ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 118 ร้อยล้าน

ตอนที่118 ร้อยล้าน
จ้าวเฉียนกลับเข้ามาในห้องอาหารส่วนตัว แม่ของเขาเอ่ยปากถามขึ้นทันทีว่า
“ใครโทรมางั้นเหรอ? เห็นออกไปคุยตั้งนาน หวานเจียงรึเปล่า?”
จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ตอบไปว่า
“แม่ชอบเธอจริงๆเหรอ?”
“ก็ไม่ได้ขนาดนั้น แค่คิดว่าเธอเหมาะสมที่สุดกับลูกแล้ว แล้วอีกอย่างการจะเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลจ้าวจะต้องมีหน้ามีตาทางสังคมด้วยเช่นกัน ต้องผ่านการประเมินอย่างเข้มงวด และอย่างน้อยที่สุดภูมิฐานครอบครัวของฝ่ายหญิงจะต้องขาวสะอาด เพราะไม่อย่างนั้นอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ตระกูลจ้าวของเราได้”
“เธอเป็นคุณหนูคนโตของฮวาหยิน กรุ๊ป ภูมิฐานครอบครัวจัดอยู่ในระดับดี แต่ผมได้ยินมาว่า เฟยอวี่ กรุ๊ปจับเธอให้มาแต่งงานกับทายาทของพวกเขา แต่เธอกลับปฏิเสธ”
“เฟยอวี่ กรุ๊ป? บริษัทกระจอกแบบนั้นนี่นะ? จะว่าไปแม่ได้ยินมาว่า ลูกชายเจ้าของเฟยอวี่ กรุ๊ปมีปัญหากับลูกหนิ? ทำไมไม่จ้างคนไปอุ้มฆ่ามันให้สิ้นเรื่องล่ะ?”
ไม่จำเป็นต้องถามถึง คนที่คาบข่าวเรื่องนี้มาบอกแม่จะต้องเป็นหยางหู่ไม่ก็จ้าวฝู่ พ่อของเขานั่นแหละ ที่นำเรื่องของหยางหมิงไปรายงานให้ฟัง
ท้ายที่สุดนี้จ้าวฝู่มีลูกชายแค่คนเดียว นั้นก็คือจ้าวเฉียน แม้ว่าเขาในฐานะผู้เป็นพ่อจะไม่สามารถอยู่เคียงข้างลูกชายได้ตลอดเวลา แต่เขาเองก็จำต้องรู้เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับลูกชายของเขาเสมอ อย่างน้อยที่สุด ใครบ้างที่เป็นศัตรูกับลูกเขา จ้าวฝู่ต้องรู้จักทั้งหมด
จ้าวเฉียนตระหนักดีว่า เรื่องนี้ไม่อาจหลบซ่อนจากแม่ได้ จึงทำได้เพียงพยักหน้ายอมรับแต่โดยดี
ด้วยความสวยของอวีกุ้ยเฟิง ในอดีตเธอยังเคยได้ชื่อว่าเป็น‘ราชินีแห่งวงการธุรกิจ’ ไม่เพียงเรื่องความงามเท่านั้นที่ยืนหนึ่ง แต่เรื่องความโหดและเด็ดขาดของเธอเองก็ไม่แพ้เหล่าพญาเสือแห่งวงการนี้เช่นกัน ไม่อย่างนั้นเธอจะมาเป็นภรรยาของจ้าวฝู่ได้ยังไง? เธอกล่าวน้ำเสียงจริงจังว่า
“จะให้เก็บทิ้งก็บอกได้ตลอด ถึงยังไงแม่กับพ่อก็ไม่เมินเฉยเรื่องนี้อยู่แล้ว อย่าให้มันล้ำเส้นมามากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นแม่คงต้องเข้าไปแทรกแซงแล้วจัดการเองนะ ลูกก็รู้ดีว่า ถ้าถึงมือพ่อลงมาเอง ผลลัพธ์จะเป็นยังไง?”
จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบว่า
“ผมเข้าใจในความปรารถนาดีของแม่กับพ่อดีนะ แต่ปีนี้ผมก็อายุ24แล้ว มันถึงเวลาที่ต้องเผชิญโลกกว้างด้วยตัวเอง ถ้าไม่ปล่อยให้ลองบิน แล้วลูกนกจะรู้จักวิธีบินได้ยังไง? ถ้าในอนาคตเกิดปัญหาขึ้นอีก ผมคงไม่ต้องเดินไปหาหน้าหลุมศพพ่อกับแม่ แล้วขอร้องให้ฟื้นมาช่วยเลยเหรอ?”
อวีกุ้ยเฟิงกลอกตาเล็กน้อยพร้อมเหลือบมองลูกชายของเธอ แต่สิ่งที่เขาพูดไปก็จริงเช่นกัน ยังไงสักวันทั้งพ่อและแม่ก็ต้องจากโลกนี้ไปในไม่ช้าก็เร็ว ถ้าลูกของเขาได้ลองเผชิญหน้ากับความลำบากตั้งแต่ตอนนี้ ถ้าเกิดเหตุอะไรขึ้นก็ยังพอมีพ่อแม่คอยสนับสนุน ยังดีกว่าเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดีตั้งแต่ตอนนี้ แล้วไปลำบากโดยไม่มีใครช่วยไม่อนาคต
หลังจากคุยกันอีกสักพัก ทั้งสองก็กลับบ้านไปพักผ่อน
เช้าวันรุ่งขึ้น จ้าวเฉียนรีบไปบริษัททันทีหลังจากส่งแม่ของเขาขึ้นเครื่องเสร็จ พอเดินเข้ามาในออฟฟิศ เขาก็พลันได้ยินเสียงโวยวายลั่นมาจากในห้องประชุม เท่าทีฟังดูน่าจะเป็นเสียงตะโกนของหวานฉันซู อีกฝ่ายน่าจะมาที่นี่เพื่อร้องเรียนความยุติธรรม
จ้าวเฉียนครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ในข้อนี้ จากนั้นเขาก็เดินไปหาทันที หลังจากเคาะประตูอยู่หลายครา จางหยางก็เป็นเปิดประตูให้ ทันทีที่เห็นว่าเป็นจ้าวเฉียน สีหน้าการแสดงออกของจางหยางก็ฉายแววโมโหมาแต่ไกล
“มาสักทีเจ้าตัวดี! หวังว่าแกจะช่วยแก้ปัญหาได้นะ!”
จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนใจใดๆ ปริปากขึ้นกล่าวอย่างใจเย็นว่า
“ผู้จัดการจางมีอะไรหรือเปล่าครับ? ดูกังวลใช่ย่อย? แล้วให้ผมแก้ปัญหาอะไรงั้นเหรอครับ?”
“ก็แหกตาดูส! ยังจะปัญหาอะไรอีก!!”
“อ่า…ตกลงครับ ผู้จัดการจางคงเหนื่อยแย่ ฮ่าฮ่า…”
จ้าวเฉียนเดินเข้าไปในห้องประชุมทันทีหลังพูดจบ ทางด้านหวานฮันซูก็จ้องเขม็งมาทางเขาด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรอย่างยิ่ง สีหน้าของฟางนี่ในขณะนี้เองก็เลวร้ายไม่ต่าง แต่เธอไม่กล้าว่าจ้าวเฉียน เพราะเธอทราบดี บริษัทนี้ไปต่อไม่ได้แน่นอนถ้าไม่มีเขา
จ้าวเฉียนและหวานฮันซูจ้องหน้ากันสักครู่ใหญ่ ก่อนจะเป็นจ้าวเฉียนที่แสยะยิ้มคิกคัก เอ่ยปากแซะถามไปว่า
“ทำไมวันนี้คุณหวานถึงมาที่นี่ได้ครับ? คงว่างมากเลยใช่ไหม?”
น้ำเสียงหงุดหงิดดดังตอบจากปากหวานฮันซูทันทีว่า
“ก็มาเพื่อสืบสวนเรื่องนายนั่นแหละ! ฉันได้ยินมาว่านายต้องการหุ้น31%ของบริษัทนี้ จริงเหรอ?”
จ้าวเฉียนพยักหน้ายอมรับแต่โดยดี
หวานฮันซูเดือดจัดตบโต๊ะเสียงดังปัง พร้อมลุกขึ้นพรวดในทันใด เขาตะคอกขึ้นว่า
“นี่แกรู้ไหมว่า ฉันมีสิทธิ์ถอดถอนสิทธิ์การถือหุ้นของแก! ฉันไม่เห็นด้วยที่แกจะมีส่วนได้ส่วนเสียกับบริษัทแห่งนี้!”
จ้าวเฉียนยังคงนั่งไขว้ห้างอย่างสบายอารมณ์ ราวกับกำลังนั่งชื่นชมสายลมยามฤดูใบไม้ผลิ เอ่ยปากตอบโดยไม่มีท่าทีประหม่าใดๆไปว่า
“ถ้าจำไม่ผิด ประธานฟางบอกว่า คุณไม่ให้สิทธิ์ซื้อขายหุ้นส่วนกับเธอ?”
“ใช่! รู้แบบนี้แล้วยังจะหน้าด้านขอหุ้นส่วนไปอีกงั้นเหรอ?!”
“ฮ่าฮ่า….แล้วทำไมผมต้องขอคุณด้วยล่ะ? ประธานฟางใจดีโอนหุ้นจำนวน31%ให้ผมแบบฟรีๆ แถมยังเป็นส่วนของเธอเองไม่ใช่ส่วนของคุณ ดังนั้นคุณเองก็ไม่มีสิทธิ์ยุ่งเรื่องนี้เช่นกัน คุณหวาน…นี่ไม่ได้เรียกว่าการซื้อขายนะครับ แต่เรียกว่าให้ด้วยความเสน่หา”
หวานฮันซูถึงกับชะงักไปสองสามอึดใจ ก่อนจะตะคอกใส่อีกระลอกว่า
“นี่แก…แกกล้าเล่นคำกับฉันงั้นเหรอ? ไร้ยางอาย!”
“คุณหวานพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะครับ คุณเองก็ควรเคารพในสิทธิเสรีภาพของประธานฟาง ผมกู้บริษัทจากหายนะขึ้นมาได้ ดังนั้นนี่จึงเป็นรางวัลที่ผมควรได้รับเช่นกัน คุณไม่มีสิทธิ์เข้ามาแทรกแซงนะครับ แล้วอย่ามาก้าวก่ายในส่วนหุ้น31%ของผมด้วย”
หวานฮันซูถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเจอจ้าวเฉียนกระหน่ำใส่มาชุดใหญ่ แต่ถึงยังไงเขาก็ไม่สามารถยอมรับได้เลย เขาต้องทุ้มเงินกว่า20ล้านเพื่อเข้าซื้อหุ้น แต่จ้าวเฉียนกลับได้หุ้นส่วนจำนวน31%ไปแบบฟรีๆ? ดังนั้นเขาจึงคิดหาวิธีอื่นเพื่อจัดการกับจ้าวเฉียนทันที
“โอเค! ฉันเข้าใจแล้ว! แต่มีข้อแม้หนึ่งข้อ…นายต้องอัดฉีดเงินทุนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายอัตราส่วนของผู้ถือหุ้น ให้มากกว่า32%ขึ้นไป!”
ฟางนี่ส่ายหัวและตอบไปว่า
“ไม่! บริษัทฉันไม่สามารถขยายส่วนของผู้ถือหุ้นได้มากกว่านี้แล้ว! ไม่อย่างนั้นฉันจะสูญเสียคุณสมบัติประธานบริษัทไป!”
“ไม่! คุณให้ผม32% ส่วนเขา31% คิดได้เป็น63%จากทั้งหมด และคุณยังเหลือตั้ง37% ถึงจะขยายยังไงคุณก็ยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด ตราบเท่าที่คุณไม่โอนหุ้นให้ใครมัวซั่วอีกในอนาคต!”
ในความเป็นจริงจะเพิ่มขึ้นแค่1หรือ2% มันก็ไม่ได้กระทบกับเธอมากเท่าไหร่นัก แต่เพราะถ้ายอมรับข้อตกลงไป ก็ไม่ต่างอะไรกับหักหลังจ้าวเฉียนเลยเช่นกัน ได้หุ้นไปแล้วยังต้องอัดฉีดเม็ดเงินเข้าไปอย่างต่อเนื่อง เขาจะไปจ่ายไหวได้ยังไง?
จ้าวเฉียนยิ้มตอบหวานฮันซูไปว่า
“คงเป็นไปไม่ได้หรอกครับ ถ้าขยายขึ้นสัก2% กลับเป็นคุณเองที่ได้ผลประโยชน์ เอาแบบนี้แล้วกันถ้าอยากได้หุ้นส่วนเพิ่มมากนัก ผมจะขายให้ คำนวณจากกมูลค่าปัจจุบันของบริษัท 2%ผมขายให้ในราคา100ล้านล่ะกันครับ”
ทันทีที่คำกล่าวเหล่านี้เปล่งดังออกมา ทุกคนก็แทบลุกขึ้นทันที หุ้นส่วนแค่2%มีมูลค่าตั้ง100ล้าน ถ้า100%มูลค่ารวมบริษัทไม่ปาเข้าไป5,000ล้านหยวนเลยเหรอ?
หวานฮันซูตบโต๊ะอีกรอบเสียงดังลั่น
“นี่แกเอาบ้าอะไรมาคำนวณ!”
เสียงหัวเราะดังลั่น จ้าวเฉียนเอ่ยตอบไปว่า
“ถ้าไม่มีปัญญาจ่ายไหวก็ไม่ต้องถามครับ ถึงตอนนี้มูลค่าของบริษัทจะไม่มากนัก แต่ในไม่ช้าบริษัทนี้จะต้องพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ดังนั้น2%ในราคา100ล้านถือว่าคุ้มค่ามากครับ”
“นี่แกคิดว่าฉันโง่มากรึไง! 2%ท่ากับ100ล้าน ก็หมายความวามูลค่าโดยรวมของบริษัทจะสูงถึง5,000ล้านหยวน บริษัทเกมเล็กๆแบบนี้บริหารยังไงก็ไม่มีทางมีมูลค่าสูงขนาดนั้นได้ นอกจากต้องฟอกเงิน!”
“คุณไม่เชื่อก็ตามใจครับ ผมเองก็ไม่ได้ต้องการเงินจากคุณเช่นกัน”
หวานฮันซูรู้สึกได้ว่า ต่อปากต่อคำกับจ้าวเฉียนต่อไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร เขาจึงหันมาถามฟางนี่แทนว่า บริษัทนี้เป็นของเธอหรือเป็นของจ้าวเฉียนกันแน่ ทั้งๆที่ตัวเองเป็นถึงประธาน แต่ทำไมให้ลูกน้องมากดขี่ได้ถึงขนาดนี้?
ฟางนี่รู้สึกอับอายอย่างมากเมื่อได้ยิน แต่เธอก็ทราบดี บริษัทแห่งนี้อยู่ไม่ได้โดยปราศจากจ้าวเฉียน ถึงยังไงเธอก็จำเป็นต้องรับฟังความคิดเห็นของเขา
ทว่าจางหยางไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้เลย เขาจึงตอบแทนฟางนี่ทันทีว่า
“ชื่อบริษัทก็บอกอยู่ว่าเป็นของฟางนี่ ดังนั้นบริษัทแห่งนี้เธอสร้างมากับมือแน่นอน แล้วจะให้คนอื่นมาบงการได้ยังไง? ถ้านายอยากได้หุ้นส่วนเพิ่มจริงๆก็ต้องใช้เงินแหละนะ เอาอย่างงี้ดีกว่า2%ในราคาสิบล้านเป็นไง?”
“จางหยาง นี่เห็นฉันลงทุนในบริษัทของนายเพราะเห็นแก่เพื่อนงั้นเหรอ? ฉันเพิ่งลงทุนไป20ล้านเพื่อแลกกับ30% แต่ตอนนี้กลับมาเสนอขายหุ้น2%ในราคาตั้งสิบล้าน แกบ้าไปแล้วเหรอ?”
“ในเวลานั้นกับเวลานี้มันต่างกัน บริษัทของเรากำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เรทราคาจึงแตกต่างกันออกไปน่ะ”
จ้าวเฉียนขี้เกียจมานั่งฟังสองคนนี้เถียงกันแล้ว เขาจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินออกจากห้องประชุมทันที ก่อนทิ้งท้ายไว้ว่า เรื่องจำนวนหุ้นส่วนของบริษัท ห้ามให้เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเขาจะทำลายบริษัทนี้ทิ้งด้วยมือเขาเอง
ประโยคนี้ที่จ้าวเฉียนกล่าวออกไปก็เพื่อเตือนใจฟางนี่ไม่ให้สับสน ตราบเท่าที่เขาเต็มใจ เพียงโทรกริ๊งเดียวจ้าวเฉียนก็สามารถทำให้บริษัทซิงหยวนถอนความร่วมมือออกไปได้ทันที และนั้นจะส่งผลให้บริษัทเกมฟางนี่ ตกสู่หายนะอีกครั้ง
จางหยางกับหวานฮันซูย่อมไม่เชื่อในสิ่งที่จ้าวเฉียนพูดโดยธรรมชาติ ทั้งคู่ถามสวนกลับไปทันทีว่า ที่พูดไปหมายความว่ายังไง? คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของบริษัทแห่งนี้รึเปล่า?
จ้าวเฉียนไม่ได้ให้ความสนใจใดๆต่อคำถามของพวกเขาเลย พร้อมเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานตัวเก่ง เพื่ออ่านนิยายอย่างสบายใจเฉิ่ม
สุ้มเสียงฉกเฉียงยังคงดังลั่นภายในห้องประชุมอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงก่อนจะหยุดลงในท้ายที่สุด และเป็นหวานฮันซูที่เดินออกมาด้วยความเดือดจัด ปิดประตูห้องประชุมเสียงดังปัง ขณะเดินกลับเขาหันมามองจ้าวเฉียนด้วยสายตาสุดแสนจะดุร้ายและลงลิฟต์ไปโดยตรง
คล้อยหลังไม่นานนัก จางหยางก็เดินมาหาจ้าวเฉียนที่โต๊ะทำงานและโยนเอกสารปึกหนึ่งลงต่อหน้า
“จ้าวเฉียน นายพูดเองใช่ไหมว่า บริษัทของเราจะเติบโตจนมีมูลค่ากว่าหลายพันล้าน? อาศัยแค่พึ่งพาซิงหยวนเพียงบริษัทเดียวเองงั้นเหรอ? เห็นได้ชัดว่าเราไม่มีทางประสบความสำเร็จไปถึงจุดนั้นได้เลย เราต้องการดิลกับคู่ค้ารายใหม่ เอกสารชุดนี้คือข้อมูลบริษัทที่ฉันอยากให้นายไปดิลด้วย นี่เป็นหน้าที่ของนายแล้ว ถ้าทำไม่ได้เตรียมรับโทษและลาออกไปได้เลย”
จ้าวเฉียนไม่ได้มองเอกสารปึกหนาตรงหน้าด้วยซ้ำ แค่ยิ้มตอบไปว่า
“ไม่มีปัญหาครับ”
รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นบนมุมปากของจางหยาง เขาเอ่ยถามขึ้นว่า
“ยังไม่ได้เปิดอ่านด้วยซ้ำว่าเป็นบริษัทไหน แล้วนายมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอ?”
จ้าวเฉียนสะบัดปอยผมเล็กน้อย เอ่ยตอบไปว่า
“แน่นอนครับ มั่นใจมาก”
“ฮ่าฮ่า…หวังว่าจะทำได้อย่างที่พูด!”
จางหยางเดินจากไปพร้อมกับรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์บนมุมปาก

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

เนื้อเรื่องย่อ จ้าวเฉียน อายุ23ปี พนักงานกินเงินเดือนธรรมดา รายได้เดือนละแค่5,000หยวน ทุกคนในบริษัทต่างดูถูกดูแคลนเขา เพราะเจ้านี่ขี้เหนียวเหลือเกิน แม้แต่แฟนเก่ายังทนเขาไม่ไหว และหันมาแอบคบชู้กับผู้จัดการของเขาแทน จนเวลาผ่านไปเขาเพิ่งมารู้ความจริง อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ชวนน่าตกตะลึงกว่าคือ ตัวตนที่ที่แท้จริงของเขาคือทายาทมหาเศรษฐี บุตรชายของจ้าวฝู บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ฉลองปาร์ตี้ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็ขับรถกลับทั้งๆที่อยู่ในอาการเมา จนแล้วจนรอด บังเอิญไปเฉี่ยวชนเข้ากับสาวน้อยคนหนึ่ง จนเธอได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ขาดสติหนัก เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้น ตะโกนโหวกเหวกโวยวายสร้างปัญหาไปทั่วสถานีตำรวจ ระหว่างนั้นเองก็มีมือดีที่ไหนไทม่ทราบแอบถ่ายคลิปเก็บไว้ได้ทัน พร้อมถูกอัปโหลดลงโซเชียลออนไลน์ ก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อฉกเถียงยกใหญ่ของผู้คนในเวลานั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็กระทบไปถึงชื่อเสียงขงอตระกูล จ้าวฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้อำนาจเงินตรา เพื่อไล่ลบคลิปวีดีโอเหล่านี้จนหมด ไม่ให้สืบสาวไปถึงตัวลูกชายของเขา คนเป็นพ่อใช้ไม้แข็งตัดขาดจ้าวเฉียน ไล่ไสส่งออกจากตระกูลจ้าว และให้จ้าวเฉียนหาเงินมาชดใช้ค่ารักษาสาวน้อยคนนั้นเป็นจำนวน 200,000หยวน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ถึงจะกลับเข้ามาในตระกูลอีกครั้งได้ ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จ้าวเฉียนจำต้องทนกับความอัปยศนานาชนิด ทั้งยังต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด จนในที่สุดเขาก็จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจนควบตามที่กำหนดไว้ เขาได้ทุกอย่างคืนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งแรกที่เขาต้องการคือ การแก้แค้นพวกที่เคยดูถูกเขา! “ประธานฟาง ฉันยินดีร่วมหุ้นกับบริษัทของคุณเป็นจำนวนเงิน3ล้านหยวน โดยมีเงื่อนไขว่า คุณไม่ได้รับอนญาตให้เปิดเผยสถานะที่แท้จริงของผม ไม่อย่างนั้นผมจะถอนทุนทั้งหมดออกทันที” “เข้าใจแล้วค่ะคุณจ้าว” “ฮิฮิ….ตราบใดที่เข้าใจแล้ว ก็ทำให้ได้ แล้วคุณรู้ไหมว่า ผู้จัดการหวัง เจ้านั้นมันต้องการขับไล่ผมออกจากบริษัท คิดว่าผมควรทำยังไงดี?” “ง่ายมากค่ะ! ฉันจะไล่เขาออกเดี๋ยวนี้!” “ไม่ ไม่… ผมยังเล่นกับเขาไม่จุใจเลย จะไล่ออกไปง่ายๆได้ยังไง?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset