ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] – ตอนที่ 41การตรวจสอบ

บทที่ 41การตรวจสอบ

“ไม่มีใครรู้หรอกครับ ผมได้ยินมาว่าเป็นเพราะมีคนร้ายหลบหนี แต่ทางการได้ประกาศบอกเมื่อเดือนที่แล้วว่าพวกเขากำลังอยู่ระหว่างการซ้อมรบอย่างลับ ๆ เมืองทั้งเมืองอาจถูกควบคุมภายใต้กฎอัยการศึกเป็นเวลาห้าหรืออาจจะหกปี คุณรู้หรือเปล่าว่าแม้แต่สภาท้องถิ่นของเรายังแทบคลั่ง! ตอนนี้มีตำรวจติดอาวุธลาดตระเวนทุกหนทุกแห่งของเมืองเต็มไปหมด”

หลังจากถามชายหนุ่มอีกสองสามคำก็ผละจากไป

หวังเฉิงห่าวกะพริบตา ฉินเย่จุดบุหรี่และพึมพำ “สถานการณ์เหมือนแย่กว่าที่ฉันคิดไว้นิดหน่อย”

“ตอนนี้ฉันเพิ่งรู้ว่า ดูเหมือนมณฑลเสฉวนจะเป็นเมืองสุดท้ายที่เพิ่งจะประกาศข้อความนั้น และยังเป็นเมืองสุดท้ายที่มีการใช้เคอร์ฟิว เนื่องจากเป็นถิ่นของนักพรตเต๋าแซ่จางคนนั้น… ”

ฉินเย่เหล่ตาและจ้องมองไปที่เมืองเป่าอัน “ที่นี่มีเคอร์ฟิวตั้งแต่เมื่อสี่เดือนที่แล้ว หมายความว่าเหตุการณ์เหนือธรรมชาติได้แพร่กระจายเป็นวงกว้างตั้งนานแล้ว ไม่ว่าจะภูตผีหรือว่าพวกทหารของรัฐบาล เกรงว่าสถานการณ์จะรุนแรงกว่าเมืองเล็ก ๆ อย่างเมืองชิงซีหลายสิบเท่า”

เขาสามารถมองเห็นเลยว่ามีเมฆพลังหยินที่เป็นลางไม่ดีลอยอยู่เหนือใจกลางเมือง!

แม้ว่าเขาจะไม่สามารถหยั่งรู้ถึงสิ่งที่อยู่ภายในเมืองได้

รัฐบาลจะต้องลงทุนทรัพยากรและกำลังคนมากแค่ไหนเพื่อที่จะรักษาสิ่งต่าง ๆ ให้สมดุล และเพื่อให้พลเมืองของพวกเขาลืมเลือนความหวาดกลัว เพื่อให้ดำเนินชีวิตตามปกติต่อไปได้

ความคิดเหล่านี้ทำให้ฉินเย่ภาคภูมิใจในศักยภาพของประเทศของเขาชั่วขณะ

“ หืม? ทำหน้าอะไรของนายอยู่น่ะ”

ริมฝีปากของหวังเฉิงห่าวกระตุกเล็กน้อย“ ไม่มีอะไรหรอก…ฉันแค่นึกขึ้นได้ ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ฉันให้เงิน 300,000 หยวนกับนายไปแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมนายถึงยังเอาเงินจากกระเป๋าตังค์ของฉัน เป็นเรื่องธรรมดาที่ … ”

ในที่สุดการจราจรก็ขยับอีกครั้ง สามสิบนาทีต่อมาก็ขับมาถึงด่านเก็บเงินแล้ว ทว่าจู่ ๆ สายตาของฉินเย่ก็เปลี่ยนไป เขาพึมพำด้วยเสียงต่ำ “เดี๋ยว ไม่ว่ายังไงห้ามนายแตกตื่นเด็ดขาด ให้ฉันเป็นคนพูดเอง “

“อะไร?” ร่างกายของหวังเฉิงห่าวเกร็งขึ้นเล็กน้อย ฉินเย่ตบหลังของเขาเบา ๆ “ นิ่งไว้ หากนายอยากบรรลุสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตนายต้องแสดงตนด้วยจิตวิญญาณที่แน่วแน่ แม้ว่าภูเขาไท่ซานจะพังทลายลงต่อหน้าต่อตาก็ตาม นี่ไม่น่ามีอะไรมาก น่าจะเป็นแค่การตรวจสอบตามปกติ นายไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น”

หวังเฉิงห่าวอ้าปากค้าง “ มันเป็น …คนจากมณฑลเสฉวนเหรอ?”

พวกเขาเดินทางมาไกลจากมณฑลเสฉวน เจ้าหน้าที่น่าจะรู้ถึงการหายตัวไปของพวกเขาแล้ว พวกเขาจึงวางแผนรับมือมาตลอดการเดินทาง จนถึงตอนนี้พวกเขาไม่เคยหยุดรถเลยแม้แต่ครั้งเดียว สิ่งนี้ทำให้พวกเขาค่อนข้างสับสน

“ ฉันไม่รู้” ฉินเย่เอนหลังพิงเบาะ“ หากมีอะไรเกิดขึ้น ก็เตรียมตัววิ่งหนีไปซะ”

“ … ไหนนายบอกให้แสดงตนด้วยจิตวิญญาณที่แน่วแน่แม้ว่าภูเขาไท่ซานจะพังทลายลงต่อหน้าต่อตา ก็อย่าตกใจไง?!”

ฉินเย่กลอกตาของเขา “ไม่ตกใจมันเกี่ยวอะไรกับการวิ่งหนีกัน”

หวังเฉิงห่าวรู้สึกโกรธจนเลือดขึ้นหน้า สีหน้าบูดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด

นี่กำลังบอกให้ฉันทำหน้านิ่ง ๆ แล้ววิ่งให้เร็วที่สุดเหรอ?

หรือกำลังจะบอกว่าให้สงบสติอารมณ์ในขณะที่ฉันวิ่ง

ให้ตายเถอะ … แม้ว่าทุกอย่างจะฟังดูสมเหตุสมผล แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนกับว่าคำแนะนำนี้มีบางอย่างทะแม่ง ๆ …หรือว่าฉันเข้าใจผิดไปเอง?

ในขณะที่พวกเขาเข้าใกล้ทางเข้ามากขึ้น หวังเฉิงห่าวอ้าปากค้างและจับรอบพวงมาลัยแน่นขึ้นทันที

ทหาร

นี่เป็นเพียงทางเข้าเมืองเล็ก ๆ ของมณฑลเท่านั้น แต่ตอนนี้กลับถูกควบคุมโดยพวกตำรวจติดอาวุธเกือบร้อยนายพร้อมปืนและกระสุนครบมือ มีรถตำรวจเกือบสิบคันที่ติดไฟสีน้ำเงินและแดงตลอดเวลา นอกจากด่านเก็บเงินแล้วยังมีเต็นท์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านหลังด่านเก็บเงิน ซึ่งถูกสร้างขึ้นตลอดทางหลวงที่มุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมือง!

ราวกับปากของสัตว์ร้ายขนาดยักษ์ที่กำลังกลืนกินยานพาหนะทุกคันเข้าไป ด่านเก็บเงินขนาดใหญ่ดูมืดมนอย่างไม่น่าเชื่อ ปืนสีดำตั้งเรียงราย พร้อมกับแท่นป้องกันสามแถว ไม่มีใครที่ผ่านด่านเก็บเงินนี้แล้วกล้าก่อเหตุเลย

ในไม่ช้าพวกเขาก็ต้องผ่านด่านเก็บเงิน พวกผ่านด่านเก็บเงินอิเล็กทรอนิกส์ก่อน ทหารติดอาวุธหนักสวมเครื่องแบบลายพรางและหมวกกันน็อกยืนเฝ้าเป็นแถวเต็มสองข้างของช่อง ทำให้รถที่ต้องขับผ่านรู้สึกมืดมนและหวาดหวั่น

ด่านเก็บเงินที่ปกติจะมีพนักงานหญิงดูแล ก็ถูกแทนที่ด้วยผู้ชายในชุดสูทสีดำที่มีสีหน้าเคร่งเครียดแทน พวกเขาสวมตราสามเหลี่ยมที่หน้าอกมีรูปตาอยู่ตรงกลาง และฉินเย่ก็รู้สึกว่าไม่ควรจ้องมองป้ายเหล่านี้นานเกินไปกัน

พวกเขาเคลียร์ด่านเก็บเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ แต่กำแพงกั้นกลับไม่ยกขึ้น

“ ลุงครับ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า” หวังเฉิงห่าวปิดหน้าต่างและถามชายที่อยู่ในด่าน

เขามองไปที่คอมพิวเตอร์ของเขา ชายในชุดสูทตอบว่า “รถนี้มาจากมณฑลเสฉวนเหรอ?”

“ใช่ครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ?”

ชายในชุดสูทกดปุ่ม“ เลนแรกทางขวา”

หวังเฉิงห่าวกลับไปที่นั่งของเขาด้วยความหงุดหงิดและขับไปทางขวา ตอนนั้นเองที่เขารู้ว่ารถทุกคันในเลนแรกเป็นรถที่มาจากต่างจังหวัดทั้งสิ้น!

ทุกสิ่งที่อยู่ในเลนนี้ก็แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง

บรรดาผู้ที่ขับผ่านเต็นท์มืดครึ้มล้วนถูกล้อมรอบไปด้วยตำรวจติดอาวุธ แต่ไม่มีตำรวจแม้แต่คนเดียวที่ดูแลเลนนี้เลย

เลนนี้ติดตั้งเซนเซอร์อินฟราเรดหลายตัว โดยแต่ละเลนจะอยู่ห่างกันสามก้าว กล้องเหล่านี้มีอยู่ทั่วทิศ ทั้งด้านบนและด้านล่างและรอบ ๆ ยานพาหนะ มันได้รับการออกแบบเพื่อสแกนและจับทุกรายละเอียดรวมถึงด้านล่างของรถด้วย!

“ ฮ่าฮ่า … ” ฉินเย่หายใจเข้าลึก ช่างเป็นประเทศกล้าทำเรื่องแบบนี้เสียจริง… ประเทศที่ยังเป็นอธิปไตยอยู่คงได้แค่คิด แต่ทำไม่ได้แน่

รถทุกคันจะต้องเข้าไปในเต็นท์ที่ปิดมิดชิด ทันทีที่รถเข้าใกล้เต็นท์ก็จะมองเห็นแสงสว่างมาจากภายใน

มีทหารรักษาการณ์ประจำการอยู่ทุก ๆ สามถึงห้าก้าวอยู่ภายในเต็นท์ แต่รถที่เข้าไปได้กลับมีเพียงคันเดียว!

“ เรียนผู้ขับขี่และผู้โดยสาร” เสียงของผู้หญิงที่ไพเราะตัดผ่านความเงียบ “ ยินดีต้อนรับสู่เมืองเป่าอัน เมืองเป่าอันตั้งอยู่ที่ชายแดนตะวันออกเฉียงใต้ของมณฑลอันฮุ่ย … ”

หลังจากการเกริ่นนำหลายวินาทีเสียงของผู้หญิงก็พูดต่อว่า“ … จากการฝึกซ้อมทางทหารครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในเมืองเป่าอันเมืองเป่าอันได้ยกระดับการแจ้งเตือนความปลอดภัยเป็น “สีส้ม” ยานพาหนะและบุคลากรขาเข้าและขาออกทั้งหมดจะต้องได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียด ใครที่ปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือจะถูกเพิกเฉย ทุกคนที่ละเมิดกฎจะต้องได้รับผลของการกระทำของตน ขอขอบคุณอีกครั้งสำหรับความร่วมมือ … ”

หวังเฉิงห่าวและฉินเย่มองหน้ากันก่อนที่จะหันไปมองกำแพงเหล็กขนาดใหญ่ที่ยื่นลงมาตรงหน้าพวกเขา พวกเขาลงจากรถเงียบ ๆ

ชายในชุดสูทสีดำกำลังรอพวกเขาอยู่นอกรถ เขาพยักหน้าให้พวกเขาและเดินไปที่เต็นท์เล็ก ๆ ข้าง ๆ กัน

เต็นท์นั้นดูเรียบง่ายมาก มีเพียงชายชราผมสีขาวนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน เก้าอี้สองตัวตั้งอยู่อีกด้านหนึ่งของโต๊ะทำงานของเขา นอกจากคอมพิวเตอร์แล้วสิ่งเดียวที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของเขาคือวัตถุขนาดเล็กที่ดูเหมือนลูกแก้ว ทันทีที่พวกเขาเดินเข้าไปชายชราก็เงยหน้าขึ้นและชี้ให้พวกเขานั่งตรงหน้าเขา

ชายชราจ้องตรงเข้าไปในดวงตาของพวกเขาราวกับว่าสายตาของเขาสามารถจ้องมองตรงผ่านจิตวิญญาณของพวกเขาได้ เขาเริ่มคำถามที่เป็นกิจวัตร “ คุณมีธุระอะไรในเมืองเป่าอัน”

เขาไม่ได้ขอชื่อที่อยู่หรือข้อมูลสำคัญอื่น ๆ เพื่อตรวจสอบ คำถามแรกที่เขาถามคือจุดประสงค์ของการมาเยืยนครั้งนี้

ทั้งกระชับและตรงไปตรงมา

แทบไม่มีเวลาสำหรับการพิจารณา แต่ก็ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องโกหก

ทันทีที่ชายคนนั้นพูด ฉินเย่ก็กำหมัดใต้โต๊ะ

เป็นลมหายใจของผู้ฝึกตน

เจ้าหน้าที่ที่ทำการสืบสวน จริง ๆ แล้วเป็นผู้ฝึกตน!

เพียงเขาหายใจแรงหรือมีพิรุธแม้เพียงเล็กน้อย อีกฝ่ายก็จะจัดการเขาได้ตลอดเวลา!

ความสามารถของเขาไม่ได้อยู่ในขั้นยมทูตระดับยมเทพ ความจริงที่ว่ามีการใช้ผู้ฝึกตนในการสืบสวนดังกล่าว อาจบอกได้ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังบางอย่างของพวกทหารในเมืองเป่าอัน

ทันทีที่เขาเข้ามาในเต็นท์ร่างกายของหวังเฉิงห่าวเครียดเกร็งอย่างไม่น่าเชื่อ ท้ายที่สุดแล้วการหายใจเพียงครั้งเดียวของพลังที่แท้จริงจากผู้ฝึกฝนก็ทำให้ความกลัวเข้าสู่จิตใจของมนุษย์ได้ ฉินเย่จึงแอบตบมือของหวังเฉิงห่าวอย่างระมัดระวัง “ปะ..ไปเรียน… ”

“โรงเรียนอะไร ยังไม่ถึงเวลาเปิดเรียนเลยนี่”

ฉินเย่ตอบทันทีว่า“ ญาติของพ่อผมเป็นรองอัยการสูงสุดชื่อว่าจางเปากัว ผมกำลังจะย้ายมาเรียนที่นี่ในปีนี้ครับ”

“ รองอัยการสูงสุดจางเปากัว?” ชายชราเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจและจ้องมองพวกเขาอีกพักหนึ่ง“ ได้”

ชื่อของผู้เฒ่าจางมีน้ำหนักมากจริงๆ … ฉินเย่กำลังจะลุกขึ้นยืน แต่ชายชราที่โต๊ะทำงานก็พูดขึ้นอีกครั้ง “รอเดี๋ยว”

เกิดความเงียบชั่วขณะ

เขาพูดต่อ“ วางมือลงบนลูกแก้วและอย่าคิดเรื่องอื่น ทำจิตใจให้ว่างเปล่า หากเสร็จแล้วจะบอก”

ทั้งคู่ทำตามที่เขาบอก

ฉินเย่ปิดตาของเขา ระหว่างที่เขากำลังทำให้จิตใจว่างเปล่าเขาก็รู้สึกได้ว่าพลังหยินภายในร่างกายของเขาสั่นเล็กน้อย

เครื่องตรวจจับพลังหยิน!

เขาไม่รู้ว่าอุปกรณ์นี้เรียกว่าอะไรกันแน่ แต่เขาก็เข้าใจมันทันที มันคือลูกแก้วที่สามารถตรวจจับผีที่ปลอมตัวเป็นมนุษย์ธรรมดาได้ในชั่วพริบตา

การวิจัยและพัฒนาของรัฐบาลก้าวหน้าถึงขั้นทำของพวกนี้ได้แล้วหรือ?

สิ่งนี้แทบจะไม่เคยปรากฏมาก่อนเลย เพราะในมณฑลเสฉวนไม่จำเป็นต้องติดตั้งเครื่องมือดังกล่าว เพราะว่ามีอยู่ในความคุ้มครองของนักพรตเต๋าคนนั้น ยิ่งพวกเขาอยู่ห่างจากมณฑลเสฉวนมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งพบถึงความน่าประหลาดใจกับพัฒนาการของประเทศ เหมือนกับว่าพวกเขาละสายตาจากพายุแต่ต้องประหลาดใจกับกระแสลมและคลื่นที่วุ่นวาย ที่สำคัญที่สุด ฉินเย่รู้สึกตกใจกับข้อเท็จจริงที่ว่าเขาตัดสินสถานการณ์ผิดพลาดไปมาก

แต่ว่าน่าเสียดายที่เครื่องมือกระจอก ๆ ตรงหน้านี้ไม่ได้ผลอะไรกับเขา

“ เอาล่ะเสร็จแล้ว” ในที่สุดชายชราก็เก็บของเขาลงทั้งคู่มองหน้ากันและคอยสังเกตเห็นว่ามีร่องรอยของพลังงานหยินบางส่วนหมุนวนอยู่ภายในลูกแก้ว

เหมือนกับว่ามีก้อนเมฆสีดำรวมตัวกันอยู่ภายในลูกแก้วโปร่งใส

“คุณไปได้ นี่เป็นการเตือนอย่างนุ่มนวลว่า สิ่งแรกที่คุณควรทำเมื่อมาถึงคือการลงทะเบียนที่อยู่ นอกจากนี้คุณต้องพกใบอนุญาตผู้พำนักชั่วคราวติดตัวตลอดเวลา จะมีการกวาดล้างครั้งใหญ่ทั่วเมืองทุก ๆ สิบห้าวัน หากคุณไม่มีใบอนุญาตพำนักชั่วคราวและไม่สามารถแสดงหลักฐานยืนยันตัวตนในรูปแบบใด ๆ ได้ คุณจะถูกควบคุมตัวทันที แม้เป็นนักเรียนก็ไม่ได้รับการยกเว้นจากกฎนี้”

ฉินเย่ผละจากไป ทันทีที่พวกเขาจากไปชายชราก็หันกลับมาและพิมพ์บนคอมพิวเตอร์ของเขาทันที เวลาไม่นาน ภาพรถของหวังเฉิงห่าวและฉินเย่ก็ปรากฏบนหน้าจอ

“ ป้ายทะเบียน: มณฑลเสฉวน EC43251”

“ ผู้โดยสาร: 2 ”

“ วัตถุประสงค์ของการเยี่ยมชม: การศึกษา”

“ การอ่านพลังงานหยิน: 52 หยิน ค่าพลังงานที่อ่านได้ต่ำกว่า 100 แสดงว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้พวกเขาอาจได้สัมผัสกับองค์ประกอบเหนือธรรมชาติ ระดับที่บรรจุได้ มนุษย์ธรรมดา”

ชายชราเก็บรายงานลง จากนั้นเขาก็หลับตาเพื่อพักผ่อน

“ เข้มงวดเกินไปแล้ว” กลับมาที่รถ หวังเฉิงห่าวเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากและอุทานออกมา เขารู้อยู่แก่ใจว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ถึงกระนั้นภายใต้บรรยากาศตึงเครียดก็ทำให้เขารู้สึกกดดัน

และนี่เป็นเพียงทางเข้าสู่เมืองเป่าอันเท่านั้น

ฉินเย่ยังคงนิ่งเงียบ เขาจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสายตาเหมือนคิดอะไรบางอย่าง หลังจากขับรถต่อไปประมาณ 1 กิโลเมตรในที่สุดรถก็ผ่านอีกด้านหนึ่ง ก่อนที่รอบตัวจะกลับมาสว่างขึ้นอีกครั้ง

ดวงอาทิตย์ในฤดูใบไม้ร่วงส่องผ่านเมฆปกคลุม ทำให้เกิดหมอกควันไปทั่วดินแดน ไฟถนนที่เรียงรายไปตามทางหลวงของประเทศโค้งงออย่างสวยงาม ต้นไม้สองข้างทางยังคงพลิ้วไหวเหมือนแสดงใบไม้สีทองอ่อนโยนท่ามกลางลมในฤดูใบไม้ร่วงที่หนาวเย็น ยานพาหนะแล่นเข้าและออกจากเมือง ทุกคนกำลังมุ่งเข้าสู่ใจกลางเมือง จากตรงนี้สามารถมองเห็นอาคารที่กระจุกกันหนาแน่นได้ไกล ๆ รวมถึงตึกระฟ้า สะพานลอย และ หอโทรทัศน์

บรรยายกาศหม่นหมองค่อย ๆ จางหายไป เผยให้เห็นการแสดงที่สวยงามบนผืนผ้าใบธรรมชาติ เป็นภาพต้อนรับที่ทำให้จิตใจอันตึงเครียดและหงุดหงิดของพวกเขาผ่อนคลายลง มันทำให้พวกเขารู้สึกถึงความไร้ขอบเขต ราวกับว่าทางแคบ ๆ ที่พวกเขาเคยอยู่นั้นเพิ่งจะขยายกว้างขึ้นเป็นถนนใหญ่

เมืองเป่าอันได้รับการพัฒนาไปไกลกว่าเมืองชิงซีเล็ก ๆ ที่พวกเขาเคยอยู่

หวังเฉิงห่าวอายุยังไม่มาก เขายังไม่มีโอกาสได้เดินทางไกล ๆ ด้วยเหตุนี้เขาจึงมองไปที่ทิวทัศน์โดยรอบด้วยความตื่นเต้น อารมณ์ของเขาเริ่มผ่อนคลายมากขึ้นกว่าแต่ก่อนเช่นกัน“ด้านนอกผ่อนคลายกว่าตอนอยู่บนถนนทางหลวงอยู่นะ ที่นี่คงไม่เข้มงวดขนาดนั้น… ”

“ งั้นหรือ” ฉินเย่ชี้ “ ดูตรงนั้นสิ”

หวังเฉิงห่าวเหลือบมองอย่างรวดเร็ว เขาเห็นว่ามีหน้าจออิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นใหม่เรียงรายอยู่ข้างทางหลวงขยายเข้าไปในใจกลางเมือง หน้าจอยังคงสลับไปมาระหว่างภาพต่าง ๆ

“เปิดหน้าต่างลงหน่อย”

เมื่อเปิดหน้าต่างลงมาก็ได้ยินเสียงผู้หญิงพูดซ้ำ ๆ ราวกับบันทึกเสียงเอาไว้ “ ยินดีต้อนรับสู่เมืองเป่าอัน โปรดทราบว่าปัจจุบันเมืองเป่าอันถูกใช้เป็นฐานปฏิบัติการของการฝึกทางทหารระดับห้า สิ่งที่คุณเห็นตอนนี้คือพื้นที่ทหารรักษาการณ์ของเมืองเป่าอัน ดังนั้นเราจึงขอให้คุณคำนึงถึงประเด็นต่อไปนี้ ระหว่างการเข้าพักที่นี่”

“ ประการแรก โซนสีแดงทั้งหมดจำกัดเฉพาะบุคลากรที่ได้รับอนุญาต ผู้บุกรุกจะถูกจัดการตามกฎหมายกำหนด”

“ ประการที่สอง โปรดทราบว่ามีการกำหนดเคอร์ฟิวหลัง 18.30 น. เพื่ออำนวยความสะดวกในการฝึกซ้อมทางทหาร ขอเตือนเจ้าหน้าที่ที่ไม่ใช่ทหารทุกคนอย่าออกจากบ้านหลังเวลา 18.30 น. คุณสามารถเพลิดเพลินกับสถานที่ท่องเที่ยวได้ภายในเวลากลางวันเท่านั้น”

“ ประการที่สาม ทุกคนที่ออกจากเมืองเป่าอันจะได้รับการเตือนให้ยกเลิกการลงทะเบียนใบอนุญาตผู้พำนักชั่วคราวของคุณกับสำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะของเมือง ไม่ว่ายังไงต้องมีหลักฐานยืนยันตัวตนติดตัวคุณตลอดเวลา”

“ เราขอให้คุณพักผ่อนอย่างมีความสุขกับเมืองของเรา”

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

ฉินเย่เด็กหนุ่มมัธยมปลายที่ไม่มีวันแก่ เพราะกิน “เห็ดเทียนสุ่ย” เข้าไปทำให้มีชีวิตอยู่ระหว่างสองโลก เป้าหมายในชีวิตของเขาเพียงต้องการมีชีวิตเล่นเกมอยู่ไปวัน ๆ เท่านั้น แต่ดูเหมือนนรกจะไม่ได้ยินเสียงเรียกร้องของเขา เมื่อนรกถึงกาลอวสาน ผีร้ายออกอาละวาดบนโลกมนุษย์ ทำให้ฉินเย่ที่เป็นยมทูตคนสุดท้ายต้องรับหน้าที่จ้าวนรกเพื่อพิทักษ์โลกใบนี้!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset