ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 55 ขอให้ทั้งคู่มีความทรงจำที่แสนตราตรึง

ตอนที่55 ขอให้ทั้งคู่มีความทรงจำที่แสนตราตรึง
หวังเฉียงกำลังดื่มชาอย่างสุขใจอยู่ในห้องเก็บอุปกรณ์ รอให้หยางหมิงมาคิดบัญชีกับจ้าวเฉียน
เจียงเสี่ยวปิงก็เอ่ยเชียร์อยู่เช่นกัน เมื่อคืนหยางหมิงจัดเธอซะยกใหญ่ พร้อมทั้งให้สัญญาด้วยว่า พรุ่งนี้จ้าวเฉียนถึงฆาตแน่นอน
หลังจากผ่านไปได้ครึ่งชั่วโมง หยางหมิงก็พาพนักงานแผนกพัฒนาของบริษัทเฟยอวี่มาสองสามคน ดูแล้วน่าจะเป็นวิศวกรสายไอทีโดยเฉพาะ มาที่นี่เพื่อตรวจสอบงาน
หวันชวนรู้สึกผิดอย่างมาก จึงรีบวิ่งไปประจบอีกฝ่ายทันที
“นายน้อยหยางเดินทางมาที่นี่ท่าจะเหนื่อย ผมจะพาคุญไปห้องประชุมเพื่อนั่งพักผ่อนก่อนสักนิด”
ทว่าจุดประสงค์ของหยางหมิงก็ชัดเจนมาก เขามาที่นี่เพื่อก่อปัญหา ไม่ใช่มานั่งพักผ่อน
“ไม่! รีบไปเรียกจ้าวเฉียนมาหาฉันเดี๋ยวนี้! ฉันพาผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบความคืบหน้าของโปรเจค!”
ในเวลานั้นเอง สุ้มเสียงของจ้าวเฉียนก็ดังขึ้น
“อ้าว…นายน้อยหยางมาเร็วใช่เล่นนะครับ คงไฟแรงน่าดู เพิ่งผ่านไปได้ไม่กี่วันก็รีบส่งคนมาตรวจสอบความคืบหน้าแล้ว”
หยางหมิงยิ้มเยาะ สวนตอบไปว่า
“แน่นอน ฉันมีหน้าที่รับผิดชอบโปรเจคนี้ แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ? แก้ไขกันไปถึงไหนแล้ว? ถึงไม่มีอะไรคืบหน้าเลย ก็อย่าหาว่าฉันไม่สุภาพ!”
หวันซวนเหงื่อรินไหลทั่วหน้าผาก มือทั้งสองข้างสั่นเทาโดยมิตั้งใจ เขาได้รับหน้าที่ให้มารับผิดชอบควบคุมงาน หากมีอะไรผิดพลาด เขาไม่เหลือดีแน่นอน
สีหน้าจ้าวเฉียนยังคงปราศจากความกังวลใดๆ เขาเดินตรงไปหาหยางหมิงพร้อมกระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงแสนแผ่วเบาว่า
“นายน้อยหยาง พวกเราไปคุยกันสองต่อสองดีกว่าไหม?”
หยางหมิงปฏิเสธอีกฝ่ายกลับทันทีพร้อมตะคอกใส่ว่า
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับแกสองต่อสอง! ฉันมาที่นี่เพื่อตรวจสอบความคืบหน้า อย่ามาเล่นเล่นลิ้นกับฉัน!”
จ้าวเฉียนเอ่ยกระซิบเสียงทุ้มต่ำข้างใบหูอีกฝ่ายต่อว่า
“ฉันคิดว่าเราไปคุยกันในห้องกันแบบสองต่อสองดีกว่านะ พอดี…ฉันได้ดูคลิปในห้องน้ำโรงแรมเอ็มเพอร์เรอร์หมดแล้ว แฮ่ม…เร้าใจกันเชียว!  ฮิฮิ…อยากรู้ไหมล่ะว่าฉันเห็นอะไร?”
พอหยางหมิงได้ยินคำว่า คลิปในห้องน้ำโรงแรมเอ็มเพอร์เรอร์ เขาก็วิตกในทันใด ลังเลใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะรีบพยักหน้าตอบตกลงทันที และเดินเข้าไปคุยกับจ้าวเฉียนในห้องประชุมตามลำพัง
จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะเยาะอย่างสบายจิตสบายใจ ก่อนจะเปิดประตูห้องประชุมลง
หยางหมิงรู้สึกหวาดวิตกยิ่งยวดในตอนนี้ เขาเอ่ยถามเสียงต่ำกับอีกฝ่ายไปว่า
“เมื่อคืนแกเห็นอะไร?”
จ้าวเฉียนไม่ได้ปริปากตอบใดๆทั้งสิ้น แต่เปิดคลิปวีดีโอสั้นๆให้หยางหมิงดูทันที พอเห็นแบบนั้นหยางหมิงสะดุ้งโหย่ง รีบปัดมือถือในมือจ้าวเฉียนทิ้งทันที และกล่าวว่า
“มึงกล้าสะกดรอยตามกูเหรอ?!”
“โถ โถ โถ…นายน้อยหยาง คุณต้องใจเย็นกว่านี้นะ แม้มือถือของผมจะไม่ได้มีค่าอะไรมากมาย แต่ข้อมูลภายในเครื่องกลับมีค่าหาประเมินไม่เลย ถ้าจงใจทำลายมันแบบนี้ ฉันอาจจะพลั้งมือทำอะไรไม่คาดฝันออกไปก็เป็นได้น๊า… โอ๊ะ? ไม่ต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้น ฉันยังสำรองข้อมูลพวกนี้ไว้อีกเพียบ ไม่ต้องห่วง นายน้อยหยางไม่มีวันทำลายหมดแน่นอน เรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว นายน้อยหยางก็คงจะรู้แล้วใช่ไหมว่า…ทำไมเจียงเสี่ยวปิงกับหวังเฉียง จู่ๆก็ตีสนิทคุณขึ้นมา?”
หยางหมิง‘รู้ตัว’ในทันทีว่าทั้งหมดที่ผ่านมา ล้วนเป็นแผนสมคบคิดระหว่างจ้าวเฉียน หวังเฉียงและเจียงเสี่ยวปิง ทุกคนต่างรวมหัวกันหลอกเขา! โดยเจตนาแสร้งทำเป็นพวกเดียวกันเพื่อที่จะได้รับความไว้วางใจจากเขา และก็ใช้ความงามของเจียงเสี่ยวปิงให้เป็นประโยชน์ หาโอกาสสร้างหลักฐานแบล็คเมล์
พอหยางหมิง‘ประติประต่อ’เรื่องทั้งหมดได้ดังนั้น ก็พลันโกรธจัดตบต้นขาตัวเองดังฉะใหญ่ อย่างไรก็ตามแต่ เขายังไม่ยอมให้ทุกอย่างมันจบลงแบบนี้แน่ ไม่นานเขาก็สงบสติลงและยิ้มเยาะกล่าวกับจ้าวเฉียนว่า
“ถ้าแกยังเก็บคลิปวีดีโอพวกนี้อยู่กับตัว ฉันจะโทรเรียกตำรวจมาจับแก!”
โดยปกติแล้ว จ้าวเฉียนไม่เคยหวั่นต่อคำขู่ของอีกฝ่ายตั้งแต่ไหนแต่ไร เขาตอกสวนกลับไปทันทีว่า
“เอ…ฉันได้ยินมาว่า พ่อของนายน้อยหยางสุขภาพไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่ จึงคิดที่จะส่งต่อตำแหน่งประธานบริษัทให้แก่ลูกชายของเขาโดยเร็วที่สุด เฟยอวี่กำลังวางแผนเปิดตลาดสู่สากลด้วยสิ นี่มันช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญของบริษัทชัดๆ แต่จะเป็นยังไงน๊า….ถ้าลูกชายเพียงคนเดียวของเขามีข่าวฉาวขึ้นมา นายน้อยหยางลองคิดดูสิ ทันทีทีคลิปวีดีโอนี้หลุดออกไปในโลกอินเตอร์เน็ต ผลที่ตามมาจะเป็นยังไง?”
พอได้ฟังจ้าวเฉียนร่ายอธิบายดังนั้น หยางหมิงก็พลอยคิดตามจนจินตนาการออกได้ในทันที หลังจากนั้นสักครู่ใหญ่เขาก็เอ่ยถามเจือน้ำเสียงกังวลว่า
“แก…แกต้องการอะไร?”
จ้าวเฉียนก้มตัวไปหยิบมือถือขึ้นมาจากพื้นพร้อมปัดฝุ่นเล็กน้อย ก่อนจะตอบอีกฝ่ายว่า
“ฉันเองก็ไม่อยากเลวด้วยสิ เอาเป็นว่า…หลังจากนี้อย่าทำให้ฉันเดือดร้อนก็แล้วกัน ขอเตือนนายน้อยหยางหน่อยนะครับ ถ้าฉันเดือดร้อนขึ้นมา คุณจะต้องเดือดร้อนกว่าผมแน่นอน”
 หยางหมิงไม่คิดเชื่อ สวนตอบไปทันที
“งั้นฉันที่มาในวันนี้เพื่อตรวจสอบความคืบหน้าก็ถือเป็นเรื่องสมเหตุสมผล ถ้าความคืบหน้าไม่เป็นที่น่าพอใจ ฉันก็ต้องปฏิบัติตามเนื้อผ้า แต่แก…รับผิดชอบไหวไหมล่ะ?”
จ้าวเฉียนเขย่ามือถือในมือเล็กน้อย เขากล่าวตอบพร้อมรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้มว่า
“แล้วคุณคิดว่า…ตัวคุณเองจะรับผิดชอบไหวไหม?”
“แก…แกนี่มันเลือดเย็นเกินไปแล้ว! มาพูดกันตรงๆดีกว่า! ฉันต้องทำยังไงนายถึงจะลบคลิปพวกนี้ทั้งหมด?”
“มันก็คิดอยู่กับว่า คุณจะแสดงแกล้งทำเป็นร่วมมือกับหวังเฉียงและเจียงเสี่ยวปิงได้แนบเนียนขนาดไหนหลังจากนี้?”
ขณะที่กำลังพูดอยู่นั่นเอง จ้าวเฉียนก็ตรงเข้ามาจัดปกเสื้อสูทให้หยางหมิงอย่างทะนุถนอม พลางเอ่ยกล่าวต่อว่า
“คุณเองก็มีศักดิ์เป็นถึงทายาทเศรษฐีชื่อดัง อนาคตของคุณยังอีกไกล ไม่ควรมาเสียกับคนพวกนี้เลยจริงไหม?”
“เข้าใจแล้ว ฮ่าฮ่า…เจ้าพวกนั้นต้องการยืมมือฉันเพื่อสู้กับแก แต่แกก็จะยืมมือฉันเพื่อดัดหลังพวกนั้นอีกที! ตกลง! แกบอกมาก็พอว่าอยากจะแก้แค้นสองคนนั้นยังไง ฉันจะสนองให้จนกว่าแกจะพอใจเลย!”
จ้าวเฉียนครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง เขาเองก็ไม่สามารถให้คำตอบได้เช่นกันว่า ตนต้องการจะแก้แค้นยังไงกับหวังเฉียงและเจียงเสี่ยวปิง แต่เขาต้องการทำอะไรก็ได้ที่ให้ทั้งคู่ต้องจดจำไปจนวันตาย ขอชนิดที่ว่าลืมไม่ลงจนวันสุดท้ายของชีวิต ดั่งคำกล่าวที่ว่า ถ้าจะตีงูต้องตีให้ตาย ไม่อย่างนั้น พวกนั้นอาจกลับไปสมรู้ร่วมคิดกับหยางหมิง เพื่อแก้แค้นเขาคืนในอนาคต
“เรื่องนี้วานให้นายเป็นคนคิดก็แล้วกัน แต่ขอแบบให้ทั้งคู่มีความทรงจำที่ตราตรึงไปชั่วชีวิตเลย”
 หยางหมิงพยักหน้าและเดินจากไปทันที
หวันซวนและคนอื่นๆที่เห็นหยางหมิงย่างสามขุมตรงออกมา ก็รับเข้าไปทักทายทันที
“กลับกันเถอะ!”
หยางหมิงปริปากกล่าวฉุยๆออกไปเพียงสามคำ คนของเขาที่ได้ยินน้ำเสียงดังกล่าวก็ทราบโดยทันทีว่า นายน้ยอคนนี้กำลังอยู่ในอามรณ์ไหน จึงไม่กล่าวปริปากเอ่ยถามใดๆและรีบเดินติดตามออกไป
หวันซวนถูกหยางหมิงต้อนจนติดมุมขนาดนี้ มันหมายความว่ายังไง? แต่ทำไมจู่ๆคนที่ต้องการมาสร้างปัญหาถึงยอมกลับไปดื้อๆ?
เวลานั้นเอง จ้าวเฉียนก็เดินออกมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน หวันชวนรีบตรงเข้าไปทักทันทีและถามไถ่ขึ้นว่า นายไปพูดอะไรกับนายน้อยหยางกันแน่?
จ้าวเฉียนเหลือบมองไปทางเขาเล็กน้อยและพูดว่า
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่นายควรรู้ กลับไปทำงานได้แล้ว”
หวันชวนไม่กล้าตอแยใดๆอีก ทำได้เพียงกลับไปทำงานดังเดิมที่โต๊ะอย่างว่าง่าย
หลังจากนั้นไม่นาน เจียงเสี่ยวปิงก็แอบเข้ามาในห้องเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาด และพูดกับหวังเฉียงว่า
“ฉันไม่รู้ว่าจ้าวเฉียนไม่ไปคุยอะไรกับหยางหมิง จู่ๆอีกฝ่ายก็กลับไปทั้งแบบนั้นเลย!”
หวังเฉียงขมวดคิ้วแน่น เอ่ยขึ้นด้วยความแปลกใจว่า
“อะไรนะ? นี่จะเป็นไปได้ยังไง?”
เจียงเสี่ยวปิงได้แต่ส่ายหัวตอบว่า
“ฉันก็ไม่รู้ นายรีบทักไปถามหยางหมิงเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมถึงจากไปทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย?”
อันที่จริง คนที่ร้อนใจที่สุดในนาทีนี้คงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเจียงเสี่ยวปิง เมื่อคืนเธอพลีกายให้หยางหมิงเล่นอย่างเมามัน ถ้าเขาไม่ทำอะไรกับจ้าวเฉียนเลย นี่ไม่ได้หมายความว่า เธอถูกหลอกฟันไปฟรีๆหรอกเหรอ?
หวังเฉียงรีบส่งข้อความทางWeChatไปหาหยางหมิงทันที โดยถามอีกฝ่ายว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆถึงกลับลำกระทันหัน?
หยางหมิงเหลือบมองมือถือเล็กน้อยด้วยสายตาแสนเยือกเย็น ไม่กี่อึดใจเขาก็ส่งข้อความตอบกลับไปหาหวังเฉียงว่า
“เปลี่ยนแผน นายกับเจียงเสี่ยวปิงออกมาหาฉันคืนนี้ เราต้องหารือกันใหม่อีกรอบ”
หวังเฉียงเชื่อสนิทใจว่านี่ต้องเป็นความจริง จึงพิมพ์ตอบกลับไปทันทีว่า ไม่มีปัญหา
เวลาผ่านไปเพียงพริบตา พอตกกลางดึก หวังเฉียงก็พาเจียงเสี่ยวปิงไปพบหยางหมิงอีกครั้ง
เมื่อจ้าวเฉียนเห็นว่าหวังเฉียงและเจียงเสี่ยวปิงออกไปด้วยกัน แถมยังมีท่าทีรีบร้อน แสดงว่าทั้งคู่ต้องนัดเจอกับหยางหมิงแน่นอน ดังนั้นเขาจึงโทรหาหยางหู่และสั่งให้อีกฝ่ายส่งคนไปจับตาดูโดยเร็ว
ประมาณสามทุ่มเห็นจะได้ จู่ๆเจียงเสี่ยวปิงก็โทรหาจ้าวเฉียนแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ซึ่งเขาสันนิษฐานได้ในทันทีว่า หยางหมิงควรไปพูดอะไรกับเจียงเสี่ยวปิงสักอย่าง เพื่อใช้เธอให้การเจรจากกับเขา คิดได้ดังนั้นจ้าวเฉียนก็รับสาย
“จ้าวเฉียน ช่วย…ช่วยฉันด้วย! ขอร้องเถอะ…นายรีบมาช่วยฉันที…”
น้ำเสียงสั่นเครือของเจียงเสี่ยวปิง ทำเอาสีหน้าจ้าวเฉียนเปลี่ยนไปทันใด เขาตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยิน
จ้าวเฉียนมิได้ใจเสียคล้อยตามเธอ และในเย็นเอ่ยถามขึ้นว่า
“ช่วยอะไร? เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?”
“หยางหมิง…มันกระทืบหวังเฉียงเจียนตายแล้ว แถมมันยังส่งลูกน้องตามไล่ล่าฉันอีก นายต้องมาช่วยฉันนะ! ฉะ-ฉันซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำ พวกมันมีมากเกินไป ฉันต้องตายแน่ ตายแน่ๆเลย ฮือ ฮืออ….”
“ไม่ใช่ว่าเธอชอบมีอะไรกับผู้ชายในห้องน้ำอยู่แล้วเหรอ? ก็เพิ่งไปเอากับหยางหมิงมาไม่ใช่รึไง? เปลี่ยนเป็นคนอื่นบ้างจะเป็นอะไรไป? ฉันขอให้เธอมีความสุขกับชีวิตหลังจากนี้ก็แล้วกันนะ…”
เจียงเสี่ยวปิงที่ได้ยินแบบนั้นก็สะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ เสี้ยววินาทีต่อมา เธอรีบถามสวนกลับไปทันทีว่า จ้าวเฉียนรู้ได้อย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับหยางหมิง
จ้าวเฉียนไม่มีเจตนาปกปิดเช่นกัน จึงตอบไปตามตรงว่า
“ฉันสงสัยว่าเธอกับหวังเฉียงมีปัญหาแตกหักกันภายในมานานแล้ว ดังนั้นจึงวานให้คนอื่นแอบติดตามเธอและถ่ายคลิปตอนที่เธอมีอะไรกับหยางหมิงในห้องน้ำมา ฉันเซฟคลิปดังกล่าวเก็บไว้ตั้งหลายที่เลย อย่าบอกว่าฉันใจคออำมหิตเลือดเย็นล่ะ พอตัวเองเดือดร้อนก็รีบโทรหาข้อร้องให้ฉันช่วยเหลือ แต่ตอนที่แก…ทรยศฉัน แกเคยสนใจความรู้สึกอีกฝ่ายบ้างไหม?”
หลังพูดจบจ้าวเฉียนก็กดตัดสายทิ้งทันที
อย่างไรก็ตาม ยามนี้เขากลับรู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย ยังไงก็ตามแต่เจียงเสี่ยวปิงก็เคยมีอดีตที่ดีกับเขาเช่นกัน จะให้เขาใจแข็งแล้วปล่อยไปเฉยๆงั้นเหรอ?

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

เนื้อเรื่องย่อ จ้าวเฉียน อายุ23ปี พนักงานกินเงินเดือนธรรมดา รายได้เดือนละแค่5,000หยวน ทุกคนในบริษัทต่างดูถูกดูแคลนเขา เพราะเจ้านี่ขี้เหนียวเหลือเกิน แม้แต่แฟนเก่ายังทนเขาไม่ไหว และหันมาแอบคบชู้กับผู้จัดการของเขาแทน จนเวลาผ่านไปเขาเพิ่งมารู้ความจริง อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ชวนน่าตกตะลึงกว่าคือ ตัวตนที่ที่แท้จริงของเขาคือทายาทมหาเศรษฐี บุตรชายของจ้าวฝู บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ฉลองปาร์ตี้ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็ขับรถกลับทั้งๆที่อยู่ในอาการเมา จนแล้วจนรอด บังเอิญไปเฉี่ยวชนเข้ากับสาวน้อยคนหนึ่ง จนเธอได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ขาดสติหนัก เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้น ตะโกนโหวกเหวกโวยวายสร้างปัญหาไปทั่วสถานีตำรวจ ระหว่างนั้นเองก็มีมือดีที่ไหนไทม่ทราบแอบถ่ายคลิปเก็บไว้ได้ทัน พร้อมถูกอัปโหลดลงโซเชียลออนไลน์ ก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อฉกเถียงยกใหญ่ของผู้คนในเวลานั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็กระทบไปถึงชื่อเสียงขงอตระกูล จ้าวฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้อำนาจเงินตรา เพื่อไล่ลบคลิปวีดีโอเหล่านี้จนหมด ไม่ให้สืบสาวไปถึงตัวลูกชายของเขา คนเป็นพ่อใช้ไม้แข็งตัดขาดจ้าวเฉียน ไล่ไสส่งออกจากตระกูลจ้าว และให้จ้าวเฉียนหาเงินมาชดใช้ค่ารักษาสาวน้อยคนนั้นเป็นจำนวน 200,000หยวน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ถึงจะกลับเข้ามาในตระกูลอีกครั้งได้ ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จ้าวเฉียนจำต้องทนกับความอัปยศนานาชนิด ทั้งยังต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด จนในที่สุดเขาก็จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจนควบตามที่กำหนดไว้ เขาได้ทุกอย่างคืนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งแรกที่เขาต้องการคือ การแก้แค้นพวกที่เคยดูถูกเขา! “ประธานฟาง ฉันยินดีร่วมหุ้นกับบริษัทของคุณเป็นจำนวนเงิน3ล้านหยวน โดยมีเงื่อนไขว่า คุณไม่ได้รับอนญาตให้เปิดเผยสถานะที่แท้จริงของผม ไม่อย่างนั้นผมจะถอนทุนทั้งหมดออกทันที” “เข้าใจแล้วค่ะคุณจ้าว” “ฮิฮิ….ตราบใดที่เข้าใจแล้ว ก็ทำให้ได้ แล้วคุณรู้ไหมว่า ผู้จัดการหวัง เจ้านั้นมันต้องการขับไล่ผมออกจากบริษัท คิดว่าผมควรทำยังไงดี?” “ง่ายมากค่ะ! ฉันจะไล่เขาออกเดี๋ยวนี้!” “ไม่ ไม่… ผมยังเล่นกับเขาไม่จุใจเลย จะไล่ออกไปง่ายๆได้ยังไง?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset