ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 35 ถามจ้าวเฉียน

ตอนที่35 ถามจ้าวเฉียน
ประโยคที่เจวียงหยวนหลุดปากพูดออกมา ทั้งหยวนมี่และฟางนี่ต่างได้ยินเต็มสองหู อย่างไรเสีย หยวนมี่เธอมีประสบการณ์การทำงานมาไม่น้อย สังคมออฟฟิศแบบนี้ย่อมเคยชินดี พอได้เห็นสถานการณ์แบบนี้ก็รู้ทันทีว่า จ้าวเฉียนต้องมีความขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงานคนนี้แน่นอน เธอจึงถือโอกาสช่วยเจ้านายทางอ้อม
“ประธานฟาง พนักงานของคุณดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจกับบริษัทของฉันเท่าไหร่นะ หรือทางเราไม่สมควรร่วมมือกันดีกว่า?”
ฟางนี่หน้าถอดสีฉับพลันเมื่อได้ยิน เธอรีบเอ่ยปากขอโทษทันทีพร้อมรอยยิ้มว่า
“คุณหยวนมี่ โปรดอย่าได้เข้าใจผิดไป พนักงานพวกนี้ไม่ได้รู้เรื่องวงในอะไรด้วยเลย จึงปากพล่อยพูดจาส่งเดช เจวียงหยวน แกมาหาฉันเดี๋ยวนี้! รู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกไป? รีบขอโทษคุณหยวนมี่เดี๋ยวนี้!”
เจวียงหยวนรีบวิ่งไปขอโทษทันทีว่า
“คุณหยวนมี่ ผมปากไม่ดีเองครับ ผมไม่ได้หมายความอย่างงั้น…”
หยวนมี่ปั้นสีหน้าไม่สู้ดีนักและเอ่ยถามไปว่า
“แล้วบริษัทห่วยๆ ที่ว่า มันหมายความว่ายังไงเหรอค่ะ? หรือฉันเข้าใจอะไรผิดไปที่มองบริษัทนี้ในแง่ดีเกินไป?”
เจวียงหยวนตกใจอย่างมาก เขารีบส่ายหัวขอโทษขอโผยไม่หยุด เขาแค่ปากพล่อยพูดจาไม่เป็นภาษา แต่ในความเป็นจริงไม่ได้มีเจตนาร้ายว่ากล่าวบริษัทคู่ค้าใดๆ
“หึ! บริษัทของฉันคงไม่ดีจริงๆ แต่ไม่เป็นไร ฮ่าฮ่า…คุณฟาง สัญญาที่เซ็นไว้ก่อนหน้า ฉันสามารถฉีกตอนนี้เลยก็ได้ คงไม่จำเป็นต้องร่วมมือกับคุณแล้ว”
ฟางนี่ได้ยินแบบนั้น เธอก็รีบเอ่ยปากขอโทษโดยเร็วว่า
“อย่า อย่า อย่าเลยนะคะ ฉันจะต้องพัฒนาเกมจนเป็นที่น่าพอใจต่อผู้เล่นทุกคนแน่นอน ดังนั้นอย่าพึ่งโมโหไปเลยนะคะ เจวียงหยวน! แกยังไม่รีบขอโทษคุณหยวนมี่อีกเหรอ!? หากแกไม่สามารถทำให้เธออารมณ์ดีขึ้นได้ ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่!”
เจวียงหยวนตอบกลับทันทีว่า
“ประธานฟาง ผมขอโทษ แต่คุณก็เห็นไม่ใช่เหรอ เธอไม่สนใจฟังผมด้วยซ้ำ…”
หยวนมี่เค้นเสียงเย็นคำโตพร้อมหมุนตัวจากไปทันที ระหว่างเดินกลับเธอก็หยิบสัญญาขึ้นมาฉีกและโยนทิ้งไปทันที ขนาดฟางนี่ที่เป็นหัวหน้าของคนพวกนี้ยังไม่สามารถคุมอยู่ แล้วบริษัทนี้ยังเหลือความน่าเชื่อถืออะไรอีก?
ฟางนี่รีบวิ่งติดตามเธอไปเพื่อขอโทษ แต่ท่าทีของหยวนมี่เองก็ยืนยันหนักแน่นเช่นกัน เธอไม่ได้สนใจคำขอโทษของฟางนี่เลยแม้แต่น้อย เมื่อเห็นฟยวนมี่ขึ้นรถจากออกไป ฟางนี่ก็รีบวิ่งกลับมาในออฟฟิศด้วยความโกรธจัด
“เจวียงหยวน! นี่แกอยากตายนักใช่ไหม!! เห็นสัญญาที่ถูกทิ้งอยู่บนพื้นไหม? แกลองแหกตาดูสิว่า บริษัทเราได้กำไรจากโปรเจกนี้กี่สิบล้านหยวน! แต่แกกลับทำให้กำไรพวกนั้นหายวับไปกันตา!!!”
ฟางนี่ตะคอกเสียงดังเดินมาแต่ไกลด้วยความหงุดหงิด เธอสบถด่าเจวียงหยวนไม่ยั้งปาก และเมื่อทุกคนได้ยินว่า บริษัทต้องสูญเสียกำไรไปกว่าหลายสิบล้าน แต่ละคนต่างตกใจอย่างมาก
จ้าวเฉียนอุตส่าห์ไปหาลูกค้ารายใหญ่พร้อมโปรเจกทำเงินมาได้ แต่สุดท้ายทั้งหมดกลับสูญเปล่าเพียงเพราะขี้ปากใครบางคน
แล้วตอนนี้ควรทำยังไงต่อ? เจวียงหยวนทำให้คู่ค้าของบริษัทขุ่นเคืองเพียงคำพูดแค่ประโยคเดียว กำไรหลายสิบล้านหายวับไปกับตา
ในขณะเดียวกัน หวังเฉียงกับเจียงเสี่ยวปิงที่ได้ยินเสียงโหวกเหวกดัง ก็รีบออกมาจากห้องทำงานพร้อมเอ่ยถามว่าเกิดอะรกันขึ้น ทุกคนรีบแห่กันบ่นเรื่องของเจวียงหยวนทันที
“ผู้จัดการหวัง เจวียงหยวนมันปากหมา พูดจาแย่ๆ ใส่คู่ค้าจนอีกฝ่ายโกรธมาก ทั้งๆ ที่เพิ่งเซ็นสัญญาความร่วมมือกันได้ แต่ตอนนี้กลับถูกฉีกต่อหน้าต่อตา ประธานฟางบอกว่า โปรเจกนี้ทำกำไรให้บริษัทเราตั้งหลายสิบล้าน แต่ตอนนี้มันหายวับไปกันตาแล้ว”
“แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่เป็นรึไง? เพราะความเห็นแก่ตัวของเจวียงหยวนคนเดียว จึงทำให้บริษัทเราสูญเสียกำไรไปกว่าหลายสิบล้าน จ้าวเฉียนพยายามแทบตากว่าจะดิลกับคู่ค้าใหญ่ได้ในชั่วข้ามคืน แล้วดูตอนนี้สิ? มีไอ้โง่บางคนพาให้ทุกคนชิบหายกันไปหมด!!”
ทุกคนต่างเอ่ยปากบ่นเรื่องของเจวียงหยวนกับหวังเฉียง และนี่มันน่าอายเกินกว่าจะช่วยเอ่ยปากแก้ตัวแทนเจวียงหยวนได้อีกแล้ว
“เจวียงหยวน ทำไมแกถึงไม่รู้เลยว่าเรื่องไหนควรไม่ควร เราก็ไม่ใช่เด็กๆ กันแล้ว ทำตัวให้รู้ภาษาหน่อย สัญญาความร่วมมือถูกฉีกไปแล้ว แกมีปัญญารับผิดชอบไหม?”
แต่ในขณะเดียวกัน เจียงเสี่ยวปิงยิ่งครุ่นคิดเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจมากขึ้นเท่านั้น ต่อให้สัญญาที่ถูกฉีกอยู่ตรงหน้าจะเป็นของจริง แต่เธอก็เลือกที่จะไม่เชื่ออยู่ดี และมองว่านี่เป็นแผนการของจ้าวเฉียน
เธอตรงไปกระซิบกับหวังเฉียงเล็กน้อย เขาที่ได้ฟังแบบนั้นก็คิดอะไรออก พร้อมตั้งสมมุติฐานขึ้นมาในทันทีว่า
“ชื่อบริษัทคู่ค้านี้ฉันไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อนเลย จ้าวเฉียน ไม่ใช่ว่านายจ้างคนมาและปลอมเป็นคู่ค้ามาเซ็นสัญญากับประธานฟาง? นี่นายกำลังเล่นละครตบหน้าพวกเราอยู่หรือเปล่า? เพราะนายรู้อยู่แล้วว่า ทันทีที่เจวียงหยวนเห็นสัญญา เขาจะไม่พอใจอย่างมากจนพูดจาออกมาโดยไม่ทันระวัง? เมื่อคู่ค้าตัวปลอมที่นายจ้างมาได้ยินเข้า จึงฉีกสัญญาเพื่อยุติเรื่องทั้งหมด และนายที่เล่นเดิมพันก็จะเป็นฝ่ายชนะทันที? นี่นายแสดงตบตา หลอกลวงทุกคน เพื่อเอาชนะเดิมพันเท่านั้นเหรอ? นี่แกไม่สนใจเลยใช่ไหมว่าบริษัทของเราจะเป็นยังไง?”
เมื่อเจวียงหยวนได้ยินแบบนั้น ดวงตาคู่นั้นก็สว่างขึ้นมาทันที ใช่แล้ว! นี่มีความเป็นไปได้สูงมาก! มิฉะนั้นด้วยความสามารถของจ้าวเฉียนเพียงลำพัง จะสามารถดิลกับบริษัทยักษ์ใหญ่ในชั่วข้ามคืนได้ยังไง?
ในเวลานั้นเอง เจวียงเสี่ยวปิงเหลือบตามองจ้าวเฉียนอย่างดูถูกดูแคลนและกล่าวขึ้นว่า
“ฉันเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ถ้าเขามีความสามารถขนาดนั้นจริง ก่อนหน้านี้คงทำผลงาน ไปดิลกับบริษัทยักษ์ใหญ่มาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว และฉันคงไม่เลิกกับเขาหรอกจริงไหม? แต่ที่ฉันเลิกเพราะมันไร้น้ำยา! จ้าวเฉียน คนอย่างนายมันน่ารังเกียจสิ้นดี รอบนี้จ่ายอีกฝ่ายมีเท่าไหร่ล่ะ? เงินรางวัลที่ถูกล็อตเตอรี่มายังไม่หมดอีกเหรอ?”
จ้าวเฉียนยังคงไม่เอ่ยปากอธิบายอันใด แต่เดินกลับไปยังโต๊ะทำงานพร้อมรอยยิ้ม บรรดาเพื่อนร่วมงานต่างเข้ารุมล้อมและขอให้จ้าวเฉียนอธิบายเรื่องทั้งหมดมาว่า นี่เป็นเรื่องจริงหรือไม่
ฟางนี่ที่เห็นสถานการณ์กลับกลายมาเป็นแบบนี้ เธอยิ่งโกรธจัดเข้าไปใหญ่และตะคอกเสียงดังว่า
“พวกแกยังไม่สำนึกกันอีกรึไง! มียางอายกันบ้างรึเปล่า? เจวียงหยวน ทั้งๆ ที่ตัวเองทำผิดขนาดนี้ แต่ยังหน้าไม่อายโทษคนอื่น! ฉันมีทางเลือกให้แกสองข้อ หนึ่ง ไปหาวิธีให้อีกฝ่ายกลับมาร่วมมือให้ได้ หรือสอง เจอกันที่ศาล! ส่วนพวกแกก็เหมือนกัน เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว คิดได้ยังไงว่าจ้าวเฉียนโกหก ยังมีสมองกันอยู่หรือเปล่า?”
หวังเฉียงได้แต่ก้มหน้าเงียบ ไม่กล่าพูดค้านอะไรขึ้นมาเพราะกลัวเดือดร้อนมาถึงตัวเอง
เจวียงหยวนรีบขอโทษฟางนี่และทุกคนโดยเร็ว
“ประธานฟาง ทุกคน… ผมต้องขอโทษจริงๆ ทุกอย่างเป็นความผิดของผมเอง แต่ผมไม่ได้มีเจตนาทำให้บริษัทสูญเสียแบบนี้…ผมไม่ได้คาดหวังให้เรื่องเป็นแบบนี้เลย ผมขอโทษ…”
เวลานี้มันเปล่าประโยชน์แล้วที่จะพูดขอโทษ ฟางนี่โกรธเป็นฝืนเป็นไฟ และเป็นไปไม่ได้เช่นกันที่เหล่าเพื่อนร่วมงานจะยกโทษให้เขาง่ายๆ
“เจวียงหยวน แกต้องรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดที่ก่อขึ้น ไปทำยังไงก็ได้ ให้อีกฝ่ายกลับมาร่วมมือกันเรา!”
“ถูกต้อง! บริษัทเราสูญเสียกำไรนับหลายสิบล้าน ซึ่งหมายความได้ว่า เงินเดือนและเงินโบนัสในปีนี้ของเราที่ควรจะเพิ่มขึ้น กลับต้องฝันสลายไปต่อหน้าต่อตา! จำไว้ ทั้งหมดเป็นความผิดของแกคนเดียว!”
“ใช่! ครั้งที่แล้วก็อยากแกล้งจ้าวเฉียนจนทำให้บริษัทซิงหยวนเดือบยกเลิกความร่วมมือไป ครั้งนี้ยังจะทำเรื่องอีก! แกนี่มันตัวปัญหาชัดๆ!”
เจวียงหยวนรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก แต่ถึงอย่างไร หยวนมี่กลับไม่คิดที่จะรับฟังคำขอโทษของเขาแม้สักนิด เขาไม่มีทางที่จะติดต่อคู่ค้าได้เร็วแบบจ้าวเฉียนแน่นอน
“จ้าวเฉียน ถ้านายสามารถทำให้คู่ค้ากลับมาร่วมมือได้ ฉันสัญญาว่าจะหอนดังๆ แล้วก็ขอโทษนายต่อหน้าทุกคน ว่ายังไง?”
จ้าวเฉียนนั่งจิบกาแฟอย่างใจเย็น พอได้ยินแบบนั้นก็ขำเล็กน้อยและตอบไปว่า
“เดิมพันเก่ายังไม่ทันทำตามสัญญา ยังมีหน้ามาเดิมพันใหม่? พอมีปัญญาก็โยนให้ฉันอีกแล้ว ไม่ละอายบ้างรึไง?”
“ฉัน..เอ่อ…”
เจวียงหยวนถึงกับพูดไม่ออก เพราะทุกคนต่างเป็นพยานรู้เห็นการเดิมพันระหว่างสองคนนี้ และเขาไม่สามารถปัดปัญหาทิ้งไปได้ แต่ถ้าเขาต้องมาหอนต่อหน้าทุกคน เขายังจะมีหน้ามาทำงานที่นี่ต่อในอนาคตได้อย่างไร?
เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ เห็นว่า จ้าวเฉียนกำลังร้องขอให้เจวียงหยวนทำตามสัญญา ทุกคนก็พลันคิดไปว่า หากเจวียงหยวนทำตามสัญญา บางทีจ้าวเฉียนอาจยื่นมือมาช่วยเหลืออีกครั้ง ท้ายที่สุดนี้ นี่เป็นถึงกำไรจำนวนหลายสิบล้าน ถ้ากู้ความร่วมมือกลับมาได้ แต่ละคนก็สามารถการันตีโบนัสที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลได้เลย ดังนั้นแล้ว เจวียงหยวนเหลืออยู่ทางเลือกเดียวคือ ทำตามสัญญาที่เดิมพันไว้ เพื่อให้จ้าวเฉียนยื่นมือช่วยเหลืออีกครั้ง
“เจวียงหยวน ทุกคนก็โตๆ กันหมดแล้ว ในเมื่อทั้งสองฝ่ายเต็มใจที่จะเดิมพัน พอแพ้แล้วก็ต้องทำตามสัญญาจริงไหม?”
“แค่นี้ยังทำไม่ได้ ต่อไปก็คุมปี๊บมาทำงานเถอะ คงไม่มีใครอยากเห็นหน้าไอ้ตัวปัญญาอย่างแกอีกแล้ว”
“รีบๆ หอนเถอะ จ้าวเฉียนยังมีงานอีกเยอะที่ต้องสะสาง แล้วอีกอย่าง ไม่มีใครเขามาสนใจแกหรอก ไม่สิ…ไม่มีใครสนใจหน้าแกนานแล้ว”
คำพูดถ่มถุยของทุกคนยิ่งทำให้เจวียงหยวนรู้สึกหดหู่เข้าไปใหญ่ แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ไม่คิดที่จะหอนต่อหน้าทุกคนอยู่ดี นี่มันน่าอายเกินไป ความหวังเดียวที่เหลืออยู่ของเขาคือ หวังเฉียง ตราบใดที่หวังเฉียงเต็มใจช่วย บางทีเขาอาจจะไม่ต้องหอนเป็นหมา
“ผู้จัดการหวัง…”
“อย่ามาถามฉัน เรื่องนี้แกกับจ้าวเฉียนเดิมพันกันเอง และฉันก็ไม่ได้มีส่วนร่วมใดๆ ด้วยเลย แล้วครั้งนี้ฉันเองก็คิดแบบเดียวกับทุกคน รีบขอโทษให้เรื่องมันจบๆ เร็วเถอะ”
เจวียงหยวนที่ได้ยินแบบนั้นก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง และสบถด่าไปคำหนึ่งว่า ไอ้หวังเฉียง แกมันหน้าด้าน ปรากฏว่าเป็นหวังเฉียงนี่แหละที่เป็นคนชักชวนให้เขาไปเดิมพันกับจ้าวเฉียน แล้วตอนนี้กลับแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ไปว่า ตัวเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง นี่มันจะหน้าด้านไร้ยางอายเกินไปแล้ว!

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

เนื้อเรื่องย่อ จ้าวเฉียน อายุ23ปี พนักงานกินเงินเดือนธรรมดา รายได้เดือนละแค่5,000หยวน ทุกคนในบริษัทต่างดูถูกดูแคลนเขา เพราะเจ้านี่ขี้เหนียวเหลือเกิน แม้แต่แฟนเก่ายังทนเขาไม่ไหว และหันมาแอบคบชู้กับผู้จัดการของเขาแทน จนเวลาผ่านไปเขาเพิ่งมารู้ความจริง อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ชวนน่าตกตะลึงกว่าคือ ตัวตนที่ที่แท้จริงของเขาคือทายาทมหาเศรษฐี บุตรชายของจ้าวฝู บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ฉลองปาร์ตี้ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็ขับรถกลับทั้งๆที่อยู่ในอาการเมา จนแล้วจนรอด บังเอิญไปเฉี่ยวชนเข้ากับสาวน้อยคนหนึ่ง จนเธอได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ขาดสติหนัก เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้น ตะโกนโหวกเหวกโวยวายสร้างปัญหาไปทั่วสถานีตำรวจ ระหว่างนั้นเองก็มีมือดีที่ไหนไทม่ทราบแอบถ่ายคลิปเก็บไว้ได้ทัน พร้อมถูกอัปโหลดลงโซเชียลออนไลน์ ก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อฉกเถียงยกใหญ่ของผู้คนในเวลานั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็กระทบไปถึงชื่อเสียงขงอตระกูล จ้าวฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้อำนาจเงินตรา เพื่อไล่ลบคลิปวีดีโอเหล่านี้จนหมด ไม่ให้สืบสาวไปถึงตัวลูกชายของเขา คนเป็นพ่อใช้ไม้แข็งตัดขาดจ้าวเฉียน ไล่ไสส่งออกจากตระกูลจ้าว และให้จ้าวเฉียนหาเงินมาชดใช้ค่ารักษาสาวน้อยคนนั้นเป็นจำนวน 200,000หยวน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ถึงจะกลับเข้ามาในตระกูลอีกครั้งได้ ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จ้าวเฉียนจำต้องทนกับความอัปยศนานาชนิด ทั้งยังต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด จนในที่สุดเขาก็จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจนควบตามที่กำหนดไว้ เขาได้ทุกอย่างคืนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งแรกที่เขาต้องการคือ การแก้แค้นพวกที่เคยดูถูกเขา! “ประธานฟาง ฉันยินดีร่วมหุ้นกับบริษัทของคุณเป็นจำนวนเงิน3ล้านหยวน โดยมีเงื่อนไขว่า คุณไม่ได้รับอนญาตให้เปิดเผยสถานะที่แท้จริงของผม ไม่อย่างนั้นผมจะถอนทุนทั้งหมดออกทันที” “เข้าใจแล้วค่ะคุณจ้าว” “ฮิฮิ….ตราบใดที่เข้าใจแล้ว ก็ทำให้ได้ แล้วคุณรู้ไหมว่า ผู้จัดการหวัง เจ้านั้นมันต้องการขับไล่ผมออกจากบริษัท คิดว่าผมควรทำยังไงดี?” “ง่ายมากค่ะ! ฉันจะไล่เขาออกเดี๋ยวนี้!” “ไม่ ไม่… ผมยังเล่นกับเขาไม่จุใจเลย จะไล่ออกไปง่ายๆได้ยังไง?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset