ข้าจะไปนำมันมาให้ท่านตอนเที่ยงคืนก็แล้วกัน…” ฉินเย่รู้สึกว่าขาของเขาอ่อนแรงเกินกว่าจะรับน้ำหนักของตัวเองไหว เขารีบปิดประตูลงและเดินออกมาทันที

นางไม่รู้จักขอบเขตเลยจริง ๆ…

นางขอให้เขาไปที่ร้านซักแห้งเพื่อเก็บกระเพาะของตุ๊กตายางกลางวันแสก ๆ แบบนี้อะนะ….ให้ตายเถอะ ชื่อเสียงเขาได้พินาศย่อยยับก็เพราะนางแน่!

ความคิดของเขาล่องลอยไปถึงอนาคตที่อยู่แสนไกล หลายสิบปีต่อจากนี้ ในบ้านพักคนชราที่ไร้ชื่อ เครื่องซักแห้งยังคงทำงานด้วยตัวของมันเอง เขาถอนหายใจออกมาขณะที่มองไปยังท้องฟ้า “ย้อนกลับไปสมัยก่อน เรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้นอยู่หลายสิบครั้ง เราจำได้ว่าครั้งหนึ่ง ตอนที่เราเคยเป็นอาจารย์ที่สำนักฝึกตนแห่งแรก อาจารย์หนุ่มหล่อหน้าตาดี ส่งกระเพาะของตุ๊กตายางไปทำความสะอาด ในกระเพาะของมันเต็มไปด้วยของที่ไม่สามารถระบุได้ มันแสดงให้เห็นถึงรักแท้….บลา บลา บลา….”

นี่ต้องเป็นสาเหตุที่ทำให้ชื่อเสียงของเขาตกต่ำลงอย่างถึงที่สุดแน่นอน!!

เด็กหนุ่มไม่รู้เลยว่าขณะที่เขามุ่งหน้าไปที่โรงอาหาร อาจารย์อีกสี่คนที่เพิ่งได้ทำการบรรยายเสร็จก็กำลังเปิดเว็บไซต์ของสำนักเช่นกัน

“90 คะแนน?” อาจารย์ในวัย 60 ปีจากสาขาทฤษฎียกถ้วยชาของตนขึ้นมา ทว่าเขาไม่ได้จิบมันแต่อย่างใด หางของชายสูงวัยกระตุกอย่างไม่สามารถควบคุมได้

“ทำไมการประเมินในคราวนี้ถึงหละหลวมแบบนี้?” เขาขมวดคิ้วยุ่ง ไม่ใช่หรอกมั้ง…แต่เพราะอะไรพวกเขาจึงให้คะแนนสูงถึงขนาดนี้ได้? นั่นเป็นสิทธิพิเศษที่มีไว้ให้เฉพาะกับพวกผู้บริหารระดับสูงของสำนักเท่านั้น อย่างน้อยพวกเขาก็น่าจะใช้เวลาคิดให้ถี่ถ้วนอีกสักสองสามชั่วโมงไม่ใช่หรือ? หากมีอาจารย์คนอื่นทำให้พวกเขาประหลาดใจได้อีกล่ะ? การให้คะแนนอย่างเป็นทางการตอนนี้ จะไม่ทำให้พวกเขาที่เหลือลำบากใจหรือไง?

“ฉันก็รู้สึกว่าการบรรยายเปิดของตัวเองเมื่อครู่ค่อนข้างดีนะ แล้วฉันก็มั่นใจด้วยว่าคงได้คะแนนไม่ต่ำจนเกินไป รหัส S9527 อาจจะเก่งในเรื่องการต่อสู้ แต่เราก็น่าจะเหนือกว่าเขาในเรื่องการให้ความรู้แก่ผู้อื่น ถ้าเขาได้ 90 คะแนน…เราก็น่าจะได้อย่างน้อย 95 คะแนนสิ….”

เขายังคงปลอบใจตัวเองต่อไป แต่ถึงกระนั้น ด้วยเหตุผลบางประการ เขากลับพบว่าตัวเองไม่สามารถข่มใจให้สงบลงได้…

…………………………………………

ฉินเย่นั่งอยู่ในชั้นเรียนของหลินฮั่นในช่วงบ่ายของวัน เขาพบว่าหลินฮั่นกำลังกลอกตามองมาทางเขา นัยน์ตาราวกับกำลังมองภูเขาที่สูงชันไม่มีผิด

เหอะ ๆ…เมื่อเช้านี้นายได้ไป 90 คะแนน แล้วนายก็มานั่งอยู่ในห้องเพื่อก่อกวนฉัน…ก่อกวนพวกเราทุกคนใช่ไหม!!

แต่ฉินเย่ไม่สนใจสายตานั้น เขานั่งจดบันทึกอย่างจริงจังอยู่ประมาณสิบนาทีของการบรรยาย ทันใดนั้นเขาก็พบว่าการบรรยายของอาจารย์คนอื่น ๆ เองก็ไม่เลวนัก แต่ข้อมูลเชิงลึกของพวกเขาแค่ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของทางศูนย์วิจัย SRC เท่านั้น นี่คือจุดเดียวที่ทำให้ฉินเย่อยู่เหนืออาจารย์คนอื่น ๆ ในตอนนี้

“…ทำไมภูตผีถึงทำร้ายมนุษย์?” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาของหลินฮั่นนั้นฟังได้อย่างรื่นหู ไม่เร็วหรือช้าจนเกินไป บุคลิกของชายหนุ่มแตกต่างไปจากที่พวกเขาเคยเห็นตอนปกติอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งเขายังสวมแว่นดำและพยายามทำตัวให้เหมือนกับหนุ่มหล่อกล้ามโตอีกด้วย

“มันเป็นเพราะว่าพวกภูตผีมีความกระหายต่อเลือดและเนื้อมนุษย์ ตลอดจนพลังหยาง มันเป็นธรรมดาที่มันจะปรารถนาสิ่งที่ตนขาดหายไป ด้วยเหตุนี้…ความกระหายในพลังหยาง เนื้อและเลือดสด ๆ และแม้แต่ดวงวิญญาณของมนุษย์ของมันจึงไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งมันคือเหตุผลว่าทำไมพวกคุณถึงมานั่งอยู่ที่นี่โดยไม่จำเป็นจะต้องได้รับการยืนยันตัวตน เพราะมนุษย์และภูตผีไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้!”

ฮัสกี้ฉินเย่ลอบกลืนน้ำลายอย่างประหม่า

“…แล้วทำไมภูตผีถึงไม่จู่โจมมนุษย์แบบซึ่ง ๆ หน้าได้?”

“นั่นง่ายมาก มันก็เพราะว่าธรรมชาติของพวกมันนั้นอ่อนแอ และไม่สามารถเข้าใกล้ผู้ที่มีพลังหยางที่แข็งแกร่งได้ มีเพียงความตื่นตระหนก หวาดกลัว และหวาดระแวงเท่านั้นที่ทำให้ดวงไฟทั้งสามในร่างกายของมนุษย์สั่นคลอน และเมื่อนั้นภูตผีก็จะสามารถเข้าใกล้มนุษย์ผู้นั้นได้อย่างง่ายดาย นี่จึงเป็นพื้นฐานของการโจมตีภูตผีส่วนใหญ่ และมันก็อธิบายให้เข้าใจได้ว่าทำไมภูตผีถึงเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในหมู่มนุษย์ปกติ เป็นเพราะว่าพวกมันทำให้มนุษย์หวาดกลัว แต่พวกเรานั้นแตกต่างออกไป ตั้งแต่แรกเริ่ม พวกเราทั้งหมดต่างพยายามฝึกฝนและปรับสภาพให้ละทิ้งซึ่งความหวาดกลัวในจิตใจ จงจำสิ่งนี้เอาไว้ว่า ภูตผีระดับต่ำจะสามารถทำได้เพียงกระตุ้นความหวาดกลัวในใจของพวกคุณ แต่พวกมันไม่มีทางทำอะไรพวกคุณได้!”

การบรรยายสองชั่วโมงจบลงอย่างรวดเร็ว ฉินเย่ได้ข้อมูลมากมายจากการบรรยายของอีกฝ่าย เขาปิดสมุดและเดินออกจากห้อง เด็กหนุ่มทำได้เพียงจินตนาการถึงสีหน้าของหลินฮั่นที่จะแสดงออกมาขณะที่มองดูเขาเดินออกจากห้อง…

ทันทีที่ฉินเย่เดินออกมาทางประตูหลังของห้องบรรยาย เสียงแจ้งเตือนจากแอปโม่โม่ของเขาก็ดังขึ้น

“ส่วนที่สองของการประเมินอาจารย์และอาจารย์ดีเด่น ระเบียบการทั้งหมดมีดังนี้…” — หัวหน้าสาขาโจว

“ประการที่ 1: ทางเราจะประกาศคะแนนการสอนให้กับอาจารย์ทุกคนท่านได้รับทราบในทุกวันเวลา 18.00 น.”

“ประการที่ 2: เมื่อภาคการศึกษาใหม่เริ่มขึ้น อาจารย์ทุกคนจะได้รับคะแนนการสอนครึ่งหนึ่งจากคะแนนการสอนทั้งหมดที่ได้จากภาคการศึกษาที่ผ่านมา ทุกชั้นเรียนหรือการบรรยายจะให้คะแนนโดยตัวแทนนักเรียน ผู้เป็นอาจารย์จะได้รับคะแนนการสอนเพิ่ม 1 คะแนนสำหรับทุก ๆ 10 คะแนนที่ได้รับ”

“ในแต่ละไตรมาส ทางสำนักจะสุ่มประเมินการสอนของอาจารย์แต่ละท่านเป็นจำนวนสามครั้ง อาจารย์ทุกท่านห้ามสร้างความกดดันเหล่าตัวแทนนักเรียน หรือลิดรอนอิสระในการให้คะแนนของพวกเขาไม่ว่าด้วยวิธีการใดก็ตาม หากมีการตรวจสอบว่าคะแนนของตัวแทนนักเรียนไม่สอดคล้องถึงการปฏิบัติหน้าที่ของอาจารย์ผู้สอน คะแนนการสอนของอาจารย์ผู้นั้นจะถูกลดลงกึ่งหนึ่ง”

“ประการที่ 3: การเรียนรู้ด้วยตัวเองในช่วงเย็นของทุกวันจะเป็นโอกาสเพิ่มคะแนนการสอนให้กับเหล่าอาจารย์ นักเรียนจะสามารถใช้ช่วงเวลานี้ในการทบทวนบทเรียนสำหรับวันต่อไป และอาจารย์ก็สามารถปล่อยพวกเขาตามอัธยาศัยได้ นักเรียนยังสามารถฝึกฝนทักษะและความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาได้เช่นกัน พื้นที่ทั้งหมดบริเวณโรงยิมจะถูกดัดแปลงให้เป็นห้องฝึกซ้อมของทางสำนัก โดยห้องฝึกซ้อมจะเปิดตั้งแต่เวลา 19.00 น. – 00.30 น. ของทุกวัน”

“อาจารย์ผู้สอนจะได้รับหนึ่งคะแนนการสอนต่อหนึ่งวันการดูแลการฝึกซ้อมของนักเรียน”

“ทางสำนักจะประกาศคะแนนการสอนสะสม ลำดับที่ ตลอดจนเงื่อนไขต่าง ๆ สำหรับเกณฑ์การคัดเลือกอาจารย์ดีเด่น”

ในเวลาเดียวกันนี้ อาจารย์ทั้งหมดในสำนักต่างหยุดทุกอย่างที่กำลังทำ ไม่ว่าพวกเขาจะเพิ่งสอนเสร็จ กำลังเตรียมการบรรยายอยู่ที่ห้อง หรือกำลังเล่นบาสเกตบอลอยู่กับพวกนักเรียนอยู่ ก้มอ่านข้อความในโทรศัพท์มือถืออย่างละเอียด

เป็นอย่างที่คิด…ฉินเย่เม้มปาก หลี่เทาและสวี่อันกั๋วสมควรที่จะปัสสาวะลงในหม้อเดียวกันจริง ๆ…ทำไมเรื่องพวกนี้พวกคุณต้องทำก่อนที่จะประกาศมันออกมาก่อนอยู่เรื่อย ราวกับว่าพวกเขากำลังจะบอกอย่างไม่ใส่ใจว่า ‘ไม่มีกรณีพิเศษสำหรับการประเมินอาจารย์ครั้งที่สองหรอกนะ’

ใครโดนความชั่วร้ายของพวกเขาครอบงำ น่ากลัวทั้งชีวิตนี้คงไม่มีวันได้ขึ้นเป็นอาจารย์ดีเด่นได้หรอก พวกเขาจะต้องถูกบังคับให้เดินวนอยู่ในเกรดแอลฟา ไม่สามารถออกมาจากจุดนั้นได้

“เหตุใดพวกเจ้าถึงยังไม่ตายสักที? ข้าอุตส่าห์เตรียมที่นั่งในยมโลกไว้ให้แล้วแท้ ๆ…รู้บ้างหรือเปล่าว่าพวกคนในแดนมนุษย์อยากจะกระทืบเจ้าสองคนมากเพียงใด? มาอยู่ภายใต้ปีกของข้าสิ ข้ารับรองเลยว่าพวกเจ้าจะสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ….”

ฉินเย่มองไปยังห้องทำงานของหลี่เทาและสวี่อันกั๋วอย่างไม่พอใจ เขาจำได้ราง ๆ ว่าสวี่อันกั๋วเพิ่งทำการตรวจร่างกายไปเมื่อปีที่แล้ว บางทีเขาควรจะไปที่โรงพยาบาลเพื่อหาว่าเขามีโรคเรื้อรังอะไรบ้างหรือเปล่า…ถ้าเจอจริง ๆ ละก็ เขาน่าจะต้องเตรียมพลุไว้จัดงานเฉลิมฉลองสักสองสามวันเสียแล้ว….

ข้อความของโจวเซียนหลงสิ้นสุดลง ในขณะที่ไฟล์เอกสารไฟล์หนึ่งปรากฏขึ้นมาในกลุ่มอาจารย์ของสำนักฝึกตนแห่งแรก พวกเขาจึงกดเข้าไปเพื่ออ่านดูเนื้อหาด้านใน

“เกณฑ์สำหรับอาจารย์ดีเด่น”

“ประการที่ 1: คุณจะสามารถเลื่อนขั้นเป็นอาจารย์ดีเด่นได้หากคุณมีคะแนนการสอน 1,300 คะแนนภายในหนึ่งภาคการศึกษา”

ฉินเย่เริ่มการคำนวณในหัวทันที

โดยเฉลี่ยแล้วอาจารย์แต่ละคนจะมีคาบสอนทุก ๆ สองวัน ซึ่งนั่นคิดเป็น 15 ครั้งต่อเดือน สมมติฐานว่าเราสามารถรักษาระดับคะแนนให้ได้ 80 ต่อครั้ง คิดตามอัตราส่วน 10:1 ก็จะทำให้ได้คะแนนการสอน 8 คะแนนต่อครั้ง ดังนั้น หากอ้างอิงตามคะแนนจากชั้นเรียนเพียงอย่างเดียว เราก็จะได้คะแนนการสอนประมาณ 120 คะแนนต่อเดือน

นอกจากนี้ หากเราดูแลการฝึกซ้อมของพวกนักเรียนในทุกคืน เราก็จะได้คะแนนการสอนเพิ่มอีก 30 คะแนนต่อเดือน ด้วยวิธีนั้น เราก็จะมีคะแนนการสอนตายตัวอยู่ที่ 150 คะแนนสำหรับแต่ละเดือน ในหนึ่งภาคการศึกษามีระยะเวลาทั้งสิ้นหกเดือน นั่นคิดเป็น 900 คะแนน!

แต่นั่นก็ยังห่างจากข้อกำหนด 1,300 คะแนนอยู่ดี แต่…มันก็น่าจะมีช่องทางการรับคะแนนการสอนจากการสอบกลางภาคและการสอบปลายภาคอีก นอกจากนี้ มันยังมีคะแนนที่เขามีสะสมได้จากการฝึกอบรมที่เมืองไดซานด้วย

เด็กหนุ่มอ่านต่อ

และก็เป็นอย่างที่คาด เงื่อนไขประการที่ 2 ยืนยันข้อสงสัยของเขา “ตราบใดที่มีนักเรียนอย่างน้อยห้าคนในสาขาที่ได้คะแนนกลางภาคและปลายภาคมากกว่า 90 คะแนน อาจารย์ผู้สอนทุกคนในสาขาดังกล่าวจะได้รับคะแนนการสอนเพิ่มอีก 100 คะแนน นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้รับคะแนนพิเศษเป็นครั้งคราว ยกตัวอย่างเช่นตอนที่พวกคุณเคยประสบมาเมื่อครั้งที่อยู่ที่เมืองไดซาน ในอนาคต เมื่อสำนักฝึกตนแห่งแรกได้สร้างชื่อให้ตัวเองแล้ว อาจมีนิกายหลักหรือผู้มีอำนาจเข้ามาติดต่อเพื่อขอความคิดเห็นหรือนิกายอื่น ๆ ที่มาขอสังเกตการเรียนการสอนของเรา ทั้งหมดนี้คือโอกาสที่อาจารย์ผู้สอนมีอิสระในการร้องขอได้”

“ประการที่ 3: อาจารย์ที่มีการตีพิมพ์วิทยานิพนธ์ในหน้าแรกของ ‘วารสารการบ่มเพาะ’ จะได้รับคะแนนการสอนเพิ่ม 666 คะแนนในภาคการศึกษานั้น การได้รับตราความดีขั้นที่ 2 จะทำให้อาจารย์ทุกท่านในสาขาดังกล่าวได้คะแนนการสอนเพิ่มอีก 150 คะแนน”

“ประการที่ 4: อาจารย์ผู้สอนที่ได้รับคำเชิญให้เข้าร่วม ‘การชุมนุมผู้ฝึกตนรายไตรมาส’ หรือ ‘การประชุมสุดยอดของเหล่าผู้ฝึกตน’ จะได้รับคะแนนการสอนเพิ่ม 150 คะแนน และอาจารย์ท่านอื่น ๆ ที่อยู่ในสาขาดังกล่าวก็จะได้รับคะแนนการสอนเพิ่มท่านละ 50 คะแนน”

“ประการที่ 5: เมื่อสิ้นสุดภาคการศึกษา อาจารย์ทุกท่านจะถูกจัดอันดับตามคะแนนการสอนสะสมทั้งหมด และอาจารย์ที่ได้ห้าอันดับแรกจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นอาจารย์ดีเด่น และมีสิทธิ์ที่จะเข้าถึงสมบัติเกรดแกมมาได้”

“ประการที่ 6: สำหรับวันนี้ ห้องฝึกซ้อมจะยังคงปิดอยู่เนื่องจากมีการซ่อมบำรุง คลังสมบัติเกรดแอลฟาจะถูกเปิดในคืนนี้เวลา 20.00 น. ผู้ที่ต้องการแลกสมบัติสามารถมารวมตัวกันที่สนามบาสเกตบอลเวลา 19.30 น.เพื่อการแลกเปลี่ยนที่รวดเร็วที่สุด ท่านสามารถตรวจสอบคะแนนความดีสะสมของตนเองได้ตลอดเวลาที่คลังสมบัติยังคงเปิดอยู่ ทั้งนี้ คลังสมบัติจะเปิดให้แลกได้ในวันแรกของทุกเดือน”

ขณะที่คนทั้งหมดอ่านประการทั้งหมดกำลังจะจบ ภาพถ่ายหน้าจอภาพหนึ่งก็ถูกส่งเข้ามาในกลุ่ม

และครั้งนี้ มันคืออันดับของคะแนนการสอนสะสมในปัจจุบัน

“อันดับที่ 1: สาขาการต่อสู้ S9527 – 183 คะแนนการสอน หมายเหตุ: ทำภารกิจระดับ C ‘ภารกิจเขตไล่ล่าที่สาบสูญ’ ที่เมืองไดซานสำเร็จ + 93 คะแนน; จากการบรรยายเปิด + 90 คะแนน คะแนนการสอนสะสมทั้งหมด 183 คะแนน”

สายตาของคนทั้งหมดชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นคะแนนของเด็กหนุ่ม จากนั้นจึงไล่ลงมาเพื่อดูผู้ที่อันดับ 2

พวกเขาจะไม่รู้เลยว่าคะแนนของฉินเย่สูงหรือไม่ ถ้ายังไม่เห็นคะแนนของคู่แข่ง

“อันดับที่ 2: สาขาทฤษฎี A6634 – 144 คะแนนการสอน หมายเหตุ: ทำภารกิจระดับ E ที่เมืองไดซานสำเร็จ + 74 คะแนน; จากการบรรยายเปิด + 70 คะแนน คะแนนการสอนสะสมทั้งหมด 144 คะแนน”

ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ

อาจารย์ทั้งหมดจ้องแอปโม่โม่ของตัวเองอย่างตะลึงงัน

A6634 หรือที่รู้จักกันในฐานะของอาจารย์หวางเฉิงหยางจากสาขาทฤษฎีที่อยู่ในวัย 60 ปี เขาขยี้ตาตัวเองอย่างเหลือเชื่อ คิดว่าตนคงจะตาฝาดไป

144 คะแนน?

ถ้าไม่มีกันเปรียบเทียบพวกเขาก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวดแบบนี้เลย รหัส S9527 ได้คะแนนสูงถึง 183 คะแนนได้อย่างไรกัน?!

ความแตกต่างระหว่างอันดับที่ 1 และอันดับที่ 2 นั้นกว้างถึงขนาดที่มิติทั้งมิติสามารถตั้งอยู่ระหว่างพวกเขาได้!

ให้ตายเถอะ ช่องว่าง 50 คะแนนนั่นมันมาจากไหน?! 90 คะแนนสำหรับการบรรยายเปิด?! ในขณะที่พวกเขารู้สึกว่าตัวเองทำการบรรยายได้ดีแต่กลับได้แค่ 70 คะแนนเนี่ยนะ?!

แถมเมื่อบ่ายที่ผ่านมาฉินเย่ยังมานั่งฟังพวกเขาอย่างสบายใจเฉิบด้วย!

“พระเจ้าช่วย…” หลินฮั่นอ้าปากค้างขณะที่ไถ่หน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง “คะแนนของภาคการศึกษานี้มันเคร่งชะมัด…แต่เจ้าเด็กนั่นกลับได้คะแนนไปเกือบ 200 คะแนนแล้วเนี่ยนะ?! เขามันไม่ใช่มนุษย์แล้ว!”

จากอาจารย์ทั้งหมดห้าท่านที่ได้ทำการบรรยายเปิดเมื่อเช้านี้ ไม่มีคนไหนที่ได้คะแนนมากกว่า 75 คะแนน นอกจากฉินเย่!

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

Status: Ongoing
ฉินเย่เด็กหนุ่มมัธยมปลายที่ไม่มีวันแก่ เพราะกิน “เห็ดเทียนสุ่ย” เข้าไปทำให้มีชีวิตอยู่ระหว่างสองโลก เป้าหมายในชีวิตของเขาเพียงต้องการมีชีวิตเล่นเกมอยู่ไปวัน ๆ เท่านั้น แต่ดูเหมือนนรกจะไม่ได้ยินเสียงเรียกร้องของเขา เมื่อนรกถึงกาลอวสาน ผีร้ายออกอาละวาดบนโลกมนุษย์ ทำให้ฉินเย่ที่เป็นยมทูตคนสุดท้ายต้องรับหน้าที่จ้าวนรกเพื่อพิทักษ์โลกใบนี้!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset