ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 127 พ่อลูกคู่วิบัติ

ตอนที่127 พ่อลูกคู่วิบัติ
จ้าวเฉียนยิ้มเยาะขึ้นบนมุมปากและหยิบเช็คใบนั้นออกมาจากกระเป๋าเสื้อ พร้อมฉีกมันต่อหน้าต่อตาทุกคนอย่างช้าๆ และโยนใส่หน้าหยางเฉิง
“ไอ้เด็กเวร! รนหาที่ตาย!”
“กล้าทำตัวหยาบคายกับคุณหยางงั้นเหรอ?! แกอย่าอยู่เลย!”
“คุณหวาน ทำไมลูกสาวของคุณถึงเป็นเพื่อนกับพวกสันดารเสียแบบนี้ได้!”
บรรดาชายชราที่อยู่เบื้องหลังหยางเฉิงกล่าวตำหนิจ้าวเฉียน โวยวายไม่หยุดหย่อน และลากให้หวานเจียงต้องพัวพันไปด้วย
หวานหลินรู้สึกอับอายอย่างมาก เมื่อต้องเผชิญหน้ากับบรรดาผู้มีอิทธิพลในวงการธุรกิจเหล่านี้ ดังนั้นเขาจึงดึงหวานเจียงให้ออกไปทันที
แต่หวานเจียงผละมือของพ่อออก เธอกล่าวว่า
“พ่อจะดึงหนูทำไม? ลุงหยางใช้วิธีสกปรกแบบนี้รังแกผู้เยาว์ ไม่คิดว่ามันน่าสมเพชบ้างเหรอ?”
“หุบปาก! ลูกก็รู้ว่าลุงหยางถือเป็นผู้อาวุโส ช่วยให้เกียรติเขาหน่อยได้ไหม? ไม่งั้นพ่อก็ช่วยลูกไม่ได้เหมือนกันนะ!”
จ้าวเฉียนยิ้มให้หวานเจียงและกล่าวขึ้นว่า
“ไม่ต้องห่วง เธอออกไปนั่งพักผ่อนตรงโน้นก่อนไป ในเมื่อตาแก่พวกนี้มาสร้างปัญหา ฉันขอเวลาจัดการแปปหนึ่ง”
“อย่าลืมคำนึงถึงผลกระทบทที่ตามมาด้วย ระวังตัวให้ดีนะ”
จ้าวเฉียนพยักหน้ายิ้มตอบ จากนั้นก็ยกสองมือล้วงกระเป๋า เดินตรงเข้าไปประจันหน้ากับหยางเฉิง ชนิดที่ว่าถึงเล่นข้ามรุ่นก็ไม่มีเกรงกลัวแม้แต่น้อย
พอเห็นว่าพ่อตัวเองกับจ้าวเฉียนกำลังมีปัญหากันอยู่ หยางหมิงก็รีบวิ่งตรงเข้ามา ณ ที่เกิดเหตุและมีหวานฮันซูตามเข้ามาติดๆ
“พ่อ เกิดอะไรขึ้น?”
หยางหมิงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
หยางเฉิงยิ้มและหันหน้าเข้าเผชิญกับจ้าวเฉียน แววตาแข็งกระด้างและตอบไปว่า
“ฉันให้มันไปล้านหนึ่ง ให้ไสหัวออกไปจากแกและเสี่ยวเจียง”
หยางหมิงถึงกับพูดไม่ออกพอได้ยินว่าล้านหนึ่ง เพราะไม่ใช่อะไรเลยถ้าจะแสร้งอวดเบ่งต่อหน้าจ้าวเฉียน แค่หนึ่งล้านจะไปพออะไร? พ่อประเมินไอ้หมอนี่ต่ำเกินไป!
“พ่อ! เรื่องนี้ผมแก้ปัญหาของผมเองได้! ไม่เห็นต้องเข้ามายุ่งด้วยเลย”
“เหอะ เหอะ…แกมันลูกฉันนะเว้ย ถ้าไม่ให้ยุ่งเรื่องแกแล้วจะไปยุ่งเรื่องใคร? อีกอย่าง ฉันเองก็อยากคุยกับหนุ่มสาวพวกนี้บ้าง เผื่อหน้าฉันจะดูอ่อนเยาว์ลงบ้าง ฮ่าฮ่า…”
ความหมายในคำกล่าวของหยางเฉิงชัดแจ้งดีอยู่แล้ว เขาต้องการลงมาสู้กับจ้าวเฉียน
อย่างไรเสีย จ้าวเฉียนยังเข้าเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายพร้อมสองมือล้วนกระเป๋ากางเกงอย่างเฉยเมย ทันใดนั้นเขาหยิบสมุดเช็คขึ้นมาเซ็นจำนวนห้าล้าน
หยางหมิงรู้ได้ทันทีว่า นี่ไม่ดีแล้ว จ้าวเฉียนกำลังใช้เงินข่มเหงพ่อเขา แต่ยังไม่ทันคิดได้ถึงไหน จ้าวเฉียนก็ฉีกเช็คใบหน้าออกมา และปาใส่หน้าหยางเฉิงใส่โดยตรง
จ้าวเฉียนเอ่ยปากกล่าวขึ้นทันทีพร้อมท่าทางแสนเหยียดหยันว่า
“นี่คือเช็คจำนวนห้าล้าน คุณหยางเอาไปซื้อครีมลดรอยเหี่ยวๆบนหน้าตัวเองเถอะครับ เผื่อจะดูอ่อนเยาว์ขึ้นบ้าง”
ซึ่งที่น่าอับอายที่สุดคือ ในขณะนี้ผู้คนแทบจะทั้งหมดในงานกำลังจับตาดูภาพฉากระหว่างทั้งคู่อยู่
โดนหนุ่มน้อยโยนเช็คใส่หน้าพร้อมถ่อยคำแสนเย้ยหยันแบบนี้ หยางเฉิงรู้สึกอับอายเกินจะรับไหว
“ไอ้หนุ่ม แกอยากตายจริงๆใช่ไหม?”
หยางเฉิงเค้นเสียงเย็นข่มขู่ใส่ทันที
ในเวลานั้นเอง บรรดาไทยมุงรอบข้างต่างจับกลุ่มสนทนากันเจือแจว
“เด็กคนนั้นเป็นใคร? ทำไมถึงกล้าหักหน้าประธานเฟยอวี่ กรุ๊ปขนาดนี้?”
“ฉันเองก็ไม่รู้! แต่ไม่เห็นคุ้นหน้ามาก่อนเลย พวกนักธุรกิจหน้าใหม่รึเปล่า?”
“ก็น่าจะเป็นพวกหน้าใหม่ ถึงไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยแบบนี้!”
“หยางหมิงนิสัยเป็นยังไงก็รู้กันอยู่ ไปหักหน้าพ่อของเขาขนาดนี้ เจ้าหนุ่มนั้นชะตาขาดแล้ว”
….
คนเหล่านี้ต่างคิดไปว่า จ้าวเฉียนเป็นพวกหน้าใหม่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง และพวกเขาก็รอดูเรื่องตลกฉากใหญ่อยู่
หยางหมิงรู้สึกทรมานใจยิ่งยวด ในมือจ้าวเฉียนกุมชพตากรรมของเฟยอวี่ กรุ๊ปอยู่ ถ้าออกโรงฉีกหน้าอีกฝ่ายตอนนี้ ทั้งคลิปและภาะหลุดมีหวังปลิวว่อนทั่วอินเตอร์เน็ตแน่นอน แต่ตอนนี้พ่อตัวเองก็โดนเช็คฟาดหน้า ในฐานะลูกชาย ถ้าไม่ออกมาปกป้องตอนนี้ ในอนาคตเขายังมีศักดิ์ศรีอะไรหลงเหลืออยู่อีก?
หยางเฉงเห็นคนจำนวนมากกำลังเฝ้ามองเขาอยู่แบบนี้ ก็ไม่สามารถข่มขู่อะไรได้มากเช่นกัน เพราะอาจกระทบถึงภาพลักษณ์ได้ พอเหลือบมองไปที่ลูกชาย แทนที่จะเข้ามาช่วยกลับยืนเป็นใบ้ไม่ขยับ
หยางหมิงในเวลานี้เองก็หมดสิ้นหนทางเช่นกัน คนที่เข้าร่วมงานราตรีในคืนนี้ล้วนเป็นบุคคลมีชื่อเสียงทั้งในวงการธุรกิจและบันเทิง
นอกจากนี้เอง ความแข็งแกร่งของเฟยอวี่ กรุ๊ปมันไม่ใช่สิ่งที่จ้าวเฉียนจะหยิบมาเล่นได้เลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้กลับกำลังบดขยี้หน้าตาของเฟยอวี่ กรุ๊ปต่อหน้าทุกคนชนิดไม่สนใจใครทั้งสิ้น
หลังจากตัดสินใจอยู่สักพักหนึ่ง หยางหมิงก็กัดฟันออกมากล่าวกับจ้าวเฉียนว่า
“จ้าวเฉียน นายชักจะเกินไปแล้ว ทำไมต้องเอาเรื่องความขัดแย้งระหว่างเราไปลงกับพ่อฉันด้วย? ถ้าฉันทำแบบนี้กับพ่อแม่นายบ้างจะรู้สึกยังไง?”
จ้าวเฉียนกรนเสียงเย็นคำหนึ่ง กล่าวตอบไปว่า
“พล่ามอะไรของคุณครับนายน้อยหยาง? ก็เห็นกันอยู่ว่าพ่อของคุณเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ไม่ว่าจะเป็นพ่อหรือลูกสันดาษไม่ต่างกันเลยนะครับ”
หยางหมิงตะคอกสวนตอบทันทีด้วยความโกรธจัด
“มึง!! คนอย่างมึงมีอะไรให้พวกกูชายตามองนักวะ?! เป็นแค่พนักงานกระจอก มึงคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงมีคุณสมบัติพูดแบบนี้กับพวกกู!”
“โอ้ ทำไมนายน้อยหยางพูดจาไม่มีหางเสียงเลย? ที่บ้านไม่ได้สอนเรื่องมารยาทมาเหรอครับ? หุหุ…ก็พ่อของคุณเขียนเช็คล้านนึงมายันใส่ผม จงใจสร้างความอับอาย ผมก็เลยโยนเช็คห้าล้านกลับไปแค่นั้น หรือน้อยไปเหรอครับ?”
จ้าวเฉียนเอ่ยตอบกลับไปอย่างเย้ยหยัน
ในเวลานั้นเอง บรรดาชายชราที่อยู่ด้านหลังหยางเฉิง ก็เริ่มแหกปากด่าจ้าวเฉียนอีกครั้ง
“ไอ้เด็กเวร! ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง! แค่เงินห้าล้านสำหรับคุณหยางก็แค่เศษเงินเท่านั้นแหละ!”
“ถูกต้อง! ค่าอาหารมื้อนึงของคุณหยางก็มากกว่านี้ไม่รู้กี่เท่าแล้ว! แกควรละอายตัวเองมากกว่า คิดจะโชว์ทำได้แค่เซ็นเช็คห้าล้าน!”
“หนุ่มสาวสมัยนี้มารยาทหายไปไหนกันหมด! คนพวกนี้ไม่รู้เลยรึไงว่า แผ่นฟ้ามันกว้างใหญ่ไพศาลแค่ไหน! หัดมีกาลเทศะต่อผู้ใหญ่บ้าง!”
…..
จ้าวเฉียนทนไม่ไหวแล้วกันเสียงหึ่งหึ่งของยุงเฒ่าพวกนี้ เขาจึงกล่าวสวนตอบไปว่า
“แก่จนจะลงโล่งกันอยู่แล้ว ยังพล่ามไร้สาระอยู่อีก มีกาลเทศะต่อผู้ใหญ่งั้นเหรอ? พวกคุณก็หัดทำตัวให้มันน่าเคารพกว่านี้หน่อยสิ?”
ชายชราเหล่านี้ล้วนเป็นตัวใหญ่ในแวดวงธุรกิจ พวกเขาหรือจะยอมทนต่อความอัปยศอดสูที่จ้าวเฉียนนำมาให้ไหว?
“ไอ้เด็กคนนี้หยิ่งเหลือเกินนะ! กล้าปีนเกลียวขนาดนี้แล้ว?”
“วันนี้คงต้องสั่งสอนเด็กน้อยให้หลาบจำสักหน่อย อย่าหาว่ารังแกเด็กเลยนะ ก็ดันทำตัวแบบนี้กันเอง!”
“ใช่แล้ว! พวกเราอยู่ในวงการนี้ไม่รู้นานเท่าไหร่แล้ว แล้วไอ้หนุ่มนี่เป็นใคร? พอประสบความสำเร็จนิดๆหน่อยๆก็ตั้งตัวอยู่สูงกว่าพวกเราแล้ว? ไอ้หนู เคยได้ยินคำนี้ไหม เหนือฟ้ายังมีฟ้า?”
พอหวานฮันซูเห็นภาพฉากเหล่านี้ เขาก็มีความสุขอย่างมาก เขาปรารถนามานานแล้วที่จะสั่งสอนจ้าวเฉียนให้เข็ดหลาบ และในที่สุดโอกาสนี้ก็มาถึง! เขาก็แค่ยืนดูจ้าวเฉียนกลายมาเป็นตัวตลกของทุกคน รอยยิ้มมากเล่ห์เหลี่ยมแสยะขึ้นบนมุมปากของเขา เช่นเดียวกับหยางหมิง ตอนนี้เขาเองก็กำลังรู้สึกมีความสุขอย่างมาก
“ฮ่าฮ่าๆๆ….”
ทุกคนภายในงานต่างรวนหัวเราะเยาะ จับจ้องจ้าวเฉียวด้วยความสมเพช เล่นกับใครไม่เล่นดันไปปีนเกลียวเหล่าบุคคลมากอิทธืพลในวงการอย่างชายแก่เหล่านี้ สมกับคำว่า ฟ้าต่ำแผ่นดินสูงหารู้จักไม่อย่างแท้จริง
ทันใดนั้นเองก็มีชายวัยกลางคนวิ่งเข้ามา เขาเป็นที่รู้จักในนามเซียนเชียง
เมื่อสี่สิบปีก่อน เซียนเฉียน พ่อของเซียนเชียงก่อตั้งธุรกิจเล็กๆขึ้นมา ในตอนนั้นเซียนเฉียนกำลังไปได้ดีกับธุรกิจดังกล่าว อยู่ในยุคเฟื่องฟูอย่างแท้จริง ส่วนเซียนเชียงก็ช่วยพ่ออีกแรง สั่งสมความมั่นคั่งจนสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว จนกลายมาเป็นมหาเศรษฐีรายให้แห่งท้องถิ่น
เซียนเชียงรับสืบทอดธุรกิจของพ่อต่อ แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป ปรัชญญาการใช้ชีวิตและวัฒนธรรมเริ่มมีการแปรเปลี่ยน ดังนั้นเขาจึงโยกย้ายไปธุรกิจสายการบันเทิง และเน้นไปทางการสร้างภาพยนตร์ ดังนั้นจึงก่อตั้ง ย้งเชิง เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ขึ้นมา
บริษัท ย้งเชิง เอ็นเตอร์เทนเม้นท์มีทั้งช่วงเวลาที่ดีและแย่ปะปนกันไป โชคยังดีที่มีบรรดาสายเลือดรุ่นใหม่ของตระกูลเซียนคอยออกมาเป็นผู้นำทิศทางต่อไป มีการผลิตหนังและซีรีย์โทรศัพท์อยู่หลายสิบเรื่องในทุกปี จนกลายมาเป็นตัวใหญ่ในวงการบันเทิงในเวลาต่อมา
มีคำกล่าวกันว่า ถ้าเซียนเชียงกระทืบเท้าครบสามครั้ง วงการบังเทิงทั้งหมดจะต้องสั่นสะเทือน นี่จะเห็นได้ว่า สถานะของเขาอยู่สูงเพียงใด ทว่าอย่างไร ที่เซียนเชียงมีทุกสิ่งแบบทุกวันนี้ได้ ทั้งหมดเป็นเพราะ เงินสนับสนุนของจ้าวฝู่ตั้งแต่ครั้นอดีต
และตึกไข่มุกแห่งนี้ก็ถือเป็นทรัพย์สินร่วมกันระหว่างตระกูลจ้าวและตระกูลเซียน หากเป็นสมาชิกตระกูลจ้าวมาอยู่ที่นี่ ก็กล่าวได้ว่าเป็นบ้านหลังหนึ่งของพวกเขาเช่นกัน ดังนั้นแล้ว มีเหตุผลอะไรหรือไม่ที่จ้าวเฉียนต้องกลัวตาแก่พวกนี้?
เซียนเชียงวิ่งเข้ามาทักทายทุกคนอย่างเป็นมิตร แต่อย่างไรเป้าหมายที่เขาวิ่งมาในครั้งนี้คือจ้าวเฉียนและหยางเฉิง เขาจึงเดินข้ามทุกคนไป หยางเฉิงเห็นดังนั้นชิงทักทายก่อนทันที
“ลุงห้า ช่วงนี้เป็นยังไงบ้างครับ?”
“ฮ่าฮ่า…ฉันก็อายุเริ่มมากแล้ว คงปล่อยให้หนุ่มสาวบริหารจัดการต่อกันไปแหละ”
พอเซียนเชียงพูดจบก็หันไปมองหยางหมิงเล็กน้อย
หยางเฉิงที่เห็นแบบนั้นก็สามารถบอกได้ทันทีว่า เซียนเชียงเองก็กำลังจะบอกเขาเป็นนัยๆว่า นี่ก็ถึงเวลาที่พวกเขาจะเกษียณตัวเอง และปล่อยให้เด็กรุ่นใหม่รับช่วงสืบทอดต่อไป
“ฮ่าฮ่าๆ…ลุงห้าพูดถูกต้องแล้ว แต่ผมคงโชคไม่ดีเท่าพี่หรอก ได้ข่าวว่าลูกๆของพี่แต่ละคนล้วนมีความสามารถ ถ้าถึงเวลานั้นจริงผมคงปล่อยให้เจ้าหยางหมิงดูแลเฟยอวี่ กรุ๊ปต่อไปนั้นแหละ”
เซียนเชียนระเบิดหัวเราะอย่างสนุกสนาน และหันไปทางจ้าวเฉียนพร้อมถามว่า
“โทษที โทษที นานๆทีคนแก่จะเจอกันก็แบบนี้แหละ เจ้าหนุ่มวันนี้มาสนุกทั้งทีอย่ามีเรื่องกันเลย อย่างน้อยก็เห็นแก่หน้าซียนเชียงคนนี้หน่อยเนอะ?”
จ้าวเฉียนยกมือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋าอีกครั้ง ท่าทางการแสดงออกดูหยาบกระด้างอย่างยิ่ง เล่นเอาบรรยายกาศภายในงานกลับมาตึงเครียดอีกระลอกในทันใด

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

เนื้อเรื่องย่อ จ้าวเฉียน อายุ23ปี พนักงานกินเงินเดือนธรรมดา รายได้เดือนละแค่5,000หยวน ทุกคนในบริษัทต่างดูถูกดูแคลนเขา เพราะเจ้านี่ขี้เหนียวเหลือเกิน แม้แต่แฟนเก่ายังทนเขาไม่ไหว และหันมาแอบคบชู้กับผู้จัดการของเขาแทน จนเวลาผ่านไปเขาเพิ่งมารู้ความจริง อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ชวนน่าตกตะลึงกว่าคือ ตัวตนที่ที่แท้จริงของเขาคือทายาทมหาเศรษฐี บุตรชายของจ้าวฝู บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ฉลองปาร์ตี้ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็ขับรถกลับทั้งๆที่อยู่ในอาการเมา จนแล้วจนรอด บังเอิญไปเฉี่ยวชนเข้ากับสาวน้อยคนหนึ่ง จนเธอได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ขาดสติหนัก เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้น ตะโกนโหวกเหวกโวยวายสร้างปัญหาไปทั่วสถานีตำรวจ ระหว่างนั้นเองก็มีมือดีที่ไหนไทม่ทราบแอบถ่ายคลิปเก็บไว้ได้ทัน พร้อมถูกอัปโหลดลงโซเชียลออนไลน์ ก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อฉกเถียงยกใหญ่ของผู้คนในเวลานั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็กระทบไปถึงชื่อเสียงขงอตระกูล จ้าวฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้อำนาจเงินตรา เพื่อไล่ลบคลิปวีดีโอเหล่านี้จนหมด ไม่ให้สืบสาวไปถึงตัวลูกชายของเขา คนเป็นพ่อใช้ไม้แข็งตัดขาดจ้าวเฉียน ไล่ไสส่งออกจากตระกูลจ้าว และให้จ้าวเฉียนหาเงินมาชดใช้ค่ารักษาสาวน้อยคนนั้นเป็นจำนวน 200,000หยวน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ถึงจะกลับเข้ามาในตระกูลอีกครั้งได้ ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จ้าวเฉียนจำต้องทนกับความอัปยศนานาชนิด ทั้งยังต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด จนในที่สุดเขาก็จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจนควบตามที่กำหนดไว้ เขาได้ทุกอย่างคืนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งแรกที่เขาต้องการคือ การแก้แค้นพวกที่เคยดูถูกเขา! “ประธานฟาง ฉันยินดีร่วมหุ้นกับบริษัทของคุณเป็นจำนวนเงิน3ล้านหยวน โดยมีเงื่อนไขว่า คุณไม่ได้รับอนญาตให้เปิดเผยสถานะที่แท้จริงของผม ไม่อย่างนั้นผมจะถอนทุนทั้งหมดออกทันที” “เข้าใจแล้วค่ะคุณจ้าว” “ฮิฮิ….ตราบใดที่เข้าใจแล้ว ก็ทำให้ได้ แล้วคุณรู้ไหมว่า ผู้จัดการหวัง เจ้านั้นมันต้องการขับไล่ผมออกจากบริษัท คิดว่าผมควรทำยังไงดี?” “ง่ายมากค่ะ! ฉันจะไล่เขาออกเดี๋ยวนี้!” “ไม่ ไม่… ผมยังเล่นกับเขาไม่จุใจเลย จะไล่ออกไปง่ายๆได้ยังไง?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset