ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 70 ขอดูหน่อยว่าใครเจ๋งกว่ากัน

ตอนที่70 ขอดูหน่อยว่าใครเจ๋งกว่ากัน
สีหน้าการแสดงออกบนใบหน้าของฟางนี่บิดเบี้ยวน่าเกลียดอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าเธออายไม่น้อย
หวังบรรเทาความลำบากใจที่เกิดขึ้น จ้าวเฉียนยิ้มและกล่าวว่า
“ดูเหมือนว่าจะถึงเวลาที่คุณจางจะใช้ความรู้ที่เรียนมาให้เป็นประโยชน์แล้ว! เป็นเรื่องดีนะครับที่มาช่วยคุณฟางบริหารจัดการบริษัทให้ดีขึ้น”
จางหยางเอ่ยตอบอย่างไม่ค่อยสนใจว่า
“เป็นเรื่องธรรมดาครับ เสี่ยวนี่กับผมได้ทะเบียนแล้วว่าบริษัทนี้ถือเป็นทรัพย์สินของครอบครัว ดังนั้นพวกเราต้องช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ เพื่อผลักดันบริษัทไปอีกขั้น”
จ้าวเฉียนชักไม่ชอบสีหน้าน้ำเสียงของจางหยางเท่าไหร่นัก และรู้สึกว่าเขาไม่จำเป็นต้องนั่งกินข้าวกับคนแบบนี้ให้เสียอารมณ์ ดังนั้นจึงหันไปพูดกับฟางนี่ว่า
“ที่คุณฟางนัดกินข้าวเพราะต้องการจะบอกแค่นี้ใช่ไหมครับ?”
ฟางนี่รับส่ายหัว กล่าวตอบทันที
“ไม่ใช่อย่างนั้น พวกเราอยากชวนคุณมารับประทานอาหารด้วยกัน เรื่องบริษัทก็แค่เรื่องรองน่ะ แต่ถึงยังไงก็ต้องขอบคุณมากที่ช่วยดูแลบริษัทตอนที่ฉันไม่อยู่”
จ้าวเฉียนส่ายหัว ตอบปฏิเสธไปว่า
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ เก็บคำชมไปเติมเต็มความหวานกับคู่ของคุณเถอะ”
หลังจากพูดจบ จ้าวเฉียนก็ลุกขึ้นและเดินจากไปทันที ฟางนี่รีบลุกขึ้นพรวดกำลังจะวิ่งไปตาม แต่กลับถูกจางหยางรั้งไว้เสียก่อน
จางหยวนกล่าวขึ้นพร้อมสีหน้าแสนหยามเหยียดว่า
“ทำไมถึงต้องไล่ตามหมอนั่นไปด้วย มันรู้ดีน่าว่าตัวเองกำลังทำอะไร อีกอย่างมันก็แค่หิ่งห้อยตัวหนึ่ง ไสหัวออกไปได้ก็ดีต่อพวกเรา”
ฟางนี่เอ่ยถามอีกฝ่ายเจือน้ำเสียงเย็นชาว่า
“จางหยาง นี่คุณหมายความว่ายังไง? คุณควรทำตัวให้มันสุภาพกว่านี้ แล้วทำไมพูดแบบนั้นกับเขา? ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่า ตอนนี้เขาคือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ดังนั้นฉันถือว่าพวกเราทำงานให้เขา!”
จางหยางระเบิดหัวเราะเยาะและพูดไปว่า
“เสี่ยวนี่ เธอมันโง่ต่างหาก ขายหุ้น51%ให้เขาในราคาแค่สามล้าน กล้าขายไปได้ยังไงราคาถูกขนาดนั้น! บริษัทยักษ์ใหญ่หลายต่อหลายแห่งมีโครงการจับมือกับบริษัทเรา การันตีกำไรที่เข้ามาไม่น้อยกว่าหมื่นล้าน แต่เธอที่ขายให้มันในราคาสามล้าน ถือเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่!”
“แต่นายก็ไม่สามารถไปดิลกับบริษัทยักษ์ใหญ่ได้แบบเขา! ที่บริษัทเราเติบโตได้ขนาดนี้ก็เพราะเขานั้นแหละ!”
“เธอนี่มันไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้นำได้เลยจริงๆ ลองคิดถึงหลักความเป็นจริงดูบ้าง พนักงานทุกคนต่างต้องแข่งกันเพื่อทำยอด ทั้งหมดก็เพื่อเงินไม่ใช่เหรอ?”
เมื่อจางหยานกล่าวออกไปแบบนั้น ฟางนี่ก็เริ่มรู้สึกเช่นกันว่า เขาเองก็มีเหตุมีผลเช่นกัน ในฐานะพนักงานบริษัทคนหนึ่ง จ้าวเฉียนก็ทำถูกแล้วที่ต้องไปดิลกับบริษัทเพื่อรับคำสั่งพัฒนาเกม หลังจากนั้นก็เป็นตัวเขาเองที่ได้รับค่าตอบแทนจำนวนมหาศาลในส่วนนี้ แต่จ้าวเฉียนกลับมอบเงินให้เธอแค่สามล้าน แลกกลับจำนวนหุ้นถึง51%
“ที่รัก ฉันเข้าใจที่คุณพูดนะ แต่สามล้านในตอนนั้นของเขาสามารถทำให้บริษัทของเราผ่านพ้นวิกฤตมาได้ ยังไงบริษัทของเราก็ติดหนี้บุญคุณเขา”
จางหยางยิ้มและเข้าสวมกอดฟางนี่ กล่าวเสียงค่อยขึ้นว่า
“ที่รักของผม ผมไม่ได้บอกให้คุณไม่ขอบคุณเขาสักหน่อย แต่ตอนนี้ถึงเวลาเปลี่ยนมือแล้ว ผมมีเพื่อนที่จะเข้ามาเป็นผู้ร่วมหุ้นแทนเขาแล้ว มาลงทุนในบริษัทนี้โดยเพิ่มฐานเงินทุน ส่วนเราแค่จ่ายปันผลให้เขาประจำปี เพื่อนของผมสัญญาว่าจะไม่แทรกแซงกิจการภายในบริษัทของเราแน่นอน ฉันจะไปคุยเรื่องราคากับเขาเอง และขอให้เพื่อนคนนี้มอบเงินสิบล้านให้กับจ้าวเฉียน ถือเป็นการซื้อหุ้น51%คืนมาภายในตัว ด้วยวิธีนี้ไม่เพียงเราจะไม่เสียเงินเลย แต่เรายังเป็นฝ่ายชนะอีกด้วย”
ฟางนี่เป็นสาวสวยในวัยสามสิบต้นๆ ในที่สุดเธอก็ได้พบกับเจ้าชายในฝันที่รอคอยมาแสนนาน ดังนั้นเธอย่อมเชื่อฟังคำพูดของเขาโดยธรรมชาติ
“ถ้าอย่างนั้น คุณก็ไปโน้มน้าวเพื่อนนั้นของคุณไป ส่วนฉันจะไปคุยกับจ้าวเฉียนเอง”
“อืม ฉันจะนัดเขาออกมาทานข้าวพรุ่งนี้ จะลองหารือเกี่ยวกับเรื่องการลงทุนเอง”
ฟางนี่ยิ้มแย้มเสมือนดอกไม้สวยที่บานสะพรั่ง จากนั้นก็ควงแขนจางหยางเดินเข้าไปในโรงแรมด้วยกัน
จ้าวเฉียนรู้สึกเศร้าใจไม่น้อยระหว่างเดินทางกลับ ไม่ใช่เพราะฟางนี่มีชายผู้จับจองหัวใจเธอ แต่การที่จางหยางต้องการเข้ามาตั้งตนเป็นศัตรูกับเขาเพื่อควบคุมอำนาจบริหารจัดการของบริษัท ผลผลิตที่เขาทำให้แก่บริษัทฟางนี่จะต้องเหี่ยวเฉาแน่นอนในไม่ช้า ทันทีที่คิดได้ดังนั้น เขาตั้งปนิธานกับตัวเองทันทีว่า จะไม่มีใครสามารถแย่งของๆ เขาไปได้!
ในเวลานั้นเองหวานเจียงโทรเข้ามาหาเขาพอดี และถามเขาไปว่าตอนนี้อยู่ไหน? สะดวกออกมาพบหรือไม่?
“ฉันกำลังเดินทางกลับบ้าน เธอดอยู่ไหน?”
หวานเจียงตอบกลับทันที
“อยู่ที่สตาร์บัคสาขาจัตุรัสกลางเมือง รีบมาให้ไวเลย”
“โอเค ฉันจะรีบไปที่นั่นภายในสิบนาที”
วางสายเสร็จสรรพ จ้าวเฉียนก็เหยียบขันเร่ง รีบไปที่สตาร์บัคทันที
สิบนาทีต่อมา จ้าวเฉียนมาพบกับหวานเจียงที่นั่งรออยู่ แต่เธอไม่ได้มาคนเดียว ข้างกายเธอยังปรากฏเป็นชายหนุ่มอายุราว30 ทั้งยังสวมแว่นกรอบหรูอีกด้วย เขาคนนี้น่าจะเป็นเพื่อนของเธอที่กลับมาจากอเมริกาแน่นอน
หวานเจียงยืนชขึ้นและแนะนำทั้งสองฝ่าย
“นี่คือหวานฮันซู เพื่อนร่วมชั้นของฉันตอนที่เรียนอยู่อเมริกาด้วยกัน ส่วนนี่คือจ้าวเฉียนที่ฉันเคยบอก พวกคุณคุยกันตามสบายเลย เดี๋ยวฉันจะไปสั่งกาแฟให้ อยากดื่มอะไรกัน?”
จ้าวเฉียนบอกเธอไปว่าสั่งอะไรมาก็ได้ตามใจเลย เขาดื่มได้หมด ส่วนทางด้านหวานฉันซูสั่งลาเต้เพิ่มช็อตกาแฟ
หวานเจียงพยักหน้าและเดินจากออกไป ในความเป็นจริงแล้วเธอไม่จำเป็นต้องออกไปสั่งการแฟด้วยตัวเอง แต่จะมีบริกรคอยจัดการให้ทุกอย่าง ที่ทำแบบนี้เพราะเธอจงใจทิ้งให้หวานฮันซูคุยดีๆ กับจ้าวเฉียน
และทันทีที่หวานเจียงเดินออกไป หวานฮันซูก็ตัดเข้าประเด็นทันที
“น้องชาย ฉันได้ยินเสี่ยวเจียงบอกว่า คุณกำลังตามสืบคนที่วางยาในจานอาหาร?”
จ้าวเฉียนพยักหน้าเอ่ยถามสวนไปว่า
“ผมเอง ที่ถามแบบนี้มีอะไรหรือเปล่าครับ? หรือไปพบใครมีท่าทีแปลกๆ เข้า?”
หวานฮั่นซูคลี่หัวเราะเสียงเบา จะขำก็ไม่เชิงจะร้องไห้ก็ไม่ใช่
“น้องชาย พวกเรามาเปิดอกพูดกันตรง ๆ เลยดีกว่า น้องชายรับเช็คใบนี้ไปแล้วไม่ต้องมายุ่งกับเสี่ยวเจียงได้ไหม?”
หลังจากพูดจบหวานฉันซูก็หยิบเช็คใบหนึ่งมาวางต่อหน้า ทว่าจ้าวไม่แม้แต่เหลือบมองด้วยซ้ำ เขารูดเช็คใบนั้นส่งกลับคืนให้อีกฝ่ายทันที
“ถ้าคุณรักเธอจริงๆ ผมเองก็พร้อมที่จะสนับสนุน แต่ถ้ารักเธอเพราะต้องการทรัพย์สมบัติรอบกายเธอ ผมคงไม่สามารถปล่อยเรื่องนี้ไปได้”
ดวงตาคู่นั้นของหวานฮันซูเย็นสะท้านลงทันใด มุมปากพลันกระตุกเล็กน้อย
“น้องชาย ทำไมชอบหาเรื่องใส่ตัวเอกนักนะ! ฉันก็สุภาพกับนายมากแล้ว ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่ากำลังทำอะไรอยู่?”
จ้าวเฉียนละสายตา พลันแสยะยิ้มฉีกกว้างเป็นคำตอบเช่นกัน ก่อนจะกล่าวว่า
“พอดีฉันไม่รู้ซะด้วยว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ แต่ก็รู้สึกว่าควรทำในสิ่งที่ควรเท่านั้น”

หวานฮันซูไม่สุภาพกับจ้าวเฉียนอีกต่อไป ตอบเสียงหวนไปว่า
“ฉันรู้ว่านายหวังและต้งอการอะไรอยู่เหมือนกัน ใครๆ ก็อยากสืบทอดบริหารฮวาหยิน กรุ๊ปต่อทั้งนั้น แต่คนที่จะเข้ามาเป็นผู้ท้าชิงก็ต้องมีความรู้ความสามารถเช่นกัน”
“เอาล่ะ หวังว่าคุณจะมีความสามารถพอนะ”
จ้าวเฉียนเหลือบมองหวานฮันซูอย่างไม่แยแสเท่าไหร่นัก ตามที่คาดไว้หยางหู่น่าจะได้ตามสืบข้อมูลของอีกฝ่ายได้ในเร็วๆ นี้ จะไม่มีการลงมือใดๆ จนกว่าจะทราบถึงภูมิกหลังอีกฝ่าย
ในเวลานี้เองหวานเจียงก็เดินกลับมา พร้อมกับบริกรที่ถือถ้วยกาแฟมาสามแก้ว
หวานฉันซูเปล่งเสียงหัวเราะดัง แสร้งทำตัวเป็นมิตรกับจ้าวเฉียนและกล่าวขึ้นว่า
“นับเป็นโอกาสที่หาได้ยาก ถ้าได้แลกเปลี่ยนความรู้กับคุณจ้าวนานกว่านี้ ผมน่าจะได้ประโยชน์อะไรมากขึ้น วันไหนว่างๆ พวกเราออกมาเจอกันหน่อยก็ดีนะครับ อยากให้คุณจ้าวมาแชร์ประสบการณ์ทางด้านธุรกิจเพิ่มเติม”
คนแบบนี้เจ้าเล่ห์เป็นที่สุด ยิ่งเห็นอีกฝ่ายเป็นแบบนี้จ้าวเฉียนยิ่งทนไม่ได้เข้าไปใหญ่ อย่างไรก็ตามด้วยนิสัยในปัจจุบันของจ้าวเฉียน คงไม่ทำตัวบ้าบอไร้หัวคิดแน่นอน ในเมื่ออีกฝ่ายสู้ด้วยเล่ห์ เขาเองก็ต้องชนด้วยเหลี่ยม
จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะอย่างสุดแสนพึงพอใจ แต่แววตาที่สาดสะท้อนออกไปยังเปี่ยมล้นด้วยความเกลียดชัง
“ผมเองก็เสียดายเช่นกันที่ตอนยังมีโอกาส ไม่เลือกออกไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ผมเองคงต้องหวังพึ่งประสบการณ์ของคุณหวานเช่นกันครับ วันไหนที่ผมว่างๆ เดี๋ยวชวนคุณออกมาดื่มกาแฟด้วยกันแน่นอนครับ ยังไงก็ขอฝากตัวด้วย”
หวานฉันซูยิ้มแย้มแสดงออกไปเป็นเพียงผิวเผิน แต่ภายในใจเขาครุ่นคิดว่า จ้าวเฉียนถือเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อไม่ใช่น้อย ทักษะการแสดงตบตาค่อนข้างยอดเยี่ยมเช่นกัน
หวานเจียงที่เห็นภาพฉากดังกล่าวก็ถึงกับตกใจ ไม่คิดเลยว่าทั้งสองจะเข้ากันได้ดีแบบนี้ ไม่ใช่ว่าพวกเขามีประเด็นกันอยู่ก่อนหน้า แล้วทำไมจู่ๆ สถานการณ์ถึงกลับกลายเป็นแบบนี้ได้?

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

เนื้อเรื่องย่อ จ้าวเฉียน อายุ23ปี พนักงานกินเงินเดือนธรรมดา รายได้เดือนละแค่5,000หยวน ทุกคนในบริษัทต่างดูถูกดูแคลนเขา เพราะเจ้านี่ขี้เหนียวเหลือเกิน แม้แต่แฟนเก่ายังทนเขาไม่ไหว และหันมาแอบคบชู้กับผู้จัดการของเขาแทน จนเวลาผ่านไปเขาเพิ่งมารู้ความจริง อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ชวนน่าตกตะลึงกว่าคือ ตัวตนที่ที่แท้จริงของเขาคือทายาทมหาเศรษฐี บุตรชายของจ้าวฝู บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ฉลองปาร์ตี้ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็ขับรถกลับทั้งๆที่อยู่ในอาการเมา จนแล้วจนรอด บังเอิญไปเฉี่ยวชนเข้ากับสาวน้อยคนหนึ่ง จนเธอได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ขาดสติหนัก เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้น ตะโกนโหวกเหวกโวยวายสร้างปัญหาไปทั่วสถานีตำรวจ ระหว่างนั้นเองก็มีมือดีที่ไหนไทม่ทราบแอบถ่ายคลิปเก็บไว้ได้ทัน พร้อมถูกอัปโหลดลงโซเชียลออนไลน์ ก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อฉกเถียงยกใหญ่ของผู้คนในเวลานั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็กระทบไปถึงชื่อเสียงขงอตระกูล จ้าวฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้อำนาจเงินตรา เพื่อไล่ลบคลิปวีดีโอเหล่านี้จนหมด ไม่ให้สืบสาวไปถึงตัวลูกชายของเขา คนเป็นพ่อใช้ไม้แข็งตัดขาดจ้าวเฉียน ไล่ไสส่งออกจากตระกูลจ้าว และให้จ้าวเฉียนหาเงินมาชดใช้ค่ารักษาสาวน้อยคนนั้นเป็นจำนวน 200,000หยวน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ถึงจะกลับเข้ามาในตระกูลอีกครั้งได้ ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จ้าวเฉียนจำต้องทนกับความอัปยศนานาชนิด ทั้งยังต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด จนในที่สุดเขาก็จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจนควบตามที่กำหนดไว้ เขาได้ทุกอย่างคืนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งแรกที่เขาต้องการคือ การแก้แค้นพวกที่เคยดูถูกเขา! “ประธานฟาง ฉันยินดีร่วมหุ้นกับบริษัทของคุณเป็นจำนวนเงิน3ล้านหยวน โดยมีเงื่อนไขว่า คุณไม่ได้รับอนญาตให้เปิดเผยสถานะที่แท้จริงของผม ไม่อย่างนั้นผมจะถอนทุนทั้งหมดออกทันที” “เข้าใจแล้วค่ะคุณจ้าว” “ฮิฮิ….ตราบใดที่เข้าใจแล้ว ก็ทำให้ได้ แล้วคุณรู้ไหมว่า ผู้จัดการหวัง เจ้านั้นมันต้องการขับไล่ผมออกจากบริษัท คิดว่าผมควรทำยังไงดี?” “ง่ายมากค่ะ! ฉันจะไล่เขาออกเดี๋ยวนี้!” “ไม่ ไม่… ผมยังเล่นกับเขาไม่จุใจเลย จะไล่ออกไปง่ายๆได้ยังไง?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset